[CR] รีวิวร้านเปิดใหม่ Nasu Premium Yakiniku ถ้าคุณเป็นแฟนร้าน Aubergine ล่ะก็ ต้องมาลอง

Aubergine ศาลาแดงซอย 1/1 จองผ่าน Eatigo ลดราคา 50% ตอนแรกจองแล้วกะว่าจะมาทานซะหน่อย เห็นร้านในรั้วเดียวกันเปิดใหม่เพิ่งเปิดตัวชื่อว่า Nasu Premium Yakiniku เปิดวันแรกถึงขณะว่า มีหลวงพ่อให้พรอยู่ด้านใน แล้วก็กลับวัดไป เกิดความสงสัยจึงเดินเข้าไปดู เป็นร้านปิ้งย่างระดับ Premium A la Carte ขายเป็นจาน ใช้วัตถุดิบเดียวกับในร้าน Aubergine มีทั้งเนื้อวากิวระดับ A4 และอื่นๆอีกมากมาย จะลองเป็นลูกค้าคนแรกดูแล้วกัน เพราะมีส่วนลด 30% ถึงสิ้นปีนี้เท่านั้นนะ
เดินเข้ามาในร้าน Aubergine เห็นน้ำพุหน้าร้าน มองไปทางขวามือจะเจอป้ายเข้าร้านใหม่อยู่ จากนั้นเดินตรงยาวเข้าไปก็จะเจอแล้วร้าน Nasu มีซุ้มหน้าร้านสีน้ำเงินสไตล์ญี่ปุ่นคอยต้อนรับเราอยู่ เข้าไปพร้อมกันเลย
เดินเข้ามาในร้านเป็นบรรยากาศห้องแอร์ล้อมรอบด้วยกระจกโล่งสบาย ไม่ได้ตกแต่งร้านมืดๆจนน่าอึดอัด ล้อมรอบด้วยสวนไม้ไผ่ เก้าอี้ใหญ่นั่งเต็มก้นดี ที่สำคัญใครชอบดื่มสาเกที่นี่มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว
เปิดราคาออกมา เราทำใจมาแล้วนะว่าแพง เนื้อจากที่ถูกที่สุด รองจากลิ้นและกระเพาะวัวคือริปอายออสเตรเลียจานละ 390 บาท ไม่รวม Vat,Service ถ้าลด 30% Net.แล้วจะเหลือจานละ 319.41 บาท เปิดไปหน้าเกือบสุดท้าย มี  Yakiniku Lunch Set จ้า ชุดเนื้อออสเตรเลีย พร้อมข้าวสวย 1 ถ้วย มีซุปมิโสะและน้ำสลัดให้ทานด้วย เอาชุดนี้แหละ 290 บาทเอง ส่วนน้องที่ไปด้วยกันสั่งชุดซีฟู๊ด ราคา 350 บาท อีกคนสั่งข้าวไก่เทริยากิ 150 บาทเกือบลืมบอก Lunch Set ไม่ร่วมรายการลด 30% นะ แต่ส่วนตัวเรารู้สึกว่าคุ้มกว่า เดี๋ยวค่อยมาดูปริมาณอีกที
ชาเขียวที่นี่รีฟิลแก้วละ 50 บาท แช่มาเย็นเจี๊ยบ เสิร์ฟแบบไม่มีน้ำแข็ง รสชาติแบบชาข้าวญี่ปุ่นเข้มข้น ไม่หวาน พริกสด กระเทียม ดูเอาใจใส่ดีเพราะกระเทียมมาเป็นชิ้นสวยงาม พริกสดก็หั่นเป็นแว่นเท่ากันสวยงามมาก เห็นว่าเชฟที่ร้านนี้เคยไปแข่งรายการเชฟกระทะเหล็กด้วย รายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้ทำมาได้ดี ส่วนน้ำจิ้มยากินิคุของที่ร้าน ไม่ใช่แบบที่ผมเคยรู้จัก มีรสเค็ม หวานอ่อนๆ หอมกลิ่นเต้าเจี้ยวจางๆ พอผสมพริกสด กระเทียม และน้ำมะนาว รสชาติกลายเป็นน้ำยำที่มีกลิ่นเต้าเจี้ยวแทนกลิ่นน้ำปลา มันอาจจะเข้ากับเนื้อก็ได้ รอเนื้อมาก่อนแล้วกัน ก่อนเนื้อจะมา ทางร้านจะถามก่อนว่า เนื่องจากเป็นชุดกลางวัน กลัวลูกค้าจะหัวเหม็นกลับไปทำงาน จำให้ทางร้านย่างให้แบบพร้อนทานเลยไหม แต่เราจะถ่ายรูปไม่สนหัวเหม็นอยู่แล้ว ยกเตามาเลยจ้า เตามาแล้วผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินเข้มก็มา ตอนนี้เหมือนกำลังนั่งทานที่ร้านเกาหลีอยู่เลย แต่ก็รู้สึกดีนะทางร้านเอาใจใส่พวกเราเป็นอย่างดีเลย
มาแล้วชุดเนื้อออสเตรเลีย ราคา 290 บาท ในชุดประกอบด้วยเนื้อส่วน Rump ปริมาณไขมันไม่มาก 6 ชิ้น ผักสำหรับย่าง (หอมใหญ่ เห็ดออเร็นจิ มะเขือม่วง ต้นหอมญี่ปุ่น) ซุปมิโสะ รสชาติหอมปลาโอแห้งและกลิ่นเหมือนอะไรย่างสักอย่าง เต้าเจี้ยวหอมมีความเปรี้ยวตรงปลายลิ้นนิดนึง เป็นรสชาติซุปที่แปลกกว่าที่อื่น สลัดผักสดกรอบดี แต่ถ้าจะให้ดีต้องมาถ้วยเย็นๆ จะอร่อยมาก น้ำสลัดรสหวานหอมกลิ่นงาเข้มข้น มากับข้าวสวยถ้วยโต ดูจากในรูปเหมือนนิดเดียว แต่ถ้วยลึกนะ ข้าวก็หอมเมล็ดอ้วนกลมแวววาวดี ดูแล้วใช้ข้าวคุณภาพดีอยู่นะเนี่ย วิธีการทานน้องพนักงานก็จะแนะนำว่า ทานจิ้มกับซอสบาร์บีคิวสูตรที่ร้าน แต้มโคชูจังที่เนื้อนิดนึงแล้วทาน หรือจะราดพริกป่น 7 สีญี่ปุ่นลงบนเนื้อ อยากทานแบบไหน ก็เลือกได้ตามสะดวกเลยจ้า
จานนี้เป็นของน้องที่มาด้วยกัน คนไม่ทานเนื้อทั้งคู่ ชุดซีฟู๊ดยากินิคุ ในชุดประกอบด้วยปลาหมึก 3 ตัว หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวยักษ์ 2 ตัว และกุ้งลายเสือตัวใหญ่อีก 1 ตัว ในรูปจะเห็นได้ว่ามีหอยเชลล์ตัวเขื่องอยู่ในเซ็ทด้วย เป็น Service พิเศษจากทางร้านนะครับ เพราะเราเป็นลูกค้าคนแรกของที่ร้านนี้ เจ้าของร้านใจดี แถมมาให้ 1 ตัว เกรดซาชิมิอย่างดี แบบที่ใช้ในร้าน Aubergine ถ้ามาแล้วอยากทานที่ร้านมีขายตัวละ 180 บาทครับ ตัวใหญ่คุ้มราคามาก
จับลงย่างให้เต็มเตา ถ่านที่ร้านร้อนแรงดีมาก ย่างเนื้อสะใจสุดๆ ไขมันหยดทีไฟพุ่งที  ไฟแรงดีแบบนี้ย่างอะไรก็อร่อย ยิ่งซีฟู๊ดชิ้นใหญ่ที่สุกยากๆ ได้เตาไฟดีแบบนี้ เพิ่มความเร็วในการย่างขึ้นมาได้ดีทีเดียว
ทดลองทานตามคำแนะนำของที่ร้าน แบบแรกคือไม่ใส่อะไรเลย เพื่อสัมผัสรสเนื้อแบบเต็มๆ เป็นเนื้อออสเตรเลียที่นุ่มมาก เห็นมันแทรกไม่เยอะคิดว่าจะเหนียวเคี้ยวยาก แค่ใช้ฟันกัดเบาๆเนื้อก็หลุดออกจากกันแล้ว ตรงส่วนไขมันเนื้อหวานหอมกำลังดี เพิ่มความอร่อยแบบที่ 2 ราดด้วยน้ำจิ้มยากินิคุที่ผสมพริกกระเทียมและน้ำมะนาวลงไป รสชาติเหมือนยำเนื้อก็อร่อย ลองแบบที่ 3 แต้มโคชูจังนิดหน่อยก่อนเข้าปาก