เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องคุณแม่ค่ะ วัตถุประสงค์ในการเล่าครั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลทั้งด้านอาการ การพบแพทย์ การรักษา เพื่อให้คนที่มีอาการแบบนี้จะได้รีบไปตรวจ แค่ปวดหัวก็อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะก่อนหน้านี้พยายามหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ไม่ค่อยเจอคนที่เป็นโรคแบบนี้มาบอกเล่าเรื่องราวเลย เจอแต่ในเคสต่างประเทศ จขกท.หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเกิดประโยชน์ต่อคนอื่นๆ นะคะ
---------------------------------------
ขอเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับคุณแม่ก่อนค่ะ
คุณแม่อายุ 57 ปี ปกติเป็นคนร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดันอะไรเลย ยกเว้นเรื่องเกล็ดเลือดต่ำ ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง คุณแม่ชอบกินผัก ผลไม้ ชอบทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน คุณแม่เป็นคนที่เนี๊ยบมาก ทั้งการทำงานที่ฝ่ายบัญชีของธุรกิจในครอบครัว การดูแลบ้าน รวมทั้งมีงานอดิเรกชอบเย็บปักถักร้อย คุณแม่จึงมีอะไรทำตลอดเวลา
---------------------------------------
เดือนพฤศจิกายน
เราเริ่มสังเกตว่าแม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ดูซึมๆ ไม่ค่อยอยากทำกับข้าวอย่างที่ชอบทำ เอาแต่นอน แต่เราเข้าใจว่า แม่อาจจะเหงา ที่พี่ชายไปเรียนต่อต่างประเทศตอนเดือนตุลาคม และน้องสาวเราก็อยู่ต่างประเทศเช่นกัน เหลือเราเป็นลูกคนเดียวที่อยู่กับแม่ แถมช่วงนี้แม่ชอบออกไปพบแก๊งเพื่อนบ่อยๆ เราจึงคิดว่านี่อาจจะเป็นการคลายเหงาของแม่ก็ได้
---------------------------------------
เดือนธันวาคม
เราเห็นพฤติกรรมของแม่แปลกไปทุกทีๆ จากเป็นคนที่เนี๊ยบมาก ก็ปล่อยบ้านสกปรก กะระยะสิ่งของผิดพลาดทำให้อาหารหกเลอะเทอะ ส่วนพ่อก็เล่าให้ฟังว่าแม่ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซต์ โดยไม่รู้ตัว ตอนนั้นพอดีช่วงใกล้ๆ ปีใหม่ เราก็ได้พบกับญาติ ญาติบอกว่า แม่บ่นว่า "ปวดหัวมาเป็นเดือนแล้ว" ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จะเป็นวัยทอง หรืออัลไซเมอร์รึเปล่า เราเองเพิ่งรู้อาการจากญาติ เพราะแม่ไม่เคยพูดถึงการปวดหัวให้ฟังเลย
พอเรารู้จึงรีบปรึกษากับพี่ชายและน้องสาวและพยายามคิดหาสาเหตุกันว่าแม่ไปกินอะไรแปลกๆ เข้ารึเปล่า เพราะปลายเดือนตุลาคม แม่ไปจีนและซื้อยาจีนแปลกๆ กลับมาด้วย ซึ่งจากพฤติกรรมทั้งหมด ดูเกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสมองนะ ไปหาหมอทางด้านนี้ดีกว่า และได้รับคำแนะนำชื่อหมอ จากพ่อของเพื่อนน้องที่เป็นหมอ จึงทำการนัดพบหมอ ซึ่งอยู่โรงพยาบาลเอกชนT ใกล้บ้านพอดี ได้วันนัดต้นเดือน มค. หลังจากเปิดปีใหม่เลย
ระหว่างนี้ก็เสิชหาเกี่ยวกับตัวยาจีนว่าคืออะไร ก็ได้เพื่อนที่อ่านจีนออก บอกว่าเป็นแค่ชา และมีส่วนผสมของเห็ดหลินจือ ซึ่งจากการหาข้อมูลมีหลายเคสที่กินเห็ดหลินจือแล้วเกิดอาการปวดหัว จึงเริ่มปักใจเชื่อ
---------------------------------------
เดือนมกราคม
พาแม่ไปหาหมอครั้งแรก ที่ร.พ.T หมอตรวจเบื้องต้นทั่วไป เช่นทดสอบความแข็งแรงของแขนขา การเคลื่อนไหวของตาและประสาทสัมผัสต่างๆ หมอบอกว่าปกติดี
เราลองถามหมอเรื่องยาจีน หมอบอกว่า มันไม่น่าเกี่ยวนะ ฤทธิ์มันไม่แรงขนาดนี้ ส่วนการเป็นวัยทองรึเปล่าก็ไม่น่าใช่ เพราะประจำเดือนหมดมานานแล้ว ส่วนอัลไซเมอร์ พฤติกรรมจะเปลี่ยนแปลง ต้องอย่างน้อย 6 เดือน แต่นี่เร็วมากภายใน 2เดือน หมอจึงคิดว่าไม่ใช่
แม่เล่าอาการให้หมอฟังละเอียดมากขึ้นเช่นเวลาขับรถรู้สึกโลกหม่นๆ ทำงานเริ่มผิดพลาด ทำบัญชีผิดๆ ถูกๆ หมอบอกว่าสีหน้าดูอมทุกข์นะ อาจจะเป็นโรคซึมเศร้า จึงให้ยาปรับสมดุลเคมีมากิน 1เดือน และนัดใหม่เดือนหน้า ถ้าไม่หาย จะทำการสแกนสมองMRI
ระหว่างเดือนมค. ที่แม่กินยาโรคซึมเศร้า เรารู้สึกว่าแม่ไม่ดีขึ้น กลับเริ่มนอนตลอดเวลามากขึ้น จึงลองเสิชเกี่ยวกับตัวยา ก็มีบอกว่าอาจจะทำให้ง่วงนอน เพราะร่างกายกำลังปรับตัว จึงคิดว่าอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยา
---------------------------------------
ต้นกุมภาพันธ์
ครบกำหนดไปพบคุณหมอที่รพ.T ก็บอกหมอว่า กินยาซึมเศร้าแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย หมอตรวจเช็คร่างกายภายนอกเหมือนเดิมอีกครั้ง แม่ก็ดูปกติดี หมอเริ่มกังวล เพราะหาสาเหตุไม่เจอ จึงนัดทำMRI สัปดาห์หน้า แต่พอดีเราจองที่พักไปเที่ยวต่างจังหวัด เพราะน้องสาวกลับไทยมาพอดี เลยคิดว่าถ้าให้แม่ได้เจอน้อง อะไรๆอาจจะดีขึ้น จึงนัดพบหมอใหม่กลางเดือนกพ.พร้อมทำMRI แต่หารู้ไม่ว่านี่จะเป็นการเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายของครอบครัว...
แค่ปวดหัว สุดท้ายเป็นเนื้องอกในสมองชนิดที่ร้ายแรงที่สุด
---------------------------------------
ขอเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับคุณแม่ก่อนค่ะ
คุณแม่อายุ 57 ปี ปกติเป็นคนร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดันอะไรเลย ยกเว้นเรื่องเกล็ดเลือดต่ำ ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง คุณแม่ชอบกินผัก ผลไม้ ชอบทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน คุณแม่เป็นคนที่เนี๊ยบมาก ทั้งการทำงานที่ฝ่ายบัญชีของธุรกิจในครอบครัว การดูแลบ้าน รวมทั้งมีงานอดิเรกชอบเย็บปักถักร้อย คุณแม่จึงมีอะไรทำตลอดเวลา
---------------------------------------
เดือนพฤศจิกายน
เราเริ่มสังเกตว่าแม่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ดูซึมๆ ไม่ค่อยอยากทำกับข้าวอย่างที่ชอบทำ เอาแต่นอน แต่เราเข้าใจว่า แม่อาจจะเหงา ที่พี่ชายไปเรียนต่อต่างประเทศตอนเดือนตุลาคม และน้องสาวเราก็อยู่ต่างประเทศเช่นกัน เหลือเราเป็นลูกคนเดียวที่อยู่กับแม่ แถมช่วงนี้แม่ชอบออกไปพบแก๊งเพื่อนบ่อยๆ เราจึงคิดว่านี่อาจจะเป็นการคลายเหงาของแม่ก็ได้
---------------------------------------
เดือนธันวาคม
เราเห็นพฤติกรรมของแม่แปลกไปทุกทีๆ จากเป็นคนที่เนี๊ยบมาก ก็ปล่อยบ้านสกปรก กะระยะสิ่งของผิดพลาดทำให้อาหารหกเลอะเทอะ ส่วนพ่อก็เล่าให้ฟังว่าแม่ขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซต์ โดยไม่รู้ตัว ตอนนั้นพอดีช่วงใกล้ๆ ปีใหม่ เราก็ได้พบกับญาติ ญาติบอกว่า แม่บ่นว่า "ปวดหัวมาเป็นเดือนแล้ว" ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จะเป็นวัยทอง หรืออัลไซเมอร์รึเปล่า เราเองเพิ่งรู้อาการจากญาติ เพราะแม่ไม่เคยพูดถึงการปวดหัวให้ฟังเลย
พอเรารู้จึงรีบปรึกษากับพี่ชายและน้องสาวและพยายามคิดหาสาเหตุกันว่าแม่ไปกินอะไรแปลกๆ เข้ารึเปล่า เพราะปลายเดือนตุลาคม แม่ไปจีนและซื้อยาจีนแปลกๆ กลับมาด้วย ซึ่งจากพฤติกรรมทั้งหมด ดูเกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสมองนะ ไปหาหมอทางด้านนี้ดีกว่า และได้รับคำแนะนำชื่อหมอ จากพ่อของเพื่อนน้องที่เป็นหมอ จึงทำการนัดพบหมอ ซึ่งอยู่โรงพยาบาลเอกชนT ใกล้บ้านพอดี ได้วันนัดต้นเดือน มค. หลังจากเปิดปีใหม่เลย
ระหว่างนี้ก็เสิชหาเกี่ยวกับตัวยาจีนว่าคืออะไร ก็ได้เพื่อนที่อ่านจีนออก บอกว่าเป็นแค่ชา และมีส่วนผสมของเห็ดหลินจือ ซึ่งจากการหาข้อมูลมีหลายเคสที่กินเห็ดหลินจือแล้วเกิดอาการปวดหัว จึงเริ่มปักใจเชื่อ
---------------------------------------
เดือนมกราคม
พาแม่ไปหาหมอครั้งแรก ที่ร.พ.T หมอตรวจเบื้องต้นทั่วไป เช่นทดสอบความแข็งแรงของแขนขา การเคลื่อนไหวของตาและประสาทสัมผัสต่างๆ หมอบอกว่าปกติดี
เราลองถามหมอเรื่องยาจีน หมอบอกว่า มันไม่น่าเกี่ยวนะ ฤทธิ์มันไม่แรงขนาดนี้ ส่วนการเป็นวัยทองรึเปล่าก็ไม่น่าใช่ เพราะประจำเดือนหมดมานานแล้ว ส่วนอัลไซเมอร์ พฤติกรรมจะเปลี่ยนแปลง ต้องอย่างน้อย 6 เดือน แต่นี่เร็วมากภายใน 2เดือน หมอจึงคิดว่าไม่ใช่
แม่เล่าอาการให้หมอฟังละเอียดมากขึ้นเช่นเวลาขับรถรู้สึกโลกหม่นๆ ทำงานเริ่มผิดพลาด ทำบัญชีผิดๆ ถูกๆ หมอบอกว่าสีหน้าดูอมทุกข์นะ อาจจะเป็นโรคซึมเศร้า จึงให้ยาปรับสมดุลเคมีมากิน 1เดือน และนัดใหม่เดือนหน้า ถ้าไม่หาย จะทำการสแกนสมองMRI
ระหว่างเดือนมค. ที่แม่กินยาโรคซึมเศร้า เรารู้สึกว่าแม่ไม่ดีขึ้น กลับเริ่มนอนตลอดเวลามากขึ้น จึงลองเสิชเกี่ยวกับตัวยา ก็มีบอกว่าอาจจะทำให้ง่วงนอน เพราะร่างกายกำลังปรับตัว จึงคิดว่าอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยา
---------------------------------------
ต้นกุมภาพันธ์
ครบกำหนดไปพบคุณหมอที่รพ.T ก็บอกหมอว่า กินยาซึมเศร้าแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย หมอตรวจเช็คร่างกายภายนอกเหมือนเดิมอีกครั้ง แม่ก็ดูปกติดี หมอเริ่มกังวล เพราะหาสาเหตุไม่เจอ จึงนัดทำMRI สัปดาห์หน้า แต่พอดีเราจองที่พักไปเที่ยวต่างจังหวัด เพราะน้องสาวกลับไทยมาพอดี เลยคิดว่าถ้าให้แม่ได้เจอน้อง อะไรๆอาจจะดีขึ้น จึงนัดพบหมอใหม่กลางเดือนกพ.พร้อมทำMRI แต่หารู้ไม่ว่านี่จะเป็นการเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายของครอบครัว...