ความเดิม
https://pantip.com/topic/37667276
-------------------
กระบี่รันทด บุรุษหนุ่ม ผู้เพิ่งออกสู่ยุทธภพ พร้อมวิชารันทด เก้าประการ มาถึงหมู่ตึกไร้รัก แล้วยังไปทำลายป้ายไร้รักของหมู่ตีก จนถูกจับตัว ให้เป็น เขย ของหมู่ตึกไร้รัก เขาพยายามหนีออกมา แต่โดนจับได้ด้วยฝีมือของชายปริศนา ผู้นั่งตกปลาริ่มตลิ่ง แปลกใจเสียจริง... ปลาไม่กินเหยื่อ .. แต่เหยื่อวันนี้คือบุรุษหนุ่ม ฉายา กระบี่รันทด..
ดรุณีนางนั้นมีสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งร้องตามหลังมาว่า
“ปลาตัวใหญ่ท่าน จะต้มก็ต้ม จะตุ๋นก็ตุ๋น นึ่งอย่าใช้ไฟแรงเกินไป ตุ๋นต้องเคี่ยวให้นาน เครื่องเทศอย่าให้ขาดตกบกพร่องแล้วส่งขึ้นโต๊ะเย็นนี้”
ปลาตัวใหญ่ใจรับฟังจนหายวาบ หมู่ตึกไร้รักหรือกลายเป็นหมู่ตึกกินคนไปแล้ว
+++++++++++
และนี่คือ เรื่องราวต่อไป...
+++++
ชายชราไม่ได้โยนบุรุษหนุ่มลงในกระทะน้ำมันร้อน ต่อให้หมู่ตึกไร้รักพิสดารเร้นลับ ยากครุ่นคิดคาดคำนวณเช่นไร ย่อมมิอาจถึงกับจับผู้คนมาทอดน้ำมันรับประทานเป็นอาหาร แต่โยนปลาตัวใหญ่บนบ่าลงบนพื้นห้องปูพรมทั้งนุ่มทั้งหนาทั้งหอมกรุ่นในห้องหนึ่ง
ทว่า…มันรู้สึกเหมือนถูกโยนลงกระทะร้อนจริงๆ ในห้องเต็มไปด้วยความสวยงามวิจิตรพิสดารจนแทบขาดใจ สิ่งของประดับประดาราคาแพงวิลิศมาหรา ราวหลุดหล่นพ้นหล่นร่วงลงมาจากสรวงสวรรค์
ดรุณีน้อยหลายคนที่อยู่ในห้อง ก็คล้ายเป็นเทพธิดาจากเบื้องบน พวกนางมีใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานสำราญใจทรมานหนักหนาสาหัส
ชายชราพอโยน ‘ปลา’ ลงพื้นก็ร้องสั่งว่า
“พวกเจ้าเตรียมปรุงปลาตัวนี้ขึ้นโต๊ะ เป็นอาหารเย็น ผิดพลาดเจ้าสำนักของเจ้าไม่รามือแน่”
ดินแดนราวสรวงสวรรค์เช่นนี้มิผิดขุมนรกสำหรับวิชาแนวรันทด พลังภายในของบุรุษหนุ่มลดทอนลงแทบไม่เหลือแล้ว เหล่าดรุณีน้อยพากันรุมล้อมจ้องมองดูปลาตัวใหญ่บนพื้น บางคนถึงกับมีสีหน้าสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง ถูกดรุณีสดใสคนเดียวจ้องมองนับว่าหนักหนา ถูกดรุณีสดใสหลายคนจ้องมองยิ่งหนักหนาสาหัสสุดแสน
“ปลาตัวนี้ตัวโตจริงๆ ท่านเคยเห็นหรือไม่” ในที่สุดดรุณีนางหนึ่งหันไปถามคนอยู่ด้านข้าง
“ไม่เคยเห็นเด็ดขาด…ท่านควรระวังไว้บางทีมันอาจงับใส่มือท่าน ฟังว่าปลาบางชนิดสามารถกัดกินโค ควาย...หรือสุกรได้ทั้งตัว”
“มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ” สตรีนางนั้นพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม ก่อนบอกเล่าด้วยวาจาเป็นจังเป็นจังชวนให้เชื่อถือเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องราวของปลาพิสดารในตำนาน
“ฟังว่าดินแดนไกลโพ้น มีปลาชนิดหนึ่งดุร้ายมาก ไม่ทราบว่าเป็นสัตว์น้ำจืดหรือน้ำเค็ม มันสามารถกัดกินท่านจนตายทั้งเป็น จะว่าเป็นปลาน้ำจืดก็ไม่ใช่ ปลาน้ำเค็มก็ไม่เชิง”
ดรุณีที่รับฟังอุทานอย่างแตกตื่น แต่กลับถามอย่างยิ้มแย้มว่า
“มันเป็นปลาชนิดใด”
“ปลาร้า”
“อา….” เสียงอุทานอย่างแตกตื่นขวัญเสียสับสนเมื่อได้ยินชื่อปลาในตำนานสุดพิสดารในดินแดนแสนไกล หลายคนเริ่มขยับเข้ามาชิดใกล้ปลาตัวใหญ่บนพื้น
“แต่ดูไปปลาตัวนี้คงไม่ใช่ปลาร้า…ลองแตะดูไหม” กล่าวจบนางพลันยื่นมือเรียวงามขาวผ่องออกไป
“ไม่… บุรุษหนุ่มผู้ไม่ทราบว่าควรจัดเป็นประเภทโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แผดร้องสุดเสียงถูกจ้องมองจนแทบตายทั้งเป็นตอนนี้ยังจะมาถูกแตะเนื้อต้องตัวอีก รสชาติสุดทานทนแล้ว ความรันทดของมันกำเริบอีกครั้ง กลายเป็นว่ากลับเค้นพลังเร้นลับพุ่งทวี จนสามารถลุกขึ้นวิ่งปราดสุดกำลัง เพียงคิดหนีจากจากห้องให้ได้ ก่อนจะถูกความหอนหวานรัญจวนกดดัน จนตายทั้งเป็น
ทว่า...สวรรค์ หรือนรกมีจริง!
บุรุษหนุ่ม วิ่งเข้าสู่อ้อมอกอันอบอุ่นหอมกรุ่นของดรุณีนางหนึ่ง ผู้ยืนดักอยู่หน้าประตูราวกับเป็นกับดักของฝันร้าย เมื่อสัมผัสแปลกใหม่ทำให้แตกตื่นกระตุ้นเลือดลมเดือดพล่าน ความนุ่มนิ่มหอมกรุ่นเร้าใจเร้ากายกระตุ้นจิตวิญญาณแตกตื่นกระเจิดกระเจิง จนไม่อาจทานทนสำหรับมิติใหม่พิสดารสุดทานทน
“ปลาหนีไปแล้ว....” เสียงหวานใส ไล่หลังมา หวานไสจนฟังแล้วอยากกลายเป็นปลาอุ้งมือนาง
เสียดายว่า เป็นกระบี่รันทด มิอาจรับรู้หวานใสเด็ดขาด
หนีไปที่ใด...ในโลกนี้ หรือยังมีสถานที่ หนีหัวใจตัวเอง ใบหน้า เรือนร่าง ยังไม่มา น้ำเสียงมาก่อนแล้ว คำสั่งสอนของอาจารย์ก่อนลงจากเขายังแว่วกังวานในความรู้สึกครั้งสุดท้าย
“ ดูกร...กระบี่รันทดศิษย์ข้า ในโลกนี้ ศัตรูน่ากลัวที่สุดคือความรัก และอิสตรี พวกนางล้วนขัดชวางการฝึกวิชาฝีมือ พากเจ้าเพลี่ยงพล้ำ ยอดฝีมืออย่างเจ้าต้องไป ทำอาหาร ซักผ้า ทำงานบ้าน เลี้ยงทารกน้อย กระทั่งยามค่ำคืน ต้องบีบนวด ปรนนิบัติพวกนาง เส้นทางวีรบุรุษจบสิ้นแน่นอน”
สายเกินไป...บุรุษหนุ่มเป็นลม สลบในพริบตา…..
