ขอบคุณ ภาพสุดคลาสสิก จาก
https://wallpaperboat.com/
และ ขอบคุณ ฟอนต์สวย ๆ จาก
www.f0nt.com ครับผม
...... ( ปล้น...ข้ามเวลา )....
เวลา สิ่งมหัศจรรย์ซึ่งอยู่คู่จักรวาลมานาน
เวลา ไม่สามารถมีใครทำให้หยุดนิ่งได้ และได้แต่ยืนมอง เมื่อเวลาพรากทุกอย่างจากเราไป โดยที่เราไม่มีทางต่อสู้ หรือดิ้นรน
เวลาในจักรวาล เดินไปอย่างสม่ำเสมอและมั่นคง โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ และหมุนรอบตัวเองในเวลาเท่าเดิมมานับล้านปี ดวงดาวต่าง ๆ พากันโคจรไปตามเส้นทางเดิม โดยใช้เวลาเท่าเดิมมานับล้านปี เช่นเดียวกับเวลาบนโลกมนุษย์ ซึ่งหมุนเวียนไปโดยไม่มีใครหยุดยั้งได้เช่นกัน
แต่น่าแปลกใจ ที่เวลาในความรู้สึกของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทั้งที่อยู่บนโลกใบเดียวกัน และอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน เวลาของการรอคอยจะเนิ่นนาน กระทั่งมองนาฬิกา แล้วเห็นเข็มวินาทีเดินช้าเท่ากับเข็มนาที เวลาของความสุข สดชื่น และสมหวัง จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมีความรู้สึกว่า หนึ่งวัน คล้ายกับหนึ่งชั่วโมง แต่สำหรับคนที่ความตายรออยู่ข้างหน้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดนั้น ไม่มีความหมายแม้เพียงเสี้ยววินาที
ในปี
2021 นักวิทยาศาสตร์สูงวัยท่านหนึ่ง ชื่อ ดร. เอกภพ ได้ค้นพบความลับของเวลา เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ และเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบไปอย่างสิ้นเชิง การค้นพบนี้ เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ ในแล็บของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งกำลังวิจัยเกี่ยวกับ ไวรัสโคโรนา
2019
ทั้งที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับเรื่องเวลาได้ แต่เขากลับสังเกตได้จากการทำงาน ทั้งจากเจ้าหน้าที่ประจำ เจ้าหน้าที่ฝึกหัด และอาสาสมัคร ซึ่งทำงานท่ามกลางความหวั่นวิตก กังวลว่าตัวเองจะติดเชื้อร้าย ต่างคนต่างมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป
ดร. เอกภพ สังเกตเห็นว่า คนที่ทำงานอย่างไม่มีความวิตกกังวล จะทำตัวตามสบาย สดใสร่าเริง และรู้สึกว่าในแต่ละวัน เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนซึ่งทำงานด้วยความหวาดระแวง จะซึมเซา ไม่กระฉับกระเฉง และมีความรู้สึกว่า เวลาในการทำงานของแต่ละวันช่างเนิ่นนานจนแทบหมดความอดทน เขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่า
“เวลา ” ไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ในตัวเราทุกคนนั่นเอง
เวลา ตามหลักการของ ดร. เอกภพนั้น
อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทุกอย่างอยู่ตรงที่เดิมไม่เคยเคลื่อนย้ายไปไหน มีเพียงความรู้สึกของเราเท่านั้น ที่เข้าไปรับรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งถ้าผ่านเลยไปแล้วเราจะเรียกว่า
อดีต ถ้าขณะกำลังรับรู้อยู่ เราจะเรียกว่า
ปัจจุบัน ส่วน
