ค่าโง่ HOPEWELL PROJECT
ซากปรักหักพังแห่งความโง่เขลา
ที่เอาภาษีเราไปชดใช้กรรม
บทเรียนราคาแพง กับกรงกรรมของชาติที่ต้องแบกรับ จากการบริหารประเทศที่ผิดพลาด
written by Thanabatra Beboyl Chaidarnn
page owner: ตุ๊ดส์review / Pussy can talk
ทุกครั้งที่อาจารย์นั่งรถเมล์สาย 134 อาจารย์จะมองเห็นเสาโด่เด่ตอหม้อขนาดใหญ่ ซึ่งก็เหมือนจำได้คุ้นๆว่ามันจะสร้างเป็นอะไรสักอย่างเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เราก็เห็นมันอยู่อย่างนั้นมานานมาก ไม่ได้มีใครกำจัดมัน หรือเอาไปทำอะไร ก็ไม่เห็นมันมีประโยชน์ใดๆ…จนวันนี้ มันกลับมาเป็น ‘กรงกรรม’ ให้เรารับผิดชอบกันถ้วนหน้า
จากข่าว “ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้รัฐจ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แก่บริษัท โฮปเวลล์ ตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมถึงค่าธรรมเนียมศาล ภายใน 180 วัน”
มีคนเคยบอกว่า
"เลือกตั้งได้ใครมาบริหารประเทศก็เหมือนกันแหละ"
แต่อาจารย์จะตอบเสมอว่า
"ไม่เหมือน และไม่มีทางเหมือน"
เพราะถ้าเราเลือกตั้งได้คนฉลาดมาบริหารประเทศชาติ ความผิดพลาด และหนี้สูญ จะไม่เกิดขึ้น รวมไปถึงการนำเงินภาษีเราไปใช้ จะออกมาในรูปแบบที่ชาญฉลาดเสมอ
นี่เป็นซากปรักหักพังของความผิดพลาดในอดีต ตั้งแต่สมัยการบริหารประเทศในยุคสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในขณะนั้น โครงการที่อนุมัติเมื่อ 40 ปีก่อน (สุเทพ เทือกสุบรรณ รมว. คมนาคม เซ็นยกเลิก ในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย) กลับมาสร้างความเสียหายให้คนยุคปัจจุบันรับกรรม
สิ่งที่ตัวผู้เขียนสงสัยคือ “การตัดสินใจผิดพลาดของรัฐบาลในการใช้เงิน ถึงเวลารับผิดชอบ ใครควรรับผิดชอบ?”
เมื่อเขาบริหารประเทศพลาด แต่เงินชดใช้เป็นเงินเราไง เงินที่พวกเราจ่ายภาษีเข้าไปอุดหนุนรัฐบาล ดังนั้น จึงอยากให้เกิดการทบทวนเหมือนกันว่าถ้าอนุมัติสิ่งใดมาใช้ในประเทศ ไม่ว่าจะสาธารณูปโภค สิ่งก่อสร้าง หรือนวัตกรรมใดๆ ที่มีประมูล และอนุมัติเข้ามาให้เกิดการสูญเงินในชาติไป เมื่อ “ผิดพลาด” ส่วนตัวมองว่า ไม่ควรใช้ภาษีประชาชนในการชดใช้…เพราะมันสะท้อนภาพว่า ผู้บริหารจะเอาเงินของเราไปผลาญสนุกอย่างไรก็ย่อมได้ แล้วสุดท้ายเขาไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายนั้นๆที่เกิดขึ้นเลย
มันทำให้เราคิดถึงคุณภาพ และประสิทธิภาพของบรรดาสิ่งใหม่ๆที่เข้ามา และกำลังจะเข้ามาจากนโยบายต่างๆของรัฐบาลที่ได้ใช้เงินไป เช่น เครื่องอ่านบัตร E-ticket ของขสมก. ที่ลงทุน 1,665 ล้านบาท แต่ใช้งานไม่ได้ หรือในอนาคตไม่ว่าจะรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือเรือดำน้ำ ตามนโยบายการลงทุน ซึ่งพอประเทศตัดสินใจต้องลงทุนเม็ดเงินไปมูลค่ามหาศาลแล้ว…คำถามคือ
- ใครเป็นควรเป็นคนรับผิดชอบ กรณีที่หากเกิดความเสียหาย?
