แชร์วิธีลดน้ำหนัก จากเลข 7 สู่เลข 6 ใน 3 เดือน ตื่นเต้นสุดๆ :}

สวัสดีค่ะ จริงๆว่าจะมาตั้งกระทู้ตอนเป็นสมาชิกแบบที่ลงรูปได้แล้ว แล้วก็ให้เหลือสักเลข 4เลข5 แต่อยู่ๆวันนี้ก็อารมณ์ดีมาก แบบอยากแบ่งปัน + เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆบนเส้นทางนี้สุดๆ เลยอยากแชร์เลย 55555555

**บอกก่อนเลยนะคะว่า จขกท.ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่เป็นอีกคนนึงที่ล้มลุกคลุกคลานกับการพยายามลดน้ำหนักที่ล้มเหลวถึง 365 วันต่อปี มายาวนานตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจนตอนนี้เรียนจบแล้ว
จะมี 3 พาร์ทนะคะ คือ พาร์ทเกริ่น พาร์ทออกกำลังกาย และพาร์ทออกกำลังใจ+การกินค่ะ 

part1 เกริ่นหน่อย ถ้าขี้เกียจอ่านข้ามไป 2 ก็ได้ค่ะ 
จขกท.น้ำหนัก 75-77 (ขึ้นลงๆ) ตั้งแต่สมัยมหาลัยปี 2  แต่เป็นเพราะตัวเตี้ย (สูงแค่ 152ค่ะ) เวลาบอกใคร เขาก็ไม่ค่อยเชื่อนึกว่าเราหนัก 65 คนจะบอกว่าเราไม่ได้ดูหนักขนาดนั้น ทำให้เรายังคงทะนงตัวว่า เอ๊ะ ฉันก็อาจไม่ได้ดูตัวใหญ่ขนาดนั้นน้าาา (หลอกตัวเองสุดๆ แต่ตอนนี้ เหลือ 65 จริงๆแล้ว กรี๊ดๆๆ)

เหตุผลที่ตัดสินใจออกกำลังกาย เพราะเริ่มรู้สึกว่าร่างกายแย่มากแล้วค่ะ ทั้งๆที่อายุยังไม่ถึงครึ่ง30เลย แต่เวลากินจะเริ่มเจ็บหน้าอก เดินนิดเดียวก็หายใจถี่ ปวดเมื่อย หายใจไม่ค่อยออก ใส่เสื้อผ้าไม่ได้สักตัว เวลาจะไปงานแต่ละทีหาเสื้อผ้าใส่ยากมาก (แล้วจะนอยด์ค่ะ ส่งผลต่อสภาพจิตใจนิดๆ)  ร่างกายเอื่อยเฉื่อยเหมือนไม่ค่อยอยากทำอะไร แต่จริงๆแล้ว จขกท.ค่อนข้างเป็นคนดีดๆค่ะ ตั้งแต่เด็กคนเขาจะชอบว่าเราไฮเปอร์ แต่พอเริ่มอุ้ยอ้ายมากๆ เหมือนร่างกายมันเหนื่อยที่จะขยับ ใจเราอยากจะทำอะไรแต่ร่างกายไม่ยอมทำ กลายเป็นรู้สึกหงุดหงิด ขัดใจตัวเอง
ใน 1วัน จขกท.กินข้าวหลายมื้อ มื้อละหลายจาน 2+ และยังไม่รวมของกินเล่นต่างๆ แถมงานที่ทำก็เกี่ยวกับตัดต่อและ motion graphic นั่งหน้าคอมทั้งวันทั้งคืน แทบไม่ขยับไปไหน ลุกออกไปแค่ตอนหิวจริงๆค่ะ
ที่สำคัญเลยค่ะ! จขกท.กลายเป็นคนตะกละมาก แบบว่าหวงของกินสุดๆไปเลยค่ะ ถ้ามีคนมาฉกอาหารในจานไปไม่ว่าจะเป็นคนในบ้าน หรือเพื่อน จะออกอาการทันที ไม่น่ารักเลยเนอะ

part 2 ออกกำลังกายกันดีกว่าค่ะ
จขกท. เริ่มออกกำลังกายตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม ปีนี้ค่ะ เริ่มด้วยน้ำหนัก 75 กิโล เอว 38 สะโพก45 ต้นขาประมาณ 29-30 ค่ะ (ที่วัดขนาดนี้เพราะอยากรู้ว่ามันจะลดทุกส่วนไหม แค่นั้นเองค่ะ เพราะจขกท.เป็นคนที่ลดช่วงต้นขาช่วงสะโพกค่อนข้างยาก 55)

