ช่วงนี้เห็นร้านหนังสือหลายที่พากันปิดตัวลงไป ก็รู้สึกใจหายไม่น้อย เราเองก็โตมากับธุรกิจร้านหนังสือ คลุกคลีอยู่กับหนังสือตั้งแต่เกิดจนโต ได้เห็นไทม์ไลน์ความเปลี่ยนแปลงของร้านหนังสือที่บ้านมาพอสมควร จนเราได้มีโอกาสเข้ามารับช่วงต่อ ได้มาดูแลกิจการมากขึ้น ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ทำให้ผู้คนหันไปเสพสื่อออนไลน์ และอ่าน E-Book กันมากขึ้น แต่เราเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ยังชอบความรู้สึกตอนอ่านหนังสือแบบเป็นเล่มๆมากกว่า เราเองก็ไม่อยากให้เสน่ห์ของหนังสือเลือนหายไป ส่วนตัวเรารู้สึกเสียดายด้วยค่ะ เพราะหนังสือหลายเล่ม มันทรงคุณค่ามากๆเลย บางเล่มก็หายาก เลยตั้งใจว่าจะรักษาธุรกิจร้านหนังสือของครอบครัวเอาไว้ให้ดีที่สุด เราก็เลยมาลองคิดดูว่าจะทำยังไงดี ให้ร้านหนังสือของเรามันไม่ตายลงในไปรุ่นเรา ก็เลยตัดสินใจว่าต้อง “ปรับตัว” ค่ะ เพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอดมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนถึงตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ตัวใหญ่ที่สุดอย่างไดโนเสาร์ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักปรับตัวตลอดเวลา และเราก็จะทำให้ร้านหนังสือของเราเป็นแบบนั้นเช่นกัน //ถือคติว่าฝันให้ใหญ่เข้าไว้ก่อนค่ะ ^^”


วิธีการปรับตัวของร้านเราไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายค่ะ เรายังรักษาตัวตนดั้งเดิมของร้านเอาไว้ เพราะหน้าร้านเองก็ยังมีลูกค้าประจำแวะเวียนมาอยู่บ้าง ที่หน้าร้านยังมีคุณยายเป็นคนดูแลร้านเหมือนเดิมค่ะ คุณยายรักร้านหนังสือนี้มาก แค่ได้เฝ้าหน้าร้าน จัดหนังสือ อยู่กับหนังสือ ได้พูดคุยกับลูกค้าคนรักหนังสือเหมือนกัน ในแต่ละวันก็เป็นความสุขแล้ว แต่ด้วยความที่มีแค่ลูกค้าประจำก็อาจจะทำให้ร้านไม่มั่นคงได้ เราเลยต้องมาหาฐานลูกค้าใหม่ๆด้วย ช่วงแรกเราเริ่มจากเข้าไปอยู่ในกลุ่มพวกคนรักหนังสือเก่าเนี่ยแหละค่ะ ก็พอขายได้บ้างนะคะ เพราะคนที่ยังต้องการหนังสือทั้งเก่าทั้งใหม่มันก็ยังมีอยู่ แล้วก็เริ่มขยับขยาย เลยเปิดบัญชีร้านแบบออนไลน์ด้วย ทั้งใน FB และ IG จะได้เข้าถึงกลุ่มผู้อ่านรุ่นใหม่ได้กว้างมากขึ้น ทำให้มีลูกค้าทักเข้ามาซื้อ หรือทักเข้ามาให้ร้านเราหาหนังสือให้เรื่อยๆค่ะ
และจากการที่เราขายหนังสือมือสองในออนไลน์เนี่ยแหละค่ะ ที่ทำให้ร้านขายหนังสือของครอบครัวเรายังมีชีวิตรอดในเศรษฐกิจยุคนี้ได้ ยิ่งพอมีช่องทางออนไลน์เข้ามาช่วยแบบนี้ ยิ่งทำให้คนรู้จักร้านเราเยอะขึ้น ไม่เฉพาะแค่ในประเทศไทยนะคะ บางครั้งยังมีลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศทักมาขอซื้อหนังสือให้เราส่งไปให้ก็มีค่ะ แถมพอลูกค้าซื้อไปเค้าก็รีวิวในช่องทางของเค้า กลายเป็นการบอกต่อปากต่อปากให้กับคนที่รักหนังสือเหมือนกันด้วย เป็นการเพิ่มโอกาสให้ร้านได้ดีมากๆ
