*แชร์ประสบการณ์นะครับ อย่าพึ่งด่านะ อ่านก่อนนิดนึง*
เวลาได้ยินคนพูดว่า ลดความอ้วนต้องมีวินัย เคร่งครัด ในใจด้านมืดของผมอยากจะถามกลับว่า เธอมีความสุขมั๊ย คิดว่าจะทำได้ตลอดไปมั๊ย แล้วจะฝืนได้อีกกี่ครั้ง
คือจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ลดน้ำหนักมาหลายครั้ง ไม่สำเร็จบ้าง สำเร็จแล้วกลับมาอ้วนอีกบ้าง มันบอกได้เลยว่า วินัย ใช้ไม่ได้ผล(อย่างน้อยก็กับตัวเอง)ครับ เช่น ลดอาหารพอน้ำหนักลงมาที่พอใจก็กลับมากินเหมือนเดิม...สุดท้ายโยโย่ กินสูตรคีโต|แอสกินก็ทำได้ไม่นานเพราะยุ่งยากมาก(สำหรับตัวเอง)ไม่ได้กินที่อยากกินด้วย
เพราะวินัยหมายถึง กฏ ข้อบังคับ ข้อปฏิบัติ ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยของเรา อย่าลืมว่าเราเป็นคนอ้วนง่าย รักการกิน และไม่ชอบออกกำลังกาย ถ้าอยู่ในกฏนานเราจะเครียด และล้มเลิก หรือถ้าให้ฝืนตลอดไปเราจะไม่มีความสุข
ผมเลยตั้งโจทย์ว่า จะลดน้ำหนักให้ถูกวิธียังไงให้มีความสุขและต่อให้ทำแบบนี้ไปจนตายก็ยังแฮปปี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทีนี้กลายเป็นว่าผมทำตามนี้แล้วลดน้ำหนักได้จริง จากเกือบๆ 100 กก.(สวิงอยู่ที่ 95-99กก.) ลงมา 15 กกใน 6 เดือน แล้วค่อย ๆ ลงมาจนปัจจุบันสวิงที่ 78-80 กก. เปอร์เซ็นไขมันลงจาก 24% มาที่ 18% (วัดในฟิตเนส) มวลกล้ามเนื้อก็เพิ่มขึ้น มากกว่ามาตรฐาน จากที่เครื่องเคยบอกให้ทาน 1500 Kcal ต่อวันก็กลายเป็น 2200 Kcal กินได้เยอะขึ้นไปอีก แฮปปี้มากก
ลืมบอกว่าผมไม่ใช่วัยรุ่น และทำงานเป็นพนักงานบริษัท ดังนั้นระบบเผาผลาญก็จะตามวัย เวลารัดตัว เครียดและสติแตกได้ตลอดเวลา
———-
สำหรับผมการลดน้ำหนัก มันเหมือนกับการวางแผนธุรกิจเลย มันไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเราทำงานหนักแค่ไหน แต่มันขึ้นอยู่กับว่าวิธีการของเราฉลาดแค่ไหนในเชิงการแก้เกมส์ร่างกายและจิตใจ มาดูกันดีกว่า
กฏของการลดน้ำหนักมีข้อใหญ่ข้อเดียวคือ
1.ต่อวันพลังงานที่ใช้ไปต้องมากกว่าพลังงานที่ได้รับ
กฏของการไม่เกิดโยโย่เอฟเฟก เพราะเราไม่อยากกลับมาอ้วนอีก
2. พลังงานที่ได้รับต้องไม่น้อยเกินไปจนทำให้ร่างกายปรับระดับเมตาบอลิซึมลงมาจนเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน แล้วต้องการพลังงานต่อวันลดลง ทำให้เราเป็นคนที่อ้วนง่ายขึ้น ดังนั้นการกินของเราต้องกินให้ไม่เกินค่า BMR
จาก 2 กฏนี้เรื่องการกิน
บอกได้เลยว่าเราจะกินอะไรก็ได้ ถ้าพลังงานต่อวันไม่เกินเป็นพอ ดังนั้นเราสามารถกินเบา ๆ มื้อเช้า เที่ยง แล้วไปหนักหมูกะทะได้ถ้าพลังงานไม่เกิน หรือเราจะกินทุเรียนทั้งวันก็ยังได้ เคยมี Yotuber คนหนึ่งลดน้ำหนักด้วยการกินเบียร์อย่างเดียวแล้วน้ำหนักลดไป 15 กก ใน 1 เดือน(อันนี้อ้างอิงเพราะมันลดน้ำหนักได้จริง แต่เรื่องสุขภาพอันนี้ก็น่าจะพอเดาได้) จะเห็นว่าเรายังสามารถแฮปปี้กับการกินได้ทั้งที่น้ำหนักก็ลด
(ใช้คำว่าลดน้ำหนักเพราะเราไม่รู้ว่าน้ำหนักที่หายไปเป็นอะไรบ้าง เพราะเราคุมแค่เรื่องกิน)
ผมชอบของทอด. ซึ่งของทอดมีน้ำมัน และไขมันจะให้พลังงานเยอะอาจจะทำให้ได้รับพลังงานเกินง่าย ๆ ผมแก้ปัญหาด้วยการซื้อหม้ออบลมร้อน ผมได้กินของกรอบ ๆ เหมือนทอด โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่จากไขมัน
ผมชอบกิน กินเยอะ กินตลอดเวลา ผมก็ลิสรายการอาหารที่พลังงานต่ำ กินได้เยอะ และที่ตัวเองชอบอย่างพวกพืชอวบน้ำ เช่น ชมพู่ แตงกวา แตงโม แคนตาลูป ของหวานอย่างเฉาก๊วย(ลดน้ำตาลทรายแดง ไม่ใส่น้ำเชื่อม) นอกจากไม่ต้องอดแล้ว ผมยังแฮปปี้ด้วย
———-
ทีนี้มาที่การลดไขมัน นั่นคือการออกกำลังกาย
(ใช่คำว่าลดไขมันเพราะเราต้องการลดไขมันไม่ใช่น้ำหนักอะไรก็ได้)
ถ้าบอกว่าขี้เกียจออกกำลังกายเลย จาจจะเพราะเราเลือกกิจกรรมที่ตัวเองไม่ชอบ ต้องหาสิ่งที่ตัวเองชอบ
ผมไม่ชอบวิ่งเพราะปวดบ่า น่าเบื่อ แต่ผมชอบเวท โอเค ผมเวทเลยหนัก ๆ เข้มข้น เห็นผลช้าหน่อย แต่ระยะยาวมวลกล้ามเนื้อเยอะขึ้นก็จะช่วยให้ใช้พลังงานได้มากขึ้นในทุกอิริยาบท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าจะเปรียบการคาร์ดิโอเบิร์นไขมันโดยตรงเหมือนการออมเงิน ส่วนการเวทเป็นการลงทุน และผมเน้นไปทางการลงทุน เพื่อให้อนาคตเบิร์นไขมันได้มากขึ้น
แต่เราก็ต้องคาร์ดิโอบ้างแหล่ะ ผมก็มองถึงนิสัยตัวเองที่ขี้เกียจ และเอาชนะมันด้วยการหลอกล่อ เช่น ทำเพลลีสเพลงใหม่ ๆ ไปฟัง เข้าคลาส(เพราะคลาสแค่กลั้นใจเดินเข้าไปคือออกไม่ได้แล้ว จะดูเสียมารยาทมาก) หรือซื้อแกตเจทใหม่ ๆ เข้ามา เช่น นาฬิกา หูฟัง ถุงมือ เสื้อผ้า รองเท้า กระบอกน้ำ เป็นระยะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฝึกตัวเองบางทีก็รู้สึกว่าเหมือนฝึกหมา อยากให้ทำตามต้องให้รางวัล ลงโทษได้แต่ต้องเบาๆ แล้วตบด้วยรางวัล แล้วทุกอย่าจะโอเค...ดีล
ประมาณนี้ครับ สำหรับผมมองว่าการลดน้ำหนักที่ยั่งยืน การมีรูปร่าง และสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืน ก็ต้องมาจากวิธีที่ยั่งยืนด้วย จะยั่งยืนได้ไง ก็ต้องเป็นวิธีที่เราแฮปปี้ที่จะทำ ไม่ฝืนใจ ทำจนกลายเป็นนิสัยในที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมเคยมีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้และใช้ประชาสัมพันธ์เรื่องสวัสดิการ และสโลแกนบริษัทด้วย เกี่ยวกันยังไงตามอ่านได้เลยครับ แล้วจะรู้ว่าการเปลี่ยนวิธีคิดมันได้ผลจริง ๆ