*ขอเปลี่นนสรรพนามเป็นเรานะคะ จขกท.มันยาวเหลือเกิน 

2.1 เดิน! แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย!
ช่วงวันแรกๆเราใช้วิธีการเดินค่ะ เนื่องจากว่านิสัยปกติเป็นคนตื่นเช้าตั้งแต่เด็กตี5 ปุ๊บ เป็นต้องเด้งออกจากเตียงปั๊บแบบไม่ต้องมีนาฬิกาปลุกเลย แถมสนามกีฬาราชมังดันมาอยู่ตรงข้ามซอยบ้านซะนี่ เลยโชคดีหน่อย
เราก็จะออกไปเดินตอน ตี5 - 7โมง ทุกวันค่ะ (เราเป็นคนเดินเก่งชอบเดินแต่ไม่ผอมเพราะกินเยอะมีอยู่จริง 555)  4วันแรกไม่วิ่งเลยค่ะ(ยังติดขี้เกียจอยู่และรู้สึกว่าวิ่งไม่ไหว) คอนเฟิมว่าเดินอย่างเดียวจริงๆ เดินช้าบ้าง เดินเร็วบ้าง เดินวนรอบลู่วิ่งสนามบอลนั่นแหละค่ะประมาณ 3-5โลทุกวัน (ในแอพก็จะเป็นเส้นกลมหนาๆเลย) พอประมาณวันที่ 5 ก็วิ่งสลับเดินค่ะ คือร่างกายมันเหมือนอยากทำ เริ่มอยากออกแรงมากขึ้นแล้วอะไรแบบนี้ บางวันคึกหน่อยก็วิ่งได้ประมาณ 3-4  รอบ ที่เหลือเดินยาวๆ แต่ตั้งเป้าให้ได้อย่างน้อย 3กิโลเมตรต่อวัน พอวันหลังๆระยะทางที่เราเดินวิ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 6-8 กิโลเมตรต่อวันค่ะ

คนรอบตัวที่ออกกำลังกายเป็นประจำ(แบบคนเฮลตี้ที่ดูเซียนๆ) ก็จะชอบมาบ่นว่า 'วิ่งสิ ต้องวิ่ง เดินจะไปได้อะไร เมื่อไหร่จะลด'  บ่นเรากันทุกครั้งที่เจอหน้าค่ะ แต่เราไม่สนใจเท่าไหร่ คือแค่มีความรู้สึกว่าเราไม่รีบ และไม่อยากรีบ ทำเท่าที่ตัวเองไหว ค่อยเป็นค่อยไป และเชื่อจขกท.ค่ะ แค่เดินก็เผาผลาญได้ แค่ไม่เร็วเท่าวิ่ง เพราะเดินไปเรื่อยๆไม่คิดอะไรมากวันที่ 13 พฤษภา เลยลองมาชั่งน้ำหนักเล่นๆ ป๊าดดดด เหลือ 71โลค่ะ รีบวิ่งกลับบ้านอย่างเร็วไปหยิบที่วัดเอวมาพันตัว เอวเหลือ 34! อยากจะกรี๊ดด เลยรีบวิ่งไปอวดแม่ค่ะ 
ปล. เราควบคุมอาหารด้วยนะคะ แต่ขอไปพูดเรื่องนี้พาร์ท 3

หลังจากเห็นตัวเลขที่ลดลงเราก็ไฟลุกโชนค่ะ ใจพร้อมกายพร้อมสุดๆ เริ่มทำอย่างอื่นนอกเหนือจากวิ่ง พอวิ่งรอบสนามบอลได้ 3โล เราจะไปต่อในสวนวิ่งเล็กๆค่ะ แบบจะมีพวกยกท่อนไม้ กระโดดสลับขา ที่มันอยู่ในสวนเป็นจุดๆอ่ะค่ะ ก็ทำๆไป (ไม่รู้แบบนี้เขาเรียกว่าอะไร)

