***เรียนผู้อ่านทุกท่านเนื่องจากทางผู้เขียนนั้นพึ่งเริ่มเขียนกระทู้เป็นครั้งแรกหากมีการใช้คำที่วกไปวนมาหรือพิมพ์ผิดไปหรือมีภาพที่ไม่ชัดเจนหรือเห็นผลตามที่ได้กล่าวไป กราบขออภัยไว้ก่อนเลยนะครับเพราะว่าชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมาเล่าประสบการณ์ลดน้ำหนักให้ใครๆได้อ่าน***
*****เรื่องทั้งหมดที่เล่าถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์น่าจะมีอะไรที่ไม่ดีไม่ถูกไม่ควรเยอะอย่าเอาไปเป็นเยี่ยงเป็นอย่างนะ*****
ต่อจาก ภาคแรก เป็นการลดน้ำหนักในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย ที่ลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีซึ่งถามว่ามันเห็นผลหรือเปล่ามันเห็นผลชัดมากแต่สิ่งที่ได้มาแลกกับน้ำหนักที่ลดได้ตามใจสั่ง มันไม่คุ้มกันเลย
งั้นขอเริ่มมอยการลดน้ำหนักในช่วงต่อไปกัน (เฟรชชี่ ปี1)…เริ่ม
หลังจากที่เข้ามหาวิทยาลัยก็ลดน้ำหนักมาอย่างต่อเนื่องแต่
วิธีเปลี่ยนไปคือ ใช้วิธีนับแคลอรี่เอาวันนึงจะคุมไม่ให้เกิน1000แคลอรี่ส่วนการออกกำลังกายหรอลืมมมมมมมมมมมมม...ไปได้เลยเนื่องจากงานเริ่มมาปริมาณงาน(คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์)ถามว่ามากไหมก็ไม่แต่ถ้าเทียบกับช่วงมัธยมก็ต้องใช้เวลาปรับตัวทำให้ไม่มีเวลาออกกำลังกาย และมีการให้รางวัลตัวเองสัปดาห์ละ1ครั้งบุฟเฟ่อะไรว่าไปกินแหละ
ผลคือ –เริ่มมีคนทักว่าเหี่ยว
-พลังในการทำงานใช้ชีวิตน้อยลง
-เวลาเป็นสิวรู้สึกว่าหายยากทั้งสิวทั้งรอยดำ
-เสียเงินซื้อเสื้อผ้าเยอะเพราะไม่เคยผอมเลยเห่อ(ไม่เกี่ยวเนอะ)
ทำให้น้ำหนักลงมาแตะต่ำสุดอยู่ที่ 68
ตอนนั้นมีความคิดว่า จะลดไปเรื่อยๆจน เหลือสัก65 แต่มันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง เราประครองน้ำหนักตัว 68-70 ขึ้นๆลงๆมาได้เกือบปี แต่ด้วยพฏติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปทั้งการทำงานดึก การเดินทางไปเรียน ทำให้ พฤติกรรมการกินเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน น้ำหนักก็ขึ้นมาอยู่ที่70-71
ปี2 ใสใส ช่วงนี้เรียกได้ว่าผีเข้าผีออก อยากอด ก็อด อยากกิน ก็กิน เพราะต้องใช้พลังอย่างมากในการเรียนทำให้น้ำหนักขึ้นมาอยู่ที่72-74
พอมองกลับมาตอนนั้นก็ดีนะ ดีทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต
เริ่มใส่กางเกงได้พอดีกำลังสวยงาม
72 Kg.
******แต่ความสุขก็ไม่ได้อยู่กับเราได้นาน ส่วนที่ทำให้เปลี่ยนไปเลยคือ การให้รางวัลตัวเอง แล้วเลยเถิด เริ่มกินเกินปริมาณแคลอรี่ที่ควรจะได้รับทุกวัน หลายๆวันติดกันเข้า ก่อนจบปี2 น้ำหนักก็มาแตะที่78 เบาๆ*********
ไหว้หละช่วยหยุดแค่นี้ทีพี่จ๊า
สรุปข้อดี/ข้อเสีย
ข้อดี -เริ่มมีความสุขกับการใช้ชีวิต มีพลังในการปั่นงานช่วงดึก กินไปด้วยทำงานไปด้วย
-ความเหี่ยวจากช่วงแรกเริ่มหายไปความตึงเริ่มเข้ามาแทนที่
ข้อเสีย-ทำงานดึกก็ต้องกินน้ำหนักขึ้นตามระเบียบ
-เสื้อผ้าที่ซื้อไว้มากมายตอนปี1 เริ่มใส่ไม่ได้กว่าครึ่ง
-เนื่องจากมีการกินที่ระห่ำมากบวกกับวันไหนอยากอด ก็อด ทำให้อารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย
ปี3 ..........พีค..........
เคยอ่านข่าววัวหายทั้งคอกมั้ย ใช่ชั้นกินมันเอง555555 ปีนี้ถือว่าเป็นช่วงที่หนักที่สุดในชีวิตมหาวิทยาลัย ทั้งการเรียนทั้งงาน ใกล้จะจบแล้วอีกปีทุกอย่างถาโถมเข้ามามากเวอร์ ทำให้ใช้ชีวิตเกือบตลอด24 ชม. เกือบทุกวันก็ว่าได้ พอเราต้องใช้สมอง ความสร้างสรรค์ในการทำงาน จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากการกินที่ช่วยทำให้สมองยังคงตื่นตายังคงลืม และมือยังคงลงมือทำงานต่อไป ........ไม่พูดมากให้ภาพมันเล่าเรื่อง-------------------------------ไป-------------------------------
78-79
82-83
85-86
***ถามว่าตอนนั้นมีอินเนอร์ยังไงตอบได้เลยว่ารู้สึกว่าตัวเองหุ่นก็ยังโอเคอยู่เดี๋ยวค่อยลดเอาใช้เวลาแป๊ปเดียวแหละมั้งขึ้นได้ก็ต้องลงได้สิ(ขณะที่คิดก็ยังคงกินมาม่าตอนตี3 ต่อด้วยขนมปังอีกสองก้อนตอนตี4.....นอน 7โมงตื่นเตรียมไปเรียน) เราใช้ชีวิตวนเวียนอยู่อย่างนี้ตั้งแต่ปลายๆปี2 และตลอดช่วงของปีสาม****
-----คิดมาตลอดว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะเราไม่ได้ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีมาตั้งแต่แรก ทำให้เมื่อมันรั่วแล้วมันเลยปะยาก---
สรุปผลดี/ผลเสีย
ข้อดี – ได้กินอาหารเยอะยำมากมาย(เกี่ยวมั้ยอะ55555555ถือว่าดีนะ)
ข้อเสีย – แน่นอน น้ำหนักขึ้นพรวด
- สิวขึ้นง่ายและบ่อยมากและหายยากมาก อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการกิน การนอนที่ผิดปกติไป
- แต่งหน่ายากเครื่องสำอางไม่ติด
- เหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย
-------------------------------------------พัง-----------------------------------------------
ปี4 ไม่ต้องพูดถึงมันคือ The ปี3 หนักกว่าปี3 คูณของเข้าไป ช่วงปีสี่ต้องทำThesisเพื่อจบการศึกษา ซึ่งแน่นอนทางออกของความเครียดทั้งหมดคือการกิน และการที่จะได้พลังมาทำงานและให้สมองแล่นก็คือการกิน ไม่พูดมากไปดูอาการกันเลย
เทียบกับตอนถ่ายคู่กับแม่ตอนภาค1 คือเหมือนกินแม่เข้าไปทั้งคน 90kgเป็นที่เรียบร้อย
เป็นแมว(น้ำ)..และจบการศึกษาด้วยน้ำหนัก 92 เรียบร้อย-ยืนหนึ่ง-
จากตอนแรกที่ลดน้ำหนักได้มากมาย จาก98เหลือ86บ้างล่ะ จาก 98เหลือ68 บ้างล่ะ ตัดภาพมาตอนนี้น้ำหนักเหลือเท่าเดิมวินิจฉัยได้เลยว่าอาการเกิดจากผักเป็นพิษบวมผัก (5555ล้อเล่นนะ)
***ทั้งหมดเกิดจากกาลดน้ำหนักที่ผิดมาตั้งแต่ต้นและการปล่อยจิตใจและอารมณ์ไปตามสถานะการณ์ต่างๆ เรียกได้ว่าไม่มีสติเวลากิน***
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่า
ผัก-ขะ-ยา-ปะ-ระ-มา-วา-กิว
(ถ้าใจเราคิดว่ามันเป็นผักเนื้อวากิวก็คือผัก)
ติดตามภาค3 ได้เลยนะครับ ลดน้ำหนักรับปริญญา เร็วๆนี้อาจทำได้หรือไม่ได้แต่เราจะมาแชร์ประสบการณ์กันนะครับ
---ขอบคุณครับ---
------------ภาค1------------
ลดนำหนักได้ไม่ได้หมายความว่าชนะ ภาค2
