.
.
กิจกรรมยามเด็กเกี่ยวกับเมล็ดยางพารา
คือ การพากันไปเก็บเม็ด(เมล็ด)ยางพารา
ในสวนยางพาราที่เต๊อะหยาง สุดสายสามหาดใหญ่
ที่ชาวบ้านคลองหวะจะเรียกว่า หน้า(หลุม)ศพ
เพราะมีฮวงจุ๊ยของพ่อเจียกีซี (ขุนนิพัทธ๋จีนนคร)
ปัจจุบันมีการย้ายไปฝังที่ที่ดินเลยน้ำน้อย
เป็นหน้าผาด้านหลังติดภูเขาเห็นเด่นชัด
ด้านซ้ายมือคนขับรถยนต์มุ่งหน้าไปสงขลาสายเก่า
สวนยางเต๊อะหยางในสมัยนั้นต้องเดินข้ามสะพานไม้
สะพานไม้ที่มีหลังคาสังกะสีคลุมบังแดดกันฝน
เป็นที่หลบฝนให้ชาวบ้านเวลาเข้าออกมาหาดใหญ่
แล้วเจอสายฝนกระหน่ำซัดใส่จะได้เข้าไปหลบฝน
ที่ลาวก็ยังมีอยู่สะพานไม้แบบนี้
บริเวณสวนยางพาราปัจจุบันคือ หมู่บ้านจันทร์นิเวศน์
ขุนนิพัทธ์จีนนคร คือผู้บุกเบิกหาดใหญ่รุ่นแรก
ท่านคือ ผู้รับเหมาสร้างทางรถไฟสายทุ่งสง ปาดังเบซาร์
กับสายหาดใหญ่ ถึง โคกโพธิ์ สุไหงโกลค
ท่านมาสร้างบ้านแปลงเมืองพัฒนาหาดใหญ่/ตัดถนนสาย 1 2 3
แรก ๆ ชื่อถนนเจียกีซี ต่อมาเปลี่ยนเป็นนิพัทธ์อุทิศ
ถนนที่ท่านตัดมีขนาดกว้างมากจนควายเดินไม่เบียดกัน
ชาวบ้านในยุคนั้นนินทาว่ากว้างมากเกินไป
เพราะท่านไปดูแบบถนนจากปีนัง อีโปร์
มาเลเซียที่ยุคนั้นเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
ปัจจุบันความกว้างของถนนก็ไม่พอกับการจราจร
ในช่วงระหว่างวันที่มีการทำมาค้าขาย
จำได้ว่าเวลาไปเก็บเม็ดยางกันที่เต๊อะหยาง
ต้องพากันไปหลาย ๆ คน ไม่กล้าไปคนเดียว
แบบกลัวผี หรือ กลัวงูกะปะในสวนยางกัด
แบบไปกันหลายคนจะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา
บริเวณนั้นมีต้นยางพาราจำนวนมาก
มักจะเป็นพันธุ์พื้นเมือง มีเมล็ดแดงบ้าง ออกเหลืองบ้าง ลายบ้าง
ถ้าสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองเข้มบางทีเรียกว่า ป๊อกขัก
เพราะยางพาราในยุคแรกยังไม่มีการคัดสายพันธุ์
มักจะมีลักษณะเปลือกหนาน้ำหนักดี
มักจะเก็บจากเม็ดร่วงใต้ต้นมาปลูกกัน
บางรายขี้เกียจก็หว่าน ๆ เอา ช่วงหน้าฝน
พอหน้าแล้งค่อยมาถาง ๆ ให้เหลือหมุดหมายว่า
มีต้นยางพาราขึ้นแล้ว หรือย้ายไปปลูกเสริมที่อื่น
แล้วค่อยแวะมาดู มาถางหญ้า รอดูว่ายางกรีดได้หรือยัง
ก่อนที่ต่อมา จะมีการพัฒนาสายพันธุ์ดัง ๆ 600 หรือ GT
ที่ต้องปลูกเป็นแถวตามขัอบังคับกองทุนสงเคราะห์สวนยาง