2.2 คลิปในยูทูปช่วยได้!
พอผ่านไปได้เกือบเดือนก็เริ่มเบื่อ แบบอยากหาอย่างอื่นทำบ้าง เลยไปเปิดยูทูปหาการออกกำลังกาย
แนะนำค่ะ เลือกอันที่เราชอบ อาจจะมีมากกว่า 1คลิป แล้วแต่เลย เอาอันที่เราทำแล้วมีความสุขอ่ะค่ะ แบบเผลอยิ้มเผลอหัวเราะออกมาในความเหนื่อย จะช่วยทำให้เราออกตามได้แบบจบคลิป และแน่นอนว่า ต่อให้เป็นคลิปที่เราชอบ มันจะต้องมีท่าที่เราไม่ชอบทำ หรือท่าที่ยากเกินไป ถ้าฝืนใจทำมากๆจะทำให้เราไม่อยากออกกำลังกาย และปิดคลิปไปเลย ให้เปลี่ยนท่าเองตามใจชอบในช่วงนั้นค่ะ อาจจะเป็นท่าที่ใกล้เคียง หรือโดดไปเลยก็ได้ จะชกลมแทน จะกระโดดตบแทน อยากทำอะไรทำเลยค่ะ แค่ให้ร่างกายขยับเข้าไว้ วิธีนี้ช่วยได้เยอะเลย

ส่วนคลิปที่เราชอบจะมีหลักๆ 5 อันที่เราสลับทำทุกวันเลยค่ะ ช้อบชอบ ขอแชร์ลิ้งก์นะคะ เผื่อใครจะเอาไปเป็นแนวทางก่อน
อันที่ 1 อันนี้เป็นแบบ Advanced เหนื่อยมากก เหนื่อยสุดๆ แค่วอร์มก็หอบแฮ่ก แต่เราชอบมากก คือส่วนตัวเราว่ามันมันส์ดีอ่ะค่ะ แบบร่างกายได้ขยับเยอะดี เป็นคลิปหลักของเราที่ทำทุกวันเลย ตอนแรกๆก็ได้ประมาณ 5-7 นาทีค่ะ ไม่ไหว ทำไปทำมาครั้งแรกที่จบคลิปตื่นเต้นมาก แบบจบไปแบบงงๆ+เหนื่อยเกินกว่าจะหาคำใดเปรียบ เราเผาผลาญได้มากจากคลิปนี้เลย จนอยากจะเมลไปหาโค้ชเดเนียลว่า thank you very much! I did it!!
https://www.youtube.com/watch?v=yplP5cLuyf4

อันที่ 2 ยังเป็นโค้ชเดเนี่ยลค่ะ แต่เป็น Low Impact สำหรับ Beginner/intermediate ท่าไม่ยากทำตามได้ แต่เหนื่อยเป็นตายเหมือนกัน
https://www.youtube.com/watch?v=50kH47ZztHs&t=764s

อันที่ 3 ก็ยังเป็นโค้ชเดเนียลค่ะ คือเราชอบเขามากจริงๆ เหมือนมีคนมาคอยพุชให้ฮึกเหิมตลอดเวลา อันนี้ alex ที่มาออกคู่กันน่ารักด้วย แบบดูแล้วอารมณ์ดีอ่ะค่ะ หัวเราะตามแบบงงๆ 555555
https://www.youtube.com/watch?v=Ex903MupqNk&t=306s

อันที่ 4 อันนี้แนะนำสำหรับคนไม่ชอบออกกำลังกายหนักๆแบบข้างบนค่ะ เป็น BODYJAM เต้นๆสวยๆ ปกติคลิปเต้นจะค่อนข้างยาก(สำหรับคนไม่มีทักษะอย่างเรา) แต่อันนี้ไม่ค่อยยากค่ะ สนุกด้วย เราชอบมากกกก หลังออกกำลังคลิปแรกเสร็จเราเต้นอันนี้ต่อทุกวันค่ะ มันสนุกจริงๆ
https://www.youtube.com/watch?v=Srd6TwU6UoI

อันที่ 5 สุดท้าย อันนี้เป็นเต้น zumba ก็ไม่รู้ทำไมชอบคลิปนี้เหมือนกัน คือเราเต้นตามแล้วตลกดี เต้นไปหัวเราะไปแบบหาสาเหตุไม่ได้ 5555
https://www.youtube.com/watch?v=GV2qtIOrMgs&t=623s

