สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวหน่อยนะคะ จขกท. อายุ 20 เกือบปลาย
------- ด้านล่างเป็นเนื้อหาที่มาเพื่อความเข้าใจก่อนอ่านย่อหน้าสุดท้ายค่ะ หรือข้ามไปอ่านย่อหน้าสุดท้ายเลยก็ได้ -------
ตั้งแต่เรียนจบ เราทำงานอยู่ที่บ้าน (ต่างจังหวัด) ประมาณ 3 ปีค่ะ เป็น Comfort Zone ที่เหนียวแน่นมาก มีความสุขไม่ต้องมีภาระหนี้สินอะไร เงินที่ได้มาส่วนใหญ่ลงไปที่ของกินค่ะ เรียกได้ว่า ชีวิตดี ไม่มีเรื่องเครียด ที่บ้านเรียกได้ว่า ฐานะดีระดับหนึ่ง
จนวันหนึ่งจับพลัดจับผลูมาทำงานที่กรุงเทพฯ แบบไม่ทันตั้งตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เป็นเพราะความตัดสินใจเร็วด้วยค่ะ แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเอง คือคิดว่า ทำงานอยู่ที่บ้าน มีทั้งสบายและไม่สบายบางส่วน คนที่ทำงานที่บ้านน่าจะเข้าใจกันดี ส่วนใหญ่จะมาจากครอบครัวนี่แหละค่ะ บางครั้งเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเรียนมา ไม่ได้ใช้เต็มที่ บางครั้งก็รู้สึกว่าไม่มีค่า เราอยากไปอยู่ในที่ที่ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่ต้องรับเงินจากที่บ้าน ใช้ความรู้ของตัวเองที่เรียนมาให้เต็มที่ ซึ่งพอบอกครอบครัว เค้าก็ยินดีให้ไปค่ะ บอกให้ลองไปหาประสบการณ์ข้างนอกดู
การทำงานที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ เป็นออฟฟิศที่แรกในชีวิตเลยค่ะ มาเริ่มก็ตอนประมาณอายุ 25 แล้ว มาทำงานช่วงกลางเดือน เงินเดือนอยู่ที่สองหมื่นต้น อาศัยช่วงแรกที่บ้านช่วยเหลือก่อนเดือนสองเดือนค่ะ เพราะยังหมุนเงินไม่ได้ มาทำงานช่วงกลางเดือน + กับเช่าคอนโดอยู่ค่ะ แต่พอพ้นสองเดือนแรกไปคือยืนได้ด้วยตัวเองละ ไม่มีการรบกวนเงินที่บ้านอีกต่อไป
ด้วยเนื้องานเป็นงานด้านเอกสาร เพิ่งตั้งฝ่ายขึ้นมาใหม่ (จากแผนกหลัก) แต่อยู่ในฝ่ายที่ตัวเองชอบมาก จึงมีความรู้ความเข้าใจหลาย ๆ อย่างได้เร็ว
*ข้อความต่อไปนี้อาจทำให้คนอ่านหมั่นไส้ได้ แต่คือความจริงล้วน ๆ ที่อยากให้ร่วมพิจารณาค่ะ*
เรื่องงาน: เราเป็นคนหัวดี ทำงานไว เรียบร้อย จุกจิก ถ้าไม่พอใจจะแก้แล้วแก้อีกจนกว่าจะพอใจ ถ้าหัวหน้าสั่งอะไร เราจะทำนำหน้าไป 1 ก้าวเสมอ คือหัวหน้าถามถึงงานถัดไปทีไร คำตอบของเราจะเป็น เรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้ว ซึ่งก็เสร็จตามนั้นจริงค่ะ อะไรที่เราทำได้ เราทำให้เต็มที่ เราคิดให้ล่วงหน้าเสมอ แม้บางครั้งเราจะไม่จำเป็นต้องทำเลยก็ได้ ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนคิดตรงกันค่ะ ว่าเราสมควรได้เงินเดือนเพิ่มมากกว่านี้ สิ้นปีอาจจะได้เพิ่ม แต่ตามโครงสร้างบริษัทคงไม่สามารถเพิ่มได้มากแบบระดับพัน หัวหน้าชอบพูดว่าเราทำงานเกินคุ้ม ถ้าเพิ่มเงินได้เค้าอยากเพิ่มให้เรามากค่ะ แต่เกินอำนาจเค้า
ความสัมพันธ์ภายในบริษัท: ในฝ่ายเดียวกันตั้งแต่หัวหน้าจนผู้บริหารระดับสูง รักเราค่ะ รักเหมือนพี่น้อง เอ็นดูมาก เลิกงานชวนเราไปกินข้าวที่คอนโด (ผู้หญิง) บางครั้งก็ไปนอนเป็นเพื่อนกันที่คอนโด มาทำงานตอนเช้าด้วยกันต้องทำเป็นเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน กันปัญหาที่ออฟฟิศคิดไม่ดีค่ะ
เรามีความคิดอะไร เราสามารถนำเสนอได้เต็มที่ สามารถเริ่มทำได้โดยไม่ต้องถาม ทุกคนให้อิสระเรามากค่ะ และเราไม่เคยนอกกรอบ
เรียกได้ว่า ที่นี่เป็นที่ทำงานที่แรก ที่เรารักหัวหน้า และระดับถัด ๆ มา มากค่ะ ทุกคนดีกับเรามาก และเราก็ทำงานได้ดีมากเพราะมีสิ่งที่ชอบเกี่ยวข้องทุกอย่าง
--------------------
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ขอบเขตความรับผิดชอบมีมากขึ้น บางงานถูกเพิ่มเข้ามา ซึ่งบางครั้งทำให้เราเครียด เพราะเราไม่ชอบดองงานค่ะ งานไหนหลุดมาเราจะเครียดมาก ๆ กดดันตัวเอง ซึ่งหัวหน้าเข้าใจทุกปัญหาที่เกิดขึ้น คอยให้กำลังใจ สอนเราว่าให้ลำดับความสำคัญงานทีละอย่าง ถ้าเราโฟกัสงานนี้อยู่ แล้วแผนกอื่นมาขอนั่นขอนี่ ให้บอกเค้าให้รอก่อน เพราะเราก็ต้องทำสิ่งที่สำคัญกว่า จนบางครั้งหัวหน้ามาช่วยเราทำงานด้วยซ้ำ ทั้งที่งานของเค้าก็โหลดเกินไม่ต่างจากเรา เราซาบซึ้งมากจริง ๆ
มีครั้งหนึ่งที่งานที่ถูกเพิ่มเข้ามา เรารู้สึกรับไม่ไหว เรามีหลุดไปบ้าง เราแอบไปร้องไห้คนเดียว โดยมีพี่ที่น่ารักอีกแผนกที่เราค่อนข้างสนิทมาปลอบ และพี่เค้าก็เอาไปบอกหัวหน้าเรา หัวหน้าลากเราไปกินข้าว แล้วก็ถามเกิดอะไรขึ้น ไหวมั้ย พอหัวหน้ารู้เรื่อง ก็บอกพี่ผู้หญิงที่อยู่ระดับสูง เค้าก็มาคุยมาถามมาปลอบ เกิดอะไรขึ้น เค้าจะไปคุยให้ หาทางช่วย เราสัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใยอย่างจริงใจจากพวกเค้าจริง ๆ
------------------
เรากำลังจะทำงานครบหนึ่งปี และพอดีกับผู้ใหญ่คนหนึ่งรู้จักเราว่าเราทำงานเป็นอย่างไรติดต่อมา ว่าเห็นเราทำงานหนักขนาดนี้ แต่ผลตอบแทนไม่คุ้ม เค้าแนะนำงานใหม่ให้เรา เป็นงานคล้าย ๆ แบบเดิม แต่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราชอบมากนัก
เค้าโทรมาหาเรา และขอนัดพบสัมภาษณ์เลย เค้าบอกว่ามีสัมภาษณ์อีก 2-3 คน แต่สุดท้ายเค้าบอกว่าถูกชะตาเรามากที่สุด และชอบการทำงานของเรา เค้าเสนอเงินเดือนให้เราที่เลขสองปลาย + สวัสดิการที่คิดว่าหาได้ยากจากบริษัททั่วไป รวม ๆ สิ่งที่เราได้รับเรียกได้ว่าแตะเลขสี่ค่ะ แถมที่ทำงานใกล้มากกว่าเดิม
เราใช้เวลาคิดไม่กี่วันเท่านั้น เลยตอบตกลง และแจ้งหัวหน้าเรา เค้าอึ้งไป แล้วบอกว่าพูดจริงเหรอ แล้วพี่จะหาใครที่ทำงานได้ดีแบบเราอีกมั้ย เค้าขอคุยกับรองก่อน และเมื่อคุยกับรอง เค้าก็บอกว่า ยังไงก็ปล่อยเราไปไม่ได้นะ เค้าขอคุยกับพี่ผู้หญิง (ระดับสูงกว่า) ก่อน และทุกคนก็ความเห็นตรงกันว่าไม่อยากให้เราไป เค้าจะหาทางให้ แต่บริษัทใหม่ออฟเฟอร์มาหนักมาก และเค้าไม่สามารถสู้ได้เลย เนื่องจากโครงสร้างบริษัท
ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ระดับหนึ่งค่ะ เหมือนเค้ามีปัญหากันที่ไม่สามารถจะหาอะไรมารั้งเราไว้ได้เลย (ไม่ขอลงรายละเอียดกว่านี้)
สรุปเค้าก็ต้องเซ็นใบลาออกให้เราอย่างไม่เต็มใจ เค้าโทรมาหาเราก่อนวันที่เค้าจะคุยกับฝ่ายบุคคลให้ ว่าไม่ให้โอกาสพวกพี่ได้ทำอะไรบ้างเลยเหรอ
เค้าเข้าใจเราค่ะ เค้าบอกเค้ามองเราเป็นครอบครัวเหมือนพี่น้อง น้องยังต้องเติบโตไปอีก น้องมีโอกาสที่ดี พวกพี่ก็ดีใจ ให้น้องคิดว่าที่นี่คือบ้าน พวกพี่คือครอบครัว คิดถึงก็แวะมาหากัน
-------------------
ความรู้สึกของเราตอนนี้หลังจากเซ็นใบลาออก เซ็นสัญญากับที่ใหม่แล้ว เราเหลือเวลาอีก 1 เดือน
ความรู้สึกของเราตอนนี้โหวงมาก เหมือนเลิกกับแฟนค่ะ ในหัวมีแต่ความคิดว่า เรากำลังจะจากที่นี่ไป เราจะไม่ได้ทำแบบนั้นแล้ว จะไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว จะไม่มีส่วนร่วมในทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว และหลาย ๆ อย่าง น้อง ๆ ที่อยู่ภายใต้เราก็โหวงกันไปหมด หลายคนพูดว่า พี่ไปแล้วใครจะมาแทนได้แบบพี่อีก ใครจะทำแทนพี่ได้วะ พี่ทำไว้ดีขนาดนี้
เรารู้สึกเศร้าแบบบอกไม่ถูกค่ะ พอจะไปจากที่นี่ เพราะที่นี่ดีมาก แต่เนื้องานที่เราทำ เกินขอบเขตของงานไปมากค่ะ ทำอะไรได้เราทำให้หมด เราทุ่มเทมาก
