#ลูกมีไข้ตวงยาอย่างไรดี
วันนี้ครูองุ่นจำลองการตวงยาลดไข้ของลูกมาให้นะคะ
ครูองุ่นเป็นพยาบาลนะคะ ไม่ใช่เภสัชค่ะ
แต่จากประสบการณ์ทำงานบนหอผู้ป่วยเด็ก
พบว่า ผู้ปกครองเด็กๆ มักยังเข้าใจผิด
เรื่องการป้อนยาลูก โดยเฉพาะยาลดไข้
ทำให้เด็กๆ มีความเสี่ยงสูง ที่จะได้รับยาผิดขนาด
บางคนได้น้อยไป บางคนได้มากไป ถึงขั้น ได้รับยาเกินขนาด ที่มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Drug Overdose
ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ถือว่า ไม่ดีทั้งคู่นะคะ
ครูองุ่น ก็เลย สรุปง่ายๆ เกี่ยวกับ ปริมาณยา และการตวงยาคร่าวๆมาให้ นะคะ
...................
🌷ผลกระทบของการกินยาพาราเซตามอลเกินขนาด
ยาพาราเซตามอล เป็นยาลดไข้ที่ดีที่สุดที่มีการใช้ในปัจจุบัน แต่ที่ต้องเตือนเพราะมีปัญหาเป็นพิษต่อตับได้และทุกวันนี้ก็เห็นว่า มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นทุกปีนะคะ
สาเหตุก็คงเป็นเพราะใช้กันมาก และทุกคนก็คงคิดว่า คงไม่เป็นไร ก็แค่ยาพาราเซตามอล (อันที่จริงไม่ใช่นะคะ ยาทุกอย่าง มีทั้งคุณและโทษ ต้องใช้ให้พอเหมาะ และถูกต้อง นะคะ)
และล่าสุดมีรายงานว่าเกิดปัญหาในเด็กจำนวนมากทั้งเจตนา และอุบัติเหตุกินเกินขนาด กว่า 1 พันคนต่อปี อายุน้อยสุด 1 ขวบ เพราะพ่อแม่ให้ยาลดไข้พาราฯ เกินขนาด
......................
🌷อาการ
การกินยาพาราเซตามอลเกิน จะไม่เห็นอาการในเร็ววันนะคะ จะเห็นก็ต่อเมื่อระยะอันตราย เป็นตับอักเสบ ตับแข็ง และก่อให้เกิดมะเร็งตับแล้วค่ะ (คนก็เลยชะล่าใจค่ะ คิดว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลยทำไปเรื่อยๆ)
ฟังแล้วทุกคนเศร้าใจไหมคะ ครูองุ่นสงสารเด็กๆค่ะ ไม่อยากให้เด็กๆ สะสมยาเกินขนาดนะคะ เลยขอแชร์ความรู้เบื้องต้น เรื่องการใช้ยาพาราเซตามอลนะคะ
........................
เมื่อทุกคนรู้ถึงความสำคัญของการตวงยาแล้ว
ว่าสำคัญมากขนาดไหน
เรามาเรียนรู้วิธีการตวงยาง่ายๆ
เพื่อให้ลูกปลอดภัย ไม่ได้รับผลเสียจากยา
เกินความจำเป็น ดีกว่านะคะ
......................
🌷หน่วยตวงสำหรับยาน้ำที่พบบ่อยๆ คือ
📍1 ช้อนชา (มาตรฐาน) เท่ากับ 5 ซีซี หรือ 5 มิลลิลิตร
📍1 ช้อนโต๊ะ (มาตรฐาน)เท่ากับ 15 ซีซี หรือ 15 มิลลิลิตร
.....................