ที่เราชอบแล้วสลับทุกอยู่ทุกวันมีแค่นี้ค่ะ เราติด 5คลิปนี้ไปแล้ว 55555 

2.3 แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย!
พอเริ่มออกกำลังกาย เหมือนจะเริ่มติดค่ะ อย่างที่บอกว่าเรานั่งแช่ก้นหน้าคอมเกือบทั้งวันด้วยลักษณะงาน พอเริ่มรู้สึกว่านั่งนานเกินไป เราจะใช้เวลาในการรอไฟล์ animation เล็กๆ render ลุกขึ้นมาชกลม กระโดดตบ สควอช ไม่ก็เขย่าแขนขาเบาๆ จนกว่าจะ render เสร็จค่ะ มันก็จะประมาณ 2-3 นาทีต่อคลิป แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วค่ะ หายปวดก้นปวดหลังด้วย
ส่วนวันไหนขี้เกียจออกจริงๆ จะกระโดดตบ 30ที ชกลมอีกสัก 10 แค่นี้เลยค่ะ พอเป็นพิธี 5555

part 3 กำลังใจ + การกิน สำคัญพอๆกับการออกกำลังเลย
ขอพูดเรื่องการกินก่อนนะคะ เราเข้าใจอย่างสุดซึ้งว่ามันยากมากถึงมากที่สุด กับบางคนเรื่องควบคุมอาหารยากกว่าออกกำลังกายซะอีก ก็ในเมื่อเวลากินมันช่างสุขล้น แถมบางครั้งอาหารก็เป็นเหมือนรักแท้ จะมาเลิกกันง่ายๆได้ยังไง แต่เพื่อสุขภาพเราต้องพอดีค่ะ!!
นี่เป็นสิ่งที่เราล้มเหลวมากที่สุดในการลดน้ำหนักที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว วิธีของเราคือ 
อย่าหักดิบค่ะ  แบบลดเลยเหลือทัพพีเดียววันนี้! กิน 1มื้อ! ขนมปัง 1ก้อน! อดข้าว! โนๆๆๆเด็ดขาดค่ะ ถ้าใจเราไม่แข็งขนาดนั้น ส่วนตัวเราว่าไม่ดีทั้งต่อสุขภาพร่างกาย และจิตใจ มันจะทำให้เรารู้สึกว่าฝืนเกินไปจนทรมานตัวเองและไม่มีความสุข แล้วสุดท้ายจะเลิกทำ เพราะมันช่างทรมานและหาความสุขไม่ได้เสียเลย
เราไม่อยากให้มองแค่ความสุขตอนปลายที่พอไปชั่งน้ำหนักแล้วผอมลงอะไรแบบนี้ค่ะ แต่อยากให้มีความสุขระหว่างทางด้วย จริงๆนะ หน้าตาเราก็จะสดใสไม่หมอง ไม่อมทุกข์

ค่อยๆลดปริมาณอาหารตามความเหมาะสมค่ะ ซึ่งก็คือพวกส่วนสูงน้ำหนัก และการใช้พลังงานต่อวันของเรา ค่อยเป็นค่อยไปจะเกิดความเคยชินเรื่อยๆ แต่มันก็จะไม่ง่ายหรอกค่ะ ยอมรับว่าออกมา 3เดือนแล้ว บางวันยังมีอาการอยากฉะแหลก แต่ต้องห้ามใจค่ะ ถ้าฉะแล้วต้องเอาออก และพยายามอย่าให้เกิดต่อเนื่อง ไม่งั้นจะเอาออกไม่ทัน 5555
เราไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องการกินขนาดนั้นเลยค่ะ คือมีหาข้อมูลว่าเราต้องเอาเข้าเท่าไหร่ ควรเอาออกเท่าไหร่ เมนูนี้กี่แคลอะไรแบบนี้ ให้รู้พอประมาณ และกินของที่ชอบเหมือนเดิมค่ะ แค่ลดปริมาณ ช่วงแรกเครียดมากถึงขนาดว่าจะกินสุกี้กับน้ำจิ้มพันท้าย ในเว็บบอกอ้วน เราก็นอยด์ค่ะ อยากเลิกลด แค่คิดว่าแค่อยากจะกินน้ำจิ้ม ทำไมมันต้องอะไรขนาดนี้ แต่นั่นแหละค่ะ ตอนหลังก็ไม่มากดดันตัวเองตรงนี้มากไป คืออยากกินก็กิน เช่นจากหมูทอดสิบชิ้นก็เหลือแค่ 3 หมูเด้ง 6 ก็เหลือ 2 และเพิ่มผัก เพิ่มของมีประโยชน์ ประมาณนี้ (บ้านเราเป็นร้านอาหารค่ะ ล่อตาล่อใจตลอดเวลา แต่ต้องหักห้ามใจให้ได้ 55) แต่ที่เราไม่กินเลยคือ น้ำอัดลม น้ำหวาน ขนมจุกจิก ของทอด(มีบ้าง แต่น้อยมากค่ะ) เราดื่มน้ำเปล่าเยอะมาก และไม่ปรุงอาหารเพิ่ม
วิธีนี้ใช้ได้ผลกับเรามากมีความสุขกับการกิน และน้ำหนักลดลงด้วย