กระบี่รันทดถูกนำขึ้นโต๊ะอาหารเย็นจริงๆ
สำหรับการถูกพันธนาการด้วยชุดเจ้าบ่าวหรูหรา เพริดแพร้วแพรวพรายอย่างไม่เคยแม้แต่จะคาดคิด กับผู้ฝึกวิชารันทดคล้ายตกขุมนรกอเวจี กำลังลดถอยเสื่อมถอยหมดสิ้น เพียงสามารถนั่งสงบอ่อนล้าปางตายอยู่บนเก้าอี้ ซ้ายขวาขนาบด้วยดรุณีสองนาง ด้านหลังยังมีดรุณีร่างใหญ่อีกนางคุมเชิงอยู่ กลิ่นหอมกรุ่นของพวกนางรมควัน ด้วยกลิ่นหอมจรุงจิตอบอวล รมทั้งเป็น... จนเลื่อนลอยเลอะเลือนชวนเคลิบเคลิ้มจนไร้เรี่ยวแรงแข็งขืนต้านทาน
ใบหน้าขาวผ่องสดใสรบกวนมันจนนัยน์ตาพร่าพราย
อาหารบนโต๊ะเรียงรายมากมายหลายหลาก ส่งกลิ่นหอมชวนแทบลืมตัวแทบถาโถมเข้าไปกัดกินไม่คิดชีวิต แต่ตำแหน่งเก้าอี้บริเวณหัวโต๊ะว่างอยู่ โต๊ะอาหารกว้างใหญ่ เก้าอี้หลายนับสิบตัวล้อมเรียงราย แต่มีคนนั่งอยู่ไม่ถึงครึ่ง มีทั้งทารก ทาริกา บุรุษสตรีแก่เฒ่าเยาว์วัยครบครัน ดูไปคล้ายครอบครัวใหญ่ ทุกคนไม่ค่อยส่งเสียงมากมาย คงนั่งอย่างสำรวม แต่ใช้สายตาจับจ้องมองแขกผู้หลงทางมาเยือนอย่างสนใจ
บุรุษหนุ่มคนนี้ไม่ทราบว่าประสบพบพานวาสนาหรือเพศภัยกันแน่ ถึงมีโอกาสเข้าสู่หมู่ตึกไร้รัก สถานที่ซึ่งจัดว่าเป็นดินแดนต้องห้ามแห่งหนึ่งของวงการ
“ประมุขมาแล้ว” เสียงทาริกาหน้าประตูร้องเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงบ่งบอกความมีสัมมาคารวะ ทุกคนพากันลุกขึ้นโค้งคารวะชายชราคนหนึ่งผู้กำลังก้าวมานั่งเก้าอี้หัวโต๊ะ
กระบี่รันทดมองปราดไป พลันตะลึงงัน
ประมุขหมู่ตึกถึงกับเป็นชายชราผู้นั่งตกปลาอยู่ริมสระน้ำข้างหน้าต่างของตึกใหญ่ ! ชายชรายังคงอยู่ในชุดประมงซอมซ่อเช่นเดิม แต่ทุกคนมีท่าทีเกรงอกเกรงใจมันอย่างยิ่ง สีหน้าท่าทางของประมุขหมู่ตึกไร้รักเย็นนี้เบิกบานสำราญใจเป็นพิเศษ
ท่านส่งส่งหัวร่อกังวาน พลันยกป้านสุราทองคำเบื้องหน้า รินลงจอกทองคำก่อนยกจอกขึ้นส่งเสียงดัง
“วันนี้เป็นวันดียิ่ง สุราก็ดียิ่ง ข้าขอคารวะพวกเจ้าก่อนหนึ่งจอก”
สตรีนางหนึ่งพลันเดินอ้อมมาด้านข้าง ในมือประคองป้านสุรารินลงจอกสุราของทุกคน จะเว้นก็เพียงเหล่าทารกทาริกาที่จ้องมองอยู่อย่างหิวกระหาย ดรุณีนางนั้นหยิกแก้มทาริกาน้อยนางหนึ่งหัวร่อพลางบอก
“พวกเจ้ายังเล็กอยู่ ไม่ต้องมาทำเป็นมอง ไว้เติบใหญ่ค่อยสามารถดื่มกิน”
นางเดินอ้อมมายังกระบี่รันทด ค่อยบรรจงรินสุราลงในจอกเบื้องหน้า ยิ้มแย้มเอ่ยว่า
“สุราคารวะไม่ใช่สุราจับกรอก...ให้กับเขยใหม่ของหมู่ตึกไร้รัก ท่านนับว่าโชคดีกว่าโชคดีจริงๆที่เป็นบุตรเขยของหมู่ตึกไร้รัก”
กระบี่รันทดรับฟังจนใจหายวาบ หัวใจหวิดหวิวสั่นสะท้าน มันเช่นนี้ไม่เคยแม้แต่จะคิด ขณะมันอ้าปากกำลังจะส่งเสียงประท้วง ชายชราพลันหัวร่อบอกเสียงดังก่อนว่า
“สุราคารวะจอกนี้หวังว่าพวกเจ้าไม่อาจปฏิเสธ โดยเฉพาะบุตรเขยของหมู่ตึกไร้รัก”
ทุกคนในคล้ายรอคำนี้มานานแล้ว พากันยกจอกสุราดื่มอย่างรวดเร็ว
“ท่านด้วย” ดรุณีร่างใหญ่ก้มกระซิบข้างหูของบุรุษหนุ่ม "มิเช่นนั้นเกรงว่าสุราคารวะจะกลับกลายเป็นสุราจับกรอกแล้ว"