*****เรื่องทั้งหมดที่เล่าถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์น่าจะมีอะไรที่ไม่ดีไม่ถูกไม่ควรเยอะอย่าเอาไปเป็นเยี่ยงเป็นอย่างนะ*****
ต่อจาก ภาคแรก เป็นการลดน้ำหนักในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย ที่ลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีซึ่งถามว่ามันเห็นผลหรือเปล่ามันเห็นผลชัดมากแต่สิ่งที่ได้มาแลกกับน้ำหนักที่ลดได้ตามใจสั่ง มันไม่คุ้มกันเลย
งั้นขอเริ่มมอยการลดน้ำหนักในช่วงต่อไปกัน (เฟรชชี่ ปี1)…เริ่ม
หลังจากที่เข้ามหาวิทยาลัยก็ลดน้ำหนักมาอย่างต่อเนื่องแต่
วิธีเปลี่ยนไปคือ ใช้วิธีนับแคลอรี่เอาวันนึงจะคุมไม่ให้เกิน1000แคลอรี่ส่วนการออกกำลังกายหรอลืมมมมมมมมมมมมม...ไปได้เลยเนื่องจากงานเริ่มมาปริมาณงาน(คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์)ถามว่ามากไหมก็ไม่แต่ถ้าเทียบกับช่วงมัธยมก็ต้องใช้เวลาปรับตัวทำให้ไม่มีเวลาออกกำลังกาย และมีการให้รางวัลตัวเองสัปดาห์ละ1ครั้งบุฟเฟ่อะไรว่าไปกินแหละ
ผลคือ –เริ่มมีคนทักว่าเหี่ยว
-พลังในการทำงานใช้ชีวิตน้อยลง
-เวลาเป็นสิวรู้สึกว่าหายยากทั้งสิวทั้งรอยดำ
-เสียเงินซื้อเสื้อผ้าเยอะเพราะไม่เคยผอมเลยเห่อ(ไม่เกี่ยวเนอะ)
ปี2 ใสใส ช่วงนี้เรียกได้ว่าผีเข้าผีออก อยากอด ก็อด อยากกิน ก็กิน เพราะต้องใช้พลังอย่างมากในการเรียนทำให้น้ำหนักขึ้นมาอยู่ที่72-74
ข้อดี -เริ่มมีความสุขกับการใช้ชีวิต มีพลังในการปั่นงานช่วงดึก กินไปด้วยทำงานไปด้วย
-ความเหี่ยวจากช่วงแรกเริ่มหายไปความตึงเริ่มเข้ามาแทนที่
ข้อเสีย-ทำงานดึกก็ต้องกินน้ำหนักขึ้นตามระเบียบ
-เสื้อผ้าที่ซื้อไว้มากมายตอนปี1 เริ่มใส่ไม่ได้กว่าครึ่ง
-เนื่องจากมีการกินที่ระห่ำมากบวกกับวันไหนอยากอด ก็อด ทำให้อารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย
ปี3 ..........พีค..........
เคยอ่านข่าววัวหายทั้งคอกมั้ย ใช่ชั้นกินมันเอง555555 ปีนี้ถือว่าเป็นช่วงที่หนักที่สุดในชีวิตมหาวิทยาลัย ทั้งการเรียนทั้งงาน ใกล้จะจบแล้วอีกปีทุกอย่างถาโถมเข้ามามากเวอร์ ทำให้ใช้ชีวิตเกือบตลอด24 ชม. เกือบทุกวันก็ว่าได้ พอเราต้องใช้สมอง ความสร้างสรรค์ในการทำงาน จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากการกินที่ช่วยทำให้สมองยังคงตื่นตายังคงลืม และมือยังคงลงมือทำงานต่อไป ........ไม่พูดมากให้ภาพมันเล่าเรื่อง-------------------------------ไป-------------------------------
-----คิดมาตลอดว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะเราไม่ได้ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีมาตั้งแต่แรก ทำให้เมื่อมันรั่วแล้วมันเลยปะยาก---
สรุปผลดี/ผลเสีย
ข้อดี – ได้กินอาหารเยอะยำมากมาย(เกี่ยวมั้ยอะ55555555ถือว่าดีนะ)
ข้อเสีย – แน่นอน น้ำหนักขึ้นพรวด
- สิวขึ้นง่ายและบ่อยมากและหายยากมาก อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการกิน การนอนที่ผิดปกติไป
- แต่งหน่ายากเครื่องสำอางไม่ติด
- เหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย
***ทั้งหมดเกิดจากกาลดน้ำหนักที่ผิดมาตั้งแต่ต้นและการปล่อยจิตใจและอารมณ์ไปตามสถานะการณ์ต่างๆ เรียกได้ว่าไม่มีสติเวลากิน***
https://pantip.com/topic/38662803/comment1