กระบี่รันทด 2

กระทู้สนทนา
ความเดิม
https://pantip.com/topic/37667276

-------------------


กระบี่รันทด บุรุษหนุ่ม ผู้เพิ่งออกสู่ยุทธภพ พร้อมวิชารันทด เก้าประการ   มาถึงหมู่ตึกไร้รัก  แล้วยังไปทำลายป้ายไร้รักของหมู่ตีก จนถูกจับตัว ให้เป็น เขย ของหมู่ตึกไร้รัก  เขาพยายามหนีออกมา แต่โดนจับได้ด้วยฝีมือของชายปริศนา ผู้นั่งตกปลาริ่มตลิ่ง  แปลกใจเสียจริง... ปลาไม่กินเหยื่อ .. แต่เหยื่อวันนี้คือบุรุษหนุ่ม ฉายา กระบี่รันทด..


              ดรุณีนางนั้นมีสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งร้องตามหลังมาว่า
            
             “ปลาตัวใหญ่ท่าน จะต้มก็ต้ม จะตุ๋นก็ตุ๋น นึ่งอย่าใช้ไฟแรงเกินไป ตุ๋นต้องเคี่ยวให้นาน เครื่องเทศอย่าให้ขาดตกบกพร่องแล้วส่งขึ้นโต๊ะเย็นนี้”
              
              ปลาตัวใหญ่ใจรับฟังจนหายวาบ หมู่ตึกไร้รักหรือกลายเป็นหมู่ตึกกินคนไปแล้ว


+++++++++++


และนี่คือ เรื่องราวต่อไป...

+++++

             ชายชราไม่ได้โยนบุรุษหนุ่มลงในกระทะน้ำมันร้อน ต่อให้หมู่ตึกไร้รักพิสดารเร้นลับ ยากครุ่นคิดคาดคำนวณเช่นไร ย่อมมิอาจถึงกับจับผู้คนมาทอดน้ำมันรับประทานเป็นอาหาร  แต่โยนปลาตัวใหญ่บนบ่าลงบนพื้นห้องปูพรมทั้งนุ่มทั้งหนาทั้งหอมกรุ่นในห้องหนึ่ง
              
             ทว่า…มันรู้สึกเหมือนถูกโยนลงกระทะร้อนจริงๆ  ในห้องเต็มไปด้วยความสวยงามวิจิตรพิสดารจนแทบขาดใจ  สิ่งของประดับประดาราคาแพงวิลิศมาหรา ราวหลุดหล่นพ้นหล่นร่วงลงมาจากสรวงสวรรค์
              
             ดรุณีน้อยหลายคนที่อยู่ในห้อง ก็คล้ายเป็นเทพธิดาจากเบื้องบน พวกนางมีใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานสำราญใจทรมานหนักหนาสาหัส
              
             ชายชราพอโยน ‘ปลา’ ลงพื้นก็ร้องสั่งว่า      

             “พวกเจ้าเตรียมปรุงปลาตัวนี้ขึ้นโต๊ะ เป็นอาหารเย็น ผิดพลาดเจ้าสำนักของเจ้าไม่รามือแน่”
              
             ดินแดนราวสรวงสวรรค์เช่นนี้มิผิดขุมนรกสำหรับวิชาแนวรันทด พลังภายในของบุรุษหนุ่มลดทอนลงแทบไม่เหลือแล้ว เหล่าดรุณีน้อยพากันรุมล้อมจ้องมองดูปลาตัวใหญ่บนพื้น บางคนถึงกับมีสีหน้าสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง ถูกดรุณีสดใสคนเดียวจ้องมองนับว่าหนักหนา  ถูกดรุณีสดใสหลายคนจ้องมองยิ่งหนักหนาสาหัสสุดแสน
          
             “ปลาตัวนี้ตัวโตจริงๆ ท่านเคยเห็นหรือไม่”  ในที่สุดดรุณีนางหนึ่งหันไปถามคนอยู่ด้านข้าง
          
             “ไม่เคยเห็นเด็ดขาด…ท่านควรระวังไว้บางทีมันอาจงับใส่มือท่าน ฟังว่าปลาบางชนิดสามารถกัดกินโค ควาย...หรือสุกรได้ทั้งตัว”
          
             “มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ” สตรีนางนั้นพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม ก่อนบอกเล่าด้วยวาจาเป็นจังเป็นจังชวนให้เชื่อถือเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องราวของปลาพิสดารในตำนาน
          