กระบี่รันทดกระทั่งฝืนยิ้มยังกระทำมิได้ มันส่งเสียงถามขึ้นอย่างอ่อนล้าปางตาย
“ผู้ใดเป็นเขยที่นี่”
ประมุขหมู่ตึกไร้รักมีประกายเกรี้ยวกราดขึ้นทันที ตบโต๊ะฉาดตวาดลั่น
“วาจาผีสางใดกัน เจ้าเข้ามาเป็นเขยหมู่ตึกไร้รักแล้ว ยังมีหน้ามากล่าววาจาเปะปะเหลวไหล ไม่เห็นแก่บุตรีเราประกันว่าเราจับเจ้าถลกหนังแล่เนื้อส่งเข้าหม้อตุ๋นขึ้นโต๊ะเป็นอาหารเย็น”
ดรุณีร่างใหญ่กระซิบอีกว่า “ท่านอย่าได้กล่าวเปะปะ…ไม่เช่นนั้นอาหารเช้าเกรงว่าจะเป็นเนื้อคนอบไฟแดงแล้ว”
ว่าที่เจ้าบ่าวส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอมกล่าวว่า
“เพียงทราบเราทำลายป้ายหน้ากำแพงหมู่ตึก นอกนั้นไม่ทราบ…ไฉนมาเป็นเขยที่นี่ได้”
ประมุขหมู่ตึกไร้รักใช้สายตาเหมือนมองดูตัวโง่งมตัวหนึ่งเนิ่นนานจึงถอนใจกล่าวว่า
“เจ้าทำลายป้ายไร้รัก ไหนเลยไร้ความหมาย สรรพสิ่งล้วนมีที่มาที่ไป กฎ กติกามารยาทของหมู่ตึกไร้รักคือหากเป็นสตรีต้องแต่งเข้าเป็นสะใภ้ที่นี่ เป็นบุรุษต้องแต่งเข้าเป็นเขยที่นี่ “
“ข้าไม่ทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อน”
“นั่นเพราะเป็นความลับของหมู่ตึกเรา” ท่านประมุขส่งเสียงเย็นชา
“หมู่ตึกไร้รัก ทำไมถึงยังคงมีการวิวาห์เช่นนี้ จะเป็นหมู่ตึกไร้รักได้เช่นไร”
“หมู่ตึกไร้รัก แต่ผู้คนธรรมดามีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ ไฉนจะไร้รักได้..ผีบ้า!! เจ้าโง่งมจริงๆ คิดหรือว่าหัวใจผู้คนจะไร้รักได้โดยง่ายดาย”
ขาดคำทุกคนก็พากันส่งเสียงหัวร่อสนั่นหวั่นไหว กระบี่รันทดพลันพบว่าตัวเองไม่เพียงกลายเป็นตัวโง่งมตัวหนึ่งเท่านั้น ยังกลายเป็นตัวซกมกอุบาทว์สมบูรณ์แบบจนหมดสิ้น ประมุขตึกลูบหนวดเตราไปมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนผายมือเชิญชวนมือบอก
“เชิญพวกท่านรับประทานอาหารคาiระ”
ดังนั้นผู้คนจึงเริ่มดื่มกินกัน สตรีร่างใหญ่ด้านหลังส่งเสียงอ้อยอิ่ง
“ท่านก็สมควรดื่มกินจะได้อ้วนพีแข็งแรง มิเช่นนั้นอาหารคารวะเกรงว่าจะเป็นอาหารจับกรอก”
“เรายังจะดื่มกินลง” กระบี่รันทดเอ่ยเสียงเย็นชา
จบ บทที่ 2 เด้อครับ
ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะมาเยือน
ขอบคุณการทักมาย อิโมน่ารักจาก คุณ เปลวอัคคี , คุณสมาชิกหมายเลข 4171962 , คุณ สมาชิกหมายเลข 3875943 , คุณ Na(นะ) , คุณ ลายลิขิต , คุณ turtle_cheesecake , คุณ Lady Star 919 , คุณ psycho_factory ..เเ้อ

:
กระบี่รันทด 2
https://pantip.com/topic/37667276
-------------------
กระบี่รันทด บุรุษหนุ่ม ผู้เพิ่งออกสู่ยุทธภพ พร้อมวิชารันทด เก้าประการ มาถึงหมู่ตึกไร้รัก แล้วยังไปทำลายป้ายไร้รักของหมู่ตีก จนถูกจับตัว ให้เป็น เขย ของหมู่ตึกไร้รัก เขาพยายามหนีออกมา แต่โดนจับได้ด้วยฝีมือของชายปริศนา ผู้นั่งตกปลาริ่มตลิ่ง แปลกใจเสียจริง... ปลาไม่กินเหยื่อ .. แต่เหยื่อวันนี้คือบุรุษหนุ่ม ฉายา กระบี่รันทด..
