คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
จิตปรุงแต่ง กับ สังขารปรุงแต่ง ความหมายเหมือนกันหรือไม่อย่างไรครับ
เนื่องจากถาม "จิต" และ "สังขาร (ปรุงแต่ง)" เอาเป็นว่าตอบตามแนวพระอภิธรรมครับ ...... จิตก็จิต จิตไม่ได้ปรุงแต่ง สิ่งที่มาปรุงแต่งจิตให้เกิดโลภ โกรธ หลง (เอาตัวหลักทางอกุศลคือโลภะ โมหะ โทสะ) หรือสิ่งที่มาปรุงแต่งจิตให้ดีงาม ประมาณว่าถ้าจิตนั้นเกิดพร้อมกับสิ่งปรุงแต่งที่ดี (สังขารขันธ์) จิตนั้นก็เป็นกุศลจิต (ตัวหลักคือ อโลภะ (เช่นมีการให้ทาน - ให้ทางกายกรรมเลย บริจาคสิ่งของ เงินทอง เสื้อผ้า ฯลฯ) อโทสะ (เช่นไม่โกรธ เจริญเมตตาเป็น เจริญเมตตาได้ เมื่อเหตุการณ์เกิดเฉพาะหน้าเลยกันทีเดียว) อโมหะ (มีสติปัญญาพิจารณาความจริงของชีวิต เช่นอนิจจัง ทุกขัง หรืออนัตตา (รู้เท่าทัน พิจารณา เอาเป็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราว่าไม่เที่ยง เกิดแล้วก็คงอยู่แบบนั้นไม่ได้ เป็นต้น (อนิจจัง) ทุกขัง มีทุกข์กาย หรือทุกข์ใจ โรคภัย ความชราเบียดเบียนเป็นต้น (กาย) ทางใจก็เศร้าโศก พลัดพรากจากของรัก บุคคลที่รัก ญาติสนิท มิตรสหาย... อนัตตาเอาเป็นที่เขาแปลกันนะครับ คือไม่ได้อยู่ภายใต้บังคัญบัญชาของใคร เช่น ไม่อยากเจ็บ ติดเชื้อโรคมาก็ต้องเจ็บป่วย ไปสั่งว่าให้ไม่ป่วยก็ไม่ได้ ไม่แก่ ถึงเวลาสักยี่สิบปีผ่านไป ไง ๆ ก็ต้องแก่ ไปสั่งให้รูปร่าง หน้าตาอยู่คงที่ก็ไม่ได้ เป็นต้น
จิตเป็นสิ่งที่รับรู้อารมณ์ ที่ไปรู้อารมณ์นั้นเพราะมีสิ่งปรุงแต่ง (ที่เรียกว่าสังขารขันธ์) จิตจึงไม่ใช่สังขาร (ขันธ์) จิตไม่ได้มาเดี่ยว ๆ สิ่งเดียว มีจิตเมื่อไรสังขารขันธ์ก็ตามมาด้วย สังขารขันธ์ที่มาด้วยดีก็ทำให้จิตเป็นกุศลไป ไม่ดีก็อกุศลไป ทั่ว ๆ ไปก็แบบนี้ครับ
เรื่อง หากเรากำหนดความคิดปรุงแต่งหรือพิจารณามัน ความเกิดตั้งดับ ไม่มีตัวตน .... อันนี้ส่วนตัวแค่เชื่อว่าพิจารณาได้ "เรา" ไปกำหนดแบบสั่งไม่ได้ ถ้าพิจาณาผมว่าได้
เนื่องจากถาม "จิต" และ "สังขาร (ปรุงแต่ง)" เอาเป็นว่าตอบตามแนวพระอภิธรรมครับ ...... จิตก็จิต จิตไม่ได้ปรุงแต่ง สิ่งที่มาปรุงแต่งจิตให้เกิดโลภ โกรธ หลง (เอาตัวหลักทางอกุศลคือโลภะ โมหะ โทสะ) หรือสิ่งที่มาปรุงแต่งจิตให้ดีงาม ประมาณว่าถ้าจิตนั้นเกิดพร้อมกับสิ่งปรุงแต่งที่ดี (สังขารขันธ์) จิตนั้นก็เป็นกุศลจิต (ตัวหลักคือ อโลภะ (เช่นมีการให้ทาน - ให้ทางกายกรรมเลย บริจาคสิ่งของ เงินทอง เสื้อผ้า ฯลฯ) อโทสะ (เช่นไม่โกรธ เจริญเมตตาเป็น เจริญเมตตาได้ เมื่อเหตุการณ์เกิดเฉพาะหน้าเลยกันทีเดียว) อโมหะ (มีสติปัญญาพิจารณาความจริงของชีวิต เช่นอนิจจัง ทุกขัง หรืออนัตตา (รู้เท่าทัน พิจารณา เอาเป็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราว่าไม่เที่ยง เกิดแล้วก็คงอยู่แบบนั้นไม่ได้ เป็นต้น (อนิจจัง) ทุกขัง มีทุกข์กาย หรือทุกข์ใจ โรคภัย ความชราเบียดเบียนเป็นต้น (กาย) ทางใจก็เศร้าโศก พลัดพรากจากของรัก บุคคลที่รัก ญาติสนิท มิตรสหาย... อนัตตาเอาเป็นที่เขาแปลกันนะครับ คือไม่ได้อยู่ภายใต้บังคัญบัญชาของใคร เช่น ไม่อยากเจ็บ ติดเชื้อโรคมาก็ต้องเจ็บป่วย ไปสั่งว่าให้ไม่ป่วยก็ไม่ได้ ไม่แก่ ถึงเวลาสักยี่สิบปีผ่านไป ไง ๆ ก็ต้องแก่ ไปสั่งให้รูปร่าง หน้าตาอยู่คงที่ก็ไม่ได้ เป็นต้น
จิตเป็นสิ่งที่รับรู้อารมณ์ ที่ไปรู้อารมณ์นั้นเพราะมีสิ่งปรุงแต่ง (ที่เรียกว่าสังขารขันธ์) จิตจึงไม่ใช่สังขาร (ขันธ์) จิตไม่ได้มาเดี่ยว ๆ สิ่งเดียว มีจิตเมื่อไรสังขารขันธ์ก็ตามมาด้วย สังขารขันธ์ที่มาด้วยดีก็ทำให้จิตเป็นกุศลไป ไม่ดีก็อกุศลไป ทั่ว ๆ ไปก็แบบนี้ครับ
เรื่อง หากเรากำหนดความคิดปรุงแต่งหรือพิจารณามัน ความเกิดตั้งดับ ไม่มีตัวตน .... อันนี้ส่วนตัวแค่เชื่อว่าพิจารณาได้ "เรา" ไปกำหนดแบบสั่งไม่ได้ ถ้าพิจาณาผมว่าได้
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่องสังขารปรุงแต่งครับ
หากเรากำหนดความคิดปรุงแต่งหรือพิจารณามัน ความเกิดตั้งดับ ไม่มีตัวตน
เรากำหนดเรียกว่าความคิดปรุงแต่ง หรือสังขารปรุงแต่ง จะเหมือนกันหรือผิด หรือไม่อย่างไรครับ
จิตปรุงแต่ง กับ สังขารปรุงแต่ง ความหมายเหมือนกันหรือไม่อย่างไรครับ
ท่านใดแนะนำเป็นภาษาบ้านๆได้ขอบคุณมากครับ