ไขข้อสงสัย อาการ “ปวดเข่า”

ไขข้อสงสัย อาการ “ปวดเข่า” 
 
     หลายๆ คนน่าจะเคยมีอาการปวดเข่าหรือได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บเวลาลุกนั่งกันบ้าง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแบบนี้มีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอายุ น้ำหนักตัว หรือระดับของความหนักหน่วงของกิจกรรมที่เราทำ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น เดี๋ยวพี่หมอจะมาไล่เรียงให้ฟัง 👇 
     แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับ “ข้อเข่า” กันก่อน ข้อเข่า คือ ข้อต่อที่ประกอบขึ้นจากกระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง และลูกสะบ้า นอกจากนี้ ยังมีกล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เส้นเอ็น เส้นประสาทและหลอดเลือด ซึ่งส่วนประกอบต่างๆ เหล่านี้สามารถเกิดอาการบาดเจ็บหรือติดเชื้อได้ อันเป็นที่มาของอาการปวดเข่าของเรานั่นเอง 
     อาการปวดเข่า 🦵 มีทั้งแบบฉับพลันและเรื้อรัง ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ซึ่งคนที่เคยมีประสบการณ์นี้มาแล้วก็น่าจะรู้ดีว่าทรมานแค่ไหน แต่ไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ เพราะวันนี้พี่หมอมีวิธีช่วยบรรเทาอาการแบบมาฝากกันด้วย 
สาเหตุของอาการปวดเข่าที่พบได้บ่อย 
 
📌1. ข้อเข่าเสื่อม
     เป็นสาเหตุของอาการปวดเข่าที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งแม้ว่าโรคนี้จะไม่ใช่โรคที่อันตรายร้ายแรง แต่เป็นโรคที่สร้างความทรมานให้กับผู้ป่วย 😫 และทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเดินได้เหมือนเดิม เพราะบางคนก็อาจจะเดินตัวเอียง เดินแล้วต้องเอนตัวไปมา หรือเวลาเดินต้องมีคนคอยพยุง นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหรืออาการผิดปกติของอวัยวะอื่นๆ ตามมาได้ เช่น อาการปวดหลัง เป็นต้น 
     อาการของข้อเข่าเสื่อมในระยะแรกและปานกลาง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเมื่อมีแรงกดบีบลงบนข้อเข่ามากๆ โดยเฉพาะตอนลุกยืนจากการนั่ง ทั้งการนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ นั่งยองๆ หรือการขึ้นลงบันได และอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เข่ามีเสียงดังกร๊อบแกร๊บขณะงอหรือเหยียดเข่า แต่ถ้าเป็นอาการข้อเข่าเสื่อมในระยะหลัง อาการปวดจะเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อมีการเคลื่อนไหวข้อเข่า ทั้งการยืน การเดิน และอาจพบว่ามีอาการผิดรูปของข้อเข่า เข่าโก่ง ข้อเข่าติด และงอเหยียดได้ไม่สุดร่วมด้วย 
     อาการข้อเข่าเสื่อมตามธรรมชาติ เกิดจากการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป หรือการทำกิจกรรมนั้นๆ ซ้ำๆ จนทำให้เกิดการสึกหรอของผิวข้อเข่า พบมากในผู้ที่เล่นกีฬาบางชนิดบ่อยๆ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่อข้อเข่ามากๆ หรือผู้ที่ต้องทำงานยกของหนักเป็นประจำ 
     ทั้งนี้ นอกจากอาการข้อเข่าเสื่อมตามธรรมชาติแล้ว ยังมีอาการข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยด้วย ซึ่งอย่างหลังเป็นผลมาจากการเกิดอุบัติเหตุที่ข้อเข่าตั้งแต่อายุยังน้อย การเล่นกีฬาที่มีแรงกระแทกต่อข้อเข่ามากๆ รวมถึงการนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสมบ่อยๆ นอกจากนี้ อาการข้อเข่าเสื่อมยังอาจเป็นผลของโรคบางชนิด ผลจากความผิดปกติอื่นๆ ในบริเวณข้อเข่า เช่น ภาวะข้อเข่าตายจากการขาดเลือด ภาวะกล้ามเนื้อต้นขาลีบ โรคกระดูกพรุนอักเสบ เป็นต้น 
 
📌2. Runner’s Knee หรือ ผิวใต้ลูกสะบ้าอักเสบ
     เกิดจากกระดูกอ่อนที่รองตัวลูกสะบ้าอยู่สึกหรอหรือเสื่อมสภาพไป ซึ่งมีสาเหตุมาจากมีแรงกดดันที่มากเกินไปต่อลูกสะบ้า หรืออาการกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าและต้นขาไม่สมดุล ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนดึงตัวลูกสะบ้าออกไปจากตำแหน่งที่เคยอยู่ และทำให้เกิดอาการปวด โดยเฉพาะตอนเดินบนทางลาดชัน หรือลงบันได
 
