ในที่สุด "จักรวาลคุณศรี" (Sri's Universe) ก็สมบูรณ์ครับโดยในคราวนี้คุณศรีเดินทางเข้ากลางกรุงมายัง Siam Paragon ผมในฐานะแฟนพันธุ์แท้ของเครือนี้จึงไม่พลาดที่จะมาลอง Sri room
ร้านนี้คือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย ที่มาเติมเต็มไตรภาคของ Sri Trat Group จากฝีมือของคุณตั้ม (Nontawan Chitwattanagorn) และคุณแอ็ค (Wongwich Sripinyo) สองผู้บริหารที่ตั้งใจ "ปักธง" ให้อาหารไทยภาคตะวันออกกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่แพ้อาหารใต้หรืออาหารเหนือเลย ความสนุกใน แม้อาหารจะเมนูดูคล้ายคลึงกันแต่ ร้านทั้งสาม คือการร้อยเรียงเรื่องราวของร้านผ่านชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อ "ศรี" ในแต่ละช่วงวัย
หาก บูรพา (Burapa): คือ "คุณศรี" วัย 19 ปี วัยรุ่นที่เพิ่งออกเดินทางท่องเที่ยว คอนเซปต์ร้านจึงเป็นตู้รถไฟ Palate ของเธอกำลังเปิดรับสิ่งใหม่ รสชาติจึงตื่นเต้น มีความเป็นฟิวชั่น และพร้อมจะทดลอง (Exploratory)
ถ้า ศรีตราด (Sri Trat): คือ "คุณศรี" ในวัย 42 ปี ที่ตกตะกอนความคิด ผ่านโลกมาเยอะ เหมือน "คุณยาย" รสชาติจึง "กลมกล่อม" (Refined) นุ่มนวล ประนีประนอม ถูกปากคนทุกชาติ เหมือนคนที่เข้าใจโลกและพร้อมจะปรับตัวเข้าหาผู้อื่น
และร้านล่าสุด Sri’s Room (ห้องของศรี): นี่คือ "คุณศรี" วัย 27 ปี วัย First Jobber ที่เพิ่งเข้ามาตามหาความฝันในกรุงเทพฯ ยุค 70s-80s เป็นวัยที่"อัตตา" (Ego) และ "ความคิดถึงบ้าน" (Nostalgia) พุ่งสูงที่สุด เธอยังไม่คิดจะประนีประนอมกับโลก รสชาติของ Sri’s Room
รสชาติจึงยึดถือรสของตัวเองเป็นหลักและมีความเป็นตัวตนของภาคตะวันออกมากที่สุด มันคือรสชาติแบบ "Unapologetic" (ไม่ขอโทษขอโพย) เป็นรสชาติอาหารตะวันออกแท้ๆ
"ตามใจคนทำ ไม่ตามใจคนกิน เราจะได้เจอกับรสเค็มนำจากกะปิระนองชั้นดี กลิ่นสมุนไพรป่าที่ชัดเจน และรสเผ็ดร้อนจากสมุนไพร" (Herbal Heat) ที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคตะวันออก
การตบแต่งร้านจึงจำลองบรรยากาศกรุงเทพฯ ยุค 70s-80s โดยด้านหน้าเป็น "ร้านตัดเสื้อ" ให้เราทิ้งความวุ่นวายของสยามพารากอนไว้ข้างนอก ก่อนจะเดินผ่านจักรเย็บผ้าและม้วนผ้า เข้าสู่ "ครัวลับหลังร้าน" ที่คุณศรีใช้ทำอาหารรสบ้านเกิดให้เพื่อนสนิทชิมพร้อมกับจิบเหล้าองุ่นชั้นดีจาก Granmonte อย่าง Bussaba หรือ Sakuna ให้โก้เก๋ตามแบบฉบับสาวชาวกรุง
เมนูของคุณศรีที่บอสชื่นชอบในวันนี้มีหลายอย่างที่อยากกล่าวถึงคือ
แกงหมึกน้ำดำ (Stir-fried squid with black ink sauce): หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเรียก 'แกง' เพราะนี่คือสไตล์ตะวันออกครับ 'แกง' คือการผัดงวดจนน้ำข้น รสชาติซอสนำ้ดำที่นี่นั้น "เค็มนำ ไม่หวาน" มีเผ็ดปลายนิดๆมีกลิ่นกระวานอ่อนๆ เนื้อปลาหมึกสดเด้งดีมากไม่เหนียว
ข้าวมันแกงพริกเนื้อ เป็นอีกตัวที่ยอดเยี่ยมคือแกงพริกเนื้อ แกงของที่ร้านมีความกลมกล่อมจากกะทิที่คั้นวันต่อวันแต่เผ็ดร้อน เนื้อบริสเกตออสเตรเลียที่ทำมาได้ดีเนื้อนุ่มแต่ยังเด้งสู้ฟัน ส่วนข้าวมันก็ทำมาได้ดีข้าวไม่แฉะเรียงเม็ดสวยหอมกลิ่นลูกผักชีอ่อนๆ
คุณศรีฝากข้อความไว้ว่า "ตอนอายุ 27 ฉันยังหาเส้นทางของตัวเองไม่เจอ... แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเคี่ยวซุปเบาๆ หรือได้กลิ่นกะปิที่แม่เคยตำ ฉันรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน... ขอเชิญคุณเข้ามาในห้องของฉัน และให้ที่นี่... เป็นห้องของคุณเช่นกัน"
ขนมครก พราวเผ็ด พราวหวาน (Khanom Krok): จานนี้คือขนมครกหน้า "กะฉีก" (ไส้มะพร้าวผัด) กับน้ำพริกกุ้งมะพร้าว เป็นหนึ่งเค็มหนึ่งหวาน ตัวขนมครกรสมันครีมมี่มีความมันเข้มข้นจากกะทิชั้นดี
คำปลาดอกไม้พล่า (Betel leaves, Seabass): จานนี้ใช้ปลากะพงสดเกรดซาชิมิ เนื้อชมพูใสสีสวยงาม ทีเด็ดคือน้ำจิ้มพล่าที่ใช้ถั่วตัด แต่รสชาติ "ไม่หวาน" โดดเหมือนที่อื่น แต่เน้นรสจัดจ้านของเครื่องสมุนไพร ตะไคร้ และมะพร้าวคั่วแทน
ยำมังคุดคัดกะปิหวาน: จานนี้ได้ความสดชื่นเต็มๆ ครับ มังคุดคัดเนื้อกรอบๆ เจอกับน้ำยำที่ใช้กะปิเกาะช้างชั้นดี รสชาติซับซ้อน สร้างความสดชื่นและปลุกต่อมรับรสได้ดีมาก
น้ำพริกกุ้งเสียบตราด (Nam Prik Goong Siab): นี่คือสูตรคุณแม่แท้ๆ รสเผ็ดจัดจ้านสะใจ กลิ่นกะปิชัด กุ้งเสียบกรอบอร่อยมากครับ ใครชอบรสจัดจ้านเผ็ดร้อนลึกผมขอแนะนำครับ
กะปิคั่วอย่างตราด (Simmered Shrimp Paste Dip): ตัวนี้จะคล้ายหลนกะปิครับ แต่ความต่างคือที่นี่ใช้ "ขี้โล้มะพร้าว" (กากมะพร้าวที่คั่วจนหอม) เอาไปคั่วกับกะปิอีกที ทำให้หอมลึกมีมิติมากกว่าและรสชาติไม่ได้ออกรสชาติของกะทินำแบบหลนแต่จะเป็นกะปินำแทน
ข้าวหยำพริกไข่ปู (Rice with Crab roe relish): จานง่ายๆ ของคนตะวันออก แต่ทรงพลังมากครับ ใช้ไข่ปูทะเล (ปูดำ) คลุกกับน้ำพริก รสชาติเผ็ด เปรี้ยว ตัดเค็มอ่อนๆ รสไม่จัดมาก เสริฟ์มากกับเนื้อปูเกะ เป็นจานที่อร่อยแบบไม่ต้องมีพิธีรีตอง