หลังจากเก็บได้เม็ดยางพาราแล้ว
กิจกรรมหลักคือ เอาเม็ดมาอวดกัน
ดูว่าของใครมีสีสันสวยสดกว่า หรือแปลกกว่าใคร
พอสักพักก็เอามาทุบกัน
โดยตกลงกันก่อนว่าใครจะเริ่มก่อน เริ่มหลัง
การทุบยาง คือ เอาด้านกลม ๆ ป้าน ๆ มาปะกบกันให้แน่น
คีบด้วยนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือซ้ายหรือมือขวาตามแต่ความถนัด
แล้วเอาฝ่ามืออรหันต์เรียกตามนิยายกำลังภายในทุบลงไป
ถ้าแตกก็จะดัง โพะ บางเม็ดก็แตกหรือร้าวก็ถือว่าแพ้ไป
บางทีเม็ดด้านล่างไม่แตกหรือร้าว กลับกลายเป็นเม็ดด้านบนก็มี
ห้ามเอาด้านสันที่เป็นร่องทุบฝ่ายตรงข้าม
เพราะตรงช่วงนี้จะมีโครงสร้างแข็งแรงกว่า
แต่มีบางคนเล่นทีเผลอก็มักจะทุบฝ่ายตรงข้ามแตก
พอต่อมาก็มีบางคนแอบเจาะรูเล็ก ๆ ด้านบนเม็ดยางพารา
แล้วค่อยเอาไม้จิ้มฟันแคะไส้ในออกมา
หรือไปตากแดด/ไว้ในที่ร่มจนไส้ในเน่าหลุดออกมา
จากนั้นก็ทำการหยอดเทียนไขเข้าไปเรื่อย ๆ
จนเต็มเม็ดยางพารา แล้วหาเศษดินหรือโคลนปิดด้านบน
บางครั้งก็ต้องแต้มสีหน่อยให้เหมือนของจริง
จนทำให้ดูเหมือนว่าเป็นเม็ดยางธรรมชาติ
เม็ดยางอุดเทียนมักจะแข็งแกร่งกว่าไส้ในตามธรรมชาติ
เวลาไปแข่งทุบยางกับเพื่อนมักจะชนะเรื่อย
ถ้าดวงร้าย ๆ แบบเม็ดหยอดยางเริ่มปริด้านใน
เวลาถูกเพื่อนทุบแตก หรือทุบเพื่อนแล้วแตก
พอเห็นไส้ในก็คือ การฉ้อ(โกง) เรื่องการทุบยางพารา
ก็มักจะวิ่งหนีหัวเราะชอบใจที่หลอกเพื่อนสำเร็จ
การละเล่นอีกอย่างคือ ขบวนรถไฟ
จะมีหัวขบวนหนึ่งเม็ดถึงสามเม็ดบ้างวางเรียงแถวกัน
แล้วมีเม็ดยางพาราต่อท้ายขบวนหรือรถพ่วงรถไฟราว 10 เม็ดขึ้นไป
เว้นช่องว่างวางห่างจากหัวขบวนรถไฟราวหนึ่งถึงสองนิ้ว
จากนั้นให้ยืนใต้เส้นขีดสมมุติห่างราวสองเมตรขึ้นไป
ใช้เม็ดลูกยางหนึ่งเม็ดโยนให้ถูกหัวขบวนรถไฟ
ถ้าทำให้หัวขบวนรถไฟกระเด็นออกไป
ก็จะได้เม็ดยางทั้งหมดท้ายขบวนไปเลย
บางคนปอดแหกหรือโลภน้อยหน่อย ๆ
ก็โยนตัดกลางขบวนรถไฟให้ขาด
ก็ได้ด้านท้ายที่ถูกตัดกลางไป
ส่วนการเอาลูกยางมาปาใส่กัน
ถ้าไม่ปาพร้อมฝัก มักไม่เจ็บมากนัก
เพราะลูกยางน้ำหนักเบากว่าก้อนหินขนาดเท่ากัน
ทั้งยังเบากว่าดินนู(ธนู)ที่ใช้ยิงกับปางนู(ปางธนู)
ถ้าจะยิงคนยิงนกต้องยิงระยะปะชิดหวังผล
ถ้ายิงจากระยะไกลมักจะควงสว่านหล่นพื้นดินก่อน
ปางนู มีขายใน Shopee
.