อนาคต หลายคนว่ายังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าการเดินทางไปสู่อนาคต เป็นสิ่งเพ้อเจ้อเหลวไหล ดอกเตอร์จึงมุ่งมั่นในการสร้างเครื่องข้ามเวลา โดยทุ่มทั้งเวลา เงินทุน และมุ่งมั่นทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน
อุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการข้ามเวลาที่ ดร. เอกภพสร้าง ติดตั้งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ขนาดสี่คูณสี่เมตร ข้างในห้องมีสายไฟและสายสัญญาณเดินอยู่รอบ คล้ายห้องของนักบินอวกาศ มีจอแสดงผลสำหรับกำหนดวันและเวลาในอนาคตที่ต้องการไป มีปุ่มต่าง ๆ หลากสีสันอยู่ตรงแผงควบคุมใกล้กับหน้าจอหลายสิบปุ่ม ผู้ต้องการข้ามเวลา เพียงยืนบนพื้นตรงจุดซึ่งจัดเตรียมไว้ โดยมีแหล่งกำเนิดแสงเป็นหลอดไฟเล็ก ๆ หลายพันดวงเรียงรายรอบตัว
แสงสว่างจากหลอดไฟนั้น ผ่านการแยกคลื่นแสง ด้วยการแยกรังสีที่ไม่ต้องการออกไป และเพิ่มความเข้มข้นของรังสีที่ต้องการเข้ามา จากโปรแกรมซึ่งดอกเตอร์คิดค้นขึ้น และบรรจุไว้ใน
นาโนชิพ ซึ่งมีขนาดเท่ากับ
นาโนซิมการ์ด ในปัจจุบัน
เมื่อกดปุ่มสั่งให้โปรแกรมทำงาน ลำแสงซึ่งฉายเข้ามารอบตัว จะแผ่รังสีพิเศษออกมาขณะอุณหภูมิในห้องยังคงเดิม เพียงแต่แสงนั้นจะสว่างกว่าแสงปกติธรรมดา สว่างจนทำให้ร่างกายผู้ที่ยืนอยู่ เรืองแสงอยู่อึดใจ ก่อนที่ร่างกายจะโปร่งแสงเบาบางแทบมองไม่เห็น และหายไปอยู่ในอนาคตตามที่ ดร. เอกภพรับรอง
เมื่อเครื่องข้ามเวลาได้สำเร็จเป็นรูปร่างและใช้งานได้ ดร. เอกภพ ได้ประกาศวันทำการทดลอง รวมทั้งเชิญผู้ที่สนใจและสื่อมวลชนมาร่วมเป็นสักขีพยาน โดยใช้สถานที่กลางลานกว้างของสนามกีฬานานาชาติเป็นที่ตั้งห้องอุปกรณ์ เพื่อรองรับผู้คนซึ่งหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ ซึ่งมีทั้งคนที่มาเพื่อเป็นสักขีพยาน และคนที่ตั้งใจมาเยาะเย้ย หากการทดลองไม่ได้ผลจริง
ดร. เอกภพ ได้ทำการทดลองข้ามเวลาไปในอนาคตด้วยตัวเอง โดยให้สักขีพยานหลายคน สลับกันเข้าไปเก็บภาพในห้องไว้ทั่วทุกมุมโดยใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะเชิญทุกคนออกมาและปิดประตู แล้วทำการเดินเครื่องข้ามเวลาในเวลาถัดมาแทบจะทันที จากเสียงครางหึ่งเบา ๆ และแสงซึ่งเล็ดลอดออกมา ทำให้รู้ว่าขณะนี้เครื่องข้ามเวลากำลังทำงาน
และเมื่อผ่านไปได้ห้านาที ดร. เอกภพ ก็เปิดประตูออกมา ท่ามกลางเสียงโห่ฮาของผู้ที่ตั้งใจมาซ้ำเติม
แต่แล้วเสียงทั้งหมดก็ต้องเงียบลง เปลี่ยนเป็นเสียงฮือฮาจากกองเชียร์แทน เมื่อภายในห้องนั้นปรากฏสิ่งของจากอนาคตหลายชิ้น จากตอนแรกที่มีแค่สายไฟรอบห้องและแผงควบคุม สิ่งของเหล่านั้น ดร.เอกภพ ได้นำกลับมาจากอนาคต ซึ่งมองเห็นชัดว่าไม่มีอยู่ในปีปัจจุบันอย่างแน่นอน ทั้งยังมีภาพถ่ายสถานที่หลายแห่ง โดยมีภาพของสนามกีฬาแห่งนี้ ซึ่งเปลี่ยนไปจากปัจจุบันอย่างมากมาย
ดอกเตอร์ ได้ประกาศให้ทุกคนรอบสนามกีฬาได้รับรู้ทั่วกัน ว่าเขาเดินทางไปในปี 2121 และอยู่ที่นั่น เพื่อสร้างเครื่องย้อนเวลากลับมาในปัจจุบัน โดยใช้เวลาถึงสามปีจึงสำเร็จ แล้วจึงตั้งเวลาให้ย้อนกลับมาที่นี่ ให้เป็นเวลาหลังจากการทดลองเดินเครื่องไปแล้วห้านาที ดังนั้น เครื่องข้ามเวลาของ ดร. เอกภพ จึงเป็นที่ยอมรับของทุกคนอย่างหมดข้อกังขา และต่างต้องการเดินทางไปยังอนาคตด้วยกันทุกคน
