ประวัติของพริก

1.
.

.
.

พริก ชื่อวิทยาศาสตร์ : 
Capsicum frutescens L
ภาษาอังกฤษ : Chili, Chilli Pepper
แต่ถ้าเป็นพริกขนาดใหญ่ ๆ ที่มีรสอ่อน ๆ
ไม่เผ็ด จะเรียกว่า Bell pepper,
Pepper, Paprika, Capsicum

มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้
มีการนำเข้ามาในสยาม
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นแล้ว

พริกหวาน พริกหยวก พริกชี้ฟ้า
อยู่ในกลุ่ม C. annuum
พริกเผ็ด ได้แก่ พริกขี้หนูสวน พริกขี้หนูใหญ่
อยู่ในกลุ่ม C. furtescens

Capsicum เป็นชื่อของสกุลของพืชดอกและผลไม้
ที่รู้จักและกินกันในชื่อ พริกหวาน  หรือเรียกเพียงว่า พริก

ชื่อ Capsicum มาจากคำภาษากรีก kapto หมายถึง  กัด หรือ  กลืน 
Capsicum มีต้นกำเนิด
ในทวีปอเมริกาใต้เมื่อ 5,000 ปีก่อน
แต่ทุกวันนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก
เมล็ดพริกที่เก่าแก่ที่สุดพบในซากเครื่องปั้นดินเผาโบราณ
ค้นพบที่ Puebla and Oaxaca
ใน  Federal Districts of Mexico
.
2.
.

.
.

พริกมีหลายประเภทมาก
และสายพันธุ์มากกว่า 27 ชนิด
ผสมพันธ์ุข้ามสายพันธ์ุไปมาได้ง่าย
พริกนำมาใช้เป็นอาหาร ผัก เครื่องเทศและยา 
ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ปลูก
และประเภทที่มีชื่อแตกต่างกัน 
จริง ๆ มีพริกหวานหลากหลายชนิดมาก
แต่ที่เรียกกันทั่วไปว่า  พริก 
หมายถึงผลไม้มีรสชาติที่เผ็ด

พริกที่มีรสชาติอ่อนหรือหวานมีหลายสีมาก เช่น
พริกแดง  พริกเขียว  พริกหยวก พริกเหลือง
หรือเรียกว่า capsicum ในนิวซีแลนด์ออสเตรเลียและอินเดีย
บางประเทศเรียกพริกว่า paprika

ส่วนที่ปักษ์ใต้บางพื้นที่เรียกพริกขี้หนู ว่า ดีปลี

บางประเทศนำมาตกแต่งอาหารเหมือนกับผัก
แต่จริง ๆ แล้วพริก คือ ผลจากต้นพริก
แต่พริกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พริกไทยดำ  Piper nigrum 
เพราะต้นตระกูลพริกวิวัฒนาการมาจาก
Nighshade พืชยุคก่อนประวัติศาสตร์
ในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมาในอเมริกาใต้
ที่แตกย่อยออกมาเป็น มะเขือเทศ มันฝรั่ง พริก
.
3.
.

.
.
4.
.

.
.
5.
.

.
ผลพริก capsicum ผ่าตูข้างใน
.
.


พริก Capsicum มาจาก
ความคล้ายคลึงกับพริกไทย
ด้านรสชาติระหว่างพืชทั้งสองชนิดนี้
คือ เผ็ดและหอม

พริก Chilli/Chile  มาจากภาษา Nahuatl 
ภาษาที่พูดกันโดยชนเผ่า Aztecs  
Hilli/Xilli คือชื่อเรียกเก่าแก่
ของพริก Capsicum
ที่ปลูกกันโดยชนเผ่า  Aztecs
เมื่อราว 5,000 ปีก่อน

พริกสายพันธุ์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่
มี  capsaicin
ซึ่งเป็นสารเคมี lipophilic
สารประกอบทางเคมีที่ละลายในไขมัน 
หมายถึงไขมันและน้ำมัน
ที่ทำให้เกิดอาการข้างเคียง
ที่เกิดขึ้นจากการกัดกิน คือ
รู้สึกแสบร้อนในเนื้อเยื่อใด ๆ ที่สัมผัส
แบบอร่อยปาก ลำบาก...