             “ฟังว่าดินแดนไกลโพ้น มีปลาชนิดหนึ่งดุร้ายมาก ไม่ทราบว่าเป็นสัตว์น้ำจืดหรือน้ำเค็ม มันสามารถกัดกินท่านจนตายทั้งเป็น จะว่าเป็นปลาน้ำจืดก็ไม่ใช่ ปลาน้ำเค็มก็ไม่เชิง”
              
             ดรุณีที่รับฟังอุทานอย่างแตกตื่น แต่กลับถามอย่างยิ้มแย้มว่า
          
             “มันเป็นปลาชนิดใด”
          
             “ปลาร้า”
          
             “อา….”   เสียงอุทานอย่างแตกตื่นขวัญเสียสับสนเมื่อได้ยินชื่อปลาในตำนานสุดพิสดารในดินแดนแสนไกล หลายคนเริ่มขยับเข้ามาชิดใกล้ปลาตัวใหญ่บนพื้น
          
             “แต่ดูไปปลาตัวนี้คงไม่ใช่ปลาร้า…ลองแตะดูไหม”  กล่าวจบนางพลันยื่นมือเรียวงามขาวผ่องออกไป
          
             “ไม่…     บุรุษหนุ่มผู้ไม่ทราบว่าควรจัดเป็นประเภทโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แผดร้องสุดเสียงถูกจ้องมองจนแทบตายทั้งเป็นตอนนี้ยังจะมาถูกแตะเนื้อต้องตัวอีก รสชาติสุดทานทนแล้ว ความรันทดของมันกำเริบอีกครั้ง กลายเป็นว่ากลับเค้นพลังเร้นลับพุ่งทวี จนสามารถลุกขึ้นวิ่งปราดสุดกำลัง เพียงคิดหนีจากจากห้องให้ได้ ก่อนจะถูกความหอนหวานรัญจวนกดดัน จนตายทั้งเป็น

             ทว่า...สวรรค์ หรือนรกมีจริง!
          
          บุรุษหนุ่ม วิ่งเข้าสู่อ้อมอกอันอบอุ่นหอมกรุ่นของดรุณีนางหนึ่ง  ผู้ยืนดักอยู่หน้าประตูราวกับเป็นกับดักของฝันร้าย เมื่อสัมผัสแปลกใหม่ทำให้แตกตื่นกระตุ้นเลือดลมเดือดพล่าน ความนุ่มนิ่มหอมกรุ่นเร้าใจเร้ากายกระตุ้นจิตวิญญาณแตกตื่นกระเจิดกระเจิง จนไม่อาจทานทนสำหรับมิติใหม่พิสดารสุดทานทน

             “ปลาหนีไปแล้ว....”   เสียงหวานใส ไล่หลังมา  หวานไสจนฟังแล้วอยากกลายเป็นปลาอุ้งมือนาง

             เสียดายว่า เป็นกระบี่รันทด  มิอาจรับรู้หวานใสเด็ดขาด

             หนีไปที่ใด...ในโลกนี้ หรือยังมีสถานที่ หนีหัวใจตัวเอง  ใบหน้า  เรือนร่าง  ยังไม่มา  น้ำเสียงมาก่อนแล้ว  คำสั่งสอนของอาจารย์ก่อนลงจากเขายังแว่วกังวานในความรู้สึกครั้งสุดท้าย

             “ ดูกร...กระบี่รันทดศิษย์ข้า  ในโลกนี้ ศัตรูน่ากลัวที่สุดคือความรัก  และอิสตรี  พวกนางล้วนขัดชวางการฝึกวิชาฝีมือ   พากเจ้าเพลี่ยงพล้ำ   ยอดฝีมืออย่างเจ้าต้องไป ทำอาหาร  ซักผ้า ทำงานบ้าน  เลี้ยงทารกน้อย กระทั่งยามค่ำคืน ต้องบีบนวด ปรนนิบัติพวกนาง  เส้นทางวีรบุรุษจบสิ้นแน่นอน”


           สายเกินไป...บุรุษหนุ่มเป็นลม สลบในพริบตา…..
      



             กระบี่รันทดถูกนำขึ้นโต๊ะอาหารเย็นจริง

            
            สำหรับการถูกพันธนาการด้วยชุดเจ้าบ่าวหรูหรา เพริดแพร้วแพรวพรายอย่างไม่เคยแม้แต่จะคาดคิด กับผู้ฝึกวิชารันทดคล้ายตกขุมนรกอเวจี  กำลังลดถอยเสื่อมถอยหมดสิ้น เพียงสามารถนั่งสงบอ่อนล้าปางตายอยู่บนเก้าอี้  ซ้ายขวาขนาบด้วยดรุณีสองนาง ด้านหลังยังมีดรุณีร่างใหญ่อีกนางคุมเชิงอยู่ กลิ่นหอมกรุ่นของพวกนางรมควัน ด้วยกลิ่นหอมจรุงจิตอบอวล รมทั้งเป็น... จนเลื่อนลอยเลอะเลือนชวนเคลิบเคลิ้มจนไร้เรี่ยวแรงแข็งขืนต้านทาน
              
             ใบหน้าขาวผ่องสดใสรบกวนมันจนนัยน์ตาพร่าพราย
              
             อาหารบนโต๊ะเรียงรายมากมายหลายหลาก ส่งกลิ่นหอมชวนแทบลืมตัวแทบถาโถมเข้าไปกัดกินไม่คิดชีวิต แต่ตำแหน่งเก้าอี้บริเวณหัวโต๊ะว่างอยู่  โต๊ะอาหารกว้างใหญ่ เก้าอี้หลายนับสิบตัวล้อมเรียงราย แต่มีคนนั่งอยู่ไม่ถึงครึ่ง มีทั้งทารก ทาริกา บุรุษสตรีแก่เฒ่าเยาว์วัยครบครัน ดูไปคล้ายครอบครัวใหญ่ ทุกคนไม่ค่อยส่งเสียงมากมาย คงนั่งอย่างสำรวม  แต่ใช้สายตาจับจ้องมองแขกผู้หลงทางมาเยือนอย่างสนใจ
              
             บุรุษหนุ่มคนนี้ไม่ทราบว่าประสบพบพานวาสนาหรือเพศภัยกันแน่ ถึงมีโอกาสเข้าสู่หมู่ตึกไร้รัก สถานที่ซึ่งจัดว่าเป็นดินแดนต้องห้ามแห่งหนึ่งของวงการ
           
              “ประมุขมาแล้ว”   เสียงทาริกาหน้าประตูร้องเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงบ่งบอกความมีสัมมาคารวะ ทุกคนพากันลุกขึ้นโค้งคารวะชายชราคนหนึ่งผู้กำลังก้าวมานั่งเก้าอี้หัวโต๊ะ
              
             กระบี่รันทดมองปราดไป พลันตะลึงงัน
              
             ประมุขหมู่ตึกถึงกับเป็นชายชราผู้นั่งตกปลาอยู่ริมสระน้ำข้างหน้าต่างของตึกใหญ่ ! ชายชรายังคงอยู่ในชุดประมงซอมซ่อเช่นเดิม แต่ทุกคนมีท่าทีเกรงอกเกรงใจมันอย่างยิ่ง  สีหน้าท่าทางของประมุขหมู่ตึกไร้รักเย็นนี้เบิกบานสำราญใจเป็นพิเศษ
              
             ท่านส่งส่งหัวร่อกังวาน พลันยกป้านสุราทองคำเบื้องหน้า  รินลงจอกทองคำก่อนยกจอกขึ้นส่งเสียงดัง
            
             “วันนี้เป็นวันดียิ่ง สุราก็ดียิ่ง ข้าขอคารวะพวกเจ้าก่อนหนึ่งจอก”
              
             สตรีนางหนึ่งพลันเดินอ้อมมาด้านข้าง ในมือประคองป้านสุรารินลงจอกสุราของทุกคน จะเว้นก็เพียงเหล่าทารกทาริกาที่จ้องมองอยู่อย่างหิวกระหาย  ดรุณีนางนั้นหยิกแก้มทาริกาน้อยนางหนึ่งหัวร่อพลางบอก
            
             “พวกเจ้ายังเล็กอยู่ ไม่ต้องมาทำเป็นมอง ไว้เติบใหญ่ค่อยสามารถดื่มกิน”
     
             นางเดินอ้อมมายังกระบี่รันทด ค่อยบรรจงรินสุราลงในจอกเบื้องหน้า  ยิ้มแย้มเอ่ยว่า
           
              “สุราคารวะไม่ใช่สุราจับกรอก...ให้กับเขยใหม่ของหมู่ตึกไร้รัก ท่านนับว่าโชคดีกว่าโชคดีจริงๆที่เป็นบุตรเขยของหมู่ตึกไร้รัก”
              
             กระบี่รันทดรับฟังจนใจหายวาบ หัวใจหวิดหวิวสั่นสะท้าน มันเช่นนี้ไม่เคยแม้แต่จะคิด ขณะมันอ้าปากกำลังจะส่งเสียงประท้วง ชายชราพลันหัวร่อบอกเสียงดังก่อนว่า
            
             “สุราคารวะจอกนี้หวังว่าพวกเจ้าไม่อาจปฏิเสธ โดยเฉพาะบุตรเขยของหมู่ตึกไร้รัก”
             