ในโรงเรียนธิดานุเคราะห์
(โรงเรียนสตรีของคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
คู่กับโรงเรียนแสงทองวิทยา โรงเรียนชาย
ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสหศึกษาในบางชั้นปีแล้ว)
ในโรงเรียนธิดานุเคราะห์ ก็มีต้นยางพาราอยู่หลายต้น
ก็เป็นกิจกรรมยามว่างของเด็กนักเรียนหญิง เช่น
หมากเก็บก็นิยมเล่นกันในหมู่สตรี
โดยมีเม็ดยางพาราเดิมพันกัน
ถ้าใครชนะจะได้กี่เม็ดแล้วแต่ตกลงกัน
บางทีก็เล่นหมากหลุมที่ใช้เม็ดยาง
วางในหลุมสองแถวมีหัวท้ายตรงกลาง
บางทีก็เล่นบนพื้นดินมักจะติ๊งต่างว่าหลุม
หรือขุดหลุมตื้น ๆ ขึ้นมาในกองทราย
แล้วเดินเล่นกันตามกติกา
เป็นการกินเม็ดยางฝ่ายตรงข้าม
ถ้าตายตรงหลุมเม็ดสุดท้ายที่เดิน
บางคนก็ฉ้อด้วยการนับเม็ดในใจ
ว่าจำนวนลูกยางในหลุมตนอีกกี่ลูก
ลูกสุดท้ายจะหมด/ตายตรงไหน
ที่มีลูกยางฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด
ส่วนกิจกรรมที่สนุกคนเล่น
แต่คนถูกเล่นไม่สนุกด้วย
คือ การเอาเม็ดยางมาถู ๆ กับพื้นจนเม็ดร้อน
แล้วเอาไปจิ้มเพื่อนเล่น แถวต้นแขน ขาอ่อน น่อง
คนทำมักจะเป็นเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง
ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่บางคนชอบ
คือ การทุบเปลือกยางพาราให้แตก
แล้วเอาไส้ในที่สีขาวอมเหลืองมากินเล่น
บางคนว่าอร่อย บางคนว่าฝาด บางคนว่าเอือม
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนเม็ดยางพื้นเมืองรุ่นเก่า ๆ
การละเล่นจากเมล็ดยางพารา
คือ การพากันไปเก็บเม็ด(เมล็ด)ยางพารา
ในสวนยางพาราที่เต๊อะหยาง สุดสายสามหาดใหญ่
ที่ชาวบ้านคลองหวะจะเรียกว่า หน้า(หลุม)ศพ
เพราะมีฮวงจุ๊ยของพ่อเจียกีซี (ขุนนิพัทธ๋จีนนคร)
ปัจจุบันมีการย้ายไปฝังที่ที่ดินเลยน้ำน้อย
เป็นหน้าผาด้านหลังติดภูเขาเห็นเด่นชัด
ด้านซ้ายมือคนขับรถยนต์มุ่งหน้าไปสงขลาสายเก่า
สวนยางเต๊อะหยางในสมัยนั้นต้องเดินข้ามสะพานไม้
สะพานไม้ที่มีหลังคาสังกะสีคลุมบังแดดกันฝน
เป็นที่หลบฝนให้ชาวบ้านเวลาเข้าออกมาหาดใหญ่
แล้วเจอสายฝนกระหน่ำซัดใส่จะได้เข้าไปหลบฝน
ที่ลาวก็ยังมีอยู่สะพานไม้แบบนี้
บริเวณสวนยางพาราปัจจุบันคือ หมู่บ้านจันทร์นิเวศน์
ขุนนิพัทธ์จีนนคร คือผู้บุกเบิกหาดใหญ่รุ่นแรก
ท่านคือ ผู้รับเหมาสร้างทางรถไฟสายทุ่งสง ปาดังเบซาร์
กับสายหาดใหญ่ ถึง โคกโพธิ์ สุไหงโกลค
ท่านมาสร้างบ้านแปลงเมืองพัฒนาหาดใหญ่/ตัดถนนสาย 1 2 3
แรก ๆ ชื่อถนนเจียกีซี ต่อมาเปลี่ยนเป็นนิพัทธ์อุทิศ