https://medium.com/donuts-bangkok-family/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81-15-%E0%B8%81%E0%B8%81-%E0%B9%83%E0%B8%99-6-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-donuts-bangkok-274d5c613c90
ผมเจอแนวความคิดที่คล้ายกับผมที่ Youtube ช่องที่ผมติดตามด้วย
Thaitopfitness : ช่องนี้บอกบ่อย ๆ เลยว่าการลดน้ำหนักต้องทำได้ยั่งยืน แถมเค้ายังมี cheat meal กับภรรยาได้โดยที่ sixpack ไม่หายด้วย
Fitjunctions : ช่องนี้ก็มีประเด็นเรื่อง Cheat meal เหมือนกัน
ปล. ผมไม่มั่นใจว่าข้อมูลเป๊ะ 100% นะครับ แต่เป็นประสบการณ์จริง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ อยากให้การลดน้ำหนักเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข เพราะเราทุกข์พอแล้วกับเรื่องงาน ความไม่มั่นใจ สังคมที่โหดร้าย(บางครั้ง) และอะไรต่อมิอะไรรอบตัวครับ
ลดความอ้วนต้องมีวินัย เป็นคำพูดที่ผมไม่โอเคเลย
เวลาได้ยินคนพูดว่า ลดความอ้วนต้องมีวินัย เคร่งครัด ในใจด้านมืดของผมอยากจะถามกลับว่า เธอมีความสุขมั๊ย คิดว่าจะทำได้ตลอดไปมั๊ย แล้วจะฝืนได้อีกกี่ครั้ง
คือจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ลดน้ำหนักมาหลายครั้ง ไม่สำเร็จบ้าง สำเร็จแล้วกลับมาอ้วนอีกบ้าง มันบอกได้เลยว่า วินัย ใช้ไม่ได้ผล(อย่างน้อยก็กับตัวเอง)ครับ เช่น ลดอาหารพอน้ำหนักลงมาที่พอใจก็กลับมากินเหมือนเดิม...สุดท้ายโยโย่ กินสูตรคีโต|แอสกินก็ทำได้ไม่นานเพราะยุ่งยากมาก(สำหรับตัวเอง)ไม่ได้กินที่อยากกินด้วย
เพราะวินัยหมายถึง กฏ ข้อบังคับ ข้อปฏิบัติ ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยของเรา อย่าลืมว่าเราเป็นคนอ้วนง่าย รักการกิน และไม่ชอบออกกำลังกาย ถ้าอยู่ในกฏนานเราจะเครียด และล้มเลิก หรือถ้าให้ฝืนตลอดไปเราจะไม่มีความสุข
ผมเลยตั้งโจทย์ว่า จะลดน้ำหนักให้ถูกวิธียังไงให้มีความสุขและต่อให้ทำแบบนี้ไปจนตายก็ยังแฮปปี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
———-
สำหรับผมการลดน้ำหนัก มันเหมือนกับการวางแผนธุรกิจเลย มันไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเราทำงานหนักแค่ไหน แต่มันขึ้นอยู่กับว่าวิธีการของเราฉลาดแค่ไหนในเชิงการแก้เกมส์ร่างกายและจิตใจ มาดูกันดีกว่า
กฏของการลดน้ำหนักมีข้อใหญ่ข้อเดียวคือ
1.ต่อวันพลังงานที่ใช้ไปต้องมากกว่าพลังงานที่ได้รับ
กฏของการไม่เกิดโยโย่เอฟเฟก เพราะเราไม่อยากกลับมาอ้วนอีก
2. พลังงานที่ได้รับต้องไม่น้อยเกินไปจนทำให้ร่างกายปรับระดับเมตาบอลิซึมลงมาจนเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน แล้วต้องการพลังงานต่อวันลดลง ทำให้เราเป็นคนที่อ้วนง่ายขึ้น ดังนั้นการกินของเราต้องกินให้ไม่เกินค่า BMR
จาก 2 กฏนี้เรื่องการกิน
บอกได้เลยว่าเราจะกินอะไรก็ได้ ถ้าพลังงานต่อวันไม่เกินเป็นพอ ดังนั้นเราสามารถกินเบา ๆ มื้อเช้า เที่ยง แล้วไปหนักหมูกะทะได้ถ้าพลังงานไม่เกิน หรือเราจะกินทุเรียนทั้งวันก็ยังได้ เคยมี Yotuber คนหนึ่งลดน้ำหนักด้วยการกินเบียร์อย่างเดียวแล้วน้ำหนักลดไป 15 กก ใน 1 เดือน(อันนี้อ้างอิงเพราะมันลดน้ำหนักได้จริง แต่เรื่องสุขภาพอันนี้ก็น่าจะพอเดาได้) จะเห็นว่าเรายังสามารถแฮปปี้กับการกินได้ทั้งที่น้ำหนักก็ลด
(ใช้คำว่าลดน้ำหนักเพราะเราไม่รู้ว่าน้ำหนักที่หายไปเป็นอะไรบ้าง เพราะเราคุมแค่เรื่องกิน)
ผมชอบของทอด. ซึ่งของทอดมีน้ำมัน และไขมันจะให้พลังงานเยอะอาจจะทำให้ได้รับพลังงานเกินง่าย ๆ ผมแก้ปัญหาด้วยการซื้อหม้ออบลมร้อน ผมได้กินของกรอบ ๆ เหมือนทอด โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแคลอรี่จากไขมัน
ผมชอบกิน กินเยอะ กินตลอดเวลา ผมก็ลิสรายการอาหารที่พลังงานต่ำ กินได้เยอะ และที่ตัวเองชอบอย่างพวกพืชอวบน้ำ เช่น ชมพู่ แตงกวา แตงโม แคนตาลูป ของหวานอย่างเฉาก๊วย(ลดน้ำตาลทรายแดง ไม่ใส่น้ำเชื่อม) นอกจากไม่ต้องอดแล้ว ผมยังแฮปปี้ด้วย
———-
ทีนี้มาที่การลดไขมัน นั่นคือการออกกำลังกาย
(ใช่คำว่าลดไขมันเพราะเราต้องการลดไขมันไม่ใช่น้ำหนักอะไรก็ได้)
ถ้าบอกว่าขี้เกียจออกกำลังกายเลย จาจจะเพราะเราเลือกกิจกรรมที่ตัวเองไม่ชอบ ต้องหาสิ่งที่ตัวเองชอบ
ผมไม่ชอบวิ่งเพราะปวดบ่า น่าเบื่อ แต่ผมชอบเวท โอเค ผมเวทเลยหนัก ๆ เข้มข้น เห็นผลช้าหน่อย แต่ระยะยาวมวลกล้ามเนื้อเยอะขึ้นก็จะช่วยให้ใช้พลังงานได้มากขึ้นในทุกอิริยาบท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่เราก็ต้องคาร์ดิโอบ้างแหล่ะ ผมก็มองถึงนิสัยตัวเองที่ขี้เกียจ และเอาชนะมันด้วยการหลอกล่อ เช่น ทำเพลลีสเพลงใหม่ ๆ ไปฟัง เข้าคลาส(เพราะคลาสแค่กลั้นใจเดินเข้าไปคือออกไม่ได้แล้ว จะดูเสียมารยาทมาก) หรือซื้อแกตเจทใหม่ ๆ เข้ามา เช่น นาฬิกา หูฟัง ถุงมือ เสื้อผ้า รองเท้า กระบอกน้ำ เป็นระยะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประมาณนี้ครับ สำหรับผมมองว่าการลดน้ำหนักที่ยั่งยืน การมีรูปร่าง และสุขภาพที่ดีแบบยั่งยืน ก็ต้องมาจากวิธีที่ยั่งยืนด้วย จะยั่งยืนได้ไง ก็ต้องเป็นวิธีที่เราแฮปปี้ที่จะทำ ไม่ฝืนใจ ทำจนกลายเป็นนิสัยในที่สุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. ผมไม่มั่นใจว่าข้อมูลเป๊ะ 100% นะครับ แต่เป็นประสบการณ์จริง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ อยากให้การลดน้ำหนักเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข เพราะเราทุกข์พอแล้วกับเรื่องงาน ความไม่มั่นใจ สังคมที่โหดร้าย(บางครั้ง) และอะไรต่อมิอะไรรอบตัวครับ