              ทุกคนในคล้ายรอคำนี้มานานแล้ว พากันยกจอกสุราดื่มอย่างรวดเร็ว
           
              “ท่านด้วย”   ดรุณีร่างใหญ่ก้มกระซิบข้างหูของบุรุษหนุ่ม   "มิเช่นนั้นเกรงว่าสุราคารวะจะกลับกลายเป็นสุราจับกรอกแล้ว"
              
              กระบี่รันทดกระทั่งฝืนยิ้มยังกระทำมิได้ มันส่งเสียงถามขึ้นอย่างอ่อนล้าปางตาย
            
             “ผู้ใดเป็นเขยที่นี่”
              
             ประมุขหมู่ตึกไร้รักมีประกายเกรี้ยวกราดขึ้นทันที ตบโต๊ะฉาดตวาดลั่น
           
              “วาจาผีสางใดกัน เจ้าเข้ามาเป็นเขยหมู่ตึกไร้รักแล้ว ยังมีหน้ามากล่าววาจาเปะปะเหลวไหล ไม่เห็นแก่บุตรีเราประกันว่าเราจับเจ้าถลกหนังแล่เนื้อส่งเข้าหม้อตุ๋นขึ้นโต๊ะเป็นอาหารเย็น”
              
             ดรุณีร่างใหญ่กระซิบอีกว่า   “ท่านอย่าได้กล่าวเปะปะ…ไม่เช่นนั้นอาหารเช้าเกรงว่าจะเป็นเนื้อคนอบไฟแดงแล้ว”
              
             ว่าที่เจ้าบ่าวส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอมกล่าวว่า
           
              “เพียงทราบเราทำลายป้ายหน้ากำแพงหมู่ตึก นอกนั้นไม่ทราบ…ไฉนมาเป็นเขยที่นี่ได้”
              
             ประมุขหมู่ตึกไร้รักใช้สายตาเหมือนมองดูตัวโง่งมตัวหนึ่งเนิ่นนานจึงถอนใจกล่าวว่า
           
              “เจ้าทำลายป้ายไร้รัก ไหนเลยไร้ความหมาย สรรพสิ่งล้วนมีที่มาที่ไป กฎ กติกามารยาทของหมู่ตึกไร้รักคือหากเป็นสตรีต้องแต่งเข้าเป็นสะใภ้ที่นี่ เป็นบุรุษต้องแต่งเข้าเป็นเขยที่นี่ “
            
             “ข้าไม่ทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อน”
              
             “นั่นเพราะเป็นความลับของหมู่ตึกเรา” ท่านประมุขส่งเสียงเย็นชา
              
             “หมู่ตึกไร้รัก ทำไมถึงยังคงมีการวิวาห์เช่นนี้ จะเป็นหมู่ตึกไร้รักได้เช่นไร”
             
             “หมู่ตึกไร้รัก แต่ผู้คนธรรมดามีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ ไฉนจะไร้รักได้..ผีบ้า!! เจ้าโง่งมจริงๆ คิดหรือว่าหัวใจผู้คนจะไร้รักได้โดยง่ายดาย”
              
             ขาดคำทุกคนก็พากันส่งเสียงหัวร่อสนั่นหวั่นไหว กระบี่รันทดพลันพบว่าตัวเองไม่เพียงกลายเป็นตัวโง่งมตัวหนึ่งเท่านั้น ยังกลายเป็นตัวซกมกอุบาทว์สมบูรณ์แบบจนหมดสิ้น  ประมุขตึกลูบหนวดเตราไปมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนผายมือเชิญชวนมือบอก
             
             “เชิญพวกท่านรับประทานอาหารคาiระ”
              
             ดังนั้นผู้คนจึงเริ่มดื่มกินกัน   สตรีร่างใหญ่ด้านหลังส่งเสียงอ้อยอิ่ง
            
             “ท่านก็สมควรดื่มกินจะได้อ้วนพีแข็งแรง มิเช่นนั้นอาหารคารวะเกรงว่าจะเป็นอาหารจับกรอก”
            
             “เรายังจะดื่มกินลง”    กระบี่รันทดเอ่ยเสียงเย็นชา
              
      
              

จบ บทที่ 2  เด้อครับ

ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะมาเยือน
ขอบคุณการทักมาย อิโมน่ารักจาก   คุณ เปลวอัคคี , คุณสมาชิกหมายเลข 4171962 , คุณ สมาชิกหมายเลข 3875943 ,  คุณ Na(นะ) , คุณ ลายลิขิต , คุณ turtle_cheesecake ,  คุณ Lady Star 919 , คุณ  psycho_factory ..เเ้อ

หัวเราะ:
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่