ถนนที่ท่านตัดมีขนาดกว้างมากจนควายเดินไม่เบียดกัน
ชาวบ้านในยุคนั้นนินทาว่ากว้างมากเกินไป
เพราะท่านไปดูแบบถนนจากปีนัง อีโปร์
มาเลเซียที่ยุคนั้นเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
ปัจจุบันความกว้างของถนนก็ไม่พอกับการจราจร
ในช่วงระหว่างวันที่มีการทำมาค้าขาย
จำได้ว่าเวลาไปเก็บเม็ดยางกันที่เต๊อะหยาง
ต้องพากันไปหลาย ๆ คน ไม่กล้าไปคนเดียว
แบบกลัวผี หรือ กลัวงูกะปะในสวนยางกัด
แบบไปกันหลายคนจะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา
บริเวณนั้นมีต้นยางพาราจำนวนมาก
มักจะเป็นพันธุ์พื้นเมือง มีเมล็ดแดงบ้าง ออกเหลืองบ้าง ลายบ้าง
ถ้าสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองเข้มบางทีเรียกว่า ป๊อกขัก
เพราะยางพาราในยุคแรกยังไม่มีการคัดสายพันธุ์
มักจะมีลักษณะเปลือกหนาน้ำหนักดี
มักจะเก็บจากเม็ดร่วงใต้ต้นมาปลูกกัน
บางรายขี้เกียจก็หว่าน ๆ เอา ช่วงหน้าฝน
พอหน้าแล้งค่อยมาถาง ๆ ให้เหลือหมุดหมายว่า
มีต้นยางพาราขึ้นแล้ว หรือย้ายไปปลูกเสริมที่อื่น
แล้วค่อยแวะมาดู มาถางหญ้า รอดูว่ายางกรีดได้หรือยัง
ก่อนที่ต่อมา จะมีการพัฒนาสายพันธุ์ดัง ๆ 600 หรือ GT
ที่ต้องปลูกเป็นแถวตามขัอบังคับกองทุนสงเคราะห์สวนยาง
หลังจากเก็บได้เม็ดยางพาราแล้ว
กิจกรรมหลักคือ เอาเม็ดมาอวดกัน
ดูว่าของใครมีสีสันสวยสดกว่า หรือแปลกกว่าใคร
พอสักพักก็เอามาทุบกัน
โดยตกลงกันก่อนว่าใครจะเริ่มก่อน เริ่มหลัง
การทุบยาง คือ เอาด้านกลม ๆ ป้าน ๆ มาปะกบกันให้แน่น
คีบด้วยนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือซ้ายหรือมือขวาตามแต่ความถนัด
แล้วเอาฝ่ามืออรหันต์เรียกตามนิยายกำลังภายในทุบลงไป
ถ้าแตกก็จะดัง โพะ บางเม็ดก็แตกหรือร้าวก็ถือว่าแพ้ไป
บางทีเม็ดด้านล่างไม่แตกหรือร้าว กลับกลายเป็นเม็ดด้านบนก็มี
ห้ามเอาด้านสันที่เป็นร่องทุบฝ่ายตรงข้าม
เพราะตรงช่วงนี้จะมีโครงสร้างแข็งแรงกว่า
แต่มีบางคนเล่นทีเผลอก็มักจะทุบฝ่ายตรงข้ามแตก
พอต่อมาก็มีบางคนแอบเจาะรูเล็ก ๆ ด้านบนเม็ดยางพารา
แล้วค่อยเอาไม้จิ้มฟันแคะไส้ในออกมา
หรือไปตากแดด/ไว้ในที่ร่มจนไส้ในเน่าหลุดออกมา
จากนั้นก็ทำการหยอดเทียนไขเข้าไปเรื่อย ๆ
จนเต็มเม็ดยางพารา แล้วหาเศษดินหรือโคลนปิดด้านบน
บางครั้งก็ต้องแต้มสีหน่อยให้เหมือนของจริง
จนทำให้ดูเหมือนว่าเป็นเม็ดยางธรรมชาติ
เม็ดยางอุดเทียนมักจะแข็งแกร่งกว่าไส้ในตามธรรมชาติ
เวลาไปแข่งทุบยางกับเพื่อนมักจะชนะเรื่อย
