“สังขารไม่อาจนิพพานได้” มีที่มาและความเข้าใจอยู่ในหลายระดับ
๑. ความหมายของ “สังขาร”
สังขาร (saṅkhāra) = สิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาย ใจ หรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สัพเพ สังขารา อนิจจา” — สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง
หมายถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ย่อมแปรเปลี่ยน และดับไป
๒. นิพพานไม่ใช่สังขาร
นิพพาน (nibbāna) เป็น อสังขตธรรม (สิ่งที่ไม่ถูกปรุงแต่ง ไม่เกิดจากเหตุปัจจัย)
จึงไม่อยู่ในขอบเขตเดียวกับสังขาร ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ดับ
ดังนั้น “สังขารไม่อาจนิพพานได้” หมายความว่า สิ่งที่ปรุงแต่งอยู่ (เช่นกายใจที่ไม่พ้นทุกข์) ไม่สามารถกลายร่างไปเป็นนิพพาน
๓. แล้วใครถึงนิพพานได้?
ผู้ที่เจริญปัญญาจนดับตัณหา อวิชชา
เมื่อกิเลสดับ → สังขารไม่ถูกปรุงแต่งใหม่ → วัฏฏะยุติ → เข้าถึงนิพพาน
แต่ กาย–ใจ (สังขารขันธ์) ไม่ได้ “กลาย” เป็นนิพพาน เพียงแต่เมื่อถึงที่สุด ทุกข์แห่งสังขารสิ้นสุดลง เหลือแต่นิพพานอันเป็นสภาวะที่ไม่ปรุงแต่ง
๔. อุปมา
เหมือนกับ ไฟดับ
ไฟเกิดจากเชื้อ + ความร้อน + ลม
เมื่อเงื่อนไขหมด ไฟก็ดับ แต่ไม่ใช่ว่าไฟ “ไปเกิดเป็นสิ่งอื่น”
นิพพานก็เช่นกัน — มิใช่ว่าสังขารแปรเปลี่ยนเป็นนิพพาน แต่เป็นการสิ้นสุดการปรุงแต่งนั่นเอง
สังขารไม่อาจนิพพาน เพราะนิพพานไม่ใช่สิ่งที่ปรุงแต่ง
แต่ ผู้ละสังขารได้ (ด้วยปัญญา) ย่อมถึงนิพพาน
“สังขารคือน้ำวน นิพพานคือฝั่ง น้ำวนแปลงเป็นฝั่งไม่ได้ แต่มี#ผู้ว่ายน้ำข้ามได้”?
สิ่งที่คุณพูด"จิตเท่านั้นที่นิพพาน สังขารไม่ถึงนิพพาน" นี้ตรงกับหลักพระไตรปิฎกหลายแห่งเลย
๑. แก่นความจริง
สังขารขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) → ยังดำเนินอยู่ตราบใดที่ยังมีชีวิต
แต่เมื่อ จิตหลุดพ้นจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน → ก็เข้าถึง นิพพาน แม้สังขารจะยังทำงานอยู่
๒. พระอรหันต์มี ๒ ภาวะ
1. สอุปาทิเสสนิพพาน (นิพพานที่ยังมีขันธ์เหลืออยู่)
จิตหลุดพ้นแล้ว แต่ร่างกาย–สังขารยังทำงานตามเหตุปัจจัย
เช่น พระอรหันต์ยังหิว ยังป่วย ยังแก่ แต่ไม่ถูกใจ–ทุกข์ครอบงำอีกแล้ว
2. อนุปาทิเสสนิพพาน (นิพพานที่ขันธ์สิ้นไปแล้ว)
เมื่อพระอรหันต์ละขันธ์ห้า → ไม่มีการเกิดใหม่ → เข้าสู่นิพพานโดยสมบูรณ์
๓. อุปมา
จิต = นักโทษ
สังขารขันธ์ = คุกที่ยังมีประตูเปิด–ปิด
เมื่อ “ปัญญา” ปลดโซ่ตรวน → จิตพ้นแล้ว → ถึงแม้ร่างกาย (คุก) ยังตั้งอยู่ แต่ไม่เป็นเครื่องพันธนาการอีก
ตอนสิ้นชีวิต คุกพังทลาย → จิตที่พ้นแล้วไม่ถูกขังอีก
จิตเท่านั้นที่นิพพานได้ เพราะนิพพานคือความดับกิเลสในจิต
สังขารยังอยู่ ได้ตามเหตุปัจจัย จนกว่าจะสิ้นชีวิต
สังขารมิอาจนิพพาน
๑. ความหมายของ “สังขาร”
สังขาร (saṅkhāra) = สิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาย ใจ หรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สัพเพ สังขารา อนิจจา” — สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง
หมายถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ย่อมแปรเปลี่ยน และดับไป
๒. นิพพานไม่ใช่สังขาร
นิพพาน (nibbāna) เป็น อสังขตธรรม (สิ่งที่ไม่ถูกปรุงแต่ง ไม่เกิดจากเหตุปัจจัย)
จึงไม่อยู่ในขอบเขตเดียวกับสังขาร ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ดับ
ดังนั้น “สังขารไม่อาจนิพพานได้” หมายความว่า สิ่งที่ปรุงแต่งอยู่ (เช่นกายใจที่ไม่พ้นทุกข์) ไม่สามารถกลายร่างไปเป็นนิพพาน
๓. แล้วใครถึงนิพพานได้?