ข่าวทางเลือกใหม่ในการป้องกันไวรัสร้าย นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ทางเลือกโดยการหลบไปจากปี
2021 จึงเป็นข่าวที่น่ายินดีของคนมีอันจะกิน ส่วนช่างประจำโรงงานอย่าง ศักดาและวีรภาพ สองหนุ่มซึ่งมีหน้าที่ควบคุมขั้นตอนการทำงานของเครื่องจักร จากหน้าคอมพิวเตอร์ ก็ได้แต่ฟังแล้วนั่งถอนใจ เพราะเงินเป็นล้านนั้น มันสูงเกินเอื้อมไม่รู้กี่เท่าตัว
ร่างสูงโปร่งของทั้งสองมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน ส่วนหน้าตาคมคายและผิวเนื้อดำแดงก็ละม้ายคล้ายกัน ทั้งยังอายุ 25 และ 26 ปีไล่ ๆ กัน จึงทำให้บางคนคิดว่าเขาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ ไม่ใช่แค่เพื่อนซึ่งมาจากหมู่บ้านเดียวกัน
“เอาไงดีวะศักดิ์ โรงงานปิดอีกโรงแล้ว ของเราก็คงอีกไม่นาน”
วีรภาพเอ่ยถามเพื่อนรักออกมา ถ้าโรงงานปิด เขาคงต้องพากันกลับไปอดตายอยู่บ้านนอก เพราะรอบหมู่บ้านที่จากมา มีแต่ดินแห้งระแหงสุดลูกตา
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะวี คนติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นทุกวัน วัคซีนที่เอ็งลงชื่อจองไว้เขาตอบมาว่าไงวะ”
ศักดาตอบกลับไป พร้อมทั้งถามเพื่อนเกลอถึงเรื่องวัคซีน
“สิงหาคิวยังไม่ว่างเลยว่ะ เขาบอกกำลังจัดหาวัคซีนให้ท่าน แล้วของเอ็งล่ะ”
วีรภาพตอบพร้อมกับเอ่ยถามเพื่อนรักกลับมา พลางส่งสายตามองไปยังถนนเล็ก ๆ ที่ทอดยาวผ่านหน้าหน้าหอพัก ซึ่งตอนนี้เงียบวังเวงเหมือนกับย้อนไปสักสามสี่สิบปี ผู้คนต่างไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะความหวาดระแวง อีกทั้งส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเงิน เกิดจากการหากินฝืดเคือง
“เหมือนกันว่ะ บางคนบอกกลัววัคซีนหมดก่อนถึงคิว ต้องไปฉีดโรงพยาบาลเอกชน คนมีเงินก็ฉีดได้สิวะ แล้วอย่างเราล่ะ”
ศักดาตอบกลับพร้อมถอนใจให้ความมืดมน ทั้งเรื่องงานและเรื่องจุดจบของเชื้อร้ายไวรัส เพราะทุกอย่างยังคลุมเครือ ไม่มีคำตอบชัดเจนแม้แต่เรื่องเดียว
“คนมีเงินเขาไม่ฉีดวัคซีนกันแล้วเว้ยศักดิ์ เขาย้ายไปปี
2121 กันหมดแล้ว ขนเงินที่เคยฝากไว้ในธนาคารไปจนเกลี้ยงเลย เอ็งไม่รู้เรื่องเลยหรือไง”
วีรภาพพูดไปตามข่าวซึ่งกำลังฮือฮาอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งมหาเศรษฐีมากมายหลายคนได้พากันถอนเงินจากธนาคารจนหมด และทยอยกันพาครอบครัวไปยังอนาคตหลังจากการแถลงข่าวคู่กับ ดร. เอกภพ ในวันเดินทาง
แต่ดอกเตอร์ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงรับแต่เงินสดเท่านั้น ทั้งที่การโอนเงินสมัยนี้ทำได้อย่างง่ายดาย ซึ่งตอนนี้เรื่องเกี่ยวกับ ดร. เอกภพ ทั้งหมดนั้นได้กลายเป็นข่าวต้นชั่วโมงในทุกช่อง แทนข่าวโควิดซึ่งวกไปวนมากับข้อมูลเดิม ๆ