ตัวอย่างวิธีการตวงยา
🌷1 ช้อนชา = 5 ซีซี (ตวงยาให้เต็มขอบบนของช้อน)
🌷3/4 ช้อนชา = 3.75 ซีซี (ตวงยาเลยขีดกลางของช้อน
ชาแต่ไม่เต็มช้อน)
🌷1/2 ช้อนชา= 2.5 ซีซี (ตวงยาแค่ขีดกลางขอช้อน)
🌷1/3 ช้อนชา = 1.7 ซีซี (ตวงยาต่ำกว่าขีดกลางของช้อน
ชาเล็กน้อย)
🌷1/4 ช้อนชา = 1.25 ซีซี (ตวงยาต่ำกว่าขีดกลางของช้อน
ชาครึ่งหนึ่ง)
🍀หลอดดูดยา = อุปกรณ์สำหรับตวงยาที่มีปริมาณน้อยๆ
🍀กระบอกฉีดยาพลาสติกที่ไม่มีเข็ม ก็ใช้ได้นะคะ(ใช้ง่ายดีมากๆค่ะ และตวงได้ค่อนข้างแม่นยำนะคะ)
ส่วนตัวครูองุ่นชอบใช้ กระบอกฉีดยาพลาสติกค่ะ มีขีดบอกใช้ง่ายด้วยค่ะ
ถ้าจะใช้ช้อนตวง ครูองุ่นจะเลือกช้อนชา ที่ได้มากับกล่องยานั้นๆนะคะ (จะได้มาตฐานนะคะ)
..............................
🌷สิ่งที่ต้องระวัง
ระวังอย่าให้ยาลูกผิดเกินขนาดนะคะ
อย่าสับสนระหว่าง ช้อนชา กับ ช้อนโต๊ะ เพราะปริมาณต่างกันมากๆค่ะ
1 ช้อนโต๊ะ = ตั้ง 15 ซีซี หรือ 15 มิลลิลิตร เลยทีเดีย
(ในขณะที่ 1 ช้อนชา มีแค่ 5 ซีซี มากกว่าถึง 3 เท่าเลย)
พ่อแม่อย่าสับสนนะคะ ย้ำค่ะ คนละอันกัน
..................................
🌷กินยาพาราเซตามอลห่างกัน 4-6 ชั่วโมง นะคะ
จดบันทึกไว้ค่ะ (ถ้าใครขี้ลืม ให้มีสมุดเล่มเล็กจดเวลาลูกกินยาเลย ครูองุ่นยังทำเลยค่ะ บางทีลูกป่วยกินยาเยอะสับสน) จะได้ดูได้ว่าลูกกินยา แต่ละตัวกี่โมงบ้าง
กินไปแล้วกี่ชั่วโมง ห้ามให้ถี่กว่า 4 ชั่วโมงนะคะ
ตับลูกจะพัง
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🍀เช่นวิธีการทำบันทึก
::คุณแม่ A ให้ลูกกินยาพาราเซตามอล
(ชนิด 120 mg/5 ml) ดังนี้
วันที่ 5 ต.ค. 2561 น้องมีไข้
8.00 น. =กินยา (1)
11.00 น. (🤒เช็ดตัวลดไข้ ยังไม่กินยา ไม่ถึงเวลายา รอ)
14.00 น. = กินยา (2) +เช็ดตัว
18.00 น. =🤒ไข้ขึ้น เช็ดตัว +กินยา(3)
อธิบาย
จะเห็นว่ากินยาครั้งที่ 1 และ 2 ห่างกัน 6 ชั่วโมง ส่วนครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 3 ประมาณ 4 ชั่วโมง แสดงว่าคุณแม่ A ให้ยาถูกต้อง ห่างกัน 4-6 ชั่วโมง แถมใช้วิธีเช็ดตัวลดไข้รอ หากลูกมีไข้ ยังไม่ให้ยา เพราะยังไม่ถึงเวลา ซึ่งดีมากๆ แต่ถึงอย่างไรถ้าไข้สูงมาก ให้รีบพาไปหาหมอ ให้หมอช่วยพิจารณานะคะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
::คุณแม่ B ให้ลูกกินยาพาราเซตามอล
(ชนิด 120 mg/5 ml) ดังนี้
วันที่ 5 ต.ค. 2561 น้องมีไข้
8.00 น. = กินยา (1)
11.00 น. = 🤒 เริ่มตัวร้อน รีบกินยา(2)ไม่เช็ดตัว