ดรุณีนางนั้นมีสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งร้องตามหลังมาว่า
“ปลาตัวใหญ่ท่าน จะต้มก็ต้ม จะตุ๋นก็ตุ๋น นึ่งอย่าใช้ไฟแรงเกินไป ตุ๋นต้องเคี่ยวให้นาน เครื่องเทศอย่าให้ขาดตกบกพร่องแล้วส่งขึ้นโต๊ะเย็นนี้”
ปลาตัวใหญ่ใจรับฟังจนหายวาบ หมู่ตึกไร้รักหรือกลายเป็นหมู่ตึกกินคนไปแล้ว
+++++++++++
และนี่คือ เรื่องราวต่อไป...
+++++
ชายชราไม่ได้โยนบุรุษหนุ่มลงในกระทะน้ำมันร้อน ต่อให้หมู่ตึกไร้รักพิสดารเร้นลับ ยากครุ่นคิดคาดคำนวณเช่นไร ย่อมมิอาจถึงกับจับผู้คนมาทอดน้ำมันรับประทานเป็นอาหาร แต่โยนปลาตัวใหญ่บนบ่าลงบนพื้นห้องปูพรมทั้งนุ่มทั้งหนาทั้งหอมกรุ่นในห้องหนึ่ง
ทว่า…มันรู้สึกเหมือนถูกโยนลงกระทะร้อนจริงๆ ในห้องเต็มไปด้วยความสวยงามวิจิตรพิสดารจนแทบขาดใจ สิ่งของประดับประดาราคาแพงวิลิศมาหรา ราวหลุดหล่นพ้นหล่นร่วงลงมาจากสรวงสวรรค์
ดรุณีน้อยหลายคนที่อยู่ในห้อง ก็คล้ายเป็นเทพธิดาจากเบื้องบน พวกนางมีใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานสำราญใจทรมานหนักหนาสาหัส
ชายชราพอโยน ‘ปลา’ ลงพื้นก็ร้องสั่งว่า
“พวกเจ้าเตรียมปรุงปลาตัวนี้ขึ้นโต๊ะ เป็นอาหารเย็น ผิดพลาดเจ้าสำนักของเจ้าไม่รามือแน่”
ดินแดนราวสรวงสวรรค์เช่นนี้มิผิดขุมนรกสำหรับวิชาแนวรันทด พลังภายในของบุรุษหนุ่มลดทอนลงแทบไม่เหลือแล้ว เหล่าดรุณีน้อยพากันรุมล้อมจ้องมองดูปลาตัวใหญ่บนพื้น บางคนถึงกับมีสีหน้าสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง ถูกดรุณีสดใสคนเดียวจ้องมองนับว่าหนักหนา ถูกดรุณีสดใสหลายคนจ้องมองยิ่งหนักหนาสาหัสสุดแสน
“ปลาตัวนี้ตัวโตจริงๆ ท่านเคยเห็นหรือไม่” ในที่สุดดรุณีนางหนึ่งหันไปถามคนอยู่ด้านข้าง
“ไม่เคยเห็นเด็ดขาด…ท่านควรระวังไว้บางทีมันอาจงับใส่มือท่าน ฟังว่าปลาบางชนิดสามารถกัดกินโค ควาย...หรือสุกรได้ทั้งตัว”
“มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ” สตรีนางนั้นพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม ก่อนบอกเล่าด้วยวาจาเป็นจังเป็นจังชวนให้เชื่อถือเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องราวของปลาพิสดารในตำนาน
