....( วิมานหมอก )....
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑ https://pantip.com/topic/42554523
ตอนที่ ๒ https://pantip.com/topic/42556226
ตอนที่ ๓
หลังจากหญิงสาวกลับไปแล้ว เพชรช่วยพ่อเก็บชามและเช็ดโต๊ะอย่างที่เคยทำ แต่เขาทำงานอย่างใจลอย และกินก๋วยเตี๋ยวที่พ่อทำให้ไม่กี่คำ ผู้เป็นพ่อมองอยู่เหมือนกันแต่ยังไม่มีเวลาถาม จึงคิดว่าน่าจะเป็นเพราะลูกชายเพิ่งเจอเรื่องไม่ดี จึงไม่สบายใจ กระทั่งปิงกลับจากโรงเรียนและเก็บร้านเสร็จแล้ว ชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทั้งสองฟัง รวมทั้งเรื่องที่จะหลบไปหาลุงตามคำพูดที่พี่ปรางบอกมา
“เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ สรุปว่าไอ้ชิตมันไม่ปล่อยใช่ไหม”
ผู้เป็นพ่อพูดอย่างเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในใจ ชายหนุ่มเก็บเรื่องที่จะหลบไปอยู่กับหญิงสาวไว้อย่างยากเย็น แทบอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป ในที่สุดเขาทนฝืนพร้อมกับความรู้สึกผิดในใจ ที่ตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ แต่ทำให้ทุกคนกังวล
ปิงเข้ามากอดน้องชายแน่น เธอไม่เคยอยู่ห่างน้องชายนาน ๆ แต่เมื่อเขาไปอยู่กับลุงเธอก็ยังอุ่นใจ และคิดว่าอย่างน้อย น้องชายยังมีที่หลบภัย
โกตึ๋งเขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้ชายหนุ่มเก็บไว้ และสั่งว่าเมื่อพบลุงแล้ว ให้ลุงเขียนจดหมายมาบอกด้วย ก่อนจะทบทวนที่อยู่ของลุงให้ลูกชายฟังอีกครั้งหนึ่ง
ป้ายรอรถโดยสารอยู่ไม่ไกลนัก เดินไปจากร้านก๋วยเตี๋ยวไม่เกินห้านาทีก็ถึง และรถเที่ยวสุดท้ายน่าจะออกจากต้นทางมาแล้ว โกตึ๋งจึงบอกให้ลูกชายขึ้นไปเตรียมเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นในขณะปิง มองมาทำตาแดง ๆ
ชายหนุ่มกอดพ่อและพี่สาวอีกครั้งก่อนเดินออกจากบ้าน แวบหนึ่งเขาคิดจะหันกลับและบอกความจริงกับทั้งสองคน แต่กลางหลังซึ่งถูกเข่ากดและหน้าอกซึ่งยังระบมอยู่ เตือนให้เขาเร่งเท้าก้าวไปข้างหน้า และมั่นใจว่า ถ้าเขาอยู่ต่อไป จะมีผลร้ายมากกว่าผลดี
เมื่อถึงสี่แยกเขาหันมองหน้าร้านอีกครั้ง ยกมือโบกตอบพี่สาวซึ่งยืนโบกมือมา ชายหนุ่มเห็นเธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนกลับเข้าบ้านไป
เพชรถอนใจก่อนหันกลับเดินเลี้ยวไปตามทาง พลางมองช้า ๆ ถึงคนผ่านไปมา เมื่อเดินมาได้ครู่หนึ่งไม่เห็นคนรู้จัก เขาจึงเลี้ยวซ้ายอีกครั้งพร้อมกับมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง
ฟ้าเริ่มสลัว หลอดไฟบนเสาไม้ข้างทางส่งแสงเรือง ๆ ซอยเล็ก ๆ เข้าท้ายตลาดยังปลอดผู้คน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่นักท่องราตรีจะออกมาเที่ยว เขาจึงก้าวยาว ๆ ขณะใจเต้นรัว กระทั่งถึงบ้านของพี่ปรางจึงหยุดยืนสูดลมหายใจเข้ายาว มองรอบตัวท่ามกลางแสงสลัวอีกครั้ง ก่อนก้าวเข้าตัวบ้าน ที่มืดและเงียบจนวังเวง
ประตูห้องสุดท้ายเปิดกว้างออก แสงสว่างสาดออกมาไล่ความมืดไปสิ้น หญิงสาวสวมเสื้อยืดสีส้มกางเกงขาสั้นสีขาวก้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเต็มหน้า เธอก้าวมาเปิดประตูห้องติดกัน ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มออกมา
“ห้องนี้ว่างอยู่เพชร เด็กลากลับบ้านสามวัน เพชรนอนนี่ก่อน ตอนเช้าพี่จะไปฟังข่าวที่บ้านเพชรอีกที”
เขาพยักหน้ารับรู้ ขณะหญิงสาวเอื้อมมือเข้าไปกดสวิตช์ไฟและพัดลมตรงข้างประตู ภาพในห้องทำเขาใจหวิวเมื่อนึกถึงห้องนอนตัวเอง เขาไม่คุ้นกับภาพตรงหน้าและไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย ตอนนี้ไม่มีเสียงพี่สาวและเสียงพ่อที่เคยได้ยินประจำ มีแค่เสียงพัดลมเก่าจวนพังดังอยู่บนเพดาน ชายหนุ่มยืนนิ่งน้ำตาคลอเต็มสองตา นึกหาที่มาของเรื่องเลวร้าย วกไปวนมา กระทั่งเสียงประตูปิดอยู่ข้างหลังตามด้วยเสียงกุญแจคล้องกับสายยู เขาจึงก้าวช้า ๆ ไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงนอน
กลิ่นแป้งจาง ๆ ผสมกลิ่นน้ำหอมราคาถูกลอยกรุ่นรอบตัว กระจกบานย่อมตรงโต๊ะแต่งตัวเก่ามัวมองเลือนราง บนโต๊ะมีของใช้กระจุกกระจิกวางเกลื่อนอยู่ เข็มบนนาฬิกาปลุกเรือนกลมเดินเอื่อย ๆ เหมือนอ่อนแรง บนเตียงนั้น ผ้าห่มสีหม่นพับอยู่บนที่นอนซึ่งเก่าพอกัน หมอนใบเล็กขาดตรงมุมเห็นนุ่นข้างในชัด ชายหนุ่มมองไปยังห้องน้ำท้ายห้องซึ่งกว้างแค่กางแขนไม่สุดดี เสียงน้ำหยดลงโอ่งใบเล็กเป็นระยะ สลับกับเสียงเอี๊ยดแอ๊ดของพัดลมบนเพดาน ท่ามกลางความเงียบสงัดรอบตัว ทำน้ำตาเขาเอ่อออกมา
เพชรนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ด้วยใจว่างโหวง เคว้งคว้างไร้จุดหมาย คิดหาทางออกอย่างไรไม่เจอ จึงได้แต่นั่งรอเวลา และมองเข็มนาฬิกาที่ เหมือนไม่ขยับไปไหนเลย
ใกล้สองทุ่มแล้ว เสียงเด็กในบ้านพี่ปรางพูดคุยสนุกสนานลอดเข้ามาในห้อง และพอมีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาบรรยากาศตรงห้องโถงยิ่งคึกคักกว่าเดิม
ปรางแต่งตัวเสร็จแล้วและเตรียมออกไปดูแลข้างนอก เธอนึกถึงชายหนุ่มจึงเอ่ยผ่านผนังไม้บาง ๆ ซึ่งกั้นห้องอยู่ กะว่าเสียงดังพอที่ชายหนุ่มจะได้ยิน
“หิวข้าวไหมเพชร เอาอะไรไหมพี่จะออกไปทำงานแล้วนะ”
ชายหนุ่มได้ยินชัด เพราะหญิงสาวอยู่ห่างแค่ข้างฝากั้นจึงตอบกลับไปเบาๆ
“ไม่ครับพี่ ผมไม่หิว”