ผู้ที่เจริญปัญญาจนดับตัณหา อวิชชา
เมื่อกิเลสดับ → สังขารไม่ถูกปรุงแต่งใหม่ → วัฏฏะยุติ → เข้าถึงนิพพาน
แต่ กาย–ใจ (สังขารขันธ์) ไม่ได้ “กลาย” เป็นนิพพาน เพียงแต่เมื่อถึงที่สุด ทุกข์แห่งสังขารสิ้นสุดลง เหลือแต่นิพพานอันเป็นสภาวะที่ไม่ปรุงแต่ง
๔. อุปมา
เหมือนกับ ไฟดับ
ไฟเกิดจากเชื้อ + ความร้อน + ลม
เมื่อเงื่อนไขหมด ไฟก็ดับ แต่ไม่ใช่ว่าไฟ “ไปเกิดเป็นสิ่งอื่น”
นิพพานก็เช่นกัน — มิใช่ว่าสังขารแปรเปลี่ยนเป็นนิพพาน แต่เป็นการสิ้นสุดการปรุงแต่งนั่นเอง
สังขารไม่อาจนิพพาน เพราะนิพพานไม่ใช่สิ่งที่ปรุงแต่ง
แต่ ผู้ละสังขารได้ (ด้วยปัญญา) ย่อมถึงนิพพาน
“สังขารคือน้ำวน นิพพานคือฝั่ง น้ำวนแปลงเป็นฝั่งไม่ได้ แต่มี#ผู้ว่ายน้ำข้ามได้”?
สิ่งที่คุณพูด"จิตเท่านั้นที่นิพพาน สังขารไม่ถึงนิพพาน" นี้ตรงกับหลักพระไตรปิฎกหลายแห่งเลย
๑. แก่นความจริง
สังขารขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) → ยังดำเนินอยู่ตราบใดที่ยังมีชีวิต
แต่เมื่อ จิตหลุดพ้นจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน → ก็เข้าถึง นิพพาน แม้สังขารจะยังทำงานอยู่
๒. พระอรหันต์มี ๒ ภาวะ
1. สอุปาทิเสสนิพพาน (นิพพานที่ยังมีขันธ์เหลืออยู่)
จิตหลุดพ้นแล้ว แต่ร่างกาย–สังขารยังทำงานตามเหตุปัจจัย
เช่น พระอรหันต์ยังหิว ยังป่วย ยังแก่ แต่ไม่ถูกใจ–ทุกข์ครอบงำอีกแล้ว
2. อนุปาทิเสสนิพพาน (นิพพานที่ขันธ์สิ้นไปแล้ว)
เมื่อพระอรหันต์ละขันธ์ห้า → ไม่มีการเกิดใหม่ → เข้าสู่นิพพานโดยสมบูรณ์
๓. อุปมา
จิต = นักโทษ
สังขารขันธ์ = คุกที่ยังมีประตูเปิด–ปิด
เมื่อ “ปัญญา” ปลดโซ่ตรวน → จิตพ้นแล้ว → ถึงแม้ร่างกาย (คุก) ยังตั้งอยู่ แต่ไม่เป็นเครื่องพันธนาการอีก
ตอนสิ้นชีวิต คุกพังทลาย → จิตที่พ้นแล้วไม่ถูกขังอีก
จิตเท่านั้นที่นิพพานได้ เพราะนิพพานคือความดับกิเลสในจิต
สังขารยังอยู่ ได้ตามเหตุปัจจัย จนกว่าจะสิ้นชีวิต