ปัญญานำสมาธิ คือ ไปรู้สภาวะธรรมแต่อาศัยความอดทน ( สภาวะธรรมมีหลายอย่าง ไม่ใช่ ความฟุ้งซ่าน อย่างเดียว )
ยกตัวอย่าง ไปรู้ความฟุ้งซ่านคือ รู้ว่าตัวเองฟุ้งซ่าน รู้เฉยๆ
รู้ทุกๆวัน แล้วสังเกตุว่าจะฟุ้งซ่านช่วงเวลาไหน
จนวันนึงจะเกิดปัญญา เป็นอนัตตา
จะเห็นจิตใจเรา เป็นไปได้เอง คือ ผลของกรรม
พอรู้ว่าตัวเองฟุ้งซ่านอย่าพยายามที่จะทำให้หายฟุ้งซ่าน
แต่ แค่รู้เฉยๆว่า ฟุ้งซ่าน ในแต่ละวันว่าวันฟุ้งซ่านช่วงเวลาไหน
แค่รู้สึก รู้สึกอย่างเช่น เรารู้สึกมีคนนั่งข้างเรา
เรารู้สึกตัวเรานั่งอยู่ เรารู้สึกว่าเรากำลังฟุ้งซ่านอยู่
พอรู้ไปตรงๆไม่ดิ้นรนไม่อยากให้หาย แค่ รู้เนื้อรู้ตัวอยู่
ก็เกิด การยอมรับ เกิดขึ้นว่า
เป็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
มันเป็นกฏธรรมดาของจิตใจเราที่เป็นไปตามกรรมหมุนวนอยู่นั้นเอง
พอจิตใจไม่ยอมรับก็ โกรธ โมโห หงุดงิด ลำคาญใจ อยากให้หาย
นักปฏิบัติจะพลาดกันตรงนี้ คือ ทำจิตให้นิ่งๆ ทำให้สงบๆแต่ไม่ได้รู้ไปตามความเป็นจริงๆ คือ กฏธรรมชาติที่ไม่อาจฝืนผลของกรรมได้
สำหรับคนทำสมาธิไม่เป็นคือทำไม่ถูก เพ่ง เคลิ้มๆ
เลยใช้ ปัญญานำสมาธิ ((( มีสติระลึกรู้สภาวะธรรม )))
แค่รู้สึกร่างกาย แค่รู้สึกถึงการมีอยู่ของจิตใจ
เห็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ
แต่หลักปฏิบัติคือ รู้สึกตัว
ปัญญานำสมาธิ ถ้ารู้ถูกเข้าใจถูกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
เราไปไหนก็ปฏิบัติธรรมได้ตลอด แม้ตอนหลับบางทีสติก็ระลึกรู้ได้เอง
ไปเที่ยว ไปทำงาน ทำได้ตลอดตั้งแต่ตื่นนอน รู้ทันจิตตั้งแต่ตื่นนอน
เพราะ มีความรู้เนื้อรู้ตัวอยู่
(( การปฏิบัติไม่ต้องให้ดี ไม่ต้องว่าจะดี แค่วางใจคิดว่า เรียนรู้ตัวเอง ))
( เว้นแต่คนที่ มีกิเลสมากๆ ต้องบังคับ ต้องฝืน )
ปัญญานำสมาธิ
ยกตัวอย่าง ไปรู้ความฟุ้งซ่านคือ รู้ว่าตัวเองฟุ้งซ่าน รู้เฉยๆ
รู้ทุกๆวัน แล้วสังเกตุว่าจะฟุ้งซ่านช่วงเวลาไหน
จนวันนึงจะเกิดปัญญา เป็นอนัตตา
จะเห็นจิตใจเรา เป็นไปได้เอง คือ ผลของกรรม
พอรู้ว่าตัวเองฟุ้งซ่านอย่าพยายามที่จะทำให้หายฟุ้งซ่าน
แต่ แค่รู้เฉยๆว่า ฟุ้งซ่าน ในแต่ละวันว่าวันฟุ้งซ่านช่วงเวลาไหน
แค่รู้สึก รู้สึกอย่างเช่น เรารู้สึกมีคนนั่งข้างเรา
เรารู้สึกตัวเรานั่งอยู่ เรารู้สึกว่าเรากำลังฟุ้งซ่านอยู่
พอรู้ไปตรงๆไม่ดิ้นรนไม่อยากให้หาย แค่ รู้เนื้อรู้ตัวอยู่
ก็เกิด การยอมรับ เกิดขึ้นว่า
เป็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
มันเป็นกฏธรรมดาของจิตใจเราที่เป็นไปตามกรรมหมุนวนอยู่นั้นเอง
พอจิตใจไม่ยอมรับก็ โกรธ โมโห หงุดงิด ลำคาญใจ อยากให้หาย
นักปฏิบัติจะพลาดกันตรงนี้ คือ ทำจิตให้นิ่งๆ ทำให้สงบๆแต่ไม่ได้รู้ไปตามความเป็นจริงๆ คือ กฏธรรมชาติที่ไม่อาจฝืนผลของกรรมได้
สำหรับคนทำสมาธิไม่เป็นคือทำไม่ถูก เพ่ง เคลิ้มๆ
เลยใช้ ปัญญานำสมาธิ ((( มีสติระลึกรู้สภาวะธรรม )))
แค่รู้สึกร่างกาย แค่รู้สึกถึงการมีอยู่ของจิตใจ
เห็น อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ
แต่หลักปฏิบัติคือ รู้สึกตัว
ปัญญานำสมาธิ ถ้ารู้ถูกเข้าใจถูกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
เราไปไหนก็ปฏิบัติธรรมได้ตลอด แม้ตอนหลับบางทีสติก็ระลึกรู้ได้เอง
ไปเที่ยว ไปทำงาน ทำได้ตลอดตั้งแต่ตื่นนอน รู้ทันจิตตั้งแต่ตื่นนอน
เพราะ มีความรู้เนื้อรู้ตัวอยู่
(( การปฏิบัติไม่ต้องให้ดี ไม่ต้องว่าจะดี แค่วางใจคิดว่า เรียนรู้ตัวเอง ))
( เว้นแต่คนที่ มีกิเลสมากๆ ต้องบังคับ ต้องฝืน )