ศักดา ถอนใจแรงขณะพยักหน้ารับรู้ เพราะตอนนี้ภาพของ ดร. เอกภพ ปรากฏในข่าวทุกช่องจนกลายเป็นดาราดังระดับประเทศไปแล้ว เรียกว่าถ้าช่องไหนไม่นำเขามาสัมภาษณ์ หรือไม่เสนอข่าวเกี่ยวกับเขาจะถือว่าตกเทรนไปเลย
“รู้แล้วจะทำไงได้วะวี เอ็งมีเงินเหรอ”
เสียงถอนใจย้ายไปอยู่ทางวีรภาพทันที เมื่อจบคำของเพื่อนเกลอ แต่เพียงอึดใจเท่านั้น เขาก็เอ่ยกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนยินดี
“ปล้นสิวะไอ้ศักดิ์ กลับไปทำอย่างเคยสักหน ถ้าไปจากที่นี่ได้ก็สบาย ใครก็ตามไม่เจอ ”
จบคำเพื่อนรัก ศักดาก็หัวเราะจนตัวโยน พร้อมกับพูดแบบเหนื่อย ๆ ขณะกำลังหัวเราะออกมา
“ตื่นได้แล้วไอ้วี เอ็งจะไปปล้นใครตรงไหนตอนนี้ ใครจะมีเงินให้เอ็ง เงินตั้งหลายล้านนะเว้ยอย่าลืม ขนทองมาหมดห้างยังขายไม่ได้ล้านเลย”
หนุ่มวีรภาพ ปล่อยให้เพื่อนหัวเราะขณะตัวเองนั่งอมยิ้มไม่ตอบโต้อะไร กระทั่งศักดาหยุดหัวเราะเสียงดัง แต่ยังคงมีเสียงขลุกขลักในลำคอพร้อมกับหายใจแบบเหนื่อย ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มละไม เขาจึงเอ่ยออกไป
“มีทางสิวะ เอ็งไม่ได้ดูข่าวเหรอ”
หนุ่มวีเอ่ยออกมา พร้อมกับทำหน้ายิ้ม ๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักทำหน้าแปลกใจ
“พวกเศรษฐี เอารถตู้ไปขนเงินสดหน้าธนาคารกันแทบทุกวัน เอ็งก็แค่รอจังหวะเหมาะก็แค่นั้น”
ศักดาหุบยิ้มพลางส่ายหน้าไปมาพร้อมกับถอนใจ ก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ใครเขาจะโง่มาคนเดียวเล่าไอ้วี คนมีตังไปไหนทีลูกน้องตามเป็นขบวน ยิ่งเงินมากอย่างนั้นเอ็งเลิกคิดไปได้เลย”
หนุ่มวีหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อได้ยินเพื่อนรักถอดใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน ก่อนจะเผยความคิดซึ่งอยู่ในใจมานานให้เพื่อนได้รับรู้และรับฟัง
“ข้าคิดมานานแล้วเว้ยเรื่องนี้ ตอนแรกก็ยังมองไม่เห็นทางอย่างเอ็งว่านั่นแหละ พอรถตู้มาขนเงินหน้าธนาคารครั้งหนึ่ง รถมือปืนตามกันมาเป็นสิบคัน แต่คิดไปคิดมาข้าก็มั่นใจว่า ตอนเขาไปบ้านดอกเตอร์ ก็คงมีคนในครอบครัวไม่กี่คนละวะ ที่ไม่มีลูกเมียก็ไปคนเดียว ใครที่ไหนจะพาคนอื่นไปด้วยเป็นโขยง แล้วคนหนึ่งต้องใช้เงินเท่าไร ไม่มีใครเขาทำอย่างนั้นหรอกเว้ย”
ศักดา เม้มริมฝีปากขณะมองตรงไปข้างหน้า พลางนึกถึงคำพูดของเพื่อนซึ่งมีเค้าความจริงอยู่มากทีเดียว มือปืนรอบตัวมีความสำคัญแค่ในปัจจุบันเท่านั้น การจะหอบหิ้วไปในอนาคตด้วย พร้อมทั้งจ่ายเงินให้คนละหลายล้าน คงไม่มีใครทำอย่างนั้นจริง ๆ
“เออ เอ็งก็พูดมีเหตุผลดีว่ะ แล้วเราจะเริ่มตรงไหน ยังไง เอ็งคิดไว้แล้วหรือยัง”
หนุ่มศักดิ์เอ่ยปากถามออกไป พลางมองเพื่อนรัก ซึ่งพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ
“เริ่มพรุ่งนี้เลย วันนี้เตรียมตัวก่อน แล้วคืนนี้ซักซ้อมกันอีกที คราวนี้ละ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกไอ้ศักดิ์เอ๋ย”
จบคำเขาทั้งสองหัวเราะในลำคออย่างยินดี ขณะศักดาลุกยืนตามเพื่อน และก้าวเข้าห้องพักเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานสำคัญ ในวันพรุ่งนี้ต่อไป.. ..