ได้รสเค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นพริกโคชูจัง ได้อารมณ์เกาหลีไปอีก ลองแบบที่ 4 โรยพริกป่น 7 สีญี่ปุ่นลงไป เพิ่มความหอมเผ็ดทานได้ไม่เลี่ยน คือเนื้อมันดีอยู่แล้วอ่ะ จะทานแบบไหนก็อร่อย ข้าวสวยก็เหนียวหนึบซึบซับน้ำเนื้อได้ดี ช่วยเพิ่มความอร่อยไปอีก ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะอิ่ม เนื้อแค่นี้กับข้าว 1 ถ้วยก้นลึก พอกินหมด อิ่มพอดีเลย ข้าวญี่ปุ่นหนักท้องมาก
มาช้ายังดีกว่าไม่มา ข้าวหน้าไก่เทริยากิ ในเซ็ตมีซุปและสลัดให้เหมือนกัน ราคาแค่ 150 บาท จานใหญ่มาก รสชาติก็ไม่ธรรมดา ลืมรสชาติข้าวหน้าไก่เทริยากิร้านสะดวกซื้อทิ้งไป  ไก่น่าจะเป็นส่วนสะโพกเนื้อนุ่มแทรกมันชิ้นโต นำไปย่างจนเนื้อแห้งกระชับ หอมกลิ่นรมควันแบบอบอวล ราดด้วยซอสเทริยากิ มีความหวาน หอมซีอิ๊ว อ่อนๆ รสชาติไม่รุนแรงแต่กลิ่นควันย่างเต็มปาก ไม่เหมือนไก่เทริยากิที่เคยทานมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด ชอบจานนี้มาก เสียดายเป็นของน้องที่มาด้วยกัน ได้ชิมไปนิดเดียวเอง
ส่วนซีฟู๊ดใช่ว่าจะธรรมดาซะที่ไหน ดูจากรูปเหมือนจะตัวเล็ก เลยเอามาเทียบกับมือให้เห็นว่าใหญ่อยู่นะเนี่ย กุ้งลายเสือตัวขนาดนี้ที่ผมเคยทานประมาณตัวละ 150 บาท เคยทานที่ภูเก็ตเมื่อนานมาแล้ว แบบสดตัวเป็นๆเลย รสชาติกุ้งที่นี่สดไม่ต่างกันเลย เนื้อแน่นกรอบดี แบ่งกับน้องที่มาด้วยกันทาน ส่วนหอยเชลล์ย่างด้านนอกสุกเป็นเส้นเนื้อละเอียด ด้านในดิบแต่เนื้อหวานเนียน ไม่เละแบบร้านบุฟเฟ่ต์ซูชิที่เคยทานมาก่อนหน้านี้ คุ้มค่ามากครับ
รวมราคามื้อนี้อยู่ที่ 1,106.38 บาท ทานกัน 3 คน ได้หอยเชลล์ฟรีมา 1 ตัว ถามว่าแพงมั้ย ส่วนตัวคิดว่าแพงครับ แต่พอเทียบกับวัตถุดิบแล้ว มันคุ้มค่าที่จะจ่าย เพราะเกรดวัตถุดิบดีมาก ราคานี้สมเหตุสมผล แต่ถ้ามาทานบ่อยๆคงไม่ไหว ใครเคยทานร้าน Aubergine บ่อยๆน่าจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังพอจ่าย ลองแวะมาทานร้านข้างๆกันนี่ดูครับ วัตถุดิบเกรดเดียวกันแต่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแทน น้ำจิ้มอาจจะไม่ถูกปากผมไปสักหน่อย แต่คุณเจ้าของร้านบอกว่ากำลังทำน้ำจิ้มสูตรยากินิคุที่เราคุ้นเคยกันอยู่อดใจรอสักนิดนึงนะครับ สำหรับร้าน Nasu Premium Yakiniku ผมให้ 4 ดาวครับ ตัดเรื่องราคากับน้ำจิ้มไปแค่นั้น นอกนั้นดีทุกอย่าง ใครที่ชื่นชอบวัตถุดิบคุณภาพสูง นำมาปิ้งย่างแบบยากินิคุในราคาสมเหตุผล ร้านนี้เลยไม่ผิดหวังครับ 🌟 🌟 🌟 🌟