Back from the Dead บทที่ ๖

กระทู้สนทนา
เฮมิสจะหาตัวคนร้ายได้หรือไม่ อ่านต่อกันเลยค่ะ

ความเดิม
บทนำ - บทที่ ๑: https://pantip.com/topic/39574119
บทที่ ๕: https://pantip.com/topic/39616281

###

บทที่ ๖ 

คนร้ายไม่ได้ปรากฏตัว 

เฮมิสรอคอยอยู่ตลอดคืน ทว่ากลับไม่เห็นใครมาที่สุสานอีกเลย 

บางทีคนร้ายคงต้องอาศัยเวลาฟื้นพลังกว่าจะกลับมาก่อเหตุได้อีก บางทีเขาอาจต้องรอคอยสักวันสองวันกระมัง 

แต่ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นใคร เขาต้องไม่ใช่คนที่รู้จักศาสตร์ปลุกชีพ หรือไม่เคยร่ำเรียนมา หาไม่แล้วคงไม่ควบคุมศพด้วยพื้นฐานเวทมนต์ธรรมดาเช่นนี้ 

การใช้เวทมนต์ควบคุมให้ศพเคลื่อนไหวจะสิ้นเปลืองพลังมากกว่าการใช้ศาสตร์ปลุกชีพ คล้ายกับคนยกของหนักโดยไร้เครื่องทุ่นแรง เพราะการควบคุมศพเช่นนั้นต้องใช้เวทมนต์ควบคุมอวัยวะทุกส่วน เหมือนกับหุ่นเชิดที่ต้องอาศัยผู้เชิดทำให้มันขยับตลอดเวลา ผิดกับการใช้ศาสตร์ปลุกชีพที่นักปลุกชีพเพียงแค่ผูกจิตวิญญาณกลับคืนเข้ากับศพเท่านั้น หรือต่อให้วิญญาณไปปรโลกแล้ว นักปลุกชีพก็สามารถผูกศพกับจิตตนเอง แล้วสั่งให้มันเคลื่อนไหวได้ดังที่ตนต้องการ 

ผู้ชำนาญในศาสตร์ปลุกชีพจะสามารถสัมผัสได้ว่าศพนั้นถูกปลุกขึ้นมาด้วยศาสตร์ปลุกชีพหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพราะร่องรอยในการใช้เวทมนต์แต่ละแขนงต่างกัน ซึ่งเฮมิสเองก็ไม่อาจอธิบายได้ว่าร่องรอยนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่จากร่องรอยที่อยู่บนศพนักรบชุดเกราะ เขาบอกได้ทันทีว่าไม่ใช่ศาสตร์ปลุกชีพอย่างแน่นอน 

เฮมิสฆ่าเวลาในคืนนั้นด้วยการฟังรูห์คุยโม้ถึงวิญญาณต่างๆ ที่ตนนำไปส่งในช่วงเวลาหลายคืนก่อน มันอาจจะไม่ใช่เอด้าที่คุยสนุก และบางครั้งก็ทำให้เขานึกเสียดายที่ตนเองไม่ได้หยิบหนังสือกับตะเกียงติดตัวมา ทว่ามันก็อยู่เป็นเพื่อนเขาจนถึงเช้า 

ยามแสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้า เฮมิสก็เข้าใจว่าคนร้ายคงไม่มาแล้ว ดังนั้นเขาจึงขยับออกจากที่ซ่อนหลังพุ่มไม้หนาข้างสุสานนั้น เดินกลับมาที่ศพนักรบซึ่งยังนั่งพิงโคนไม้อยู่ในสภาพเดิม 

“เจ้าจะทำอย่างไรต่อรึ” รูห์ซึ่งลอยตามเขามาถามขึ้นยามเห็นเขายืนมองศพนั้นอยู่นาน 

“ฝังไว้ตามเดิม” เฮมิสเอ่ย แล้วจึงเดินไปยังมูนดินซึ่งอยู่ห่างจากศพนั้นไปราวยี่สิบก้าว เป็นบริเวณที่เขาคาดว่าศพอาจถูกฝังไว้ก่อนหน้านี้ 

เขายื่นมือซ้ายออกไป กางนิ้วทั้งห้าเหนือมูนดินนั้น ฉับพลันผืนดินตรงบริเวณนั้นก็แยกออกเป็นหลุมใหญ่พอให้ชายผู้หนึ่งลงไปนอนได้โดยไม่อึดอัด จากนั้นเขาก็ยกแขนขวายื่นออกไปทางศพนักรบผู้นั้น ศพนักรบก็พลันขยับลุกขึ้น ยกเท้าก้าวอาดมาทางเขาอย่างรวดเร็ว แล้วจึงล้มตัวนอนลงในหลุมอย่างว่าง่าย 