( มีต่อครับ )
..........ปล้น...ข้ามเวลา........ตอนที่ ๑..........@@ โดย ลุงแผน
และ ขอบคุณ ฟอนต์สวย ๆ จาก www.f0nt.com ครับผม
เวลา สิ่งมหัศจรรย์ซึ่งอยู่คู่จักรวาลมานาน เวลา ไม่สามารถมีใครทำให้หยุดนิ่งได้ และได้แต่ยืนมอง เมื่อเวลาพรากทุกอย่างจากเราไป โดยที่เราไม่มีทางต่อสู้ หรือดิ้นรน
เวลาในจักรวาล เดินไปอย่างสม่ำเสมอและมั่นคง โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ และหมุนรอบตัวเองในเวลาเท่าเดิมมานับล้านปี ดวงดาวต่าง ๆ พากันโคจรไปตามเส้นทางเดิม โดยใช้เวลาเท่าเดิมมานับล้านปี เช่นเดียวกับเวลาบนโลกมนุษย์ ซึ่งหมุนเวียนไปโดยไม่มีใครหยุดยั้งได้เช่นกัน
แต่น่าแปลกใจ ที่เวลาในความรู้สึกของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทั้งที่อยู่บนโลกใบเดียวกัน และอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน เวลาของการรอคอยจะเนิ่นนาน กระทั่งมองนาฬิกา แล้วเห็นเข็มวินาทีเดินช้าเท่ากับเข็มนาที เวลาของความสุข สดชื่น และสมหวัง จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนมีความรู้สึกว่า หนึ่งวัน คล้ายกับหนึ่งชั่วโมง แต่สำหรับคนที่ความตายรออยู่ข้างหน้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดนั้น ไม่มีความหมายแม้เพียงเสี้ยววินาที
ในปี 2021 นักวิทยาศาสตร์สูงวัยท่านหนึ่ง ชื่อ ดร. เอกภพ ได้ค้นพบความลับของเวลา เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ และเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบไปอย่างสิ้นเชิง การค้นพบนี้ เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ ในแล็บของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งกำลังวิจัยเกี่ยวกับ ไวรัสโคโรนา 2019
ทั้งที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับเรื่องเวลาได้ แต่เขากลับสังเกตได้จากการทำงาน ทั้งจากเจ้าหน้าที่ประจำ เจ้าหน้าที่ฝึกหัด และอาสาสมัคร ซึ่งทำงานท่ามกลางความหวั่นวิตก กังวลว่าตัวเองจะติดเชื้อร้าย ต่างคนต่างมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป
ดร. เอกภพ สังเกตเห็นว่า คนที่ทำงานอย่างไม่มีความวิตกกังวล จะทำตัวตามสบาย สดใสร่าเริง และรู้สึกว่าในแต่ละวัน เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนซึ่งทำงานด้วยความหวาดระแวง จะซึมเซา ไม่กระฉับกระเฉง และมีความรู้สึกว่า เวลาในการทำงานของแต่ละวันช่างเนิ่นนานจนแทบหมดความอดทน เขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่า “เวลา ” ไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ในตัวเราทุกคนนั่นเอง
เวลา ตามหลักการของ ดร. เอกภพนั้น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทุกอย่างอยู่ตรงที่เดิมไม่เคยเคลื่อนย้ายไปไหน มีเพียงความรู้สึกของเราเท่านั้น ที่เข้าไปรับรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งถ้าผ่านเลยไปแล้วเราจะเรียกว่า อดีต ถ้าขณะกำลังรับรู้อยู่ เราจะเรียกว่า ปัจจุบัน ส่วน อนาคต หลายคนว่ายังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าการเดินทางไปสู่อนาคต เป็นสิ่งเพ้อเจ้อเหลวไหล ดอกเตอร์จึงมุ่งมั่นในการสร้างเครื่องข้ามเวลา โดยทุ่มทั้งเวลา เงินทุน และมุ่งมั่นทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน
อุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการข้ามเวลาที่ ดร. เอกภพสร้าง ติดตั้งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง ขนาดสี่คูณสี่เมตร ข้างในห้องมีสายไฟและสายสัญญาณเดินอยู่รอบ คล้ายห้องของนักบินอวกาศ มีจอแสดงผลสำหรับกำหนดวันและเวลาในอนาคตที่ต้องการไป มีปุ่มต่าง ๆ หลากสีสันอยู่ตรงแผงควบคุมใกล้กับหน้าจอหลายสิบปุ่ม ผู้ต้องการข้ามเวลา เพียงยืนบนพื้นตรงจุดซึ่งจัดเตรียมไว้ โดยมีแหล่งกำเนิดแสงเป็นหลอดไฟเล็ก ๆ หลายพันดวงเรียงรายรอบตัว
แสงสว่างจากหลอดไฟนั้น ผ่านการแยกคลื่นแสง ด้วยการแยกรังสีที่ไม่ต้องการออกไป และเพิ่มความเข้มข้นของรังสีที่ต้องการเข้ามา จากโปรแกรมซึ่งดอกเตอร์คิดค้นขึ้น และบรรจุไว้ใน นาโนชิพ ซึ่งมีขนาดเท่ากับ นาโนซิมการ์ด ในปัจจุบัน
เมื่อกดปุ่มสั่งให้โปรแกรมทำงาน ลำแสงซึ่งฉายเข้ามารอบตัว จะแผ่รังสีพิเศษออกมาขณะอุณหภูมิในห้องยังคงเดิม เพียงแต่แสงนั้นจะสว่างกว่าแสงปกติธรรมดา สว่างจนทำให้ร่างกายผู้ที่ยืนอยู่ เรืองแสงอยู่อึดใจ ก่อนที่ร่างกายจะโปร่งแสงเบาบางแทบมองไม่เห็น และหายไปอยู่ในอนาคตตามที่ ดร. เอกภพรับรอง
เมื่อเครื่องข้ามเวลาได้สำเร็จเป็นรูปร่างและใช้งานได้ ดร. เอกภพ ได้ประกาศวันทำการทดลอง รวมทั้งเชิญผู้ที่สนใจและสื่อมวลชนมาร่วมเป็นสักขีพยาน โดยใช้สถานที่กลางลานกว้างของสนามกีฬานานาชาติเป็นที่ตั้งห้องอุปกรณ์ เพื่อรองรับผู้คนซึ่งหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ ซึ่งมีทั้งคนที่มาเพื่อเป็นสักขีพยาน และคนที่ตั้งใจมาเยาะเย้ย หากการทดลองไม่ได้ผลจริง
ดร. เอกภพ ได้ทำการทดลองข้ามเวลาไปในอนาคตด้วยตัวเอง โดยให้สักขีพยานหลายคน สลับกันเข้าไปเก็บภาพในห้องไว้ทั่วทุกมุมโดยใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะเชิญทุกคนออกมาและปิดประตู แล้วทำการเดินเครื่องข้ามเวลาในเวลาถัดมาแทบจะทันที จากเสียงครางหึ่งเบา ๆ และแสงซึ่งเล็ดลอดออกมา ทำให้รู้ว่าขณะนี้เครื่องข้ามเวลากำลังทำงาน
และเมื่อผ่านไปได้ห้านาที ดร. เอกภพ ก็เปิดประตูออกมา ท่ามกลางเสียงโห่ฮาของผู้ที่ตั้งใจมาซ้ำเติม
แต่แล้วเสียงทั้งหมดก็ต้องเงียบลง เปลี่ยนเป็นเสียงฮือฮาจากกองเชียร์แทน เมื่อภายในห้องนั้นปรากฏสิ่งของจากอนาคตหลายชิ้น จากตอนแรกที่มีแค่สายไฟรอบห้องและแผงควบคุม สิ่งของเหล่านั้น ดร.เอกภพ ได้นำกลับมาจากอนาคต ซึ่งมองเห็นชัดว่าไม่มีอยู่ในปีปัจจุบันอย่างแน่นอน ทั้งยังมีภาพถ่ายสถานที่หลายแห่ง โดยมีภาพของสนามกีฬาแห่งนี้ ซึ่งเปลี่ยนไปจากปัจจุบันอย่างมากมาย
ดอกเตอร์ ได้ประกาศให้ทุกคนรอบสนามกีฬาได้รับรู้ทั่วกัน ว่าเขาเดินทางไปในปี 2121 และอยู่ที่นั่น เพื่อสร้างเครื่องย้อนเวลากลับมาในปัจจุบัน โดยใช้เวลาถึงสามปีจึงสำเร็จ แล้วจึงตั้งเวลาให้ย้อนกลับมาที่นี่ ให้เป็นเวลาหลังจากการทดลองเดินเครื่องไปแล้วห้านาที ดังนั้น เครื่องข้ามเวลาของ ดร. เอกภพ จึงเป็นที่ยอมรับของทุกคนอย่างหมดข้อกังขา และต่างต้องการเดินทางไปยังอนาคตด้วยกันทุกคน