แกงหมึกน้ำดำ (Stir-fried squid with black ink sauce): หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเรียก 'แกง' เพราะนี่คือสไตล์ตะวันออกครับ 'แกง' คือการผัดงวดจนน้ำข้น รสชาติซอสนำ้ดำที่นี่นั้น "เค็มนำ ไม่หวาน" มีเผ็ดปลายนิดๆมีกลิ่นกระวานอ่อนๆ เนื้อปลาหมึกสดเด้งดีมากไม่เหนียว
ข้าวมันแกงพริกเนื้อ (Australian brisket in spicy curry): อีกตัวที่ยอดเยี่ยมคือแกงพริกเนื้อ แกงของที่ร้านมีความกลมกล่อมจากกะทิที่คั้นวันต่อวันแต่เผ็ดร้อน เนื้อบริสเกตออสเตรเลียที่ทำมาได้ดีเนื้อนุ่มแต่ยังเด้งสู้ฟัน ส่วนข้าวมันก็ทำมาได้ดีข้าวไม่แฉะเรียงเม็ดสวยหอมกลิ่นลูกผักชีอ่อนๆ
ใบชะมวงผัดไข่ กุ้งชิว (Stir fried Chamuang leaves): จาน Comfort Food ที่ผมยกให้เลยคือจานนี้ครับ รสเปรี้ยวจี๊ดของใบชะมวงตัดกับหวานนิดๆ เค็มหน่อยๆ และกลิ่นหอมของไข่ที่ผัดมาและความเค็มของกุ้ง... ยอดเยี่ยมครับ
หมู หรือ เนื้อ สะเบือก (Spicy salad of blanched pork): จาน "สะเบือก" (มีทั้งหมูสามชั้นและเนื้อพิคันย่า) มันคือยำสไตล์ตะวันออกที่ใช้เกลือสมุนไพร รสชาติเผ็ดร้อนแบบสมุนไพรชัดเจนคล้ายพล่ารสสมุนไพรเขียวสดชื่นนำมีรสเค็มเปรี้ยวอ่อนๆ ไม่หวาน ครับ
กะหล่ำปลียาง น้ำปลากวน (Grilled cabbage with sweetened fish sauce)เป็นจานตัดรสได้ดีมากครับตัวกะหล่ำปลีหอมกลิ่นควันย่างอ่อนๆ เนื้อกรอบหวานเข้ากับรสน้ำปลาดีตรากะต่าย ที่มีรสเค็มแบบละมุนกลมกล่อมครับ
เค้กข้าวเหนียวไอศกรีมดอกเกลือทะเล: ร้านนี้เป็นร้านแรกในกรุ๊ปที่มีการทำเค้กเราจึงไม่พลาดที่จะชิม เป็นการปิดท้ายได้ดีครับ เค้กข้าวเหนียวก่ำตัวเค้กเป็น Vegan เพราะนอกจากมีส่วนผสมของข้าวเเล้วยังใช้กะทิแทนนมและไม่ใส่ไข่ไก่ เสริฟ์มากกับคาราเมลจากน้ำตาลทรายแดง ทานคู่กับไอศกรีมดอกเกลือที่รสเค็มอ่อนๆ มาตัดรส
วุ้นสำรอง เป็นวุ้นที่ทำจากเมล็ดตากแห้งกับน้ำตาลทรายแดง ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ เมนูนี้นอกจจากจะอรอ่ยแล้วยังมีสรรพคุณทางยาช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหาร และเป็นแสดงถึงการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นได้ดีอีกครับ
Visit : ต.ค. 2025
🗺เเผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/pGui3JZPH8KPy9oE8
⏰เวลาเปิดปิด: 10.00 am – 10.00 pm (เปิดทุกวัน)
💵ค่าเสียหาย: 800 baht/pax
⌨️เว็บไซต์ร้าน: Instagram @srisroom
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss
Website:
www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (
https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (
https://goo.gl/gHPnnG)
Blogdit:
https://www.blockdit.com/eatliketheboss
Email : eatlikethebossth@gmail.com
[SR] บอสพาชิม : Sri’s Room ห้องของศรี Your Eastern saloon next door (Bangkok, Thailand)
ร้านนี้คือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย ที่มาเติมเต็มไตรภาคของ Sri Trat Group จากฝีมือของคุณตั้ม (Nontawan Chitwattanagorn) และคุณแอ็ค (Wongwich Sripinyo) สองผู้บริหารที่ตั้งใจ "ปักธง" ให้อาหารไทยภาคตะวันออกกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่แพ้อาหารใต้หรืออาหารเหนือเลย ความสนุกใน แม้อาหารจะเมนูดูคล้ายคลึงกันแต่ ร้านทั้งสาม คือการร้อยเรียงเรื่องราวของร้านผ่านชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อ "ศรี" ในแต่ละช่วงวัย
หาก บูรพา (Burapa): คือ "คุณศรี" วัย 19 ปี วัยรุ่นที่เพิ่งออกเดินทางท่องเที่ยว คอนเซปต์ร้านจึงเป็นตู้รถไฟ Palate ของเธอกำลังเปิดรับสิ่งใหม่ รสชาติจึงตื่นเต้น มีความเป็นฟิวชั่น และพร้อมจะทดลอง (Exploratory)
ถ้า ศรีตราด (Sri Trat): คือ "คุณศรี" ในวัย 42 ปี ที่ตกตะกอนความคิด ผ่านโลกมาเยอะ เหมือน "คุณยาย" รสชาติจึง "กลมกล่อม" (Refined) นุ่มนวล ประนีประนอม ถูกปากคนทุกชาติ เหมือนคนที่เข้าใจโลกและพร้อมจะปรับตัวเข้าหาผู้อื่น
และร้านล่าสุด Sri’s Room (ห้องของศรี): นี่คือ "คุณศรี" วัย 27 ปี วัย First Jobber ที่เพิ่งเข้ามาตามหาความฝันในกรุงเทพฯ ยุค 70s-80s เป็นวัยที่"อัตตา" (Ego) และ "ความคิดถึงบ้าน" (Nostalgia) พุ่งสูงที่สุด เธอยังไม่คิดจะประนีประนอมกับโลก รสชาติของ Sri’s Room รสชาติจึงยึดถือรสของตัวเองเป็นหลักและมีความเป็นตัวตนของภาคตะวันออกมากที่สุด มันคือรสชาติแบบ "Unapologetic" (ไม่ขอโทษขอโพย) เป็นรสชาติอาหารตะวันออกแท้ๆ "ตามใจคนทำ ไม่ตามใจคนกิน เราจะได้เจอกับรสเค็มนำจากกะปิระนองชั้นดี กลิ่นสมุนไพรป่าที่ชัดเจน และรสเผ็ดร้อนจากสมุนไพร" (Herbal Heat) ที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคตะวันออก
การตบแต่งร้านจึงจำลองบรรยากาศกรุงเทพฯ ยุค 70s-80s โดยด้านหน้าเป็น "ร้านตัดเสื้อ" ให้เราทิ้งความวุ่นวายของสยามพารากอนไว้ข้างนอก ก่อนจะเดินผ่านจักรเย็บผ้าและม้วนผ้า เข้าสู่ "ครัวลับหลังร้าน" ที่คุณศรีใช้ทำอาหารรสบ้านเกิดให้เพื่อนสนิทชิมพร้อมกับจิบเหล้าองุ่นชั้นดีจาก Granmonte อย่าง Bussaba หรือ Sakuna ให้โก้เก๋ตามแบบฉบับสาวชาวกรุง
เมนูของคุณศรีที่บอสชื่นชอบในวันนี้มีหลายอย่างที่อยากกล่าวถึงคือแกงหมึกน้ำดำ (Stir-fried squid with black ink sauce): หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเรียก 'แกง' เพราะนี่คือสไตล์ตะวันออกครับ 'แกง' คือการผัดงวดจนน้ำข้น รสชาติซอสนำ้ดำที่นี่นั้น "เค็มนำ ไม่หวาน" มีเผ็ดปลายนิดๆมีกลิ่นกระวานอ่อนๆ เนื้อปลาหมึกสดเด้งดีมากไม่เหนียว ข้าวมันแกงพริกเนื้อ เป็นอีกตัวที่ยอดเยี่ยมคือแกงพริกเนื้อ แกงของที่ร้านมีความกลมกล่อมจากกะทิที่คั้นวันต่อวันแต่เผ็ดร้อน เนื้อบริสเกตออสเตรเลียที่ทำมาได้ดีเนื้อนุ่มแต่ยังเด้งสู้ฟัน ส่วนข้าวมันก็ทำมาได้ดีข้าวไม่แฉะเรียงเม็ดสวยหอมกลิ่นลูกผักชีอ่อนๆ
คุณศรีฝากข้อความไว้ว่า "ตอนอายุ 27 ฉันยังหาเส้นทางของตัวเองไม่เจอ... แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเคี่ยวซุปเบาๆ หรือได้กลิ่นกะปิที่แม่เคยตำ ฉันรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน... ขอเชิญคุณเข้ามาในห้องของฉัน และให้ที่นี่... เป็นห้องของคุณเช่นกัน"
ขนมครก พราวเผ็ด พราวหวาน (Khanom Krok): จานนี้คือขนมครกหน้า "กะฉีก" (ไส้มะพร้าวผัด) กับน้ำพริกกุ้งมะพร้าว เป็นหนึ่งเค็มหนึ่งหวาน ตัวขนมครกรสมันครีมมี่มีความมันเข้มข้นจากกะทิชั้นดี
คำปลาดอกไม้พล่า (Betel leaves, Seabass): จานนี้ใช้ปลากะพงสดเกรดซาชิมิ เนื้อชมพูใสสีสวยงาม ทีเด็ดคือน้ำจิ้มพล่าที่ใช้ถั่วตัด แต่รสชาติ "ไม่หวาน" โดดเหมือนที่อื่น แต่เน้นรสจัดจ้านของเครื่องสมุนไพร ตะไคร้ และมะพร้าวคั่วแทน
ยำมังคุดคัดกะปิหวาน: จานนี้ได้ความสดชื่นเต็มๆ ครับ มังคุดคัดเนื้อกรอบๆ เจอกับน้ำยำที่ใช้กะปิเกาะช้างชั้นดี รสชาติซับซ้อน สร้างความสดชื่นและปลุกต่อมรับรสได้ดีมาก
น้ำพริกกุ้งเสียบตราด (Nam Prik Goong Siab): นี่คือสูตรคุณแม่แท้ๆ รสเผ็ดจัดจ้านสะใจ กลิ่นกะปิชัด กุ้งเสียบกรอบอร่อยมากครับ ใครชอบรสจัดจ้านเผ็ดร้อนลึกผมขอแนะนำครับ
กะปิคั่วอย่างตราด (Simmered Shrimp Paste Dip): ตัวนี้จะคล้ายหลนกะปิครับ แต่ความต่างคือที่นี่ใช้ "ขี้โล้มะพร้าว" (กากมะพร้าวที่คั่วจนหอม) เอาไปคั่วกับกะปิอีกที ทำให้หอมลึกมีมิติมากกว่าและรสชาติไม่ได้ออกรสชาติของกะทินำแบบหลนแต่จะเป็นกะปินำแทน
ข้าวหยำพริกไข่ปู (Rice with Crab roe relish): จานง่ายๆ ของคนตะวันออก แต่ทรงพลังมากครับ ใช้ไข่ปูทะเล (ปูดำ) คลุกกับน้ำพริก รสชาติเผ็ด เปรี้ยว ตัดเค็มอ่อนๆ รสไม่จัดมาก เสริฟ์มากกับเนื้อปูเกะ เป็นจานที่อร่อยแบบไม่ต้องมีพิธีรีตอง
แกงหมึกน้ำดำ (Stir-fried squid with black ink sauce): หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเรียก 'แกง' เพราะนี่คือสไตล์ตะวันออกครับ 'แกง' คือการผัดงวดจนน้ำข้น รสชาติซอสนำ้ดำที่นี่นั้น "เค็มนำ ไม่หวาน" มีเผ็ดปลายนิดๆมีกลิ่นกระวานอ่อนๆ เนื้อปลาหมึกสดเด้งดีมากไม่เหนียว
ข้าวมันแกงพริกเนื้อ (Australian brisket in spicy curry): อีกตัวที่ยอดเยี่ยมคือแกงพริกเนื้อ แกงของที่ร้านมีความกลมกล่อมจากกะทิที่คั้นวันต่อวันแต่เผ็ดร้อน เนื้อบริสเกตออสเตรเลียที่ทำมาได้ดีเนื้อนุ่มแต่ยังเด้งสู้ฟัน ส่วนข้าวมันก็ทำมาได้ดีข้าวไม่แฉะเรียงเม็ดสวยหอมกลิ่นลูกผักชีอ่อนๆ
ใบชะมวงผัดไข่ กุ้งชิว (Stir fried Chamuang leaves): จาน Comfort Food ที่ผมยกให้เลยคือจานนี้ครับ รสเปรี้ยวจี๊ดของใบชะมวงตัดกับหวานนิดๆ เค็มหน่อยๆ และกลิ่นหอมของไข่ที่ผัดมาและความเค็มของกุ้ง... ยอดเยี่ยมครับ
หมู หรือ เนื้อ สะเบือก (Spicy salad of blanched pork): จาน "สะเบือก" (มีทั้งหมูสามชั้นและเนื้อพิคันย่า) มันคือยำสไตล์ตะวันออกที่ใช้เกลือสมุนไพร รสชาติเผ็ดร้อนแบบสมุนไพรชัดเจนคล้ายพล่ารสสมุนไพรเขียวสดชื่นนำมีรสเค็มเปรี้ยวอ่อนๆ ไม่หวาน ครับ
กะหล่ำปลียาง น้ำปลากวน (Grilled cabbage with sweetened fish sauce)เป็นจานตัดรสได้ดีมากครับตัวกะหล่ำปลีหอมกลิ่นควันย่างอ่อนๆ เนื้อกรอบหวานเข้ากับรสน้ำปลาดีตรากะต่าย ที่มีรสเค็มแบบละมุนกลมกล่อมครับ
เค้กข้าวเหนียวไอศกรีมดอกเกลือทะเล: ร้านนี้เป็นร้านแรกในกรุ๊ปที่มีการทำเค้กเราจึงไม่พลาดที่จะชิม เป็นการปิดท้ายได้ดีครับ เค้กข้าวเหนียวก่ำตัวเค้กเป็น Vegan เพราะนอกจากมีส่วนผสมของข้าวเเล้วยังใช้กะทิแทนนมและไม่ใส่ไข่ไก่ เสริฟ์มากกับคาราเมลจากน้ำตาลทรายแดง ทานคู่กับไอศกรีมดอกเกลือที่รสเค็มอ่อนๆ มาตัดรส
วุ้นสำรอง เป็นวุ้นที่ทำจากเมล็ดตากแห้งกับน้ำตาลทรายแดง ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ เมนูนี้นอกจจากจะอรอ่ยแล้วยังมีสรรพคุณทางยาช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหาร และเป็นแสดงถึงการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นได้ดีอีกครับ
Visit : ต.ค. 2025
🗺เเผนที่ : https://maps.app.goo.gl/pGui3JZPH8KPy9oE8
⏰เวลาเปิดปิด: 10.00 am – 10.00 pm (เปิดทุกวัน)
💵ค่าเสียหาย: 800 baht/pax
⌨️เว็บไซต์ร้าน: Instagram @srisroom
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม ( https://goo.gl/gHPnnG)
Blogdit: https://www.blockdit.com/eatliketheboss
Email : eatlikethebossth@gmail.com
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น