“เจ้าว่าคนผู้นั้นควบคุมศพไปเพื่ออะไร” รูห์ถามระหว่างที่เฮมิสกำลังมองดินเคลื่อนลงไปกลบศพนักรบ 

“ข้าจะรู้ได้หรือ” เขาตอบสั้นๆ 

“เจ้าจำไม่ได้หรือ ก่อนหน้านี้ก็มีคนเห็นศพสัตว์กับกระดูกสัตว์ออกมาเดินได้น่ะ” 

เฮมิสนิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาสีเงินหรี่ลงอย่างใช้ความคิดในขณะที่ยังคงจับจ้องกองดินซึ่งหยุดเคลื่อนไหวแล้ว 

“เหมือนต้องการทดลองอะไรบางอย่าง” เสียงรูห์เติมบทสนทนาที่ขาดช่วงไป 

ทดลอง…ควบคุมศพด้วยเวทมนต์น่ะหรือ เขาไม่เห็นเหตุผลที่นักเวทจะทำเช่นนั้น แต่ก็ไม่อาจหาคำอื่นมาอธิบายพฤติกรรมของคนร้ายได้ 

เอาเถิด คิดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ไว้หาตัวคนร้ายมาแล้วค่อยถามเอาก็ได้...นึกถึงตรงนี้เขาก็ละสายตาจากกองดิน ชำเลืองมองท้องฟ้าที่เริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย “ประตูเมืองคงเปิดแล้ว เรากลับกันเถิด” เขาว่าพลางหันหลังก้าวเดินออกจากสุสานไป 

--- 
 
รูห์หายไปหลังจากเขาเข้าเมืองมา 

มันรู้เวลาของมัน รู้ว่าเวลาใดควรโผล่มากวนเขา เวลาใดไม่ควร…เว้นแต่เวลาที่มันตั้งใจจะป่วนจริงๆ 

เขาใช้เวลาตลอดวันอยู่ที่ร้าน เฝ้าร้าน รับลูกค้า และตอบคำถามที่ไม่คิดว่าจะต้องตอบ 

“เจ้าเป็นนักปลุกชีพที่เขาลือกันจริงหรือ” 

“เหตุใดเจ้าต้องปลุกศพนักรบหัวขาดขึ้นมาด้วยเล่า” 

“นักปลุกชีพทำให้คนตายฟื้นคืนได้จริงหรือ” 

เขาปฏิเสธทุกคำถาม แม้แต่คำที่มีคนขอให้เขาช่วยปลุกภรรยา สามี ลูกสาวลูกชายซึ่งตายไปแล้วขึ้นมา เขาปฏิเสธว่าตนไม่อาจทำให้คนตายกลับมีชีวิตขึ้นมาได้…ซึ่งนั่นเป็นความจริง 

คนตายคือคนตาย ต่อให้ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ก็ยังเป็นคนตายอยู่ดี 

ไม่ใช่มีแต่ลูกค้าและชาวบ้านมากคำถามที่เข้ามาในร้านเขา แม้แต่ฟาลาก็มาหาเขาอีก... 

ยามที่เขากลับเข้าเมืองมาในตอนเช้า ฟาลานไม่ได้ตรวจตราอยู่ที่ประตูเมืองจึงไม่มีโอกาสเย้ยหยันเขา ดังนั้นพอตกบ่าย เฮมิสจึงได้รับเกียรติต้อนรับหัวหน้านายด่านผู้มาเยี่ยมเยือนถึงที่ 

“ว่าอย่างไร พบหลักฐานแก้ต่างให้ตัวเองแล้วหรือยัง” ฟาลานว่า พลางหยิบจับเครื่องรางในตู้สินค้าขึ้นมาดูเล่น โดยปล่อยให้ผู้ติดตามสองคนยืนพิงประตูหน้าร้านเปิดไว้ให้แสงลอดเข้ามา 

“ยังขอรับ” เฮมิสตอบด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร 

“แย่หน่อยนะ”​ หัวหน้านายด่านเอ่ยขึ้นลอยๆ “ว่าแต่…ข้าน่าจะพอช่วยเจ้าได้บ้างนา” คราวนี้เขาหันมาจ้องสบดวงตาสีเงิน 