“ฟังว่าดินแดนไกลโพ้น มีปลาชนิดหนึ่งดุร้ายมาก ไม่ทราบว่าเป็นสัตว์น้ำจืดหรือน้ำเค็ม มันสามารถกัดกินท่านจนตายทั้งเป็น จะว่าเป็นปลาน้ำจืดก็ไม่ใช่ ปลาน้ำเค็มก็ไม่เชิง”
ดรุณีที่รับฟังอุทานอย่างแตกตื่น แต่กลับถามอย่างยิ้มแย้มว่า
“มันเป็นปลาชนิดใด”
“ปลาร้า”
“อา….” เสียงอุทานอย่างแตกตื่นขวัญเสียสับสนเมื่อได้ยินชื่อปลาในตำนานสุดพิสดารในดินแดนแสนไกล หลายคนเริ่มขยับเข้ามาชิดใกล้ปลาตัวใหญ่บนพื้น
“แต่ดูไปปลาตัวนี้คงไม่ใช่ปลาร้า…ลองแตะดูไหม” กล่าวจบนางพลันยื่นมือเรียวงามขาวผ่องออกไป
“ไม่… บุรุษหนุ่มผู้ไม่ทราบว่าควรจัดเป็นประเภทโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ แผดร้องสุดเสียงถูกจ้องมองจนแทบตายทั้งเป็นตอนนี้ยังจะมาถูกแตะเนื้อต้องตัวอีก รสชาติสุดทานทนแล้ว ความรันทดของมันกำเริบอีกครั้ง กลายเป็นว่ากลับเค้นพลังเร้นลับพุ่งทวี จนสามารถลุกขึ้นวิ่งปราดสุดกำลัง เพียงคิดหนีจากจากห้องให้ได้ ก่อนจะถูกความหอนหวานรัญจวนกดดัน จนตายทั้งเป็น
ทว่า...สวรรค์ หรือนรกมีจริง!
บุรุษหนุ่ม วิ่งเข้าสู่อ้อมอกอันอบอุ่นหอมกรุ่นของดรุณีนางหนึ่ง ผู้ยืนดักอยู่หน้าประตูราวกับเป็นกับดักของฝันร้าย เมื่อสัมผัสแปลกใหม่ทำให้แตกตื่นกระตุ้นเลือดลมเดือดพล่าน ความนุ่มนิ่มหอมกรุ่นเร้าใจเร้ากายกระตุ้นจิตวิญญาณแตกตื่นกระเจิดกระเจิง จนไม่อาจทานทนสำหรับมิติใหม่พิสดารสุดทานทน
“ปลาหนีไปแล้ว....” เสียงหวานใส ไล่หลังมา หวานไสจนฟังแล้วอยากกลายเป็นปลาอุ้งมือนาง
เสียดายว่า เป็นกระบี่รันทด มิอาจรับรู้หวานใสเด็ดขาด
หนีไปที่ใด...ในโลกนี้ หรือยังมีสถานที่ หนีหัวใจตัวเอง ใบหน้า เรือนร่าง ยังไม่มา น้ำเสียงมาก่อนแล้ว คำสั่งสอนของอาจารย์ก่อนลงจากเขายังแว่วกังวานในความรู้สึกครั้งสุดท้าย
“ ดูกร...กระบี่รันทดศิษย์ข้า ในโลกนี้ ศัตรูน่ากลัวที่สุดคือความรัก และอิสตรี พวกนางล้วนขัดชวางการฝึกวิชาฝีมือ พากเจ้าเพลี่ยงพล้ำ ยอดฝีมืออย่างเจ้าต้องไป ทำอาหาร ซักผ้า ทำงานบ้าน เลี้ยงทารกน้อย กระทั่งยามค่ำคืน ต้องบีบนวด ปรนนิบัติพวกนาง เส้นทางวีรบุรุษจบสิ้นแน่นอน”
สายเกินไป...บุรุษหนุ่มเป็นลม สลบในพริบตา…..
กระบี่รันทดถูกนำขึ้นโต๊ะอาหารเย็นจริงๆ
สำหรับการถูกพันธนาการด้วยชุดเจ้าบ่าวหรูหรา เพริดแพร้วแพรวพรายอย่างไม่เคยแม้แต่จะคาดคิด กับผู้ฝึกวิชารันทดคล้ายตกขุมนรกอเวจี กำลังลดถอยเสื่อมถอยหมดสิ้น เพียงสามารถนั่งสงบอ่อนล้าปางตายอยู่บนเก้าอี้ ซ้ายขวาขนาบด้วยดรุณีสองนาง ด้านหลังยังมีดรุณีร่างใหญ่อีกนางคุมเชิงอยู่ กลิ่นหอมกรุ่นของพวกนางรมควัน ด้วยกลิ่นหอมจรุงจิตอบอวล รมทั้งเป็น... จนเลื่อนลอยเลอะเลือนชวนเคลิบเคลิ้มจนไร้เรี่ยวแรงแข็งขืนต้านทาน
ใบหน้าขาวผ่องสดใสรบกวนมันจนนัยน์ตาพร่าพราย
อาหารบนโต๊ะเรียงรายมากมายหลายหลาก ส่งกลิ่นหอมชวนแทบลืมตัวแทบถาโถมเข้าไปกัดกินไม่คิดชีวิต แต่ตำแหน่งเก้าอี้บริเวณหัวโต๊ะว่างอยู่ โต๊ะอาหารกว้างใหญ่ เก้าอี้หลายนับสิบตัวล้อมเรียงราย แต่มีคนนั่งอยู่ไม่ถึงครึ่ง มีทั้งทารก ทาริกา บุรุษสตรีแก่เฒ่าเยาว์วัยครบครัน ดูไปคล้ายครอบครัวใหญ่ ทุกคนไม่ค่อยส่งเสียงมากมาย คงนั่งอย่างสำรวม แต่ใช้สายตาจับจ้องมองแขกผู้หลงทางมาเยือนอย่างสนใจ
บุรุษหนุ่มคนนี้ไม่ทราบว่าประสบพบพานวาสนาหรือเพศภัยกันแน่ ถึงมีโอกาสเข้าสู่หมู่ตึกไร้รัก สถานที่ซึ่งจัดว่าเป็นดินแดนต้องห้ามแห่งหนึ่งของวงการ
“ประมุขมาแล้ว” เสียงทาริกาหน้าประตูร้องเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงบ่งบอกความมีสัมมาคารวะ ทุกคนพากันลุกขึ้นโค้งคารวะชายชราคนหนึ่งผู้กำลังก้าวมานั่งเก้าอี้หัวโต๊ะ
กระบี่รันทดมองปราดไป พลันตะลึงงัน
ประมุขหมู่ตึกถึงกับเป็นชายชราผู้นั่งตกปลาอยู่ริมสระน้ำข้างหน้าต่างของตึกใหญ่ ! ชายชรายังคงอยู่ในชุดประมงซอมซ่อเช่นเดิม แต่ทุกคนมีท่าทีเกรงอกเกรงใจมันอย่างยิ่ง สีหน้าท่าทางของประมุขหมู่ตึกไร้รักเย็นนี้เบิกบานสำราญใจเป็นพิเศษ
ท่านส่งส่งหัวร่อกังวาน พลันยกป้านสุราทองคำเบื้องหน้า รินลงจอกทองคำก่อนยกจอกขึ้นส่งเสียงดัง
“วันนี้เป็นวันดียิ่ง สุราก็ดียิ่ง ข้าขอคารวะพวกเจ้าก่อนหนึ่งจอก”
สตรีนางหนึ่งพลันเดินอ้อมมาด้านข้าง ในมือประคองป้านสุรารินลงจอกสุราของทุกคน จะเว้นก็เพียงเหล่าทารกทาริกาที่จ้องมองอยู่อย่างหิวกระหาย ดรุณีนางนั้นหยิกแก้มทาริกาน้อยนางหนึ่งหัวร่อพลางบอก
“พวกเจ้ายังเล็กอยู่ ไม่ต้องมาทำเป็นมอง ไว้เติบใหญ่ค่อยสามารถดื่มกิน”
นางเดินอ้อมมายังกระบี่รันทด ค่อยบรรจงรินสุราลงในจอกเบื้องหน้า ยิ้มแย้มเอ่ยว่า
“สุราคารวะไม่ใช่สุราจับกรอก...ให้กับเขยใหม่ของหมู่ตึกไร้รัก ท่านนับว่าโชคดีกว่าโชคดีจริงๆที่เป็นบุตรเขยของหมู่ตึกไร้รัก”
กระบี่รันทดรับฟังจนใจหายวาบ หัวใจหวิดหวิวสั่นสะท้าน มันเช่นนี้ไม่เคยแม้แต่จะคิด ขณะมันอ้าปากกำลังจะส่งเสียงประท้วง ชายชราพลันหัวร่อบอกเสียงดังก่อนว่า