และสิ่งที่หลายคนน่าจะกลัว เรายังเข้าไม่ถึงที่ใหม่ เหมือนยังคุยกับหัวหน้าไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เป็นเพราะยังไม่เคยคุยงานกันจริงจัง เพิ่งคุยไลน์แนะนำตัวกับทีมงานนิดหน่อย แต่ผลตอบแทนทุกอย่างคงหาจากที่อื่นได้ยากในช่วงอายุเท่านี้
เราเป็นคนมั่นใจในตัวเองนะคะ เราเชื่อว่าเราปรับตัวเก่ง ทำงานเก่ง เข้ากับคนง่าย แต่ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นหายไปหมดเลยค่ะ เรากังวลไปหมด ถ้าไปที่ใหม่แล้วไม่ดี ถ้าเราทำงานไม่เข้าตา ถ้าเราไม่ผ่านโปรล่ะ เราจะทำไงต่อ จะกลับที่เดิมก็ไม่ได้ ไม่รู้จะเอายังไงต่อกับชีวิต เราไม่รู้ว่าที่ตัวเองตัดสินใจคือผิดหรือถูก
เราปรึกษากับหัวหน้าตรง ๆ นะคะ เค้าให้กำลังใจ บอกว่าเราทำงานเก่ง มั่นใจในตัวเอง ทำได้อยู่แล้ว โอกาสมาถึง ไปเพื่ออนาคต ไปเติบโต ยิ่งคุยยิ่งจะร้องไห้ค่ะ พวกเค้าดีกับเรามาก ๆ เรากลัวไปที่ใหม่แล้วจะไม่เจอแบบนี้
ทุกคนเป็นแบบนี้มั้ยคะ เวลาเปลี่ยนงานแล้วที่เดิมดีอยู่แล้ว แค่เราต้องไปหาอนาคต ทุกคนจัดการกับความรู้สึกแบบนี้ยังไงกันบ้าง ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
ปล. เราเพิ่งซื้อคอนโดค่ะ เลยมองเรื่องผลตอบแทนที่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย
เวลาย้ายงาน จัดการกับความรู้สึกกังวลและอาลัยอาวรณ์อย่างไรกันบ้างคะ ขอคำแนะนำหน่อย
------- ด้านล่างเป็นเนื้อหาที่มาเพื่อความเข้าใจก่อนอ่านย่อหน้าสุดท้ายค่ะ หรือข้ามไปอ่านย่อหน้าสุดท้ายเลยก็ได้ -------
ตั้งแต่เรียนจบ เราทำงานอยู่ที่บ้าน (ต่างจังหวัด) ประมาณ 3 ปีค่ะ เป็น Comfort Zone ที่เหนียวแน่นมาก มีความสุขไม่ต้องมีภาระหนี้สินอะไร เงินที่ได้มาส่วนใหญ่ลงไปที่ของกินค่ะ เรียกได้ว่า ชีวิตดี ไม่มีเรื่องเครียด ที่บ้านเรียกได้ว่า ฐานะดีระดับหนึ่ง
จนวันหนึ่งจับพลัดจับผลูมาทำงานที่กรุงเทพฯ แบบไม่ทันตั้งตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เป็นเพราะความตัดสินใจเร็วด้วยค่ะ แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเอง คือคิดว่า ทำงานอยู่ที่บ้าน มีทั้งสบายและไม่สบายบางส่วน คนที่ทำงานที่บ้านน่าจะเข้าใจกันดี ส่วนใหญ่จะมาจากครอบครัวนี่แหละค่ะ บางครั้งเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเรียนมา ไม่ได้ใช้เต็มที่ บางครั้งก็รู้สึกว่าไม่มีค่า เราอยากไปอยู่ในที่ที่ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่ต้องรับเงินจากที่บ้าน ใช้ความรู้ของตัวเองที่เรียนมาให้เต็มที่ ซึ่งพอบอกครอบครัว เค้าก็ยินดีให้ไปค่ะ บอกให้ลองไปหาประสบการณ์ข้างนอกดู