ข่าวทางเลือกใหม่ในการป้องกันไวรัสร้าย นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ทางเลือกโดยการหลบไปจากปี 2021 จึงเป็นข่าวที่น่ายินดีของคนมีอันจะกิน ส่วนช่างประจำโรงงานอย่าง ศักดาและวีรภาพ สองหนุ่มซึ่งมีหน้าที่ควบคุมขั้นตอนการทำงานของเครื่องจักร จากหน้าคอมพิวเตอร์ ก็ได้แต่ฟังแล้วนั่งถอนใจ เพราะเงินเป็นล้านนั้น มันสูงเกินเอื้อมไม่รู้กี่เท่าตัว
ร่างสูงโปร่งของทั้งสองมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน ส่วนหน้าตาคมคายและผิวเนื้อดำแดงก็ละม้ายคล้ายกัน ทั้งยังอายุ 25 และ 26 ปีไล่ ๆ กัน จึงทำให้บางคนคิดว่าเขาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ ไม่ใช่แค่เพื่อนซึ่งมาจากหมู่บ้านเดียวกัน
“เอาไงดีวะศักดิ์ โรงงานปิดอีกโรงแล้ว ของเราก็คงอีกไม่นาน”
วีรภาพเอ่ยถามเพื่อนรักออกมา ถ้าโรงงานปิด เขาคงต้องพากันกลับไปอดตายอยู่บ้านนอก เพราะรอบหมู่บ้านที่จากมา มีแต่ดินแห้งระแหงสุดลูกตา
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะวี คนติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นทุกวัน วัคซีนที่เอ็งลงชื่อจองไว้เขาตอบมาว่าไงวะ”
ศักดาตอบกลับไป พร้อมทั้งถามเพื่อนเกลอถึงเรื่องวัคซีน
“สิงหาคิวยังไม่ว่างเลยว่ะ เขาบอกกำลังจัดหาวัคซีนให้ท่าน แล้วของเอ็งล่ะ”
วีรภาพตอบพร้อมกับเอ่ยถามเพื่อนรักกลับมา พลางส่งสายตามองไปยังถนนเล็ก ๆ ที่ทอดยาวผ่านหน้าหน้าหอพัก ซึ่งตอนนี้เงียบวังเวงเหมือนกับย้อนไปสักสามสี่สิบปี ผู้คนต่างไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะความหวาดระแวง อีกทั้งส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเงิน เกิดจากการหากินฝืดเคือง
“เหมือนกันว่ะ บางคนบอกกลัววัคซีนหมดก่อนถึงคิว ต้องไปฉีดโรงพยาบาลเอกชน คนมีเงินก็ฉีดได้สิวะ แล้วอย่างเราล่ะ”
ศักดาตอบกลับพร้อมถอนใจให้ความมืดมน ทั้งเรื่องงานและเรื่องจุดจบของเชื้อร้ายไวรัส เพราะทุกอย่างยังคลุมเครือ ไม่มีคำตอบชัดเจนแม้แต่เรื่องเดียว
“คนมีเงินเขาไม่ฉีดวัคซีนกันแล้วเว้ยศักดิ์ เขาย้ายไปปี 2121 กันหมดแล้ว ขนเงินที่เคยฝากไว้ในธนาคารไปจนเกลี้ยงเลย เอ็งไม่รู้เรื่องเลยหรือไง”
วีรภาพพูดไปตามข่าวซึ่งกำลังฮือฮาอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งมหาเศรษฐีมากมายหลายคนได้พากันถอนเงินจากธนาคารจนหมด และทยอยกันพาครอบครัวไปยังอนาคตหลังจากการแถลงข่าวคู่กับ ดร. เอกภพ ในวันเดินทาง แต่ดอกเตอร์ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงรับแต่เงินสดเท่านั้น ทั้งที่การโอนเงินสมัยนี้ทำได้อย่างง่ายดาย ซึ่งตอนนี้เรื่องเกี่ยวกับ ดร. เอกภพ ทั้งหมดนั้นได้กลายเป็นข่าวต้นชั่วโมงในทุกช่อง แทนข่าวโควิดซึ่งวกไปวนมากับข้อมูลเดิม ๆ