- ตอนที่สั่งเข้ามา การตรวจสอบ ตรวจรับงาน หรือการทำงานเพื่อควบคุมคุณภาพ เป็นไปอย่างรัดกุม และมีผู้ตรวจสอบ ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนอย่างดีที่สุดใช่หรือไม่??? หรือทำแบบส่งๆไป?
- ควรมีบทลงโทษทางการเมือง และทางกฎหมายอย่างไร เพื่อตอบโต้การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพได้อย่างจริงจังหรือไม่?
ประเทศไทยยังต้องเสียค่าโง่ ให้กับความผิดพลาดจากการใช้เงินของผู้ที่บริหารประเทศและใช้เงินผิดพลาดไปอีกเท่าไหร่? และเมื่อไหร่เราจะได้คนที่มีความรู้ความสามารถในงานมาบริหารประเทศ และดูแลด้านนั้นๆให้เราอย่างจริงจังเสียที
นี่แหละคือกุญแจของคำตอบที่ว่า ทำไมเลือกตั้งจึงสำคัญ?
เราไม่ควรเอา ‘สิ่งที่มีชีวิตที่ปราศจากสมอง’ มาบริหารชาติของเราให้พังพินาศ
เงินมหาศาลที่สูญไป สามารถพัฒนาชาติในด้านอื่นๆได้อีกหลากหลายทางมาก ที่มีประโยชน์กว่า ‘ต่อหม้อ’ ซากปรักหักพัง อยากให้คนไทยทุกคนจดจำเป็นบทเรียนอันน่าเจ็บปวด ที่เราได้จากความผิดพลาดครั้งนี้ คือ
1) ถ้าผู้บริหารประเทศรักชาติจริงๆ เขาจะไม่ปล่อยให้การทำงานชุ่ยๆ ที่ไม่ได้มาตรฐานเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนก่อนสร้าง ทุกกระบวนการจะทำงานอย่างรัดกุม โปร่งใส และรักษาผลประโยชน์ของประชาชน เงินภาษี และประเทศชาติกว่านี้
2) เราจำเป็นต้องมี “คนที่ใส่ใจ + ฉลาด” มาบริหารบ้านเมืองเสมอ เพราะเราจะได้คำตอบในข้อ 1)
3) ผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ควรเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่การเอาเงินภาษีเรามาผลาญต่อ หรือชดใช้ เมื่อบทลงโทษมันหนักพอ เขาคงจะทำงานให้เราดีกว่านี้ครับ (ถ้าอ้างว่ามีกฎหมายบังคับดูแลเรื่องนี้จริงๆ ลองไปดูงานเครื่องอ่าน E-Ticket, เทศกาลจัดงานมะม่วง และอื่นๆที่ผ่านมาก็ได้ ว่าเงินที่ใช้ไป ลงทุนไป กับสิ่งที่ได้กลับมาคุ้มค่า และประเมินความเสียหายกันได้ไหม? แล้วทำไมผู้บริหารที่พลาดซ้ำๆ ก็ยังลอยหน้าลอยตากันอยู่?)