ความเผ็ดนี้มักจะมีผลมาก
กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม  
แต่พวกสัตว์ปีก/นกไม่มีผลข้างเคียงกับพริก
พวกมันสามารถจิกกินได้สบาย
ความเผ็ดร้อนมีวัตถุประสงค์หลัก คือ
เพื่อป้องกันพืชชนิดนี้จากการถูกกัดกิน
ด้วยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและแมลง
แต่ยอมให้สัตว์ปีกกินพืชชนิดนี้
เพื่อช่วยการกระจายเมล็ด/สายพันธุ์

พริกแต่ละสายพันธุ์
ยังมีรูปทรงและสีสันแตกต่างกัน
มี capsaicin ในปริมาณที่แตกต่างกัน 
ตัวอย่างเช่น พริกหยวก Capsicum ไม่มี 
แต่พริกขี้หนู Chille มีในปริมาณสูงกว่า
.
.
.
6.
.

.
พริก chili สายพันธุ์ jalapeno, banana,
cayenne, และ habanero
.
.


Capsicum Chili Red Peppers พริกแดง

ต้นกำเนิดของพริก คือ ซีกโลกตะวันตก
และเป็นที่รู้จักและใช้เป็นอาหาร
ตั้งแต่ 7,500 ปีก่อนคริสตกาล 
โดยการปรากฏตัวของพืชชนิดนี้
ครั้งแรกในอเมริกาใต้ 
ต่อมาได้แพร่กระจายไปยังอเมริกากลาง
ระหว่าง 5,200 ถึง 3,400 ปีก่อนคริสตกาล 
จนแม้กระทั่งทุกวันนี้ พริก chiles พริกป่า
ที่เป็นบรรพบุรุษของพริกพื้นบ้าน/ประจำถิ่น
ก็ยังมีการเก็บกินแบบเดียวกับพริกทั่วไป
ที่มีการปลูกกันในระดับอุตสาหกรรม

เมืองไทยสายพันธุ์พริกกะเหรี่ยง นิยมกันมาก
เพราะมีขนาดเรียวยาว เก็บเกี่ยวง่าย
และราคาดีในบางช่วง ตกกิโลกรัมร่วมร้อยบาท
แต่บางคนบอกรสชาติ/ความเผ็ดแพ้พริกขี้หนู

เรื่องราวการแพร่กระจายของพริกไปทั่วโลก
มีตำนานเล่าว่า เป็นผลงานของ
Christopher Columbus 
ที่รับผิดชอบการนำพริก chile ไปยังยุโรป
และจากที่นั่นพริกก็ได้แพร่กระจาย
ไปยังแอฟริกาและเอเชีย 
ทั้งยังเป็นผู้ตั้งชื่อ Chile ว่า พริกแดง
เพราะมีรสชาติเผ็ดคล้ายกับผลพริกไทยดำ
และเป็นที่นิยมกินกันอย่างรวดเร็ว
ใช้ในการปรุงอาหารที่มีรสชาติเผ็ด
ทดแทนพริกไทยดำที่มีราคาแพง/หายาก
และเป็นเครื่องปรุงที่จำเจมาก
ในอาหารชนชั้นสูงยุคนั้น
เพราะต้องนำเข้าจากทางทวีปเอเซีย
ที่ดัชต์ผูกขาดในการผลิตที่อินโดนีเซีย
มีกองเรือสเปน/โปรตุเกสนำมาขายในยุโรป

แต่อีกตำนานหนึ่งคือ  Hernán Cortés ที่พิชิตละตินอเมริกา
โดยล้มล้างจักรวรรดิชนเผ่า Aztecs
เป็นผู้นำมาเผยแพร่ในทวีปยุโรป
แล้วบรรดานักเดินเรือโปรตุเกสกับพ่อค้า
ต่างพกพาติดตัวและนำไปเผยแพร่
ในแอฟริกาและเอเซีย
ตามคำสั่งแบ่งซีกโลก Alexandre VI
หลังจากโปรตุเกสครอบครองบราซิลแล้ว