“สุราคารวะจอกนี้หวังว่าพวกเจ้าไม่อาจปฏิเสธ โดยเฉพาะบุตรเขยของหมู่ตึกไร้รัก”
ทุกคนในคล้ายรอคำนี้มานานแล้ว พากันยกจอกสุราดื่มอย่างรวดเร็ว
“ท่านด้วย” ดรุณีร่างใหญ่ก้มกระซิบข้างหูของบุรุษหนุ่ม "มิเช่นนั้นเกรงว่าสุราคารวะจะกลับกลายเป็นสุราจับกรอกแล้ว"
กระบี่รันทดกระทั่งฝืนยิ้มยังกระทำมิได้ มันส่งเสียงถามขึ้นอย่างอ่อนล้าปางตาย
“ผู้ใดเป็นเขยที่นี่”
ประมุขหมู่ตึกไร้รักมีประกายเกรี้ยวกราดขึ้นทันที ตบโต๊ะฉาดตวาดลั่น
“วาจาผีสางใดกัน เจ้าเข้ามาเป็นเขยหมู่ตึกไร้รักแล้ว ยังมีหน้ามากล่าววาจาเปะปะเหลวไหล ไม่เห็นแก่บุตรีเราประกันว่าเราจับเจ้าถลกหนังแล่เนื้อส่งเข้าหม้อตุ๋นขึ้นโต๊ะเป็นอาหารเย็น”
ดรุณีร่างใหญ่กระซิบอีกว่า “ท่านอย่าได้กล่าวเปะปะ…ไม่เช่นนั้นอาหารเช้าเกรงว่าจะเป็นเนื้อคนอบไฟแดงแล้ว”
ว่าที่เจ้าบ่าวส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอมกล่าวว่า
“เพียงทราบเราทำลายป้ายหน้ากำแพงหมู่ตึก นอกนั้นไม่ทราบ…ไฉนมาเป็นเขยที่นี่ได้”
ประมุขหมู่ตึกไร้รักใช้สายตาเหมือนมองดูตัวโง่งมตัวหนึ่งเนิ่นนานจึงถอนใจกล่าวว่า
“เจ้าทำลายป้ายไร้รัก ไหนเลยไร้ความหมาย สรรพสิ่งล้วนมีที่มาที่ไป กฎ กติกามารยาทของหมู่ตึกไร้รักคือหากเป็นสตรีต้องแต่งเข้าเป็นสะใภ้ที่นี่ เป็นบุรุษต้องแต่งเข้าเป็นเขยที่นี่ “
“ข้าไม่ทราบเรื่องเช่นนี้มาก่อน”
“นั่นเพราะเป็นความลับของหมู่ตึกเรา” ท่านประมุขส่งเสียงเย็นชา
“หมู่ตึกไร้รัก ทำไมถึงยังคงมีการวิวาห์เช่นนี้ จะเป็นหมู่ตึกไร้รักได้เช่นไร”
“หมู่ตึกไร้รัก แต่ผู้คนธรรมดามีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ ไฉนจะไร้รักได้..ผีบ้า!! เจ้าโง่งมจริงๆ คิดหรือว่าหัวใจผู้คนจะไร้รักได้โดยง่ายดาย”
ขาดคำทุกคนก็พากันส่งเสียงหัวร่อสนั่นหวั่นไหว กระบี่รันทดพลันพบว่าตัวเองไม่เพียงกลายเป็นตัวโง่งมตัวหนึ่งเท่านั้น ยังกลายเป็นตัวซกมกอุบาทว์สมบูรณ์แบบจนหมดสิ้น ประมุขตึกลูบหนวดเตราไปมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนผายมือเชิญชวนมือบอก
“เชิญพวกท่านรับประทานอาหารคาiระ”
ดังนั้นผู้คนจึงเริ่มดื่มกินกัน สตรีร่างใหญ่ด้านหลังส่งเสียงอ้อยอิ่ง
“ท่านก็สมควรดื่มกินจะได้อ้วนพีแข็งแรง มิเช่นนั้นอาหารคารวะเกรงว่าจะเป็นอาหารจับกรอก”
“เรายังจะดื่มกินลง” กระบี่รันทดเอ่ยเสียงเย็นชา
จบ บทที่ 2 เด้อครับ
ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะมาเยือน
ขอบคุณการทักมาย อิโมน่ารักจาก คุณ เปลวอัคคี , คุณสมาชิกหมายเลข 4171962 , คุณ สมาชิกหมายเลข 3875943 , คุณ Na(นะ) , คุณ ลายลิขิต , คุณ turtle_cheesecake , คุณ Lady Star 919 , คุณ psycho_factory ..เเ้อ