การทำงานที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ เป็นออฟฟิศที่แรกในชีวิตเลยค่ะ มาเริ่มก็ตอนประมาณอายุ 25 แล้ว มาทำงานช่วงกลางเดือน เงินเดือนอยู่ที่สองหมื่นต้น อาศัยช่วงแรกที่บ้านช่วยเหลือก่อนเดือนสองเดือนค่ะ เพราะยังหมุนเงินไม่ได้ มาทำงานช่วงกลางเดือน + กับเช่าคอนโดอยู่ค่ะ แต่พอพ้นสองเดือนแรกไปคือยืนได้ด้วยตัวเองละ ไม่มีการรบกวนเงินที่บ้านอีกต่อไป
ด้วยเนื้องานเป็นงานด้านเอกสาร เพิ่งตั้งฝ่ายขึ้นมาใหม่ (จากแผนกหลัก) แต่อยู่ในฝ่ายที่ตัวเองชอบมาก จึงมีความรู้ความเข้าใจหลาย ๆ อย่างได้เร็ว
*ข้อความต่อไปนี้อาจทำให้คนอ่านหมั่นไส้ได้ แต่คือความจริงล้วน ๆ ที่อยากให้ร่วมพิจารณาค่ะ*
เรื่องงาน: เราเป็นคนหัวดี ทำงานไว เรียบร้อย จุกจิก ถ้าไม่พอใจจะแก้แล้วแก้อีกจนกว่าจะพอใจ ถ้าหัวหน้าสั่งอะไร เราจะทำนำหน้าไป 1 ก้าวเสมอ คือหัวหน้าถามถึงงานถัดไปทีไร คำตอบของเราจะเป็น เรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้ว ซึ่งก็เสร็จตามนั้นจริงค่ะ อะไรที่เราทำได้ เราทำให้เต็มที่ เราคิดให้ล่วงหน้าเสมอ แม้บางครั้งเราจะไม่จำเป็นต้องทำเลยก็ได้ ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนคิดตรงกันค่ะ ว่าเราสมควรได้เงินเดือนเพิ่มมากกว่านี้ สิ้นปีอาจจะได้เพิ่ม แต่ตามโครงสร้างบริษัทคงไม่สามารถเพิ่มได้มากแบบระดับพัน หัวหน้าชอบพูดว่าเราทำงานเกินคุ้ม ถ้าเพิ่มเงินได้เค้าอยากเพิ่มให้เรามากค่ะ แต่เกินอำนาจเค้า
ความสัมพันธ์ภายในบริษัท: ในฝ่ายเดียวกันตั้งแต่หัวหน้าจนผู้บริหารระดับสูง รักเราค่ะ รักเหมือนพี่น้อง เอ็นดูมาก เลิกงานชวนเราไปกินข้าวที่คอนโด (ผู้หญิง) บางครั้งก็ไปนอนเป็นเพื่อนกันที่คอนโด มาทำงานตอนเช้าด้วยกันต้องทำเป็นเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน กันปัญหาที่ออฟฟิศคิดไม่ดีค่ะ
เรามีความคิดอะไร เราสามารถนำเสนอได้เต็มที่ สามารถเริ่มทำได้โดยไม่ต้องถาม ทุกคนให้อิสระเรามากค่ะ และเราไม่เคยนอกกรอบ
เรียกได้ว่า ที่นี่เป็นที่ทำงานที่แรก ที่เรารักหัวหน้า และระดับถัด ๆ มา มากค่ะ ทุกคนดีกับเรามาก และเราก็ทำงานได้ดีมากเพราะมีสิ่งที่ชอบเกี่ยวข้องทุกอย่าง
--------------------