----
ขอให้ประเทศนี้ มีปาฏิหาริย์ด้วยเถิดเพี้ยง! ภาษีทุกบาทของเรา อยากเห็นมันมีคุณค่ากว่านี้จริงๆนะ
#HOPEWELL
ที่มาข่าว:
https://twitter.com/thestandardth/status/1120174202210754560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=622697094869142&id=332977620507759
ซากปรักหักพังแห่งความโง่เขลาที่เอาภาษีเราไปชดใช้กรรม
ซากปรักหักพังแห่งความโง่เขลา
ที่เอาภาษีเราไปชดใช้กรรม
บทเรียนราคาแพง กับกรงกรรมของชาติที่ต้องแบกรับ จากการบริหารประเทศที่ผิดพลาด
written by Thanabatra Beboyl Chaidarnn
page owner: ตุ๊ดส์review / Pussy can talk
ทุกครั้งที่อาจารย์นั่งรถเมล์สาย 134 อาจารย์จะมองเห็นเสาโด่เด่ตอหม้อขนาดใหญ่ ซึ่งก็เหมือนจำได้คุ้นๆว่ามันจะสร้างเป็นอะไรสักอย่างเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เราก็เห็นมันอยู่อย่างนั้นมานานมาก ไม่ได้มีใครกำจัดมัน หรือเอาไปทำอะไร ก็ไม่เห็นมันมีประโยชน์ใดๆ…จนวันนี้ มันกลับมาเป็น ‘กรงกรรม’ ให้เรารับผิดชอบกันถ้วนหน้า
จากข่าว “ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้รัฐจ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แก่บริษัท โฮปเวลล์ ตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมถึงค่าธรรมเนียมศาล ภายใน 180 วัน”
มีคนเคยบอกว่า
"เลือกตั้งได้ใครมาบริหารประเทศก็เหมือนกันแหละ"
แต่อาจารย์จะตอบเสมอว่า
"ไม่เหมือน และไม่มีทางเหมือน"
เพราะถ้าเราเลือกตั้งได้คนฉลาดมาบริหารประเทศชาติ ความผิดพลาด และหนี้สูญ จะไม่เกิดขึ้น รวมไปถึงการนำเงินภาษีเราไปใช้ จะออกมาในรูปแบบที่ชาญฉลาดเสมอ
นี่เป็นซากปรักหักพังของความผิดพลาดในอดีต ตั้งแต่สมัยการบริหารประเทศในยุคสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในขณะนั้น โครงการที่อนุมัติเมื่อ 40 ปีก่อน (สุเทพ เทือกสุบรรณ รมว. คมนาคม เซ็นยกเลิก ในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย) กลับมาสร้างความเสียหายให้คนยุคปัจจุบันรับกรรม
สิ่งที่ตัวผู้เขียนสงสัยคือ “การตัดสินใจผิดพลาดของรัฐบาลในการใช้เงิน ถึงเวลารับผิดชอบ ใครควรรับผิดชอบ?”
เมื่อเขาบริหารประเทศพลาด แต่เงินชดใช้เป็นเงินเราไง เงินที่พวกเราจ่ายภาษีเข้าไปอุดหนุนรัฐบาล ดังนั้น จึงอยากให้เกิดการทบทวนเหมือนกันว่าถ้าอนุมัติสิ่งใดมาใช้ในประเทศ ไม่ว่าจะสาธารณูปโภค สิ่งก่อสร้าง หรือนวัตกรรมใดๆ ที่มีประมูล และอนุมัติเข้ามาให้เกิดการสูญเงินในชาติไป เมื่อ “ผิดพลาด” ส่วนตัวมองว่า ไม่ควรใช้ภาษีประชาชนในการชดใช้…เพราะมันสะท้อนภาพว่า ผู้บริหารจะเอาเงินของเราไปผลาญสนุกอย่างไรก็ย่อมได้ แล้วสุดท้ายเขาไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายนั้นๆที่เกิดขึ้นเลย
มันทำให้เราคิดถึงคุณภาพ และประสิทธิภาพของบรรดาสิ่งใหม่ๆที่เข้ามา และกำลังจะเข้ามาจากนโยบายต่างๆของรัฐบาลที่ได้ใช้เงินไป เช่น เครื่องอ่านบัตร E-ticket ของขสมก. ที่ลงทุน 1,665 ล้านบาท แต่ใช้งานไม่ได้ หรือในอนาคตไม่ว่าจะรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือเรือดำน้ำ ตามนโยบายการลงทุน ซึ่งพอประเทศตัดสินใจต้องลงทุนเม็ดเงินไปมูลค่ามหาศาลแล้ว…คำถามคือ
- ใครเป็นควรเป็นคนรับผิดชอบ กรณีที่หากเกิดความเสียหาย?