14.00 น. =🤒ไข้ขึ้นอีก กินยาอีก(3)
18.00 น. =🤒ไข้ขึ้น เช็ดตัว +กินยา(4)
อธิบาย
คุณแม่ B ปฏิบัติยังไม่ถูกต้องค่ะ อันตรายมาก
จะเห็นว่าครั้งที่ 1 และ 2 ห่างกัน 3 ชั่วโมง (ไม่ถูกต้อง)
ส่วนครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 3 ประมาณ 3 ชั่วโมง (ไม่ถูกต้องอีกถี่กันเกินไป)
ส่วนครั้งที่ 3 ห่างจากครั้งที่ 4 ประมาณ 4 ชั่วโมง (ครั้งนี้ถูก ห่าง 4-6 ชั่วโมง)
จำไว้นะคะ เราต้องเคร่งครัดเรื่องนี้ค่ะ
ทางที่ดี กินให้ห่างกัน ทุก 6 ชั่วโมง (เน้นเช็ดตัวดีกว่าคะ)
วัน สองวันไข้ไม่ลงไปหาหมอเลยนะคะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🛑หยุดอ่านก่อน สำคัญมากๆ
📍สิ่งสำคัญที่ 1 ย้ำ ไม่เกิน 5 ครั้ง/วัน
ทุกท่านรู้ไหมค่ะว่า ยาพาราเซตามอล พ่อแม่ต้องระวังไม่ให้ลูกกินติดต่อกัน เกิน 5 ครั้ง/วัน
นั่นหมายความว่า ทั้ง คุณแม่ Aและ B ในตัวอย่าง👆
ต้องระวังแล้ว โดยเฉพาะ คุณแม่ B เพราะทั้งความเสี่ยง
ป้อนยาลูกถี่ไป และให้ไป 4 ครั้ง จะถึง 5 ครั้งแล้ววันนี้
(หากไม่มีความรู้นี่ลูกเสี่ยงแน่ๆนะคะ รักลูกต้องมีความรู้นะคะ)
📍สิ่งสำคัญที่ 2 ย้ำ ไม่ใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 5 วัน
ท่านรู้ไหมว่า พาราเซตามอล ห้ามกินติดต่อกันเกิน 5 วันนะคะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🌷เหตุผล ทำไมไม่กินยาเกินขนาด?
🍀เพราะถ้าใช้ยานี้เกินขนาดที่แนะนำ
จะทำให้เป็นพิษต่อตับได้คะ 🍀
(สำคัญมากพ่อแม่ต้องตระหนักนะคะ)
หลักการนี้ แทบจะใช้ได้กับยาทุกชนิดเลยค่ะ ห้ามกินถี่เกินไป ต้องกินให้ตรงตามที่แพทย์สั่งนะคะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ด้วยเหตุนี้การเช็ดตัวลดไข้ถึงจำเป็นมาก
ช่วยไม่ให้ยาถี่เกินไป ชะลอการให้ยาได้
ตับลูกไม่พัง
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🌷เมื่อไหร่ต้องไปหาหมอ?
1)ถ้าเช็ดตัวลูกเอาไม่อยู่ กินยาก็จะเกินกำหนดปลอดภัยแล้ว แถมไม่ดีขึ้นเลย
(แค่ไข้เกิน 2 วัน ก็ควรไปหาหมอเร่งด่วนนะคะ)
2)มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียน ผื่นขึ้น ปวดท้อง
ปวดหัว
3)ลูกซึมลง ไม่กินข้าว กินนม
หากมีปัญหาเรื่องยาสงสัยอะไร
ปรึกษาเภสัชใกล้บ้านเลยนะคะ. ห้ามอายค่ะ
เพื่อลูก
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ด้วยรักและปรารถนาดี
ครูองุ่น เพ็ญนภา ฤทธิ์วงศ์ สุวรรณวงษ์
เจ้าของเพจ NAPAT Family
....................
ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพดีๆ ง่ายๆ ใช้ได้ทันที แบบนี้ 👇
https://www.youtube.com/channel/UCKcZHvGb8WruPIQBVbGdXmQ
หรือ ในเฟสบุ๊ค 👇
https://m.facebook.com/NapatFamily/
.........................................
ลิงค์ Live สดเรื่อง เมื่อลูกมีไข้ นะคะ
🌸ลูกมีไข้ทำอย่างไรดี
(Ep.1)
https://www.facebook.com/333752073756662/videos/447975219001013/
(Ep.2)
https://www.facebook.com/333752073756662/videos/447998748998660/
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🌸เช็ดตัวลดไข้อย่างไรให้ไข้ลดลง
https://www.facebook.com/333752073756662/posts/436693310129204/
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
📣ประกาศเพจ ณภัชบ้านแห่งความรู้สำหรับครอบครัว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับมหาวิทยาลัย หรือสถานที่ต่างๆโปรดศึกษา ....ครูองุ่นเปิดเพจมาเพื่อแชร์ความรู้ต่างๆด้วยการนำเอาประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาจากการทำงานเป็นพยาบาลดูแลคนไข้มาตลอดเวลา 15 ปี และจากประสบการณ์ที่เลี้ยงลูกตัวเองมาจริงๆ มาผนวกเข้าด้วยกัน เป็นความรู้ที่สรุปเองโดยครูองุ่นอีกครั้ง โดยจะพยายามถ่ายทอดแบบเรียบง่ายๆ แต่ใช้ได้จริง ในชีวิตประจำวันในการเลี้ยงลูก
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🍇🍊ลิงค์หน้าหลักของเพจ🍋🥝
https://www.facebook.com/333752073756662/posts/530784120720122/
ลูกมีไข้ตวงยาอย่างไรดี
วันนี้ครูองุ่นจำลองการตวงยาลดไข้ของลูกมาให้นะคะ
ครูองุ่นเป็นพยาบาลนะคะ ไม่ใช่เภสัชค่ะ
แต่จากประสบการณ์ทำงานบนหอผู้ป่วยเด็ก
พบว่า ผู้ปกครองเด็กๆ มักยังเข้าใจผิด
เรื่องการป้อนยาลูก โดยเฉพาะยาลดไข้
ทำให้เด็กๆ มีความเสี่ยงสูง ที่จะได้รับยาผิดขนาด
บางคนได้น้อยไป บางคนได้มากไป ถึงขั้น ได้รับยาเกินขนาด ที่มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Drug Overdose
ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ถือว่า ไม่ดีทั้งคู่นะคะ
ครูองุ่น ก็เลย สรุปง่ายๆ เกี่ยวกับ ปริมาณยา และการตวงยาคร่าวๆมาให้ นะคะ
...................
🌷ผลกระทบของการกินยาพาราเซตามอลเกินขนาด
ยาพาราเซตามอล เป็นยาลดไข้ที่ดีที่สุดที่มีการใช้ในปัจจุบัน แต่ที่ต้องเตือนเพราะมีปัญหาเป็นพิษต่อตับได้และทุกวันนี้ก็เห็นว่า มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นทุกปีนะคะ
สาเหตุก็คงเป็นเพราะใช้กันมาก และทุกคนก็คงคิดว่า คงไม่เป็นไร ก็แค่ยาพาราเซตามอล (อันที่จริงไม่ใช่นะคะ ยาทุกอย่าง มีทั้งคุณและโทษ ต้องใช้ให้พอเหมาะ และถูกต้อง นะคะ)
และล่าสุดมีรายงานว่าเกิดปัญหาในเด็กจำนวนมากทั้งเจตนา และอุบัติเหตุกินเกินขนาด กว่า 1 พันคนต่อปี อายุน้อยสุด 1 ขวบ เพราะพ่อแม่ให้ยาลดไข้พาราฯ เกินขนาด
......................
🌷อาการ
การกินยาพาราเซตามอลเกิน จะไม่เห็นอาการในเร็ววันนะคะ จะเห็นก็ต่อเมื่อระยะอันตราย เป็นตับอักเสบ ตับแข็ง และก่อให้เกิดมะเร็งตับแล้วค่ะ (คนก็เลยชะล่าใจค่ะ คิดว่า ไม่เห็นเป็นอะไรเลยทำไปเรื่อยๆ)
ฟังแล้วทุกคนเศร้าใจไหมคะ ครูองุ่นสงสารเด็กๆค่ะ ไม่อยากให้เด็กๆ สะสมยาเกินขนาดนะคะ เลยขอแชร์ความรู้เบื้องต้น เรื่องการใช้ยาพาราเซตามอลนะคะ
........................
เมื่อทุกคนรู้ถึงความสำคัญของการตวงยาแล้ว
ว่าสำคัญมากขนาดไหน
เรามาเรียนรู้วิธีการตวงยาง่ายๆ
เพื่อให้ลูกปลอดภัย ไม่ได้รับผลเสียจากยา
เกินความจำเป็น ดีกว่านะคะ
......................
🌷หน่วยตวงสำหรับยาน้ำที่พบบ่อยๆ คือ
📍1 ช้อนชา (มาตรฐาน) เท่ากับ 5 ซีซี หรือ 5 มิลลิลิตร
📍1 ช้อนโต๊ะ (มาตรฐาน)เท่ากับ 15 ซีซี หรือ 15 มิลลิลิตร
.....................
ตัวอย่างวิธีการตวงยา
🌷1 ช้อนชา = 5 ซีซี (ตวงยาให้เต็มขอบบนของช้อน)
🌷3/4 ช้อนชา = 3.75 ซีซี (ตวงยาเลยขีดกลางของช้อน
ชาแต่ไม่เต็มช้อน)
🌷1/2 ช้อนชา= 2.5 ซีซี (ตวงยาแค่ขีดกลางขอช้อน)
🌷1/3 ช้อนชา = 1.7 ซีซี (ตวงยาต่ำกว่าขีดกลางของช้อน
ชาเล็กน้อย)
🌷1/4 ช้อนชา = 1.25 ซีซี (ตวงยาต่ำกว่าขีดกลางของช้อน
ชาครึ่งหนึ่ง)
🍀หลอดดูดยา = อุปกรณ์สำหรับตวงยาที่มีปริมาณน้อยๆ
🍀กระบอกฉีดยาพลาสติกที่ไม่มีเข็ม ก็ใช้ได้นะคะ(ใช้ง่ายดีมากๆค่ะ และตวงได้ค่อนข้างแม่นยำนะคะ)
ส่วนตัวครูองุ่นชอบใช้ กระบอกฉีดยาพลาสติกค่ะ มีขีดบอกใช้ง่ายด้วยค่ะ
ถ้าจะใช้ช้อนตวง ครูองุ่นจะเลือกช้อนชา ที่ได้มากับกล่องยานั้นๆนะคะ (จะได้มาตฐานนะคะ)
..............................
🌷สิ่งที่ต้องระวัง
ระวังอย่าให้ยาลูกผิดเกินขนาดนะคะ
อย่าสับสนระหว่าง ช้อนชา กับ ช้อนโต๊ะ เพราะปริมาณต่างกันมากๆค่ะ
1 ช้อนโต๊ะ = ตั้ง 15 ซีซี หรือ 15 มิลลิลิตร เลยทีเดีย
(ในขณะที่ 1 ช้อนชา มีแค่ 5 ซีซี มากกว่าถึง 3 เท่าเลย)
พ่อแม่อย่าสับสนนะคะ ย้ำค่ะ คนละอันกัน
..................................