สำหรับเราการขายในตลาดออนไลน์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำได้ง่าย เพราะพื้นที่ออนไลน์มัน “ฟรี” ไม่เสียค่าใช้จ่าย และก็ค่อนข้างที่จะสะดวกในการรวบรวมสินค้า และกลุ่มคนที่สนใจ แล้วก็ยังเป็นช่องทางที่คนนิยมสั่งซื้อมากๆด้วยในยุคนี้ แต่ทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปนะคะ เพราะช่วงแรกๆเราก็ขายไม่ค่อยได้ค่ะ งูๆปลาๆ ต้องขยันหากลุ่มลูกค้า ขยันโพสต์ทั้งลงหน้าฟีด มีลองๆซื้อโฆษณาบ้าง ลงโพสต์ในกลุ่มบ่อยๆ และที่สำคัญต้องรู้จักคัดหนังสือที่น่าสนใจมาลงขายด้วย โพสต์รัวๆไปเลย พอลูกค้าเห็นเราบ่อยๆ เค้ารู้แล้วว่าเราขาย พอเค้าจะซื้ออะไรจะทักมาถามเราเลย มีเล่มนี้มั้ย ไม่มีก็ไปหามาให้จนได้ แล้วบางเล่มนะ ที่หายากหน่อย ก็อัพราคาขึ้นได้อีกนิดด้วย มันเลยเป็นจุดที่ทำให้เราขายได้กำไรเยอะขึ้น ที่สำคัญเลยคือการเอาใจใส่ลูกค้า และตอบกลับข้อความด้วยความสุภาพเสมอค่ะ
ส่วนช่องทางในการขนส่ง อันนี้สำคัญมาก เพราะเราขายหนังสือออนไลน์และลูกค้าของเรามีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งของแทบทุกวัน ในประเทศเราใช้บริการไปรษณีย์ไทยค่ะ ตั้งแต่ส่งมาก็ไม่เคยเจอปัญหาสินค้าชำรุดนะ เราห่อหนังสือแบบกันกระแทกเก็บมุมหนังสือตลอด ส่วนตัวเราว่าไปรษณีย์ไทยค่าส่งไม่แพงค่ะ แล้วก็ถึงไวพอสมควรนะ ส่วนนอกประเทศเราส่งกับ sme shipping เจ้านี้จากที่ใช้มาก็สะดวกดีนะคะ เช็คสถานะได้ตลอด มารับหนังสือถึงที่เลย อย่างเราบางทีทำงานประจำอยู่ ก็โทรบอกให้คุณยายเตรียมหนังสือที่ลูกค้าสั่งไว้ แล้วเรียกเค้ามารับของที่หน้าร้าน ก็สะดวกดี เราแค่เตรียมของไว้รอก็พอค่ะ เค้าบริการห่อพัสดุให้เรียบร้อย มีประกันสินค้าในตัวด้วย จริงๆจะใช้บริการขนส่งของเจ้าไหนส่งก็ได้นะคะ แล้วแต่ว่าเราสะดวกส่งแบบไหนค่ะ
(ขอบคุณภาพจากคุณลูกค้าค่ะ ขออนุญาตก่อนลงแล้วค่ะ)
และอีกทริคของเราก็คือ การจัดโปรโมชั่นเรียกลูกค้า หรือว่าเอาใจลูกค้า อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำบ้างนะคะ เพราะเศรษฐกิจแบบนี้ คู่แข่งเยอะ ก็ต้องหาทางปรับตัว ดูแลลูกค้า และกระตุ้นตลาดของตัวเองไปในตัวค่ะ อาจจะได้กำไรน้อยลงนิดหน่อยช่วงนั้น แต่เพื่อผลตอบแทนระยะยาว คุ้มค่ะ
ส่วนตัวเราตอนนี้ก็คิดว่าจะลองหาหนังสือใหม่ๆ และเพิ่มฐานลูกค้าให้หลากหลายมากกว่านี้อีก ก็ต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆค่ะ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้พ่อค้าแม่ขายทุกๆท่านนะคะ เราเองกว่าจะอยู่ตัวได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ ยังไงถ้าใครขายอะไรอยู่ ก็อย่าท้อนะคะ หาลู่ทางในการขายไปเรื่อยๆ ให้คิดซะว่าลูกค้ามีอยู่ทุกที่ค่ะ เราต้องพยายามเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด วิธีของเราอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด หรืออาจจะไม่เหมาะกับทุกธุรกิจนะคะ แต่ละคนมีปัญหาและมีวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมแตกต่างกันไป สำหรับเราที่มาแชร์วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสานต่อธุรกิจครอบครัวของเรา ที่พูดตามตรงก็คือเริ่มอยู่รอดยากขึ้นทุกวัน ให้สามารถอยู่รอดได้ในยุคนี้และต่อๆไป ต้องขออภัยหากการรีวิวของเราไม่ครอบคลุมทุกด้าน แหะๆ เพียงแต่หวังว่า มันจะเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้คนที่เข้ามาอ่าน มีกำลังใจ มีหนทางในการหาเงินกันต่อไปนะคะ ^^
การปรับตัวครั้งใหม่จากร้านขายหนังสือเก่าๆ สู่ร้านค้าออนไลน์ส่งขายต่างประเทศ
และจากการที่เราขายหนังสือมือสองในออนไลน์เนี่ยแหละค่ะ ที่ทำให้ร้านขายหนังสือของครอบครัวเรายังมีชีวิตรอดในเศรษฐกิจยุคนี้ได้ ยิ่งพอมีช่องทางออนไลน์เข้ามาช่วยแบบนี้ ยิ่งทำให้คนรู้จักร้านเราเยอะขึ้น ไม่เฉพาะแค่ในประเทศไทยนะคะ บางครั้งยังมีลูกค้าที่อยู่ต่างประเทศทักมาขอซื้อหนังสือให้เราส่งไปให้ก็มีค่ะ แถมพอลูกค้าซื้อไปเค้าก็รีวิวในช่องทางของเค้า กลายเป็นการบอกต่อปากต่อปากให้กับคนที่รักหนังสือเหมือนกันด้วย เป็นการเพิ่มโอกาสให้ร้านได้ดีมากๆ
สำหรับเราการขายในตลาดออนไลน์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำได้ง่าย เพราะพื้นที่ออนไลน์มัน “ฟรี” ไม่เสียค่าใช้จ่าย และก็ค่อนข้างที่จะสะดวกในการรวบรวมสินค้า และกลุ่มคนที่สนใจ แล้วก็ยังเป็นช่องทางที่คนนิยมสั่งซื้อมากๆด้วยในยุคนี้ แต่ทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปนะคะ เพราะช่วงแรกๆเราก็ขายไม่ค่อยได้ค่ะ งูๆปลาๆ ต้องขยันหากลุ่มลูกค้า ขยันโพสต์ทั้งลงหน้าฟีด มีลองๆซื้อโฆษณาบ้าง ลงโพสต์ในกลุ่มบ่อยๆ และที่สำคัญต้องรู้จักคัดหนังสือที่น่าสนใจมาลงขายด้วย โพสต์รัวๆไปเลย พอลูกค้าเห็นเราบ่อยๆ เค้ารู้แล้วว่าเราขาย พอเค้าจะซื้ออะไรจะทักมาถามเราเลย มีเล่มนี้มั้ย ไม่มีก็ไปหามาให้จนได้ แล้วบางเล่มนะ ที่หายากหน่อย ก็อัพราคาขึ้นได้อีกนิดด้วย มันเลยเป็นจุดที่ทำให้เราขายได้กำไรเยอะขึ้น ที่สำคัญเลยคือการเอาใจใส่ลูกค้า และตอบกลับข้อความด้วยความสุภาพเสมอค่ะ
ส่วนช่องทางในการขนส่ง อันนี้สำคัญมาก เพราะเราขายหนังสือออนไลน์และลูกค้าของเรามีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งของแทบทุกวัน ในประเทศเราใช้บริการไปรษณีย์ไทยค่ะ ตั้งแต่ส่งมาก็ไม่เคยเจอปัญหาสินค้าชำรุดนะ เราห่อหนังสือแบบกันกระแทกเก็บมุมหนังสือตลอด ส่วนตัวเราว่าไปรษณีย์ไทยค่าส่งไม่แพงค่ะ แล้วก็ถึงไวพอสมควรนะ ส่วนนอกประเทศเราส่งกับ sme shipping เจ้านี้จากที่ใช้มาก็สะดวกดีนะคะ เช็คสถานะได้ตลอด มารับหนังสือถึงที่เลย อย่างเราบางทีทำงานประจำอยู่ ก็โทรบอกให้คุณยายเตรียมหนังสือที่ลูกค้าสั่งไว้ แล้วเรียกเค้ามารับของที่หน้าร้าน ก็สะดวกดี เราแค่เตรียมของไว้รอก็พอค่ะ เค้าบริการห่อพัสดุให้เรียบร้อย มีประกันสินค้าในตัวด้วย จริงๆจะใช้บริการขนส่งของเจ้าไหนส่งก็ได้นะคะ แล้วแต่ว่าเราสะดวกส่งแบบไหนค่ะ
ส่วนตัวเราตอนนี้ก็คิดว่าจะลองหาหนังสือใหม่ๆ และเพิ่มฐานลูกค้าให้หลากหลายมากกว่านี้อีก ก็ต้องเรียนรู้กันไปเรื่อยๆค่ะ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้พ่อค้าแม่ขายทุกๆท่านนะคะ เราเองกว่าจะอยู่ตัวได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยค่ะ ยังไงถ้าใครขายอะไรอยู่ ก็อย่าท้อนะคะ หาลู่ทางในการขายไปเรื่อยๆ ให้คิดซะว่าลูกค้ามีอยู่ทุกที่ค่ะ เราต้องพยายามเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด วิธีของเราอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด หรืออาจจะไม่เหมาะกับทุกธุรกิจนะคะ แต่ละคนมีปัญหาและมีวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมแตกต่างกันไป สำหรับเราที่มาแชร์วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสานต่อธุรกิจครอบครัวของเรา ที่พูดตามตรงก็คือเริ่มอยู่รอดยากขึ้นทุกวัน ให้สามารถอยู่รอดได้ในยุคนี้และต่อๆไป ต้องขออภัยหากการรีวิวของเราไม่ครอบคลุมทุกด้าน แหะๆ เพียงแต่หวังว่า มันจะเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้คนที่เข้ามาอ่าน มีกำลังใจ มีหนทางในการหาเงินกันต่อไปนะคะ ^^