“ง่วงก็นอนนะ พี่จะคอยเข้ามาดู พี่ล็อกกุญแจข้างนอกไว้แล้วเพชรไม่ต้องกลัวใครเข้ามาหรอก”
“ครับ”
เมื่อชายหนุ่มตอบรับ หญิงสาวจึงหมุนตัวตรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อออกไปดูแลเด็ก ๆ และแขกที่เข้ามา
เธอนึกถึงชายหนุ่มและเรื่องที่เกิดขึ้นพลางคิดว่า ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่านี้ การแก้ปัญหาในเวลาจำกัด อีกทั้งเขาและเธอคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ส่วนทางโกตึ๋งและพี่สาวของเพชร ไม่น่าเป็นห่วงอะไร ถ้าพวกดาบชิตไปที่นั่นจริง ๆ แล้วไม่เจอเพชร คงทำอะไรไม่ได้ เพราะเป้าหมายอยู่ตรงชายหนุ่มเพียงคนเดียว
ปรางนึกแปลกใจตัวเอง ความจริงแล้วเขาและเธอไม่น่าโคจรมาพบกันได้ ด้วยการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน อีกทั้งชายหนุ่มไม่ใช่นักเที่ยวกลางคืน โอกาสจะได้เห็นหน้ากัน น่าจะเป็นตอนเธอไปร้านโกตึ๋งเท่านั้น
คิดถึงตรงนี้เธออดกังวลไม่ได้ เพราะเท่าที่เห็นมา ใครมีปัญหากับผู้รักษากฎหมาย โอกาสรอดไปมีน้อยเต็มที ถึงครั้งนี้จะยอมจ่ายให้เท่าที่เขาเรียกร้อง แต่ชีวิตต้องอยู่อย่างหวาดระแวง จะพลาดพลั้งอะไรไม่ได้เลยด้วยมีสายตาคนกระหายเงินอยู่รอบตัว
ถ้าถามเธอว่า กลัวไหมที่ออกรับแทนชายหนุ่มแบบนี้ เธอมั่นใจว่าถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ควรทำโดยไม่ต้องคำนึงถึงผลตอบแทนของตัวเอง ว่าจะส่งผลมาในทางร้ายหรือทางดี การช่วยเหลือคนคนหนึ่งให้พ้นภัย ถ้ามัวคิดถึงตัวเองเป็นใหญ่ โลกนี้คงไม่มีใครช่วยเหลือใคร และตัวเราเองก็พึ่งคนอื่นไม่ได้สักเรื่องเดียว ถ้าบังเอิญทุกคนหวาดกลัวเหมือน ๆ กัน
หญิงสาวในชุดกระโปรงสั้นสีขาวเสื้อแขนตุ๊กตาสีชมพู สะดุดตาเมื่อเดินเข้าไปยังห้องโถง แขกสี่ห้าคนที่นั่งอยู่ล้วนคุ้นเคยกับเธอ พวกเขาจึงหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง
“โห เจ้าของบ้านสวยขนาดนี้จะทำเด็กตกงานหมดนะปราง”
หญิงสาวโปรยยิ้มให้ลูกค้าประจำของบ้าน ก่อนเอ่ยออกไปขณะนั่งตรงที่ว่างบนโซฟาตรงข้ามกัน
“แหมพี่ทัดก็ จะใจดำไม่มาดูแลเด็กบ้านนี้ก็ตามใจ”
ชายชื่อทัดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนลุกขึ้นเดินตามเด็กคนหนึ่งซึ่งเข้ามาจูงมือเขาไปทางห้องนอนอย่างรู้ใจ
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ตอนนี้เด็กยังว่างอยู่สองคน ขณะนางอ้อแม่บ้านนำเงินมาส่งให้และวางสมุดตรงหน้าให้เธอเขียนลงบัญชี
ครู่ต่อมา ลูกค้าคุ้นหน้าอีกสองคนเดินเข้ามาพอดีกับเด็กที่นั่งอยู่ พวกเธอรีบวิ่งออกไปรับพร้อมกับส่งเสียงทักทายเจื้อยแจ้วด้วยความดีใจว่าวันนี้จะมีรายได้อีกหนึ่งคืน....
( มีต่อครับ )
..........วิมานหมอก........ตอนที่ ๓........@@ โดย ลุงแผน
“เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ สรุปว่าไอ้ชิตมันไม่ปล่อยใช่ไหม”
ผู้เป็นพ่อพูดอย่างเดือดดาล แต่ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในใจ ชายหนุ่มเก็บเรื่องที่จะหลบไปอยู่กับหญิงสาวไว้อย่างยากเย็น แทบอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป ในที่สุดเขาทนฝืนพร้อมกับความรู้สึกผิดในใจ ที่ตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ แต่ทำให้ทุกคนกังวล
ปิงเข้ามากอดน้องชายแน่น เธอไม่เคยอยู่ห่างน้องชายนาน ๆ แต่เมื่อเขาไปอยู่กับลุงเธอก็ยังอุ่นใจ และคิดว่าอย่างน้อย น้องชายยังมีที่หลบภัย
โกตึ๋งเขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้ชายหนุ่มเก็บไว้ และสั่งว่าเมื่อพบลุงแล้ว ให้ลุงเขียนจดหมายมาบอกด้วย ก่อนจะทบทวนที่อยู่ของลุงให้ลูกชายฟังอีกครั้งหนึ่ง
ป้ายรอรถโดยสารอยู่ไม่ไกลนัก เดินไปจากร้านก๋วยเตี๋ยวไม่เกินห้านาทีก็ถึง และรถเที่ยวสุดท้ายน่าจะออกจากต้นทางมาแล้ว โกตึ๋งจึงบอกให้ลูกชายขึ้นไปเตรียมเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นในขณะปิง มองมาทำตาแดง ๆ
ชายหนุ่มกอดพ่อและพี่สาวอีกครั้งก่อนเดินออกจากบ้าน แวบหนึ่งเขาคิดจะหันกลับและบอกความจริงกับทั้งสองคน แต่กลางหลังซึ่งถูกเข่ากดและหน้าอกซึ่งยังระบมอยู่ เตือนให้เขาเร่งเท้าก้าวไปข้างหน้า และมั่นใจว่า ถ้าเขาอยู่ต่อไป จะมีผลร้ายมากกว่าผลดี
เมื่อถึงสี่แยกเขาหันมองหน้าร้านอีกครั้ง ยกมือโบกตอบพี่สาวซึ่งยืนโบกมือมา ชายหนุ่มเห็นเธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนกลับเข้าบ้านไป
เพชรถอนใจก่อนหันกลับเดินเลี้ยวไปตามทาง พลางมองช้า ๆ ถึงคนผ่านไปมา เมื่อเดินมาได้ครู่หนึ่งไม่เห็นคนรู้จัก เขาจึงเลี้ยวซ้ายอีกครั้งพร้อมกับมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง
ฟ้าเริ่มสลัว หลอดไฟบนเสาไม้ข้างทางส่งแสงเรือง ๆ ซอยเล็ก ๆ เข้าท้ายตลาดยังปลอดผู้คน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่นักท่องราตรีจะออกมาเที่ยว เขาจึงก้าวยาว ๆ ขณะใจเต้นรัว กระทั่งถึงบ้านของพี่ปรางจึงหยุดยืนสูดลมหายใจเข้ายาว มองรอบตัวท่ามกลางแสงสลัวอีกครั้ง ก่อนก้าวเข้าตัวบ้าน ที่มืดและเงียบจนวังเวง