🌷กินยาพาราเซตามอลห่างกัน 4-6 ชั่วโมง นะคะ
จดบันทึกไว้ค่ะ (ถ้าใครขี้ลืม ให้มีสมุดเล่มเล็กจดเวลาลูกกินยาเลย ครูองุ่นยังทำเลยค่ะ บางทีลูกป่วยกินยาเยอะสับสน) จะได้ดูได้ว่าลูกกินยา แต่ละตัวกี่โมงบ้าง
กินไปแล้วกี่ชั่วโมง ห้ามให้ถี่กว่า 4 ชั่วโมงนะคะ
ตับลูกจะพัง
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🍀เช่นวิธีการทำบันทึก
::คุณแม่ A ให้ลูกกินยาพาราเซตามอล
(ชนิด 120 mg/5 ml) ดังนี้
วันที่ 5 ต.ค. 2561 น้องมีไข้
8.00 น. =กินยา (1)
11.00 น. (🤒เช็ดตัวลดไข้ ยังไม่กินยา ไม่ถึงเวลายา รอ)
14.00 น. = กินยา (2) +เช็ดตัว
18.00 น. =🤒ไข้ขึ้น เช็ดตัว +กินยา(3)
อธิบาย
จะเห็นว่ากินยาครั้งที่ 1 และ 2 ห่างกัน 6 ชั่วโมง ส่วนครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 3 ประมาณ 4 ชั่วโมง แสดงว่าคุณแม่ A ให้ยาถูกต้อง ห่างกัน 4-6 ชั่วโมง แถมใช้วิธีเช็ดตัวลดไข้รอ หากลูกมีไข้ ยังไม่ให้ยา เพราะยังไม่ถึงเวลา ซึ่งดีมากๆ แต่ถึงอย่างไรถ้าไข้สูงมาก ให้รีบพาไปหาหมอ ให้หมอช่วยพิจารณานะคะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
::คุณแม่ B ให้ลูกกินยาพาราเซตามอล
(ชนิด 120 mg/5 ml) ดังนี้
วันที่ 5 ต.ค. 2561 น้องมีไข้
8.00 น. = กินยา (1)
11.00 น. = 🤒 เริ่มตัวร้อน รีบกินยา(2)ไม่เช็ดตัว
14.00 น. =🤒ไข้ขึ้นอีก กินยาอีก(3)
18.00 น. =🤒ไข้ขึ้น เช็ดตัว +กินยา(4)
อธิบาย
คุณแม่ B ปฏิบัติยังไม่ถูกต้องค่ะ อันตรายมาก
จะเห็นว่าครั้งที่ 1 และ 2 ห่างกัน 3 ชั่วโมง (ไม่ถูกต้อง)
ส่วนครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งที่ 3 ประมาณ 3 ชั่วโมง (ไม่ถูกต้องอีกถี่กันเกินไป)
ส่วนครั้งที่ 3 ห่างจากครั้งที่ 4 ประมาณ 4 ชั่วโมง (ครั้งนี้ถูก ห่าง 4-6 ชั่วโมง)
จำไว้นะคะ เราต้องเคร่งครัดเรื่องนี้ค่ะ
ทางที่ดี กินให้ห่างกัน ทุก 6 ชั่วโมง (เน้นเช็ดตัวดีกว่าคะ)
วัน สองวันไข้ไม่ลงไปหาหมอเลยนะคะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🛑หยุดอ่านก่อน สำคัญมากๆ
📍สิ่งสำคัญที่ 1 ย้ำ ไม่เกิน 5 ครั้ง/วัน
ทุกท่านรู้ไหมค่ะว่า ยาพาราเซตามอล พ่อแม่ต้องระวังไม่ให้ลูกกินติดต่อกัน เกิน 5 ครั้ง/วัน
นั่นหมายความว่า ทั้ง คุณแม่ Aและ B ในตัวอย่าง👆
ต้องระวังแล้ว โดยเฉพาะ คุณแม่ B เพราะทั้งความเสี่ยง
ป้อนยาลูกถี่ไป และให้ไป 4 ครั้ง จะถึง 5 ครั้งแล้ววันนี้
(หากไม่มีความรู้นี่ลูกเสี่ยงแน่ๆนะคะ รักลูกต้องมีความรู้นะคะ)
📍สิ่งสำคัญที่ 2 ย้ำ ไม่ใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 5 วัน
ท่านรู้ไหมว่า พาราเซตามอล ห้ามกินติดต่อกันเกิน 5 วันนะคะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🌷เหตุผล ทำไมไม่กินยาเกินขนาด?