“อย่างนั้นหรือขอรับ” เฮมิสยังคงปั้นยิ้มตอบออกไป 

“แต่มันมีค่าใช้จ่ายน่ะสิ” ฟาลานว่า พร้อมกับก้าวมาตรงหน้าชายผมเงินซึ่งยืนอยู่หลังโต๊ะยาวด้านในสุดของร้าน “สามเท่าของค่าส่วยที่ข้าเคยบอกไป ว่าอย่างไรเล่า” 

“ขอบคุณขอรับ” เฮมิสตอบ ยังไม่ละสายตาไปจากหัวหน้านายด่าน “แต่ข้าหาทางแก้ต่างให้ตัวเองได้” 

ฟาลานส่งเสียงหึอย่างขัดใจ “ก็ได้…” หัวหน้านายด่านว่า “คนของข้าเฝ้าอยู่ที่คุกหลายคน หากเจ้าอยากเข้าไปอยู่ในนั้นก็เชิญ!” ว่าแล้วเขาก็ก้าวอาดออกจากร้านไปอย่างหงุดหงิด 

ประตูร้านปิดลง บ่าทั้งสองของเฮมิสที่เกร็งอยู่ก็คลายลงเช่นกัน 

…เขาจะมีโอกาสได้อยู่อย่างสงบดังที่ตั้งใจไว้หรือไม่หนอ 
 
---
 
เฮมิสยืนอยู่ท่ามกลางแสงสนธยา 

เขากลับมาที่สุสานอีกครั้งในตอนเย็น แต่ก็ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติ หลุมศพของนักรบไร้หัวก็ยังคงอยู่เช่นนั้น ไม่มีใครมารบกวน 

เขาก้าวไปตามทางเดินระหว่างหลุมศพแต่ละหลุม ระหว่างนั้นร่างปิศาจกึ่งศพก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศข้างตัวเขา มันลอยตามเขาไปเงียบๆ ชั่วครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น 

“ตกลงเจ้าจะซื้อหมวกใบนั้นให้ข้าหรือไม่” 

เฮมิสเดินไปอีกหลายก้าว ก่อนจะเอ่ยถามกลับโดยไม่หันไปทางเอด้าตนนั้น “ราคาเท่าไหร่” 

รูห์ส่งเสียงหัวเราะคิกคักแล้วจึงตอบออกมา “ไม่แพงเลย แค่ห้าสิบชาร์เท่านั้น” 

“แพงไป” เขาบอก “หมวกสีเขียวใบเก่าของเจ้าราคายี่สิบชาร์” 

“แต่ใบนี้เพิ่งมาใหม่ สีเขียวสวยมาก ประดับขนนกด้วย ราคาเท่านี้ไม่แพงหรอก” มันพยายามอ้อนวอน “แล้วข้าจะช่วยเจ้าหานักเวทผู้นั้นให้ เจ้าจะได้อยู่อย่างสงบอย่างที่เจ้าต้องการอย่างไรเล่า” 

“แพง” เฮมิสตอบสั้นๆ โดยที่เท้ายังคงเดินต่อไป ทว่ารูห์กลับหยุดลอยตัวอยู่กลางอากาศ ทิ้งระยะห่างจากเขาไปหลายก้าว 

“ก็ได้!” มันกระแทกเสียง “หากเจ้าไม่ซื้อหมวกใบนั้นให้ข้า ข้าก็จะไม่ช่วยเจ้าอีก!” ว่าแล้วร่างปิศาจกึ่งศพก็หายวับไป 

เฮมิสหยุดฝีเท้าแล้วเหลือบมองกลับไปทางหางตา ครั้นรู้สึกว่ามันไม่อยู่ที่นั่นแน่แล้วเขาจึงส่ายหน้าช้าๆ จากนั้นจึงค่อยก้าวเดินต่อไปอีก ก้าวไปทางหลังพุ่มไม้ที่เขาใช้เร้นกายเมื่อคืนนั่นเอง 

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในยามที่ไม่มีรูห์คอยชวนคุยเรื่องต่างๆ ถึงเขาจะหยิบหนังสือติดตัวมาด้วย ทว่าเขาก็ไม่อาจจุดตะเกียงขึ้นมาเพื่ออ่านมันได้ เขาไม่ต้องการให้คนร้ายเห็นแสงตะเกียงนั้นแล้วไหวตัวหนีไปเสียก่อน 

ครั้นแล้วเขาก็เห็นคนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในสุสาน เป็นหญิงสาวสีหน้าเศร้าหมองนางหนึ่ง แขนของนางคล้องตะกร้าดอกไม้มาด้วย เมื่อเข้ามาแล้วนางก็เดินตรงไปยังหลุมศพที่อยู่อีกด้านหนึ่งของสุสาน ยืนอยู่ที่หน้าหลุมศพชั่วครู่ก่อนจะหยิบดอกไม้ในตะกร้ามาวางลง พูดคุยพึมพำกับหลุมศพอีกพักใหญ่พลางสะอื้นไห้ จากนั้นจึงลุกเดินจากไป 

ไม่น่าใช่…เฮมิสคิด…หญิงผู้นี้เศร้าโศกก็จริง แต่ไม่น่ามีความคิดที่จะปลุกศพขึ้นมา และดูท่าไม่ใช่คนมีเวทมนต์ ดังนั้นจึงไม่น่าจะใช่นาง 

ครู่ใหญ่ต่อมาเขาจึงเห็นชายชราถือไม้เท้าผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในสุสานพร้อมกับเด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่ง 

นี่ไม่ใช่แน่…เฮมิสสรุปสั้นๆ 

เขารอต่อไปอีกจนกระทั่งจันทร์ครึ่งดวงที่ลอยอยู่บนฟ้าลาลับไปแล้วก็ยังไม่เห็นใคร 

แน่ละ สุสานไม่ใช่ที่ๆ คนจะมาเดินเล่นกัน โดยเฉพาะในยามค่ำคืน 

เขาเริ่มถอดใจ คืนนี้คนร้ายอาจจะไม่มาแล้วก็ได้ และหากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะเสียเวลาอันมีค่าไปอีกคืนหนึ่ง 

‘เจ้ากำลังทำอะไรอยู่’ เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะทราบว่ามันเป็นเสียงในหัวของเขานั่นอง 

‘หาตัวคนร้ายหรือ เพื่ออะไรเล่า’ มันถาม แต่เขาไม่คิดจะตอบ 

‘ต่อให้เจ้าแก้ต่างให้กับตัวเองได้ ฟาลานก็จะหาเหตุอื่นมาใส่ความเจ้าอีก เจ้าคิดว่าคนเช่นนั้นจะยอมหยุดอย่างนั้นหรือ’ 

หางคิ้วของเฮมิสกระตุกขึ้นยามฟังคำนั้น…มันพูดถูก คนอย่างฟาลานไม่มีทางยอมเลิกราง่ายๆ อย่างแน่นอน 

‘เอาอย่างนี้สิ’ มันแนะ ‘หากเจ้าไม่อยากหนี ก็ทำลายตัวการที่ใส่ความเจ้าเสีย’ มันว่าแล้วก็หยุด เว้นจังหวะให้เขาคิดนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อไป ‘มองดูบริเวณนี้สิ มันคือสุสาน มีศพมากมาย อย่าว่าแต่ศพคนเลย ป่าแถบนี้ยังมีซากสัตว์อีกหลายชนิดให้เจ้าปลุกขึ้นมาใช้สอยได้’ 

เขายังคงนิ่งอยู่ ถึงรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่เขาต้องไม่ฟังมัน ต้องไม่สนใจมัน 

‘โอ เฮมิส ไฉนเจ้าจึงปล่อยให้คนเลวเช่นนั้นทำลายเจ้าเสียเล่า หากไม่ทำอะไรสักอย่าง มันก็จะตามราวีเจ้า แล้วเจ้าก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้ตามที่ปรารถนา’ 

มือทั้งสองของเขาบีบกำเข้าหากัน หัวคิ้วขมวดแน่น …ไปเสีย เขาไม่ต้องการให้มันมาบงการจิตใจของเขา ไสหัวไปเสีย! 

ความคิดเพิ่งบังเกิด เสียงนั้นก็พลันหายไป ครั้นความเงียบสงัดกลับเข้ามาแทนที่ หัวคิ้วของเขาจึงค่อยผ่อนลง มือก็คลายออก 

ตอนนั้นเองเขาพลันได้ยินเสียงสวบสาบดังมา ยามยืดคอชะโงกมองจากหลังพุ่มไม้ เขาก็เห็นเงาใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในสุสาน ครั้นเพ่งตามองจีงเห็นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อแขนยาวกับกางเกงสีน้ำตาล มีผ้าห่มคลุมตัวผืนหนึ่ง แต่ไม่ได้สวมผ้ากันเปื้อนแล้ว 

เบเร็ธ! 

###

ติดตามต่ออังคารหน้านะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่