ศักดา ถอนใจแรงขณะพยักหน้ารับรู้ เพราะตอนนี้ภาพของ ดร. เอกภพ ปรากฏในข่าวทุกช่องจนกลายเป็นดาราดังระดับประเทศไปแล้ว เรียกว่าถ้าช่องไหนไม่นำเขามาสัมภาษณ์ หรือไม่เสนอข่าวเกี่ยวกับเขาจะถือว่าตกเทรนไปเลย
“รู้แล้วจะทำไงได้วะวี เอ็งมีเงินเหรอ”
เสียงถอนใจย้ายไปอยู่ทางวีรภาพทันที เมื่อจบคำของเพื่อนเกลอ แต่เพียงอึดใจเท่านั้น เขาก็เอ่ยกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนยินดี
“ปล้นสิวะไอ้ศักดิ์ กลับไปทำอย่างเคยสักหน ถ้าไปจากที่นี่ได้ก็สบาย ใครก็ตามไม่เจอ ”
จบคำเพื่อนรัก ศักดาก็หัวเราะจนตัวโยน พร้อมกับพูดแบบเหนื่อย ๆ ขณะกำลังหัวเราะออกมา
“ตื่นได้แล้วไอ้วี เอ็งจะไปปล้นใครตรงไหนตอนนี้ ใครจะมีเงินให้เอ็ง เงินตั้งหลายล้านนะเว้ยอย่าลืม ขนทองมาหมดห้างยังขายไม่ได้ล้านเลย”
หนุ่มวีรภาพ ปล่อยให้เพื่อนหัวเราะขณะตัวเองนั่งอมยิ้มไม่ตอบโต้อะไร กระทั่งศักดาหยุดหัวเราะเสียงดัง แต่ยังคงมีเสียงขลุกขลักในลำคอพร้อมกับหายใจแบบเหนื่อย ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มละไม เขาจึงเอ่ยออกไป
“มีทางสิวะ เอ็งไม่ได้ดูข่าวเหรอ”
หนุ่มวีเอ่ยออกมา พร้อมกับทำหน้ายิ้ม ๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักทำหน้าแปลกใจ
“พวกเศรษฐี เอารถตู้ไปขนเงินสดหน้าธนาคารกันแทบทุกวัน เอ็งก็แค่รอจังหวะเหมาะก็แค่นั้น”
ศักดาหุบยิ้มพลางส่ายหน้าไปมาพร้อมกับถอนใจ ก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ใครเขาจะโง่มาคนเดียวเล่าไอ้วี คนมีตังไปไหนทีลูกน้องตามเป็นขบวน ยิ่งเงินมากอย่างนั้นเอ็งเลิกคิดไปได้เลย”
หนุ่มวีหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อได้ยินเพื่อนรักถอดใจตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน ก่อนจะเผยความคิดซึ่งอยู่ในใจมานานให้เพื่อนได้รับรู้และรับฟัง
“ข้าคิดมานานแล้วเว้ยเรื่องนี้ ตอนแรกก็ยังมองไม่เห็นทางอย่างเอ็งว่านั่นแหละ พอรถตู้มาขนเงินหน้าธนาคารครั้งหนึ่ง รถมือปืนตามกันมาเป็นสิบคัน แต่คิดไปคิดมาข้าก็มั่นใจว่า ตอนเขาไปบ้านดอกเตอร์ ก็คงมีคนในครอบครัวไม่กี่คนละวะ ที่ไม่มีลูกเมียก็ไปคนเดียว ใครที่ไหนจะพาคนอื่นไปด้วยเป็นโขยง แล้วคนหนึ่งต้องใช้เงินเท่าไร ไม่มีใครเขาทำอย่างนั้นหรอกเว้ย”
ศักดา เม้มริมฝีปากขณะมองตรงไปข้างหน้า พลางนึกถึงคำพูดของเพื่อนซึ่งมีเค้าความจริงอยู่มากทีเดียว มือปืนรอบตัวมีความสำคัญแค่ในปัจจุบันเท่านั้น การจะหอบหิ้วไปในอนาคตด้วย พร้อมทั้งจ่ายเงินให้คนละหลายล้าน คงไม่มีใครทำอย่างนั้นจริง ๆ
“เออ เอ็งก็พูดมีเหตุผลดีว่ะ แล้วเราจะเริ่มตรงไหน ยังไง เอ็งคิดไว้แล้วหรือยัง”
หนุ่มศักดิ์เอ่ยปากถามออกไป พลางมองเพื่อนรัก ซึ่งพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ
“เริ่มพรุ่งนี้เลย วันนี้เตรียมตัวก่อน แล้วคืนนี้ซักซ้อมกันอีกที คราวนี้ละ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีกไอ้ศักดิ์เอ๋ย”
จบคำเขาทั้งสองหัวเราะในลำคออย่างยินดี ขณะศักดาลุกยืนตามเพื่อน และก้าวเข้าห้องพักเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานสำคัญ ในวันพรุ่งนี้ต่อไป.. ..
( มีต่อครับ )