🍀เพราะถ้าใช้ยานี้เกินขนาดที่แนะนำ
จะทำให้เป็นพิษต่อตับได้คะ 🍀
(สำคัญมากพ่อแม่ต้องตระหนักนะคะ)
หลักการนี้ แทบจะใช้ได้กับยาทุกชนิดเลยค่ะ ห้ามกินถี่เกินไป ต้องกินให้ตรงตามที่แพทย์สั่งนะคะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ด้วยเหตุนี้การเช็ดตัวลดไข้ถึงจำเป็นมาก
ช่วยไม่ให้ยาถี่เกินไป ชะลอการให้ยาได้
ตับลูกไม่พัง
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🌷เมื่อไหร่ต้องไปหาหมอ?
1)ถ้าเช็ดตัวลูกเอาไม่อยู่ กินยาก็จะเกินกำหนดปลอดภัยแล้ว แถมไม่ดีขึ้นเลย
(แค่ไข้เกิน 2 วัน ก็ควรไปหาหมอเร่งด่วนนะคะ)
2)มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียน ผื่นขึ้น ปวดท้อง
ปวดหัว
3)ลูกซึมลง ไม่กินข้าว กินนม
หากมีปัญหาเรื่องยาสงสัยอะไร
ปรึกษาเภสัชใกล้บ้านเลยนะคะ. ห้ามอายค่ะ
เพื่อลูก
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ด้วยรักและปรารถนาดี
ครูองุ่น เพ็ญนภา ฤทธิ์วงศ์ สุวรรณวงษ์
เจ้าของเพจ NAPAT Family
....................
ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพดีๆ ง่ายๆ ใช้ได้ทันที แบบนี้ 👇
https://www.youtube.com/channel/UCKcZHvGb8WruPIQBVbGdXmQ
หรือ ในเฟสบุ๊ค 👇
https://m.facebook.com/NapatFamily/
.........................................
ลิงค์ Live สดเรื่อง เมื่อลูกมีไข้ นะคะ
🌸ลูกมีไข้ทำอย่างไรดี
(Ep.1)
https://www.facebook.com/333752073756662/videos/447975219001013/
(Ep.2)
https://www.facebook.com/333752073756662/videos/447998748998660/
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🌸เช็ดตัวลดไข้อย่างไรให้ไข้ลดลง
https://www.facebook.com/333752073756662/posts/436693310129204/
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
📣ประกาศเพจ ณภัชบ้านแห่งความรู้สำหรับครอบครัว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับมหาวิทยาลัย หรือสถานที่ต่างๆโปรดศึกษา ....ครูองุ่นเปิดเพจมาเพื่อแชร์ความรู้ต่างๆด้วยการนำเอาประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาจากการทำงานเป็นพยาบาลดูแลคนไข้มาตลอดเวลา 15 ปี และจากประสบการณ์ที่เลี้ยงลูกตัวเองมาจริงๆ มาผนวกเข้าด้วยกัน เป็นความรู้ที่สรุปเองโดยครูองุ่นอีกครั้ง โดยจะพยายามถ่ายทอดแบบเรียบง่ายๆ แต่ใช้ได้จริง ในชีวิตประจำวันในการเลี้ยงลูก
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🍇🍊ลิงค์หน้าหลักของเพจ🍋🥝
https://www.facebook.com/333752073756662/posts/530784120720122/