สวัสดีครับ ผมชื่อสมคิดอายุ 24 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ผมอยากแชร์ประสบการ์ณของผม ผมคือคนหนึ่งซื่งฟังธรรมมะมาเยอะ และปฎิบัติอยู่เนือง ๆ เช่น รู้กาย รู้จิต มันทำงานเคลื่อนไหว (ยืน เดิน นั่ง นอน)คือกาย กับ จิตถูกดูโดยใจ เห็นกิเลส เห็นความคิด เห็นเสียงเพลงร้องในหัว เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ไม่สามารถบอกใครได้
ผมเคยบวชสองครั้ง ครั้งแรกบวชวัดบ้าน เกิดสภาวะธรรมจิตปรามาสพระพุทธ แต่ใจเดิมยังคงยึดมั่นในพระรัตนตรัย เห็นแสงครั้งแรกในสมาธิ
ครั้งที่สองบวชวัดป่า เกิดสภาวะธรรมที่แตกต่างจากครั้งแรกเยอะมาก เช่น นั่งสมาธิแล้วตัวโยก โคลงแรงมาก แล้วก็เห็นจิตมันยิ้ม ยิ้มจนแบบร่างกายเรายิ้มตาม ส่วนสภาวะธรรมที่แปลก แต่อัศจรรย์ที่สุดคือ มีผู้รู้ผุดขึ้นมาเป็นเสียงผ่านจิตซึ่งชัดเจนมาก ว่า "กายนี้ไม่ใช่ของเรา" อีกครั้งหนึ่งหลังจากนั้นประมาณ7วัน ก็มีอีกสภาวะหนึ่ง พูดว่า "จิตนี้ไม่ใช่เรา" ผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่จิตฟุ้งซ่าน เพราะผมเองคุ้นชินกับจิตฟุ้งซ่าน เพราะดูอาการนั้นบ่อย แต่บวชได้ไม่นานก็สึกไปช่วยแม่ทำธุรกิจ
ประเด็นตรงนี้ครับ คือหลังจากที่ผมกลับมาใช้ชีวิตฆาราวาส ผมรู้สึกแปลกไป ผมรู้สึกว่า ใจของผมมันไม่สามารถสร้างเป้าหมายในทางโลกได้อีกแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะอยู่ในทางโลกอีกทำไม เพราะผมรู้สึกว่าการอยู่ในทางโลกของผมมันเป็นการให้อาหารกิเลสของผมครบทุกตัว สมัยยิ่งโซเชียลเยอะ กิเลสยิ่งมาก สิ่งยั่วยุเยอะจน บางทีสมาธิของผมไม่สามารถควบคุมสติได้ ทำให้เครียดมาก และสุดท้ายก็แพ้ แต่ผมยังยึดศีล5 ติดตัวไว้เสมอ จะมีแต่ข้อ4ที่มันไม่ไหวก็มีหลุดคำพูดไม่ดีบ้าง แต่ไม่ได้ถึงขนาดสาปแช่ง ด่าให้เขาอับอาย
จึงอยากสอบถามทุก ๆ ท่านว่าผมฝึกมาถูกไหม หรือควรทำอย่างไรต่อไปดี ขอบคุณครับ
ปล.ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปบวชเลย? ก็เพราะว่าผมคิดว่า ผมบวชมา2ครั้งแล้ว และถ้าจะบวชอีก ผมจะไม่สึกออกมา จะอยู่ในผ้าเหลือง ปฎิบัติตามธรรมวิชัยอย่างเคร่งครัดไปจนตาย
รู้สึกว่าโลกมันน่าเบื่อ ไม่มีจุดหมายปลายทาง ไม่มีเป้าในชีวิต
ผมเคยบวชสองครั้ง ครั้งแรกบวชวัดบ้าน เกิดสภาวะธรรมจิตปรามาสพระพุทธ แต่ใจเดิมยังคงยึดมั่นในพระรัตนตรัย เห็นแสงครั้งแรกในสมาธิ
ครั้งที่สองบวชวัดป่า เกิดสภาวะธรรมที่แตกต่างจากครั้งแรกเยอะมาก เช่น นั่งสมาธิแล้วตัวโยก โคลงแรงมาก แล้วก็เห็นจิตมันยิ้ม ยิ้มจนแบบร่างกายเรายิ้มตาม ส่วนสภาวะธรรมที่แปลก แต่อัศจรรย์ที่สุดคือ มีผู้รู้ผุดขึ้นมาเป็นเสียงผ่านจิตซึ่งชัดเจนมาก ว่า "กายนี้ไม่ใช่ของเรา" อีกครั้งหนึ่งหลังจากนั้นประมาณ7วัน ก็มีอีกสภาวะหนึ่ง พูดว่า "จิตนี้ไม่ใช่เรา" ผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่จิตฟุ้งซ่าน เพราะผมเองคุ้นชินกับจิตฟุ้งซ่าน เพราะดูอาการนั้นบ่อย แต่บวชได้ไม่นานก็สึกไปช่วยแม่ทำธุรกิจ
ประเด็นตรงนี้ครับ คือหลังจากที่ผมกลับมาใช้ชีวิตฆาราวาส ผมรู้สึกแปลกไป ผมรู้สึกว่า ใจของผมมันไม่สามารถสร้างเป้าหมายในทางโลกได้อีกแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะอยู่ในทางโลกอีกทำไม เพราะผมรู้สึกว่าการอยู่ในทางโลกของผมมันเป็นการให้อาหารกิเลสของผมครบทุกตัว สมัยยิ่งโซเชียลเยอะ กิเลสยิ่งมาก สิ่งยั่วยุเยอะจน บางทีสมาธิของผมไม่สามารถควบคุมสติได้ ทำให้เครียดมาก และสุดท้ายก็แพ้ แต่ผมยังยึดศีล5 ติดตัวไว้เสมอ จะมีแต่ข้อ4ที่มันไม่ไหวก็มีหลุดคำพูดไม่ดีบ้าง แต่ไม่ได้ถึงขนาดสาปแช่ง ด่าให้เขาอับอาย
จึงอยากสอบถามทุก ๆ ท่านว่าผมฝึกมาถูกไหม หรือควรทำอย่างไรต่อไปดี ขอบคุณครับ
ปล.ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปบวชเลย? ก็เพราะว่าผมคิดว่า ผมบวชมา2ครั้งแล้ว และถ้าจะบวชอีก ผมจะไม่สึกออกมา จะอยู่ในผ้าเหลือง ปฎิบัติตามธรรมวิชัยอย่างเคร่งครัดไปจนตาย