📌3. โรคข้ออักเสบบางชนิด 
     เช่น รูมาตอยด์ เกาต์ ซึ่งนอกจากอาการปวดแล้ว ยังก่อให้เกิดอาการอักเสบ บวม แดง ของข้อ และอาการเข่าติดได้เช่นกัน
 
📌4. หมอนรองข้อเข่าและเส้นเอ็นภายในหรือรอบๆ ข้อเข่าได้รับบาดเจ็บ 
     เช่น หมอนรองข้อเข่าฉีกขาด เอ็นไขว้หน้าขาด เอ็นเข่าด้านในได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น 
วิธีดูแลตัวเองแบบง่ายๆ เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเข่า 
 
✅1. ควบคุมน้ำหนัก
     สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือเป็นโรคอ้วน ควรเริ่มจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถูกหลักโภชนาการ รวมถึงควบคุมปริมาณของอาหารที่จะรับประทานในแต่ละมื้อ เพราะถ้าเราดูแลเรื่องอาหารได้ดี มีวินัยกับตัวเอง น้ำหนักก็จะสามารถลดลงได้ ทำให้น้ำหนักที่หัวเข่าต้องแบกรับน้อยลง ซึ่งนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดข้อเข่าได้แล้ว ยังช่วยให้เราหลีกเลี่ยงภาวะข้อเข่าเสื่อมได้ด้วย  
 
✅2. ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาและกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
     เพื่อให้กล้ามเนื้อช่วยพยุงข้อเข่า และถ่ายเทน้ำหนักจากข้อเข่ามาที่กล้ามเนื้อ ทำให้ข้อเข่าไม่ต้องแบกรับน้ำหนักมากจนเกินไป โดยสามารถทำได้ด้วยการบริหารร่างกายที่ไม่มีแรงกระแทก ซึ่งก็ต้องเลือกให้เหมาะกับช่วงอายุของแต่ละบุคคลด้วยนะครับ เช่น ถ้าเป็นผู้สูงอายุ ก็อาจจะออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ การเดิน การเต้นแอโรบิคแบบที่ไม่กระโดด การปั่นจักรยานอยู่กับที่ เป็นต้น 
     แต่สำหรับกลุ่มที่อายุยังไม่มาก ก็สามารถออกกำลังกายด้วยการจ๊อกกิ้งเบาๆ การเดินเร็ว การเต้นแอโรบิค รวมถึงการทำเวทเทรนนิ่ง พี่หมอแนบลิ้งค์ตัวอย่างท่าออกกำลังกายมาให้แล้วนะครับ  
 
✅3. ปรับไลฟ์สไตล์และจัดท่าทางต่างๆ ให้เหมาะสม 
     สิ่งที่ต้องทำก็คือ ไม่ควรนั่งอยู่กับที่นานๆ ควรลุกขึ้นมาเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ทุกๆ 20-30 นาที ซึ่งนอกจากจะช่วยหลีกเลี่ยงอาการปวดข้อเข่าแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดที่กล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ด้วย 
     นอกจากนี้ ควรจัดท่านั่งให้เหมาะสม คือ นั่งเก้าอี้แทนการนั่งพื้น เพราะจะทำให้ลุกได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีการใช้แขนช่วยยันตัวตอนที่ลุกจากที่นั่ง ทำให้แรงกดที่ข้อเข่าน้อยลง การใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเวลาเดิน รวมถึงหลีกเลี่ยงการนั่งที่ต้องมีการงอเข่าหรือพับเข่ามากๆ เป็นเวลานานๆ เช่น การนั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ เนื่องจากท่านั่งเหล่านี้จะทำให้เกิดแรงกดที่ผิวข้อเข่าเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคข้อเข่าเสื่อมได้ในอนาคต 
     ที่สำคัญ หลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง เพราะอาจเป็นสาเหตุให้กระดูกสันหลังคดและปวดข้อเข่าได้ โดยเฉพาะข้อเข่าด้านที่มักจะไขว้อยู่ด้านบนตลอด รวมถึงการใส่รองเท้าส้นสูง แต่ถ้าจำเป็นต้องใส่ ควรมีการพักเท้าทุกๆ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย 
 
✅4. รับประทานยาแก้ปวด 
     ถ้ามีอาการปวดมากๆ สามารรับประทานยาแก้ปวดประเภทพาราเซตามอลและไอบูโพรเฟนได้ 
 
     อาการเจ็บป่วยเป็นของธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกคน แต่ถ้าไม่อยากให้อาการรุนแรงขึ้น เราก็ต้องหันมาดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำหรือคำสั่งของคุณหมอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญก็คือ ทำจิตใจให้สบายๆ ไม่วิตกกังวลและจดจ่ออยู่กับความเจ็บป่วยมากเกินไป ❤❤❤
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่