ถ้าดวงร้าย ๆ แบบเม็ดหยอดยางเริ่มปริด้านใน
เวลาถูกเพื่อนทุบแตก หรือทุบเพื่อนแล้วแตก
พอเห็นไส้ในก็คือ การฉ้อ(โกง) เรื่องการทุบยางพารา
ก็มักจะวิ่งหนีหัวเราะชอบใจที่หลอกเพื่อนสำเร็จ
การละเล่นอีกอย่างคือ ขบวนรถไฟ
จะมีหัวขบวนหนึ่งเม็ดถึงสามเม็ดบ้างวางเรียงแถวกัน
แล้วมีเม็ดยางพาราต่อท้ายขบวนหรือรถพ่วงรถไฟราว 10 เม็ดขึ้นไป
เว้นช่องว่างวางห่างจากหัวขบวนรถไฟราวหนึ่งถึงสองนิ้ว
จากนั้นให้ยืนใต้เส้นขีดสมมุติห่างราวสองเมตรขึ้นไป
ใช้เม็ดลูกยางหนึ่งเม็ดโยนให้ถูกหัวขบวนรถไฟ
ถ้าทำให้หัวขบวนรถไฟกระเด็นออกไป
ก็จะได้เม็ดยางทั้งหมดท้ายขบวนไปเลย
บางคนปอดแหกหรือโลภน้อยหน่อย ๆ
ก็โยนตัดกลางขบวนรถไฟให้ขาด
ก็ได้ด้านท้ายที่ถูกตัดกลางไป
ส่วนการเอาลูกยางมาปาใส่กัน
ถ้าไม่ปาพร้อมฝัก มักไม่เจ็บมากนัก
เพราะลูกยางน้ำหนักเบากว่าก้อนหินขนาดเท่ากัน
ทั้งยังเบากว่าดินนู(ธนู)ที่ใช้ยิงกับปางนู(ปางธนู)
ถ้าจะยิงคนยิงนกต้องยิงระยะปะชิดหวังผล
ถ้ายิงจากระยะไกลมักจะควงสว่านหล่นพื้นดินก่อน
(โรงเรียนสตรีของคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
คู่กับโรงเรียนแสงทองวิทยา โรงเรียนชาย
ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสหศึกษาในบางชั้นปีแล้ว)
ในโรงเรียนธิดานุเคราะห์ ก็มีต้นยางพาราอยู่หลายต้น
ก็เป็นกิจกรรมยามว่างของเด็กนักเรียนหญิง เช่น
หมากเก็บก็นิยมเล่นกันในหมู่สตรี
โดยมีเม็ดยางพาราเดิมพันกัน
ถ้าใครชนะจะได้กี่เม็ดแล้วแต่ตกลงกัน
บางทีก็เล่นหมากหลุมที่ใช้เม็ดยาง
วางในหลุมสองแถวมีหัวท้ายตรงกลาง
บางทีก็เล่นบนพื้นดินมักจะติ๊งต่างว่าหลุม
หรือขุดหลุมตื้น ๆ ขึ้นมาในกองทราย
แล้วเดินเล่นกันตามกติกา
เป็นการกินเม็ดยางฝ่ายตรงข้าม
ถ้าตายตรงหลุมเม็ดสุดท้ายที่เดิน
บางคนก็ฉ้อด้วยการนับเม็ดในใจ
ว่าจำนวนลูกยางในหลุมตนอีกกี่ลูก
ลูกสุดท้ายจะหมด/ตายตรงไหน
ที่มีลูกยางฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด
ส่วนกิจกรรมที่สนุกคนเล่น
แต่คนถูกเล่นไม่สนุกด้วย
คือ การเอาเม็ดยางมาถู ๆ กับพื้นจนเม็ดร้อน
แล้วเอาไปจิ้มเพื่อนเล่น แถวต้นแขน ขาอ่อน น่อง
คนทำมักจะเป็นเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง
ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่บางคนชอบ
คือ การทุบเปลือกยางพาราให้แตก
แล้วเอาไส้ในที่สีขาวอมเหลืองมากินเล่น
บางคนว่าอร่อย บางคนว่าฝาด บางคนว่าเอือม
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนเม็ดยางพื้นเมืองรุ่นเก่า ๆ