ประตูห้องสุดท้ายเปิดกว้างออก แสงสว่างสาดออกมาไล่ความมืดไปสิ้น หญิงสาวสวมเสื้อยืดสีส้มกางเกงขาสั้นสีขาวก้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเต็มหน้า เธอก้าวมาเปิดประตูห้องติดกัน ก่อนเอ่ยกับชายหนุ่มออกมา
“ห้องนี้ว่างอยู่เพชร เด็กลากลับบ้านสามวัน เพชรนอนนี่ก่อน ตอนเช้าพี่จะไปฟังข่าวที่บ้านเพชรอีกที”
เขาพยักหน้ารับรู้ ขณะหญิงสาวเอื้อมมือเข้าไปกดสวิตช์ไฟและพัดลมตรงข้างประตู ภาพในห้องทำเขาใจหวิวเมื่อนึกถึงห้องนอนตัวเอง เขาไม่คุ้นกับภาพตรงหน้าและไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย ตอนนี้ไม่มีเสียงพี่สาวและเสียงพ่อที่เคยได้ยินประจำ มีแค่เสียงพัดลมเก่าจวนพังดังอยู่บนเพดาน ชายหนุ่มยืนนิ่งน้ำตาคลอเต็มสองตา นึกหาที่มาของเรื่องเลวร้าย วกไปวนมา กระทั่งเสียงประตูปิดอยู่ข้างหลังตามด้วยเสียงกุญแจคล้องกับสายยู เขาจึงก้าวช้า ๆ ไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงนอน
กลิ่นแป้งจาง ๆ ผสมกลิ่นน้ำหอมราคาถูกลอยกรุ่นรอบตัว กระจกบานย่อมตรงโต๊ะแต่งตัวเก่ามัวมองเลือนราง บนโต๊ะมีของใช้กระจุกกระจิกวางเกลื่อนอยู่ เข็มบนนาฬิกาปลุกเรือนกลมเดินเอื่อย ๆ เหมือนอ่อนแรง บนเตียงนั้น ผ้าห่มสีหม่นพับอยู่บนที่นอนซึ่งเก่าพอกัน หมอนใบเล็กขาดตรงมุมเห็นนุ่นข้างในชัด ชายหนุ่มมองไปยังห้องน้ำท้ายห้องซึ่งกว้างแค่กางแขนไม่สุดดี เสียงน้ำหยดลงโอ่งใบเล็กเป็นระยะ สลับกับเสียงเอี๊ยดแอ๊ดของพัดลมบนเพดาน ท่ามกลางความเงียบสงัดรอบตัว ทำน้ำตาเขาเอ่อออกมา
เพชรนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ด้วยใจว่างโหวง เคว้งคว้างไร้จุดหมาย คิดหาทางออกอย่างไรไม่เจอ จึงได้แต่นั่งรอเวลา และมองเข็มนาฬิกาที่ เหมือนไม่ขยับไปไหนเลย
ใกล้สองทุ่มแล้ว เสียงเด็กในบ้านพี่ปรางพูดคุยสนุกสนานลอดเข้ามาในห้อง และพอมีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาบรรยากาศตรงห้องโถงยิ่งคึกคักกว่าเดิม
ปรางแต่งตัวเสร็จแล้วและเตรียมออกไปดูแลข้างนอก เธอนึกถึงชายหนุ่มจึงเอ่ยผ่านผนังไม้บาง ๆ ซึ่งกั้นห้องอยู่ กะว่าเสียงดังพอที่ชายหนุ่มจะได้ยิน
“หิวข้าวไหมเพชร เอาอะไรไหมพี่จะออกไปทำงานแล้วนะ”
ชายหนุ่มได้ยินชัด เพราะหญิงสาวอยู่ห่างแค่ข้างฝากั้นจึงตอบกลับไปเบาๆ
“ไม่ครับพี่ ผมไม่หิว”
“ง่วงก็นอนนะ พี่จะคอยเข้ามาดู พี่ล็อกกุญแจข้างนอกไว้แล้วเพชรไม่ต้องกลัวใครเข้ามาหรอก”
“ครับ”
เมื่อชายหนุ่มตอบรับ หญิงสาวจึงหมุนตัวตรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อออกไปดูแลเด็ก ๆ และแขกที่เข้ามา