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ขอบเขตความรับผิดชอบมีมากขึ้น บางงานถูกเพิ่มเข้ามา ซึ่งบางครั้งทำให้เราเครียด เพราะเราไม่ชอบดองงานค่ะ งานไหนหลุดมาเราจะเครียดมาก ๆ กดดันตัวเอง ซึ่งหัวหน้าเข้าใจทุกปัญหาที่เกิดขึ้น คอยให้กำลังใจ สอนเราว่าให้ลำดับความสำคัญงานทีละอย่าง ถ้าเราโฟกัสงานนี้อยู่ แล้วแผนกอื่นมาขอนั่นขอนี่ ให้บอกเค้าให้รอก่อน เพราะเราก็ต้องทำสิ่งที่สำคัญกว่า จนบางครั้งหัวหน้ามาช่วยเราทำงานด้วยซ้ำ ทั้งที่งานของเค้าก็โหลดเกินไม่ต่างจากเรา เราซาบซึ้งมากจริง ๆ
มีครั้งหนึ่งที่งานที่ถูกเพิ่มเข้ามา เรารู้สึกรับไม่ไหว เรามีหลุดไปบ้าง เราแอบไปร้องไห้คนเดียว โดยมีพี่ที่น่ารักอีกแผนกที่เราค่อนข้างสนิทมาปลอบ และพี่เค้าก็เอาไปบอกหัวหน้าเรา หัวหน้าลากเราไปกินข้าว แล้วก็ถามเกิดอะไรขึ้น ไหวมั้ย พอหัวหน้ารู้เรื่อง ก็บอกพี่ผู้หญิงที่อยู่ระดับสูง เค้าก็มาคุยมาถามมาปลอบ เกิดอะไรขึ้น เค้าจะไปคุยให้ หาทางช่วย เราสัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงใยอย่างจริงใจจากพวกเค้าจริง ๆ
------------------
เรากำลังจะทำงานครบหนึ่งปี และพอดีกับผู้ใหญ่คนหนึ่งรู้จักเราว่าเราทำงานเป็นอย่างไรติดต่อมา ว่าเห็นเราทำงานหนักขนาดนี้ แต่ผลตอบแทนไม่คุ้ม เค้าแนะนำงานใหม่ให้เรา เป็นงานคล้าย ๆ แบบเดิม แต่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราชอบมากนัก
เค้าโทรมาหาเรา และขอนัดพบสัมภาษณ์เลย เค้าบอกว่ามีสัมภาษณ์อีก 2-3 คน แต่สุดท้ายเค้าบอกว่าถูกชะตาเรามากที่สุด และชอบการทำงานของเรา เค้าเสนอเงินเดือนให้เราที่เลขสองปลาย + สวัสดิการที่คิดว่าหาได้ยากจากบริษัททั่วไป รวม ๆ สิ่งที่เราได้รับเรียกได้ว่าแตะเลขสี่ค่ะ แถมที่ทำงานใกล้มากกว่าเดิม
เราใช้เวลาคิดไม่กี่วันเท่านั้น เลยตอบตกลง และแจ้งหัวหน้าเรา เค้าอึ้งไป แล้วบอกว่าพูดจริงเหรอ แล้วพี่จะหาใครที่ทำงานได้ดีแบบเราอีกมั้ย เค้าขอคุยกับรองก่อน และเมื่อคุยกับรอง เค้าก็บอกว่า ยังไงก็ปล่อยเราไปไม่ได้นะ เค้าขอคุยกับพี่ผู้หญิง (ระดับสูงกว่า) ก่อน และทุกคนก็ความเห็นตรงกันว่าไม่อยากให้เราไป เค้าจะหาทางให้ แต่บริษัทใหม่ออฟเฟอร์มาหนักมาก และเค้าไม่สามารถสู้ได้เลย เนื่องจากโครงสร้างบริษัท
ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ระดับหนึ่งค่ะ เหมือนเค้ามีปัญหากันที่ไม่สามารถจะหาอะไรมารั้งเราไว้ได้เลย (ไม่ขอลงรายละเอียดกว่านี้)
สรุปเค้าก็ต้องเซ็นใบลาออกให้เราอย่างไม่เต็มใจ เค้าโทรมาหาเราก่อนวันที่เค้าจะคุยกับฝ่ายบุคคลให้ ว่าไม่ให้โอกาสพวกพี่ได้ทำอะไรบ้างเลยเหรอ
เค้าเข้าใจเราค่ะ เค้าบอกเค้ามองเราเป็นครอบครัวเหมือนพี่น้อง น้องยังต้องเติบโตไปอีก น้องมีโอกาสที่ดี พวกพี่ก็ดีใจ ให้น้องคิดว่าที่นี่คือบ้าน พวกพี่คือครอบครัว คิดถึงก็แวะมาหากัน
-------------------
ความรู้สึกของเราตอนนี้หลังจากเซ็นใบลาออก เซ็นสัญญากับที่ใหม่แล้ว เราเหลือเวลาอีก 1 เดือน
ความรู้สึกของเราตอนนี้โหวงมาก เหมือนเลิกกับแฟนค่ะ ในหัวมีแต่ความคิดว่า เรากำลังจะจากที่นี่ไป เราจะไม่ได้ทำแบบนั้นแล้ว จะไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว จะไม่มีส่วนร่วมในทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว และหลาย ๆ อย่าง น้อง ๆ ที่อยู่ภายใต้เราก็โหวงกันไปหมด หลายคนพูดว่า พี่ไปแล้วใครจะมาแทนได้แบบพี่อีก ใครจะทำแทนพี่ได้วะ พี่ทำไว้ดีขนาดนี้
เรารู้สึกเศร้าแบบบอกไม่ถูกค่ะ พอจะไปจากที่นี่ เพราะที่นี่ดีมาก แต่เนื้องานที่เราทำ เกินขอบเขตของงานไปมากค่ะ ทำอะไรได้เราทำให้หมด เราทุ่มเทมาก
และสิ่งที่หลายคนน่าจะกลัว เรายังเข้าไม่ถึงที่ใหม่ เหมือนยังคุยกับหัวหน้าไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เป็นเพราะยังไม่เคยคุยงานกันจริงจัง เพิ่งคุยไลน์แนะนำตัวกับทีมงานนิดหน่อย แต่ผลตอบแทนทุกอย่างคงหาจากที่อื่นได้ยากในช่วงอายุเท่านี้
เราเป็นคนมั่นใจในตัวเองนะคะ เราเชื่อว่าเราปรับตัวเก่ง ทำงานเก่ง เข้ากับคนง่าย แต่ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นหายไปหมดเลยค่ะ เรากังวลไปหมด ถ้าไปที่ใหม่แล้วไม่ดี ถ้าเราทำงานไม่เข้าตา ถ้าเราไม่ผ่านโปรล่ะ เราจะทำไงต่อ จะกลับที่เดิมก็ไม่ได้ ไม่รู้จะเอายังไงต่อกับชีวิต เราไม่รู้ว่าที่ตัวเองตัดสินใจคือผิดหรือถูก
เราปรึกษากับหัวหน้าตรง ๆ นะคะ เค้าให้กำลังใจ บอกว่าเราทำงานเก่ง มั่นใจในตัวเอง ทำได้อยู่แล้ว โอกาสมาถึง ไปเพื่ออนาคต ไปเติบโต ยิ่งคุยยิ่งจะร้องไห้ค่ะ พวกเค้าดีกับเรามาก ๆ เรากลัวไปที่ใหม่แล้วจะไม่เจอแบบนี้
ทุกคนเป็นแบบนี้มั้ยคะ เวลาเปลี่ยนงานแล้วที่เดิมดีอยู่แล้ว แค่เราต้องไปหาอนาคต ทุกคนจัดการกับความรู้สึกแบบนี้ยังไงกันบ้าง ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ
ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
ปล. เราเพิ่งซื้อคอนโดค่ะ เลยมองเรื่องผลตอบแทนที่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย