หมดสนุก เมื่อซื้อทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วมีมนุษย์ป้ามนุษย์ลุงในกรุ๊ปถึง 30คน

ผมซื้อทัวร์ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟนผ่านเอเจนซี่ ไปครั้งนี้เป็นครั้งที่3
พึ่งกลับถึงไทยได้ไม่กี่วัน เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์แย่ๆ ที่เจอมา

ในกรุ๊ปทัวร์ครั้งนี้มีลุงๆป้าๆอายุน่าจะประมาณ 60-70 เห็นจะได้ มีกัน 30 คน
มีคู่ผมกะแฟนและอีกคู่ เป็น4คน รวมทั้งสิ้น 34คน ไกด์อีก1คน

ตอนขึ้นเครื่องจากไทยก็เห็นลางไม่ดีตั้งแต่จะออกไทยแล้ว ลุงๆป้าๆแซงคิวตอน
เช็คอินที่สนามบิน แล้วตีเนียนทำเป็นว่าจะไปคุยกะเพื่อนแกที่ต่อแถวอยู่หน้าพวกผม
สักพักแอบส่งกระเป๋ารอดที่กั้นเข้ามาแบบเนียๆ ในใจก็เอ๋อไม่เป็นไร เห็นว่าเป็นคนแก่

พอไปถึงญี่ปุ่น พอผ่าน ตม ไกด์ก็พาไปเที่ยวที่แรก และนัดหมายเวลาให้มาเจอที่จุดนัดพบ
เพื่อพาไปทานข้าว ไกด์กำชับว่าร้านที่จะไปทานเขาฟิกเรื่องเวลาคือถ้ามาช้าจะได้ให้เวลาทาน
จะน้อยลง และทางร้านเขาให้ทานแค่1ชม เพราะจะมีทัวร์กรุ๊ปอื่นเขาเข้ามาทานต่อ
พวกป้าๆลุงๆก็มาช้าไป 40 นาที ตอนกินข้าวต้องรีบๆกิน กินไม่ทันจะหมดก็ต้องไปต่อแล้ว

และก็จะเลททุกครั้งเวลาเปลี่ยนสถานที่เที่ยว เวลาอยู่บนรถก็จะชอบขอไมท์บนรถจากไกด์
แล้วก็พูดสุนทรพจน์ที่เกี่ยวกับกลุ่มตัวเอง และร้องเพลงหรืออ่านก่อนที่ตนเองแต่งขึ้น
ถ้าร้องเพราะ หรือกลอนที่แต่งมันสัมผัสกันเสนาะหูก็ไม่ว่า คนเรามันอยากจะพักผ่อนนอนเอาแรงบนรถ
เพื่อจะเก็บแรงไว้ไปสถานที่ต่อไป ต้องมาทนฟัง มิหน่ำซ้ำยังจะมาให้แฟนผมถ่ายวีดีโอระหว่างที่เขาพูดๆ
อยู่ (ในใจ มากัน 30คน ไม่มีใครทำเป็นรึ) ลืมบอกไป ได้คุยๆกะหนึ่งในกลุ่มลุงๆป้าๆกลุ่มนี้ คือแต่ละคน
ก็มีฐานะค่อนข้างรวยเลยแหล่ะ บางคนเป็นเจ้าของบริษัท เจ้าของกิจการ เป็นเพื่อนๆกันสมัยเรียน
(ในใจ รวยกันทั้งนั้น ทำไมมาทัวร์โปรไฟไหม้ว่ะ)

พอไปเที่ยวเสร็จก็เข้าที่พักเพื่อที่จะพักคืนแรก ในโรงแรมก็มีกรุ๊ปทัวร์จีน 4-5กรุ๊ปอยู่ด้วย
ไกด์ก็แจกกุญแจ และบอกว่าอาหารเย็นทานที่โรงแรม ผมกะแฟนก็เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องแล้วลงมาทาน
ก่อนที่จะเข้าไปทาน เห็นมีลุงที่อยู่ในกรุ๊ปทำกระเป๋าสตางค์หาย ไกด์ก็สอบถามว่าหายที่ไหน ลุงแกก็บอกว่า
หายในรถ ไกด์ก็ได้โทรไปถามคนขับรถ(คนญี่ปุ่น)ว่าเห็นกระเป๋าหล่นบนรถไหม คนขับก็หาบนรถก็ไม่มี
ไกด์ก็บอกกับลุงว่า "ไม่มี พอจะจำได้ไหมว่าทำหล่นที่ไหน ไปตรงไหนบ้าง"
ลุงกะก็มั่นใจว่ามันหล่นในรถ บอกให้ไกด์ไปถามคนขับว่าเอาไปหรือป่าว แต่ไกด์ก็ไปถามคนขับรถ(ไกด์มาบอก
ที่หลังกับพวกผมว่า การที่จะให้ไกด์ไปถามแบบนั้น มันเป็นการไปใส่ร้ายเขาเป็นการดูถูกเขา เพราะการที่ของหาย
ในประเทศญี่ปุ่น จะได้ของคืนแน่ๆ 100% ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นเจอนะ ) แต่ไกด์ลองไปถามที่ล๊อบบี้ว่ามีใครเก็บกระเป๋าสตางค์
มาฝากไว้ไหม ปรากฎว่ามีคนญี่ปุ่นที่พักในโรงแรมนี้เจอ บนโซฟาหน้าลิฟท์ตรงชั้นที่ลุงแกพัก

ัตัดกับมาทานข้าวต่อ อาหารเย็นที่โรงแรมอาหารเป็นเซตทางจัดเตรียมโต๊ะและอาหารไว้เรียบร้อย
ผมนั่งทานท้ามกลางเสียงคนจีน 4-5 กรุ๊ปที่ทานอยู่ก่อนนานแล้ว ก็นั่งๆทานไปจนใกล้ๆจะอิ่ม ทัวร์จีนค่อยๆ
ทะยอยออกไปจนหมด แต่เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวยังดังอยู่ข้างหลังผมไกลๆ ยังมีอยู่ ก็ค่อยๆหันตามหาเสียง พอหันไป ปรากฎเป็นกลุ่มลุงๆป้าๆ 30คนนั้น

วันที่ 2

ไกด์นัดเวลาไว้เมื่อคืนคือ 6 7 8 ตื่น 6โมง กินข้าว7โมง ออกเดินทาง 8โมง
อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ ถือจานต่อคิว กว่าจะได้กินวุ่นวายมากๆ ยังกะนั่งกินข้าว
ท่ามกลางตลาดสด และก็แยกไม่ออกว่าคนไหนลุงๆป้าๆในทัวร์กับทัวร์จีน
พอทานเสร็จก็รอเตรียมขึ้นรถ มีลุงในกลุ่มคนนึงเรียกไกด์ไปชงกาแฟให้แก่ทานหน่อย
ไกด์แกก็วุ่นกะการคืนกุญแจและเช็คกับทางโรงแรมอยู่ (ในใจผม ตอนทานข้าวก็ไม่ชงกินเอง
ห้องอาหารเขาปิดแล้วค่อยจะมาอยากทาน ตรงล๊อบบี้เขาก็มีตู้หยอดเหรียญกาแฟร้อน ไหมไม่ไปกด
เห็นคุยๆกันแต่ล่ะคนบนรถอวดรวยกันจัง)
สุดท้ายกว่าจะได้ออกจากโรงแรมก็ปาเข้าไป 8.30น วันนี้โปรแกรมจะไปภูเขาไฟฟูจิ ต่อด้วยวัด และช๊อปที่เอาเลท

วันนี้ไกด์ได้แก้ปัญหาเรื่องการนัดหมาย และเรื่องเวลา เพราะลุงๆป้าๆ ที่แกมาช้าๆ ชอบอ้างว่าไกด์ไม่ได้นัดบ้างล่ะ
ไกด์ไม่ได้บอกบ้างล่ะ ทั้งทีไกด์เขาพูดใส่ไมท์ บนรถก็ได้ยินกันทุกคน ไกด์ตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมา และแอดทุกคนเข้ากลุ่ม
โดยมีไว้ให้ไกด์บอกเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ไกด์ได้นัดหมายยังไง เวลาเท่าไหร่บ้าง กำหนดการมีไรบ้าง อะไรประมาณนี้
อย่างน้อยใครถ้าเดินเพลินไกด์จะได้ไลน์ตามได้

แต่ดูท่าวิธีนี้จะไม่เป็นผล ที่ภูเขาไฟฟูจิเลทไป 45 นาทีบอกว่าหลงทาง ห่-าบนชั้น5ภูเขาไฟฟูจิมันไม่ได้กว้างหรือสลับซับซ้อนอะไรเลย
ที่จอดรถก็อยู่ฝั่งตรงข้าม แถมทะเบียนรถก็มีแปะในไลน์กลุ่ม

ออกจากภูเขาไฟและจะไปต่อที่วัดที่มีพระยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไกด์ได้นัดหมายกำหนดการบนรถว่า หลังจากไปวัดนี้เสร็จ และไปเอาเลทต่อ
และก่อนเข้าที่พักจะพาแวะเซเว่นเพราะอาหารเย็นที่โรงแรมไม่มี และกำชับว่าถ้าที่วัดนี้เลท จะทำให้เวลาช๊อบที่เอาเลทจะต้องตัดเวลาลงไปด้วย
เพราะคนขับที่ญี่ปุ่นห้ามขับเกิน 2ทุ่ม เห็นไกด์ว่างั้น โดยจุดที่วัดให้เวลา30นาที และที่เอาเลท 2ชั่วโมงและแวะเซเว่นก่อนเข้าโรงแรม
ผมกับแฟน และอีกคู่รักที่มาญี่ปุ่นครั้งแรก เขาก็อยากไปเดินช๊อบซ์้อของ ต่างก็ดีใจว่ามีเวลาช๊อบนาน

แต่ต้องมาพังเพราะพวกมนุษย์ลุงมนุษย์ป้าพวกนี้ เล่นมาเลท 1 ชั่วโมง คือไปขอส่วนบุญกันรึ? คือผมกับแฟนรู้สึกแยกและอึดอัดกับการ
ทริปๆนี้มากๆ เพราะเหตุผลที่มาเลทของพวกๆนี้ พวกลุงๆป้าๆที่มาสาย บอกว่ากำลังจะออกมาแล้วล่ะ พอดีเห็นพระกำลังสวด
มนต์เลยอยู่สวดมนต์ต่อ พอขึ้นรถมาต่างอิ่มบุญกันถ้วนหน้า ไกด์บอกว่างั้นเวลาที่เอาเลทจะตัดลงและเซเว่นอาจไม่ได้แวะ แล้วไอ้แกนนำ
มนุษย์ลุงมนุษย์ป้ากลุ่มนี้ พูดแทรกไกด์ขึ้นมาว่า เอาเลทนะรึ ไปก็ไม่มีใครซื้ออะไรหรอก มีแต่ไปเดินแล้วก็กลับ ส่วนเซเว่นไม่ต้องไปก็ได้
กินข้าวที่เอาเลทให้เสร็จแล้วกลับโรงแรม แล้วก็ถามคนในรถว่า ทุกคนเห็นด้วยไหม แล้วลุงๆป้าๆที่เหลือก็ประสานเสียงกันว่าเห็นด้วย

คือตอนนั้นรู้สึกแย่มากๆ ผมกะแฟน และอีก2คนที่เป็นแฟนกัน ได้แต่มองหน้ากัน คือตอนนั้นผมไม่พอใจมากๆ คือไกด์ก็รู้ว่าผมไม่พอใจมากๆ
ผมอยากไปเซเว่นหรือมินิมาทไรก็ได้ คืออยากไปซื้อพวกขนม ของเล่น หรืออะไรที่กำลังฮิตๆในญี่ปุ่มน่าจะอยู่ในพวกร้านสะดวกซื้อ
ที่อยู่ในมินิมาทให้กับหลาน ที่ไม่ใช้พวกถั่ว สาหร่าย ขนมโมจิ ที่ซ์้อไปฝากคนแก่
พอส่งลงเอาเลท ไกด์ก็ถามผมกับแฟนว่าเนี้ยจะไปเซเว่นไปด้วยกันไหม ก็เลยไปแล้วไกด์ แล้วกับมาส่งอีกรอบที่เอาเรท และก็เดินในเอาเลท 45นาที
รวมทานข้าวในเอาเลท สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้ออะไร คือแฟนผมอยากไปซื้อรองเท้าที่เอาเลท เพราะมันจะถูกกว่า เซ็งมากๆ

วันที่3
ุ6 7 8 สุดท้ายก็ออก 8.30 เหมือนเดิม ผมกะแฟนเริ่มรู้สึกชิน กับการไม่รักษาเวลาของคนกลุ่มๆนี้
โปรแกรมวันนี้คือพิพิธภัณฑ์อิโนะทาดาทากะ ,DiverCity และชินจุกุ
จุดแรกพอลงรถ ก็เดินเท้าในเมือง เพราะเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ และเดินตามถนนใหญ่เพื่อไปพิพิธภัณฑ์
ไม่สามารถเดินตัดตามซอย เพราะจะเป็นการรบกวนคนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นคนแก่
ระหว่างทางที่เดินก็มีร้านค้า(ประมาณร้านโชห่วยบ้านเราแต่ดีกว่าเยอะ)
อาคารบ้านเรือนเป็นบ้านเก่าๆและเป็นไม้ประมาณตลาดสามชุก แต่ไม่ใช่ตลาดนะ ผมกับแฟนเดินลั้งท้ายกลุ่ม
พวกลุงๆป้าๆเดินนำหน้ากับไกด์ ระหว่างเดินก็แวะถ่ายรุปตามทางไป แฟนผมเหลือบไปเป็นมนุษย์ป้าในกลุ่มคนนึง
เดินไปเตะกระถางต้นไม้หน้าบ้านหลังนึงล้มดินในกระถางหกกระจัดกระจายบนฟุตบาทและถนน ป้าทีเตะล้มแกหันไปมอง
แล้วก็เดินต่อไป โดยไม่เก็บทำความสะอาดให้เขา จนผมกะแฟนเดินผ่านและผ่านจุดที่กระถางล้มไปสักพัก
จนเจ้าของบ้านเขาแน่ใจแล้วว่ากลุ่มทัวร์ไทยผ่านไปหมดแล้ว เขาถึงเอามาทำความสะอาดและเก็บกระถางขึ้น

พอจะก่อนถึงพิพิธภัณฑ์ด้วยอากาศที่ร้อน พวกป้าๆลุงๆแกพากันแวะร้านระหว่างทางซื้อของกิน น้ำ เครื่องดื่มทั้ง 30คน พวกผมอีก
4 คนก็ต้องรอ รอนานมากๆ กว่าจะออกมา พอออกมาเวลาคือมันไม่เหลือแล้ว จนมันกระทบเวลาของที่จะไปต่อไปอีก
พวกป้าๆลุงๆก็บอกไกด์ว่าไม่ไปแล้วเหนื่อย กลับขึ้นรถกันเถอะ คือไกด์มองเวลาแล้วเวลาคงไม่พอ เลยต้องตัดที่จะไปพิพิธภัณฑ์ไป
(คืออีกไม่กี่ก้าวตูจะถึงพิพิธภัณฑ์แล้ว พวกทำมันพังอีกแล้วนะคุณลุงคุณป้าทั้งหลาย)

สถานที่ต่อไป Diver City กันดั้มยักษ์ ที่จอดรถและห้างจะมีสวนกั้น คือต้องเดินผ่านสวนนี้ก่อนเข้าห้าง
โดยสวนจะมีทางเดินโค้งอ้อมสนามหญ้า และสวน ระหว่างที่เดินมีป้า2-3คน ถามไกด์ว่า สนามหญ้านิ
คนที่นี้เขาเดินลัดสนามกันไหม ไกด์บอกว่า โดยปกติคนญี่ปุ่มเขาจะเดินตามทางไม่เดินลัดสนามหญ้า
ยังไม่ได้สิ้นเสียไกด์อธิบาย พวกป้าๆที่ถามไกด์ก็เดินลัดสนามกัน พร้อมตะโกนพร้อมเพียงกันอย่างภาคภูมิใจว่า
"พวกเราไทยแลนด์โอนลี่''
ผมหันไปมอง ปรากฎว่ามนุษย์ป้ามนุษย์ลุงเหล่านั้นสามัคคีกันเดินลัดสนามทั้ง 30 คน แล้วก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข

พอจะออกจากที่นี้เพราะไปต่อที่สุดท้ายของวันคือ ชินจุกุ ก็มาเลทอีกตามเคย 40 นาที ป้าที่มาช้าและกลุ่ม3-4คน บอกว่า
มีป้าคนนึงท้องเสีย ถามหายาจากไกด์ ไกด์บอกว่าเดี๋ยวพาไปซื้อยาที่ชินจุกุ เพราะที่นั้นจะมีร้านขายยา
พอไปถึงชิจุกุ ป้าที่บอกว่าปวดท้องท้องเสีย ดูท่าจะอะเลิศร่าเริง โดยไม่แสดงอาการเหมือนคนท้องเสียจะเป็นจะตาย
ก่อนขึ้นรถที่เราๆเห็นสะอีก

ก่อนที่จะปล่อยเดินช๊อปที่ชินจุกุ ไกด์ก็กำชับเรื่องเวลาเหมือนทุกครั้ง โดยครั้งนี้คือต้องรวมตัวให้ครบก่อน ถึงจะโทรเรียกคนขับมารับ
เพราะแถวนั้นเขาห้ามรถจอดแช่ กว่าจะรอกันจนครบก็เลทไปอีกเช่นเคย เหมือนครั้งจะเหตุสุดวิสัยจริงๆ อันนี้ผมเห็นใจ คือป้าคนนึง
คือแกมัวแต่ช๊อปดูกระเป๋าเพลินจนพลัดหลงกับลูก(ลืมบอกไปว่าในกลุ่มลุงๆป้าๆมีเด็ก2คนประมาณมัธยม) หาลูกกว่าจะเจอ

ก่อนเข้าโรงแรมไกด์ได้พูดเกี่ยวกับกำหนดการพรุ่งนี้ คือพรุ่งนี้เป็นวันเดินทางกลับไทย
โดยขึ้นไฟท์เช้า กำหนดการจริงๆคือตื่นตีห้า ทานข้าวหกโมง ออกจากโรงแรม หกโมงครึ่ง
ไกด์ได้เปลี่ยนกำหนดใหม่คือ ตื่นตีห้า ทานข้าวหกโมง ออกจากโรงแรมหกโมงสิบห้านาที

วันสุดท้าย
ตอนก่อนทานข้าว พวกลุงๆป้าๆ ก็รวมตัวกันหน้าทางเข้าห้องอาหาร ขวางทางคนที่จะไปทานข้าว
เพื่อที่จะถ่ายรูปหมู่กลุ่มตัวเอง พอถ่ายเสร็จก็ตะโกนกันเสียงดังว่า ".....ไชโย ไชโย ไชโย''
จนคนญึ่ปุ่นที่จะไปทานข้าวถึงกับส่ายหัว จนพนักงานที่ห้องอาหารต้องไปขอโทษแขกชาวญี่ปุ่น
และช่วงที่จะทานข้าวเป็นช่วงที่ห้องอาหารพึ่งเปิดให้ทานตอน 6 โมง จึงยังไม่มีทัวร์จีนลงมา
เพราะทัวร์จีนจะลงมาตอน 7โมง คราวนี้ก็ได้เวลาคนไทยล้วนๆสร้างวีรกรรมไม่มีจีนปน
ลุงๆป้าๆก็ระดมแย่งกันตักอาหาร แข่งกันแซงคิว หยิบโน้น หยิบนี้ วุ่นวายไปหมด
จนผมกับแฟนอยากพูดกันเป็นภาษาเวียดนาม ด่ำเดิยด๋องเด๊า เห็นเสมือนว่าตูไม่ใช่คนไทยนะ

พอมาที่สนามบินนาริตะ ประตู ตม เปิดตอน 7.30 คนต่อแถวยาวมาก พวกป้าๆลุงๆที่เช็คอินที่
เค้าเตอร์หลังเพื่อน ก็จะมาแซงคิว โดยทำเป็นไปเดินมาคุยกับกลุ่มตัวเองที่มากก่อน ก่อนจะแทรก
ตัวอย่างเนียนๆเหมือนตอนขามา หุหุ

ปล.ในกลุ่มไลน์มีไว้ให้ไกด์โพสบอกกำหนดการ นัดหมาย เวลาต่างๆ
แต่พวกลุงๆป้าๆ จะโพสรูปที่ลุงๆป้าๆไปเที่ยวทำแมวน้ำอะไร ใครอยู่มุมไหน
ตูต้องรู้ด้วยไหม คนนึงโพสรูป อีกเป็นสิบกดสติกเกอร์รัวๆ
จนดันสิ่งที่ไกด์โพสหายไปหมด ตูต้องมาเลื่อนหาที่ไกด์พิมพ์ ต้องลากผ่านรูปลุงๆป้าๆที่ตูขยักแขยงสุดๆนี้นะ

ฝากถึงบริษัททัวร์ ช่วยแจ้งเอเจนซี่ หรือคนที่เขาจะซื้อทัวร์ด้วยก็ได้ว่าทัวร์ที่คุณจะไป
มีกลุ่มใหญ่ๆ30คนรอคุณอยู่ในทัวร์ หรือแนะนำให้คนที่จะไปเป็นคณะใหญ่แบบนี้ ให้เขาซื้อเป็นแบบทัวร์ส่วนตัวไปเลย
อยากให้คนกลุ่มน้อยๆต้องมาทนเรื่องแย่ๆแบบนี้ สงสารคนหมู่น้อยบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่