เมืองกัว ในอินเดียเป็นจุดพักสินค้า
/เมืองท่าที่เป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกส
ถัดมาคือ ย่างกุ้ง ในพม่า มะละกา ในมาเลย์
ชนชาติแรกที่มาติดต่อกับสยามคือ โปรตุเกส

Credit :
รัฐบาลฝรั่งชาติแรกที่มาถึงสยาม
มีคำสั่งมาเข้าเมืองไหนได้
ให้แพร่พันธุ์กับสาวพื้นเมืองยึดไว้ให้มั่นคง


ใน พ.ศ.2054
สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
ต่อมาในปี พ.ศ.2081
เมื่อสมเด็จพระไชยราชาธิราช
ยกทัพไปรบกับพม่า
ก็มีชาวโปรตุเกสอาสา
เข้ากองทัพหลวงไปช่วยรบด้วย 120 คน
จากจำนวนชาวโปรตุเกส
ในกรุงศรีอยุธยาทั้งหมด 130 คน
ปรากฏว่าในกองทัพของพม่า
ที่มารบกับไทยครั้งนั้น
ก็มีชาวโปรตุเกสอาสาถือปืนไฟ
มารบด้วยเหมือนกัน
เมื่อมีชัยในสงครามกลับมา
สมเด็จพระไชยราชา
จึงพระราชทานบำเหน็จความชอบ 
ยกที่ดินตำบลหนึ่งริมแม่น้ำฝั่งตะวันตก
ใต้กรุงศรีอยุธยา ให้ตั้งบ้านเรือน
และพระราชทานอนุญาต
ให้สร้างวัดคริสต์ตามใจชอบ
ชาวยุโรปและศาสนาคริสต์
นิกายโรมันคาทอลิก
จึงลงรากในสยามตั้งแต่บัดนั้น
.
7.
.

.
.


เมื่อพริกมาถึงยุโรปแล้ว
ก็มีการใช้ปรุงอาหารต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
โดยการใช้พริกที่มีรสชาติเผ็ดร้อน
หรือไม่เผ็ด(พริกหวาน)

ที่สเปนทำ chorizo
ซึ่งเป็นไส้กรอกหมูชนิดหนึ่ง
picante ถ้าทำด้วยพริกเผ็ด
dulce ถ้าทำด้วยพริกหวาน 

ฮังการีทำ lecsó
สตูว์รสเข้มข้น ที่ทำจาก พริกเผ็ดร้อน 
มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ กระเทียม น้ำมันหมู 
เป็นที่นิยมในฮังการี  เยอรมนี
สาธารณรัฐเช็ก  สโลวาเกีย
โครเอเชีย โปแลนด์และรัสเซีย

ในบัลแกเรีย เซอร์เบียใต้ มาซิโดเนีย
เตรียมพริกด้วยวิธีต่าง ๆ 
เช่น Turshiya
ใช้ดองร่วมกับพวกผักผลไม้  
ทอดพริกแล้ววางพร้อมกับมะเขือเทศ
หัวหอม กระเทียมและผักชีฝรั่ง 
หรือนำไปยัดไส้เนื้อสัตว์  ข้าว  ถั่ว
ชีสสดและไข่ แล้วนำไปปรุงอาหาร 
.
.

.
.

พริกแดงรสเผ็ดยังสามารถนำไปตากแห้ง
นำไปใช้เลย หรือบดเป็นพริกป่น

พริกมีสกุลพืชมากกว่า 25-27 ชนิด
แต่มีเพียง 5 ชนิดเท่านั้น
ที่เป็นพริกบ้าน/พืชประจำถิ่น
C. annuum C. baccatum C. chinense
C. frutescens และ C. pubescens.


พริกมีขนาดแตกต่างกันมากในรูปร่างและสี
แม้ว่าจะออกลูกมาจากสายพันธุ์เดียวกัน
พริกสามารถขายได้ตั้งแต่สภาพสีเขียวอ่อน
สีแดง สีเหลือง หรือ สีส้ม พริกสุกแล้ว
พริกเป็นผลไม้ที่สามารถกินแบบดิบ ๆ
ทำให้สุกด้วยการคั่ว ทอด ตาก
อบให้แห้ง หรือดอง

พริก เป็นพืชพุ่มไม้เตี้ย ๆ
สามารถเติบโตได้สูงถึง 1 เมตร
และมีดอกสีขาว 
ในเมล็ดพริกมี carotenoids 
proteins vitamin A vitamin C
provitamins E P B1 B2 และ B3 
steroidal alkaloidal glycosides
solanine and solasadine)
และ coumarin

พริกที่ใส่ในถุงพลาสติก
ใส่ไว้ในตู้เย็นเก็บได้นานถึง  5 วัน
พริกสีเขียวมีอายุการใช้งานนานกว่าพริกสุก
แต่ถ้าหากพริกถูกแช่แข็งแล้ว
จะเก็บรักษาได้นานกว่า

พริกหยวกสีแดง
มีความหวานมากกว่าพริกชนิดอื่น
จะมีน้ำตาลธรรมชาติประมาณ 2 ช้อนชา

ส่วนพริกหยวกสีเหลือง
จะหวานน้อยกว่าเล็กน้อย

พริกหยวกสีแดงยังมีวิตามินซี
ในปริมาณที่สูงที่สุด
โดยมีวิตามินที่ต้องการใช้
ในชีวิตประจำวันถึง 1,000%
วิตามินซีในพริกช่วยป้องกันลิ่มเลือด

พริกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ซึ่งช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
ป้องกันและรักษาโรคหัวใจ  โรคข้อเข่าเสื่อม
โรคหลอดลมอักเสบ โรคหอบหืด ต้อกระจก
และโรคอื่น ๆ
วิตามินจำนวนมากเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

Capsaicin จากพริกสามารถใช้
ในการรักษาอาการปวด ถ้าใช้ทา
การทาบนผิวหนังจะสามารถป้องกันได้
เพราะจะมีการส่งสัญญาณความเจ็บปวด
จากผิวหนังไปยังไขสันหลัง(ที่ส่งต่อไปยังประสาทส่วนต่าง ๆ)

ส่วนผสมต่าง ๆ ในพริกยังเพิ่มการเผาผลาญ
และทำให้เผาผลาญแคลอรี่ได้เร็วขึ้น
ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต
ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

พริกสามารถรักษาโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ได้
ทั้งยังกระตุ้นการหลั่งในกระเพาะอาหาร
และปรับปรุงการย่อยอาหาร

Capsaicin ในพริก
จะทำลายเชื้อแบคทีเรียในอาหาร
ป้องกันไม่ให้มีผลกระทบต่อร่างกาย
บางคนบอกว่าพริกนั้น
เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
บางคนบอกว่าการใช้พริกทาเส้นผม 
แม้ว่าอาจเจ็บปวด
แต่เพราะ capsaicin ป้องกันผมร่วง ช่วยรักษาเส้นผมให้หนาและ สมบูรณ์แข็งแรง

บางคนบอกว่าพริกและ capsaicin
สามารถป้องกันหรือต่อสู้กับโรคมะเร็งได้
บางคนบอกว่าพริกสามารถป้องกัน
มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งตับอ่อนและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

พริก 100 กรัมมี 20 แคลอรี่
พริก มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก
จึงนำมาใช้เป็นอาหารลดน้ำหนัก

นักวิจัยบางคนบอกว่า 
พริกจะชะลอและยับยั้ง
การเจริญเติบโตของเซลล์ไขมัน
โดยเปิดใช้งาน activates AMP-activated protein kinase (AMPK)
ซึ่งจะควบคุมพฤติกรรมการกิน
และการใช้พลังงาน

เรียบเรียง/ที่มา

http://bit.ly/2s9bVDE
http://bit.ly/2Z7BMYV
http://bit.ly/2Q5XkAX
http://bit.ly/2Z6RzXM
http://bit.ly/2Z67S7p
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่