เธอนึกถึงชายหนุ่มและเรื่องที่เกิดขึ้นพลางคิดว่า ไม่มีวิธีไหนดีไปกว่านี้ การแก้ปัญหาในเวลาจำกัด อีกทั้งเขาและเธอคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ส่วนทางโกตึ๋งและพี่สาวของเพชร ไม่น่าเป็นห่วงอะไร ถ้าพวกดาบชิตไปที่นั่นจริง ๆ แล้วไม่เจอเพชร คงทำอะไรไม่ได้ เพราะเป้าหมายอยู่ตรงชายหนุ่มเพียงคนเดียว
ปรางนึกแปลกใจตัวเอง ความจริงแล้วเขาและเธอไม่น่าโคจรมาพบกันได้ ด้วยการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน อีกทั้งชายหนุ่มไม่ใช่นักเที่ยวกลางคืน โอกาสจะได้เห็นหน้ากัน น่าจะเป็นตอนเธอไปร้านโกตึ๋งเท่านั้น
คิดถึงตรงนี้เธออดกังวลไม่ได้ เพราะเท่าที่เห็นมา ใครมีปัญหากับผู้รักษากฎหมาย โอกาสรอดไปมีน้อยเต็มที ถึงครั้งนี้จะยอมจ่ายให้เท่าที่เขาเรียกร้อง แต่ชีวิตต้องอยู่อย่างหวาดระแวง จะพลาดพลั้งอะไรไม่ได้เลยด้วยมีสายตาคนกระหายเงินอยู่รอบตัว
ถ้าถามเธอว่า กลัวไหมที่ออกรับแทนชายหนุ่มแบบนี้ เธอมั่นใจว่าถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ควรทำโดยไม่ต้องคำนึงถึงผลตอบแทนของตัวเอง ว่าจะส่งผลมาในทางร้ายหรือทางดี การช่วยเหลือคนคนหนึ่งให้พ้นภัย ถ้ามัวคิดถึงตัวเองเป็นใหญ่ โลกนี้คงไม่มีใครช่วยเหลือใคร และตัวเราเองก็พึ่งคนอื่นไม่ได้สักเรื่องเดียว ถ้าบังเอิญทุกคนหวาดกลัวเหมือน ๆ กัน
หญิงสาวในชุดกระโปรงสั้นสีขาวเสื้อแขนตุ๊กตาสีชมพู สะดุดตาเมื่อเดินเข้าไปยังห้องโถง แขกสี่ห้าคนที่นั่งอยู่ล้วนคุ้นเคยกับเธอ พวกเขาจึงหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง
“โห เจ้าของบ้านสวยขนาดนี้จะทำเด็กตกงานหมดนะปราง”
หญิงสาวโปรยยิ้มให้ลูกค้าประจำของบ้าน ก่อนเอ่ยออกไปขณะนั่งตรงที่ว่างบนโซฟาตรงข้ามกัน
“แหมพี่ทัดก็ จะใจดำไม่มาดูแลเด็กบ้านนี้ก็ตามใจ”
ชายชื่อทัดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนลุกขึ้นเดินตามเด็กคนหนึ่งซึ่งเข้ามาจูงมือเขาไปทางห้องนอนอย่างรู้ใจ
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ตอนนี้เด็กยังว่างอยู่สองคน ขณะนางอ้อแม่บ้านนำเงินมาส่งให้และวางสมุดตรงหน้าให้เธอเขียนลงบัญชี
ครู่ต่อมา ลูกค้าคุ้นหน้าอีกสองคนเดินเข้ามาพอดีกับเด็กที่นั่งอยู่ พวกเธอรีบวิ่งออกไปรับพร้อมกับส่งเสียงทักทายเจื้อยแจ้วด้วยความดีใจว่าวันนี้จะมีรายได้อีกหนึ่งคืน....
( มีต่อครับ )