“โคตรภูญาณ” คือ ญาณที่ทำหน้าที่เป็น “ประตูเชื่อม” ระหว่างโลกียภูมิ (จิตยังเวียนว่าย) ไปสู่โลกุตตรภูมิ (จิตพ้นกิเลส) หรือสภาวะจิตวิ่งเข้ารูหนอน สู่สภาวะจิตเดิมแท้และความว่างไร้สมมุติ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ญาณกถา โคตรภูญาณนิทเทส
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความเศร้าโศก
= เรียกว่า โคตรภูญาณ เพราะสามารถครอบงำ ทำลายความเศร้าโศกได้
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความรำพัน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะสามารถครอบงำ ทำลายความคร่ำครวญรำพันได้
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความคับแค้นใจ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะสามารถครอบงำ ทำลายความคับข้องใจหรือความคับแค้นใจได้
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำสังขารนิมิตภายนอก
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะสามารถครอบงำ ทำลายสัญญา–เครื่องหมายแห่งสังขารภายนอกทั้งหลายได้
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความไม่เกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะมุ่งตรงไปสู่ภาวะที่ไม่เกิดอีก (อสังขตะ)
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความดับคือนิพพาน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะแล่นไปสู่ความดับอันเป็นพระนิพพาน
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความเกิดขึ้นแล้วแล่นไปสู่ความไม่เกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะครอบงำภาวะแห่งความเกิด แล้วมุ่งตรงไปสู่ความไม่เกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความเป็นไปแล้วแล่นไปสู่ความไม่เป็นไป
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะครอบงำภาวะแห่งความเป็นไป แล้วมุ่งตรงไปสู่ความไม่เป็นไป
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำนิมิตแล้วแล่นไปสู่อนิมิต
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะครอบงำ “นิมิต” หรือเครื่องหมายแห่งการปรุงแต่ง แล้วแล่นไปสู่อานิมิต (สภาวะไร้นิมิต ไร้เครื่องหมาย)
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำสังขารนิมิตภายนอกแล้วแล่นไปสู่ความดับคือนิพพาน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะครอบงำสังขารภายนอกทั้งปวง แล้วแล่นไปสู่ความดับคือพระนิพพาน
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเป็นไป
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเป็นไปแห่งสังขาร
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากนิมิต
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากนิมิตหรือเครื่องหมายของสังขาร
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากกรรมเป็นเครื่องประมวลมา
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากกรรมซึ่งเป็นเครื่องปรุงแต่งรวมมา
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากปฏิสนธิ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากการปฏิสนธิ (การเกิดใหม่)
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากคติ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากคติคือการเวียนว่ายในภพภูมิ
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความบังเกิด
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความบังเกิดแห่งขันธ์
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความอุบัติ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความปรากฏขึ้นแห่งสังขาร
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเกิด
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากภาวะแห่งความเกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความแก่
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความแก่ชรา
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเจ็บไข้
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเจ็บป่วย
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความตาย
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความตาย
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเศร้าโศก
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเศร้าโศก
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความรำพัน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความรำพันคร่ำครวญ
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความคับแค้นใจ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความคับแค้นใจ
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากสังขารนิมิตภายนอก
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากนิมิตทั้งหลายอันเป็นสังขารภายนอก
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความไม่เกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะมุ่งตรงไปสู่ความไม่เกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความไม่เป็นไป
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะมุ่งตรงไปสู่ความไม่เป็นไป
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความดับคือนิพพาน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะมุ่งตรงไปสู่ความดับอันเป็นพระนิพพาน
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเกิดขึ้นแล้วแล่นไปสู่ความไม่เกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเกิด และแล่นไปสู่ความไม่เกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเป็นไปแล้วแล่นไปสู่ความไม่เป็นไป
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเป็นไป และแล่นไปสู่ความไม่เป็นไป
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากนิมิตแล้วแล่นไปสู่อนิมิต
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากนิมิต และแล่นไปสู่อานิมิต (ไร้นิมิต)
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากกรรมเป็นเครื่องประมวลมาแล้วแล่นไปสู่ความไม่มีกรรมเป็นเครื่องประมวลมา
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากกรรม และแล่นไปสู่ภาวะที่ไม่มีกรรมเป็นเหตุรวมปรุงแต่ง
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากปฏิสนธิแล้วแล่นไปสู่ความไม่มีปฏิสนธิ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากการปฏิสนธิ และแล่นไปสู่ความไม่เกิดใหม่
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากคติแล้ว…
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากคติ (เส้นทางแห่งสังสารวัฏ)
สรุป
“โคตรภูญาณ” คือ ญาณที่ทำหน้าที่เป็น “ประตูเชื่อม” ระหว่างโลกียภูมิ (จิตยังเวียนว่าย) ไปสู่โลกุตตรภูมิ (จิตพ้นกิเลส)
มีความหมายทั้งในเชิง ครอบงำ ความเศร้าโศก ความฟุ้งซ่าน ความปรุงแต่ง
และเชิง ก้าวออก/แล่นไปสู่ ความไม่เกิด ความไม่เป็นไป ความดับคือนิพพาน
“โคตรภูญาณ” คือ ญาณที่ทำหน้าที่เป็น “ประตูเชื่อม” ระหว่างโลกียภูมิ (จิตยังเวียนว่าย) ไปสู่โลกุตตรภูมิ (จิตพ้นกิเลส)
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ญาณกถา โคตรภูญาณนิทเทส
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความเศร้าโศก
= เรียกว่า โคตรภูญาณ เพราะสามารถครอบงำ ทำลายความเศร้าโศกได้
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความรำพัน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะสามารถครอบงำ ทำลายความคร่ำครวญรำพันได้
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความคับแค้นใจ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะสามารถครอบงำ ทำลายความคับข้องใจหรือความคับแค้นใจได้
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำสังขารนิมิตภายนอก
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะสามารถครอบงำ ทำลายสัญญา–เครื่องหมายแห่งสังขารภายนอกทั้งหลายได้
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความไม่เกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะมุ่งตรงไปสู่ภาวะที่ไม่เกิดอีก (อสังขตะ)
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความดับคือนิพพาน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะแล่นไปสู่ความดับอันเป็นพระนิพพาน
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความเกิดขึ้นแล้วแล่นไปสู่ความไม่เกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะครอบงำภาวะแห่งความเกิด แล้วมุ่งตรงไปสู่ความไม่เกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำความเป็นไปแล้วแล่นไปสู่ความไม่เป็นไป
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะครอบงำภาวะแห่งความเป็นไป แล้วมุ่งตรงไปสู่ความไม่เป็นไป
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำนิมิตแล้วแล่นไปสู่อนิมิต
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะครอบงำ “นิมิต” หรือเครื่องหมายแห่งการปรุงแต่ง แล้วแล่นไปสู่อานิมิต (สภาวะไร้นิมิต ไร้เครื่องหมาย)
ชื่อว่าโคตรภู เพราะครอบงำสังขารนิมิตภายนอกแล้วแล่นไปสู่ความดับคือนิพพาน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะครอบงำสังขารภายนอกทั้งปวง แล้วแล่นไปสู่ความดับคือพระนิพพาน
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเป็นไป
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเป็นไปแห่งสังขาร
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากนิมิต
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากนิมิตหรือเครื่องหมายของสังขาร
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากกรรมเป็นเครื่องประมวลมา
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากกรรมซึ่งเป็นเครื่องปรุงแต่งรวมมา
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากปฏิสนธิ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากการปฏิสนธิ (การเกิดใหม่)
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากคติ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากคติคือการเวียนว่ายในภพภูมิ
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความบังเกิด
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความบังเกิดแห่งขันธ์
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความอุบัติ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความปรากฏขึ้นแห่งสังขาร
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเกิด
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากภาวะแห่งความเกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความแก่
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความแก่ชรา
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเจ็บไข้
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเจ็บป่วย
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความตาย
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความตาย
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเศร้าโศก
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเศร้าโศก
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความรำพัน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความรำพันคร่ำครวญ
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความคับแค้นใจ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความคับแค้นใจ
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากสังขารนิมิตภายนอก
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากนิมิตทั้งหลายอันเป็นสังขารภายนอก
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความไม่เกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะมุ่งตรงไปสู่ความไม่เกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความไม่เป็นไป
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะมุ่งตรงไปสู่ความไม่เป็นไป
ชื่อว่าโคตรภู เพราะแล่นไปสู่ความดับคือนิพพาน
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะมุ่งตรงไปสู่ความดับอันเป็นพระนิพพาน
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเกิดขึ้นแล้วแล่นไปสู่ความไม่เกิดขึ้น
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเกิด และแล่นไปสู่ความไม่เกิด
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากความเป็นไปแล้วแล่นไปสู่ความไม่เป็นไป
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากความเป็นไป และแล่นไปสู่ความไม่เป็นไป
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากนิมิตแล้วแล่นไปสู่อนิมิต
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากนิมิต และแล่นไปสู่อานิมิต (ไร้นิมิต)
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากกรรมเป็นเครื่องประมวลมาแล้วแล่นไปสู่ความไม่มีกรรมเป็นเครื่องประมวลมา
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากกรรม และแล่นไปสู่ภาวะที่ไม่มีกรรมเป็นเหตุรวมปรุงแต่ง
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากปฏิสนธิแล้วแล่นไปสู่ความไม่มีปฏิสนธิ
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากการปฏิสนธิ และแล่นไปสู่ความไม่เกิดใหม่
ชื่อว่าโคตรภู เพราะออกจากคติแล้ว…
= เรียกว่าโคตรภูญาณ เพราะก้าวออกจากคติ (เส้นทางแห่งสังสารวัฏ)
สรุป
“โคตรภูญาณ” คือ ญาณที่ทำหน้าที่เป็น “ประตูเชื่อม” ระหว่างโลกียภูมิ (จิตยังเวียนว่าย) ไปสู่โลกุตตรภูมิ (จิตพ้นกิเลส)
มีความหมายทั้งในเชิง ครอบงำ ความเศร้าโศก ความฟุ้งซ่าน ความปรุงแต่ง
และเชิง ก้าวออก/แล่นไปสู่ ความไม่เกิด ความไม่เป็นไป ความดับคือนิพพาน