- ตอนที่สั่งเข้ามา การตรวจสอบ ตรวจรับงาน หรือการทำงานเพื่อควบคุมคุณภาพ เป็นไปอย่างรัดกุม และมีผู้ตรวจสอบ ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนอย่างดีที่สุดใช่หรือไม่??? หรือทำแบบส่งๆไป?
- ควรมีบทลงโทษทางการเมือง และทางกฎหมายอย่างไร เพื่อตอบโต้การทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพได้อย่างจริงจังหรือไม่?
ประเทศไทยยังต้องเสียค่าโง่ ให้กับความผิดพลาดจากการใช้เงินของผู้ที่บริหารประเทศและใช้เงินผิดพลาดไปอีกเท่าไหร่? และเมื่อไหร่เราจะได้คนที่มีความรู้ความสามารถในงานมาบริหารประเทศ และดูแลด้านนั้นๆให้เราอย่างจริงจังเสียที
นี่แหละคือกุญแจของคำตอบที่ว่า ทำไมเลือกตั้งจึงสำคัญ?
เราไม่ควรเอา ‘สิ่งที่มีชีวิตที่ปราศจากสมอง’ มาบริหารชาติของเราให้พังพินาศ
เงินมหาศาลที่สูญไป สามารถพัฒนาชาติในด้านอื่นๆได้อีกหลากหลายทางมาก ที่มีประโยชน์กว่า ‘ต่อหม้อ’ ซากปรักหักพัง อยากให้คนไทยทุกคนจดจำเป็นบทเรียนอันน่าเจ็บปวด ที่เราได้จากความผิดพลาดครั้งนี้ คือ
1) ถ้าผู้บริหารประเทศรักชาติจริงๆ เขาจะไม่ปล่อยให้การทำงานชุ่ยๆ ที่ไม่ได้มาตรฐานเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนก่อนสร้าง ทุกกระบวนการจะทำงานอย่างรัดกุม โปร่งใส และรักษาผลประโยชน์ของประชาชน เงินภาษี และประเทศชาติกว่านี้
2) เราจำเป็นต้องมี “คนที่ใส่ใจ + ฉลาด” มาบริหารบ้านเมืองเสมอ เพราะเราจะได้คำตอบในข้อ 1)
3) ผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ควรเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่การเอาเงินภาษีเรามาผลาญต่อ หรือชดใช้ เมื่อบทลงโทษมันหนักพอ เขาคงจะทำงานให้เราดีกว่านี้ครับ (ถ้าอ้างว่ามีกฎหมายบังคับดูแลเรื่องนี้จริงๆ ลองไปดูงานเครื่องอ่าน E-Ticket, เทศกาลจัดงานมะม่วง และอื่นๆที่ผ่านมาก็ได้ ว่าเงินที่ใช้ไป ลงทุนไป กับสิ่งที่ได้กลับมาคุ้มค่า และประเมินความเสียหายกันได้ไหม? แล้วทำไมผู้บริหารที่พลาดซ้ำๆ ก็ยังลอยหน้าลอยตากันอยู่?)
----
ขอให้ประเทศนี้ มีปาฏิหาริย์ด้วยเถิดเพี้ยง! ภาษีทุกบาทของเรา อยากเห็นมันมีคุณค่ากว่านี้จริงๆนะ
#HOPEWELL
ที่มาข่าว: https://twitter.com/thestandardth/status/1120174202210754560
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=622697094869142&id=332977620507759