เรื่องกำลังใจ
1.ความสุขค่ะ นี่คีย์ของเราในการลดน้ำหนักครั้งนี้เลย คือเรามีเป้าหมายที่รู้ว่าทำได้แล้วจะมีความสุข แต่ระหว่างทางก็ไม่ละเลยความรู้สึกตรงนี้ เพราะถ้าเราหาวิธีที่เราเองจะรู้สึกสนุก มีความสุข เราจะอยากทำมันเรื่อยๆ
2.ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบค่ะ ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ในฝันที่เราจะเสกให้น้องไขมันหายไปวันนี้เดี๋ยวนี้ โดยเฉพาะเมื่อเราสะสมมันมาตั้งนาน ไม่ต้องไปรู้สึกกดดันกับคำพูดของใครหรืออะไร ไม่ต้องไปหาวิธีเร่งรัดอะไร เพราะสุดท้ายมันก็จะค่อยๆลดไปตามกาลเวลา และการลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ถูกต้องจะส่งผลดีต่อสุขภาพเราในระยะยาว
3.อดทน และมิวินัยให้มาก จะท้อจะอะไรก็เรื่องธรรมดาค่ะ เกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่ต้องอย่ายอมแพ้ ถ้าวันนี้เหนื่อยมากก็พักก่อน ทบทวนเป้าหมายและความตั้งใจเราอีกที พรุ่งนี้ฮึบๆใหม่ วินัยในตนเองจะพาเราไปถึงความตั้งใจแน่นอน
4.อย่าซีเรียสมาก คล้ายๆข้อ 2 คือไม่อยากให้กดดันตัวเองมากไป กลัวจะท้อไปก่อน สำคัญคือใจจะหม่นหมองเอานะคะ

ล่าสุดวันที่ 14 กรกฎา น้ำหนัก 65.1 เอว 31 ต้นขาเหลือ 24.5 รวมๆก็ลดมาได้ 10โลแล้วค่ะ เฉลี่ยลงประมาณเดือนละ 2-3 โล ตอนเห็นว่าเหลือ 65 เราตกใจมาก แบบดีใจตื่นเต้น รีบวิ่งกลับมาบอกคนที่บ้านอีกรอบ 55555 คือไม่ได้คาดหวังว่าจะถึงเร็วขนาดนี้ เพราะอย่างที่บอกคือเราค่อนข้างเรื่อยๆชิวๆมาก คนที่ชอบบอกให้เราหักโหม อดข้าว กินมื้อเดียว ก็ไม่ค่อยกล้ามาพูดแล้วค่ะ เพราะวิธีชิวๆของเราก็ลดได้เหมือนกัน แถมหน้าตาเราสดใสสิวไม่ขึ้นเลย สุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่อึดอัดตัวเองด้วย พอคิดอีกที ว้าวว ทำมาได้ 3เดือนแล้ว ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ ให้กำลังใจตัวเองพยายามต่อไป เพราะเป้าหมายคือ 47 กิโล เข้ากับส่วนสูงพอดีแถมเป็นเลขโปรดด้วย

จริงๆก็เป็นวิธีทั่วไปที่หลายๆคนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่เผื่อว่าจะมีอะไรนิดๆหน่อยเป็นกำลังใจหรือพอเป็นทริคเล็กน้อยให้เพื่อนๆที่กำลังลดน้ำหนักได้บ้างเลยอยากแชร์มาเล่ามาแชร์ค่ะ 
สู้ๆนะคะทุกคนนน เป็นกำลังใจให้ และขอให้มีความสุข ส่วนตัวจขกท.ถ้าวันไหนถึง 47แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่ ถ้าไม่พังก่อนและถ้าไม่ลืม 55555 ขอให้ความพยายามของเราทุกคนไม่พังค่ะ!! เย้!!

ปล.หวังว่าไม่ได้แท็กอะไรผิดนะคะ และขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ยาวแย่เลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่