ความเดิน
กระบี่รันทด ทำลายป้ายหน้าหมู่ตึกไร้รัก จึงถูกนำตัวไปเพื่อเป็นบุตรเขยของหมู่ตึก
พลันพบเรื่องราวพิศดารหลายประการ แม้กระทั่งในห้องอาหาร
บทที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 1
https://pantip.com/topic/37667276
บทที่ 2
https://pantip.com/topic/37674255
สตรีร่างสูงใหญ่ด้านหลังก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูทันที “ถ้าท่านมิอาจกินอาหารคารวะลงคอ เราจำเป็นต้องใช้วิชาอาหารตักป้อน”
ประโยคนั้นทำให้ว่าที่เขยหมู่ตึกไร้รักถึงกับนั่งตะลึงตัวแข็งทื่อในบัดดล สำหรับยอดฝีมือแล้ว การถูกป้อนอาหารใส่ปากโดยสตรี เป็นเรื่องร้ายกาจสุดแสน มิต่างจากถูกหยามย่ำว่าเป็นทารก เพียงนึกภาพในใจ ช้อนยื่นตรงมาพร้อมกับเสียง อ้ำ....อ้ำ......ก็ทำให้ขนลุกขนพองสยองเกล้า
สตรีสองนางที่นั่งประกบข้าง พากันขยับเก้าอี้ชิดใกล้เข้ามาทั้งซ้ายขวา จนชายเสื้อกระทบแผ่ว บุรุษหนุ่มใจหายวาบ ไม่กล้าหันไปมอง ยื่นมือไปจับตะเกียบอย่างระมัดระวัง กลิ่นกายหอมกรุ่นของพวกนางทำให้สติเริ่มเลอะเลือน จนต้องรีบฝืนนึกถึงตำนานแสนเศร้าขึ้นมาในใจ มิอาจเคลิบเคลิ้มตามไปเด็ดขาด
มีเรื่องเล่าว่า บนเทือกเขาสูง ชายหนุ่มบ้านนาผู้บริสุทธิ์ไร้เสียงสา มองโลกในแง่ดี ซื่อสัตย์ขยัน ถูกสตรีในเมือง มาหลอกลวงไปในทางไม่ดี เสียผู้เสียคน มิว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่พาลให้แสนเศร้าสุดบรรยาย พอร้าวรันทดเกิดในใจ ลมปราณพิเศษพลันก่อตัวขึ้นมาทันที
ยื่นมือออกไปหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบใส่ ‘มารดาชิ้น’ ลูกหนึ่งในจานใหญ่ข้างหน้า อย่างไรจะต้องแสดงฝีมือในการกินมารดาชิ้นให้ได้ ก่อนจะถูกจับกรอก
ควรทราบว่า ‘มารดาชิ้น’ มีขนาดใหญ่กว่า ‘ลูกชิ้น’ ขนาดเท่ากำปั้น การคีบด้วยตะเกียบนับว่าไม่ง่าย ปลายตะเกียบขณะจะบรรลุถึงเป้าหมาย พลันมีประกายวับวาวสายหนึ่งพุ่งวาบมาจากทางซ้ายมือ สตรีงามคนนั่งประกบข้างถึงกับใช้ส้อมพุ่งเสียบมารดาชิ้นไว้แน่น บุรุษหนุ่มขบกรามกรอด แม้สามารถคีบมารดาชิ้นไว้ได้ แต่ไม่สามารถตีบมาใส่ปาก หันไปมองอย่างไม่รู้ตัว พบว่านางกำลังยิ้มแย้มให้อย่างซุกซน สำหรับสตรีแล้ว รอยยิ้มและหยาดน้ำตาล้วนเป็นอาวุธพิฆาตใจชายชนิดหนึ่ง พบเห็นรอยยิ้ม สมาธิของกระบี่รันทดแตกซ่านทันที หัวใจเต้นรัวไม่เป็นส่ำ ...
ผู้หญิงผีบ้าอะไร มาแย่งมารดาชิ้นคนอื่นแล้วยังมีหน้ามายิ้มหวาน
แต่เมินเสียเถิดว่าจะพ่ายแพ้ง่ายดาย มือซ้ายยังว่างอยู่ ว่าที่เจ้าบ่าวฉกมือวูบออกไปคว้ามารดาชิ้นอีกลูกที่วางอยู่ด้านข้าง ความจริงในจานมีทั้ง บิดาชิ้น มารดาชิ้น ลูกชิ้น ขนาดใหญ่น้อยต่างกันออกไป จำนวนหลายลูก ไม่จำเป็นต้องแย่งกัน
ความรวดเร็วในการหยิบอาหารใส่ปาก นับว่ารวดเร็วไม่เคอะเขิน เฉียบขาดอาจหาญมิขัดตา หลายคนจ้องมองต้องโห่ร้องอย่างชื่นชม เห็นแน่ชัดว่ามารดาชิ้นจะถูกส่งเข้าปาก บุรุษหนุ่มก็มั่นใจเช่นกัน แต่ขณะส่งอาหารสำคัญเข้าปาก พลันต้องใจหายวาบ เมื่อพบว่าตัวเองกำลังเคี้ยวความว่างเปล่า!
ของในมืออันตรธานหายไปที่ใด คนเช่นกระบี่รันทดไม่มีวันหยิบลูกชิ้นพลาดเป้า! ‘หยิบร้อยครั้งเข้าปากร้อยครา’ เสมอมา แต่วันนี้เกิดเภทภัยใด ขณะกำลังปากอ้าตาค้าง แว่วเสียงหัวร่อสดใสดังๆ ด้านหลัง ตามด้วยเสียงเอ่ยเอื่อยอย่างพอใจว่า
“โอ อร่อยสุดแสน... มารดาชิ้นแย่งออกมาหวุดหวิด ก่อนจะเข้าปากคนอื่น ช่างอร่อยหูตาเหล่”
พอหันหลังไปมอง โอ เทวะ...! สตรีร่างสูงใหญ่คนยืนประกบด้านหลัง กำลังยืนชดช้อยระดระทวย กัดกินมารดาชิ้นด้วยสีหน้าท่าทางเปี่ยมเอร็ดอร่อย จนหูตาเหล่จริงๆ ท่วงท่าการกินของนางน่าดูเป็นอย่างยิ่ง กินไปเอ่ยวาจาถากถางไป
“ขนาดมารดาชิ้นยังรสชาติสูงเยี่ยมเทียมฟ้าขนาดนี้ ถ้าเป็นบิดาชิ้น คงอร่อยจนหูตาเหลือก หรือไม่ก็อร่อยจนตาเหลือกตาค้าง เป็นแน่แท้ น่าเสียดายบางคนอาภัพอับวาสนา ของในมือยังโดนคนอื่นแย่งไปต่อหน้าต่อปาก...โอ...”
สำหรับกระบี่รันทดแล้ว มีกฏประจำใจข้อหนึ่ง นั่นคือ จะไม่ยอมต่อสู้ลงมือกับเด็ก สัตว์เลี้ยง สตรี และสตรีมีครรภ์โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายปานใดก็ตาม เพราะนั่นเป็นเรื่องเลวร้ายอัปยศอดสูที่สุด ดังนั้นได้แต่ถอนลมหายใจยาว หันกลับมามองอาหารบนโต๊ะอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าการรับประทานอาหาร จะหนักหนาสาหัส ผู้คนในหมู่ตึกไร้รักล้วนพิเศษพิสดารถ้วนทั่ว ยังไม่นับฝีมือร้ายกาจสุดแสน
จะว่าไปแล้ว เวลานี้สมควรดื่มกินจริงๆ เพราะเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังหิวโหย ตั้งแต่เข้าหมู่ตึกมา ยังไม่ได้มีอาหารลงท้อง นอกจากน้ำและลูกปลาจำนวนเล็กน้อย เมื่อตกลงไปในลำธารเท่านั้น
หลังจากเหตุการณ์ตื่นเต้นผ่านพ้น ทุกคนนั่งดื่มกินต่อไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น บุรุษหนุ่มผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลาย จ้องมองไปยังถ้วยน้ำชา ตั้งใจจะหยิบมาดื่ม แต่เพียงขยับมือวตรีด้านขวามือพลันยื่นมือเรียวงามออกไปจับถ้วยน้ำชาก่อน ยื่นให้เบื้องหน้า กระซิบเสียงหวานแผ่ว
“ท่านเขย ท่านหิวน้ำชามิต้องลงแรง บ่าวบริการถึงปากท่าน”
เอาอีกแล้ว....คนพวกนี้เป็นอะไรไป มิว่าจะกระทำเรื่องราวใด มักสอดมือเข้ามาตัดหน้ายุ่งเกี่ยวเสมอ จู่ๆ กลายเป็นเขยเป็นบ่าวกันไปเสียแล้ว เรื่องผีสางใดกัน
“เราหยิบจับมาดื่มเองได้” ว่าพลางเบือนหน้าหนีไปทางซ้ายมือ ก็พบดรุณีด้านนั้นกำลังยื่นถ้วยสุราหอมกรุ่นมาให้เช่นกัน แทบชนใส่ริมฝีปาก
“หรือนายท่านต้องการดื่มสุรามงคล บ่าวยินดีป้อนให้”
ขวาน้ำชา ซ้ายสุรา ล้วนสาวงามบริการถึงที่ด้วยรอยยิ้มไอน้ำตาลและกลิ่นกายหอมกรุ่น เท่านั้นยังไม่พอ สตรีคุมเชิงด้านหลังเอ่ยปากเสริมขึ้นอีกแรงเป็นการตอกย้ำซ้ำเติม
“หรือท่านต้องการ ทั้งสุราและน้ำชา ทั้งสองนางล้วนบริการส่งถึงที่ ประกันว่าอร่อยหูดับตับไหม้”
“ได้โปรด เราสามารถดื่มเองได้” คนถูกเอาใจเอ่ยเสียงสั่นสะท้าน การอยู่ท่ามกลางสตรีงามรบกวนจิตใจจนแทบควบคุมสติให้มั่นคงไม่ได้ ประมุขตึกกวาดสายตามอง แล้วส่งเสียงหัวร่ออย่างไม่อาจเดาความหมาย แล้วดื่มกินต่อไป ไม่สนใจผู้กำลังจะมาเป็นบุตรเขย สุดท้ายผู้มาเยือนต้องกัดฟันยอมดื่มทั้งน้ำชาและสุราที่บรรจงส่งให้ถึงปากโดยดี ด้วยความคับแค้นแสนเศร้า พอความโศกเศร้าบังเกิดขึ้น พลังภายในเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง สติมา สมาธิมา ปัญญาเริ่มเกิด
วันนี้พลันรู้สึกว่าตนเองกระทำเรื่องราวไม่ตั้งใจมากมาย กวาดตามองหาดรุณีน้อยคนพานพบเป็นครั้งแรกหน้าหมู่ตึกก็ไม่อยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่ทราบว่านางไปที่ใดแล้ว ดรุณีผู้ซึ่งสามารถสั่นไหวดวงใจของมันจนสั่นคลอนเป็นครั้งแรกในชีวิต สตรีที่นี่อาจมีบางนางสวยงามกว่านาง แต่ไม่ใช่นาง มีบางสิ่งบางคนหายไปจากชีวิตท่าน ไม่อาจมีสิ่งใดมาทดแทนได้ตลอดชีวิต ยิ่งขบคิดบุรุษหนุ่มพลันรู้สึกวาบหวิวเวิ้งว้างอย่างประหลาด หรือความรักเป็นความรันทดของมนุษยชาติจริง ๆ
ถ้าเป็นจริงไฉนหลักวิชาถึงปฏิเสธความรัก เพราะการมีรักควรมีทุกข์ มีทุกข์ควรเพิ่มพูนกำลังฝีมือของมันใช่หรือไม่ ยิ่งคิดพลังรันทดเริ่มสับสน
“โอย…….” พลังลมปราณปั่นป่วน พลันแผดร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ประมุขหมู่ตึกไร้รักขมวดคิ้วกล่าวทั้งที่กำลังเคี้ยวน่องไก่ย่างชิ้นหนึ่งอยู่ เอ่ยปากอย่างเฉื่อยชาว่า
“ วันนี้ท่านแผดร้องหลายครั้งแล้ว เป็นชายชาตรีไยแผดร้องเยี่ยงสตรีเพศนับว่าอุบาทว์ซกมกมาก”
กระบี่รันทดพลันโทสะประดัง ลืมตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ร้องเสียงดังว่า “สถานที่ผีสางเช่นนี้เราไม่อยู่เด็ดขาด”
เนื่องเพราะมันเป็นกระบี่รันทด ไม่ใช่กระบี่โทสะ ดังนั้นโทสะจึงไม่อาจบันดาลความเข้มแข็งให้มันได้อย่าว่าแต่อยู่ในชุดวิลิศมาหราขัดตาปางตาย ฉับพลันนั้นเอง กลิ่นกายสาวโชยวูบมากระทบโสตประสาท พลังกายใจลดวูบลงทันที หงายหลังลงล้มลงในอ้อมแขนแข็งแรงของดรุณีร่างใหญ่ มาตรว่านางจะมีร่างกายสูงใหญ่แต่สมส่วนยิ่ง สตรีสมส่วนไม่ว่าร่างใหญ่ร่างเล็กล้วนดูดี อย่าว่าแต่นางยังมีใบหน้าชวนพิศ อ้อมอกอ้อมแขนของนางยิ่งอบอุ่นแข็งแรงปกป้องมั่นคง
มีโอกาสล้มลงในอ้อมแขนเช่นนี้นับว่าสุขสบายสุดแสน มีโอกาสล้มลงในอ้อมแขนเช่นนี้พันครั้งก็ยินยอมไม่ต่ำกว่าพันครั้ง ไม่แกะไม่ยอมยอมออกง่ายดาย จนใจว่าเป็นกระบี่รันทด สภาพการณ์จึงกลับกลายเป็นตรงกันข้ามแล้ว
"โอย……” มันแผดร้องไม่ตั้งใจอีกครั้ง สลบในอ้อมอกอีกครั้ง
แสงโคมไฟสว่างไสว ระย้าห้อยแกว่งไกวไหวตามลมโชยกระซิบแผ่วมาจากหน้าต่าง กระบี่รันทดรู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตอนเองนอนอยู่บนเตียงนุ่มนิ่มเลิศหรู อยู่ในชุดนอนลายดอกไม้หลากสีสันพรรณรายจนลานตา เพียงฟื้นขึ้นมาพบสภาพเช่นนี้แทบทำให้มันสลบไปอีก สุขสบายร้อยส่วนอันตรายร้อยส่วน รีบตะกายลงมาหอบอยู่มุมห้องอย่างไม่คิดชีวิตปานใจจะขาด หันไปมองรอบ ๆ อย่างหวาดผวา ห้องนี้ดูโออ่าสวยงามกว้างใหญ่มากกว่าห้องเดิม
หน้าโต๊ะเครื่องแป้งความจริงสมควรมีดรุณีน้อยนั่งสางหวีเส้นผมอยู่ แต่ครั้งนี้กลับเวิ้งว่างว่างเปล่าจนอ้างว้างเยือกเย็น นางหายไปแห่งหนตำบลใด รู้สึกใจหายอย่างประหลาด คล้ายร่วงลงสู่หุบเหวเต็มไปด้วยหมอกควันหนาทึบหาที่ยึดเกาะเกี่ยวไม่ได้ ไฉนสตรีนางหนึ่งถึงมีอิทธิพลมากมาย เพียงแค่แรกพบพานก็บันดาลใจแทบเป็นแทบตาย
นางอยู่ที่ใด... เป็นเช่นใด... ความเศร้าชนิดหนึ่งวิ่งเกาะกุมจิตใจล้ำลึก
ความเศร้าอาดูรพลันก่อให้เกิดพลังเร้นลับสายหนึ่งวิ่งผ่านทะลุจุดชีพจรต่าง ๆ บุรุษหนุ่มพลันพบว่าตนเองกำลังกลับคืนสภาพทีละน้อย ความเศร้าใจคือพลังแฝงเร้นลับของหลักวิชา
ข้างเตียง มีกระบี่วางอยู่บนเสื้อผ้าชุดหนึ่ง กระบี่และเสื้อผ้าของมันเอง
การค้นพบครั้งนี้ทำให้มันปลาบปลื้มใจสุดแสน การที่ได้เสื้อผ้าและกระบี่กลับคืนมาเฉกเช่นพยัคฆาติดปีก แต่ความปลาบปลื้มมีผลทำให้พลังของมันที่กำลังทวีขึ้นกลับลดระดับลงไปอีกครั้ง ทำเอาหายวาบต้องรีบระงับความปลาบปลื้มดีใจอย่างลำบากยากเย็น พยายามนึกถึงเรื่องร้าวรันทดในชีวิตที่ผ่านมาอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนตะกายไปหาเสื้อผ้า
ไม่มีเวลาขบคิดว่านางไปที่ใด…ผู้ใดเอาเสื้อผ้ามาวางให้... คว้าเสื้อผ้าได้ก็รีบตรงไปเข้าห้องน้ำ ใช้ท่วงท่ารวดเร็วสุดชีวิตเปลี่ยนเสื้อผ้าลายดอกไม้กลับสู่ชุดเดิมของมันอีกครั้ง ไม่กล้าเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่กลางห้องเพราะเกรงว่า ขณะกำลังเปล่าเปลือยวาบหวิว แม่นางเลอโฉมโผล่เข้ามาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ยิ่งโผล่มาตอนที่กำลังคาบลูกคาบดอก กึ่งเปล่าเปลือยต่อสายตาอิสตรีนับว่าเลวร้ายมิอาจสู้หน้าผู้คน น่าอับอายน่ากลัวสุดแสน คงได้แต่ปลิดชีพตัวเองล้างอาย แต่ถึงกระนั้นตกตายไปจะสู้หน้ากับบรรพชนในปรภพได้อย่างไร
เพียงวาดภาพว่ากำลังเปลื้องผ้าพลัดเปลี่ยน ทันใดนั้นดรุณีน้อยโผล่มากะทันหัน ต๊ะเอ๋!... โอ...ซาตาน ! คงต้องเผ่นตัวปลิวไปยังเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมไม่คิดชีวิตด้วยความอับอายอดสู ภาพเช่นนี้ แค่คิดก็สยดสยองพองเกล้า เจียนใจจะขาดใจ
.
กระบี่รันทด.........3
กระบี่รันทด ทำลายป้ายหน้าหมู่ตึกไร้รัก จึงถูกนำตัวไปเพื่อเป็นบุตรเขยของหมู่ตึก
พลันพบเรื่องราวพิศดารหลายประการ แม้กระทั่งในห้องอาหาร
บทที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สตรีร่างสูงใหญ่ด้านหลังก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูทันที “ถ้าท่านมิอาจกินอาหารคารวะลงคอ เราจำเป็นต้องใช้วิชาอาหารตักป้อน”
ประโยคนั้นทำให้ว่าที่เขยหมู่ตึกไร้รักถึงกับนั่งตะลึงตัวแข็งทื่อในบัดดล สำหรับยอดฝีมือแล้ว การถูกป้อนอาหารใส่ปากโดยสตรี เป็นเรื่องร้ายกาจสุดแสน มิต่างจากถูกหยามย่ำว่าเป็นทารก เพียงนึกภาพในใจ ช้อนยื่นตรงมาพร้อมกับเสียง อ้ำ....อ้ำ......ก็ทำให้ขนลุกขนพองสยองเกล้า
สตรีสองนางที่นั่งประกบข้าง พากันขยับเก้าอี้ชิดใกล้เข้ามาทั้งซ้ายขวา จนชายเสื้อกระทบแผ่ว บุรุษหนุ่มใจหายวาบ ไม่กล้าหันไปมอง ยื่นมือไปจับตะเกียบอย่างระมัดระวัง กลิ่นกายหอมกรุ่นของพวกนางทำให้สติเริ่มเลอะเลือน จนต้องรีบฝืนนึกถึงตำนานแสนเศร้าขึ้นมาในใจ มิอาจเคลิบเคลิ้มตามไปเด็ดขาด
มีเรื่องเล่าว่า บนเทือกเขาสูง ชายหนุ่มบ้านนาผู้บริสุทธิ์ไร้เสียงสา มองโลกในแง่ดี ซื่อสัตย์ขยัน ถูกสตรีในเมือง มาหลอกลวงไปในทางไม่ดี เสียผู้เสียคน มิว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่พาลให้แสนเศร้าสุดบรรยาย พอร้าวรันทดเกิดในใจ ลมปราณพิเศษพลันก่อตัวขึ้นมาทันที
ยื่นมือออกไปหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบใส่ ‘มารดาชิ้น’ ลูกหนึ่งในจานใหญ่ข้างหน้า อย่างไรจะต้องแสดงฝีมือในการกินมารดาชิ้นให้ได้ ก่อนจะถูกจับกรอก
ควรทราบว่า ‘มารดาชิ้น’ มีขนาดใหญ่กว่า ‘ลูกชิ้น’ ขนาดเท่ากำปั้น การคีบด้วยตะเกียบนับว่าไม่ง่าย ปลายตะเกียบขณะจะบรรลุถึงเป้าหมาย พลันมีประกายวับวาวสายหนึ่งพุ่งวาบมาจากทางซ้ายมือ สตรีงามคนนั่งประกบข้างถึงกับใช้ส้อมพุ่งเสียบมารดาชิ้นไว้แน่น บุรุษหนุ่มขบกรามกรอด แม้สามารถคีบมารดาชิ้นไว้ได้ แต่ไม่สามารถตีบมาใส่ปาก หันไปมองอย่างไม่รู้ตัว พบว่านางกำลังยิ้มแย้มให้อย่างซุกซน สำหรับสตรีแล้ว รอยยิ้มและหยาดน้ำตาล้วนเป็นอาวุธพิฆาตใจชายชนิดหนึ่ง พบเห็นรอยยิ้ม สมาธิของกระบี่รันทดแตกซ่านทันที หัวใจเต้นรัวไม่เป็นส่ำ ...
ผู้หญิงผีบ้าอะไร มาแย่งมารดาชิ้นคนอื่นแล้วยังมีหน้ามายิ้มหวาน
แต่เมินเสียเถิดว่าจะพ่ายแพ้ง่ายดาย มือซ้ายยังว่างอยู่ ว่าที่เจ้าบ่าวฉกมือวูบออกไปคว้ามารดาชิ้นอีกลูกที่วางอยู่ด้านข้าง ความจริงในจานมีทั้ง บิดาชิ้น มารดาชิ้น ลูกชิ้น ขนาดใหญ่น้อยต่างกันออกไป จำนวนหลายลูก ไม่จำเป็นต้องแย่งกัน
ความรวดเร็วในการหยิบอาหารใส่ปาก นับว่ารวดเร็วไม่เคอะเขิน เฉียบขาดอาจหาญมิขัดตา หลายคนจ้องมองต้องโห่ร้องอย่างชื่นชม เห็นแน่ชัดว่ามารดาชิ้นจะถูกส่งเข้าปาก บุรุษหนุ่มก็มั่นใจเช่นกัน แต่ขณะส่งอาหารสำคัญเข้าปาก พลันต้องใจหายวาบ เมื่อพบว่าตัวเองกำลังเคี้ยวความว่างเปล่า!
ของในมืออันตรธานหายไปที่ใด คนเช่นกระบี่รันทดไม่มีวันหยิบลูกชิ้นพลาดเป้า! ‘หยิบร้อยครั้งเข้าปากร้อยครา’ เสมอมา แต่วันนี้เกิดเภทภัยใด ขณะกำลังปากอ้าตาค้าง แว่วเสียงหัวร่อสดใสดังๆ ด้านหลัง ตามด้วยเสียงเอ่ยเอื่อยอย่างพอใจว่า
“โอ อร่อยสุดแสน... มารดาชิ้นแย่งออกมาหวุดหวิด ก่อนจะเข้าปากคนอื่น ช่างอร่อยหูตาเหล่”
พอหันหลังไปมอง โอ เทวะ...! สตรีร่างสูงใหญ่คนยืนประกบด้านหลัง กำลังยืนชดช้อยระดระทวย กัดกินมารดาชิ้นด้วยสีหน้าท่าทางเปี่ยมเอร็ดอร่อย จนหูตาเหล่จริงๆ ท่วงท่าการกินของนางน่าดูเป็นอย่างยิ่ง กินไปเอ่ยวาจาถากถางไป
“ขนาดมารดาชิ้นยังรสชาติสูงเยี่ยมเทียมฟ้าขนาดนี้ ถ้าเป็นบิดาชิ้น คงอร่อยจนหูตาเหลือก หรือไม่ก็อร่อยจนตาเหลือกตาค้าง เป็นแน่แท้ น่าเสียดายบางคนอาภัพอับวาสนา ของในมือยังโดนคนอื่นแย่งไปต่อหน้าต่อปาก...โอ...”
สำหรับกระบี่รันทดแล้ว มีกฏประจำใจข้อหนึ่ง นั่นคือ จะไม่ยอมต่อสู้ลงมือกับเด็ก สัตว์เลี้ยง สตรี และสตรีมีครรภ์โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายปานใดก็ตาม เพราะนั่นเป็นเรื่องเลวร้ายอัปยศอดสูที่สุด ดังนั้นได้แต่ถอนลมหายใจยาว หันกลับมามองอาหารบนโต๊ะอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าการรับประทานอาหาร จะหนักหนาสาหัส ผู้คนในหมู่ตึกไร้รักล้วนพิเศษพิสดารถ้วนทั่ว ยังไม่นับฝีมือร้ายกาจสุดแสน
จะว่าไปแล้ว เวลานี้สมควรดื่มกินจริงๆ เพราะเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังหิวโหย ตั้งแต่เข้าหมู่ตึกมา ยังไม่ได้มีอาหารลงท้อง นอกจากน้ำและลูกปลาจำนวนเล็กน้อย เมื่อตกลงไปในลำธารเท่านั้น
หลังจากเหตุการณ์ตื่นเต้นผ่านพ้น ทุกคนนั่งดื่มกินต่อไปราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น บุรุษหนุ่มผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลาย จ้องมองไปยังถ้วยน้ำชา ตั้งใจจะหยิบมาดื่ม แต่เพียงขยับมือวตรีด้านขวามือพลันยื่นมือเรียวงามออกไปจับถ้วยน้ำชาก่อน ยื่นให้เบื้องหน้า กระซิบเสียงหวานแผ่ว
“ท่านเขย ท่านหิวน้ำชามิต้องลงแรง บ่าวบริการถึงปากท่าน”
เอาอีกแล้ว....คนพวกนี้เป็นอะไรไป มิว่าจะกระทำเรื่องราวใด มักสอดมือเข้ามาตัดหน้ายุ่งเกี่ยวเสมอ จู่ๆ กลายเป็นเขยเป็นบ่าวกันไปเสียแล้ว เรื่องผีสางใดกัน
“เราหยิบจับมาดื่มเองได้” ว่าพลางเบือนหน้าหนีไปทางซ้ายมือ ก็พบดรุณีด้านนั้นกำลังยื่นถ้วยสุราหอมกรุ่นมาให้เช่นกัน แทบชนใส่ริมฝีปาก
“หรือนายท่านต้องการดื่มสุรามงคล บ่าวยินดีป้อนให้”
ขวาน้ำชา ซ้ายสุรา ล้วนสาวงามบริการถึงที่ด้วยรอยยิ้มไอน้ำตาลและกลิ่นกายหอมกรุ่น เท่านั้นยังไม่พอ สตรีคุมเชิงด้านหลังเอ่ยปากเสริมขึ้นอีกแรงเป็นการตอกย้ำซ้ำเติม
“หรือท่านต้องการ ทั้งสุราและน้ำชา ทั้งสองนางล้วนบริการส่งถึงที่ ประกันว่าอร่อยหูดับตับไหม้”
“ได้โปรด เราสามารถดื่มเองได้” คนถูกเอาใจเอ่ยเสียงสั่นสะท้าน การอยู่ท่ามกลางสตรีงามรบกวนจิตใจจนแทบควบคุมสติให้มั่นคงไม่ได้ ประมุขตึกกวาดสายตามอง แล้วส่งเสียงหัวร่ออย่างไม่อาจเดาความหมาย แล้วดื่มกินต่อไป ไม่สนใจผู้กำลังจะมาเป็นบุตรเขย สุดท้ายผู้มาเยือนต้องกัดฟันยอมดื่มทั้งน้ำชาและสุราที่บรรจงส่งให้ถึงปากโดยดี ด้วยความคับแค้นแสนเศร้า พอความโศกเศร้าบังเกิดขึ้น พลังภายในเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง สติมา สมาธิมา ปัญญาเริ่มเกิด
วันนี้พลันรู้สึกว่าตนเองกระทำเรื่องราวไม่ตั้งใจมากมาย กวาดตามองหาดรุณีน้อยคนพานพบเป็นครั้งแรกหน้าหมู่ตึกก็ไม่อยู่ที่โต๊ะอาหาร ไม่ทราบว่านางไปที่ใดแล้ว ดรุณีผู้ซึ่งสามารถสั่นไหวดวงใจของมันจนสั่นคลอนเป็นครั้งแรกในชีวิต สตรีที่นี่อาจมีบางนางสวยงามกว่านาง แต่ไม่ใช่นาง มีบางสิ่งบางคนหายไปจากชีวิตท่าน ไม่อาจมีสิ่งใดมาทดแทนได้ตลอดชีวิต ยิ่งขบคิดบุรุษหนุ่มพลันรู้สึกวาบหวิวเวิ้งว้างอย่างประหลาด หรือความรักเป็นความรันทดของมนุษยชาติจริง ๆ
ถ้าเป็นจริงไฉนหลักวิชาถึงปฏิเสธความรัก เพราะการมีรักควรมีทุกข์ มีทุกข์ควรเพิ่มพูนกำลังฝีมือของมันใช่หรือไม่ ยิ่งคิดพลังรันทดเริ่มสับสน
“โอย…….” พลังลมปราณปั่นป่วน พลันแผดร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ประมุขหมู่ตึกไร้รักขมวดคิ้วกล่าวทั้งที่กำลังเคี้ยวน่องไก่ย่างชิ้นหนึ่งอยู่ เอ่ยปากอย่างเฉื่อยชาว่า
“ วันนี้ท่านแผดร้องหลายครั้งแล้ว เป็นชายชาตรีไยแผดร้องเยี่ยงสตรีเพศนับว่าอุบาทว์ซกมกมาก”
กระบี่รันทดพลันโทสะประดัง ลืมตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ร้องเสียงดังว่า “สถานที่ผีสางเช่นนี้เราไม่อยู่เด็ดขาด”
เนื่องเพราะมันเป็นกระบี่รันทด ไม่ใช่กระบี่โทสะ ดังนั้นโทสะจึงไม่อาจบันดาลความเข้มแข็งให้มันได้อย่าว่าแต่อยู่ในชุดวิลิศมาหราขัดตาปางตาย ฉับพลันนั้นเอง กลิ่นกายสาวโชยวูบมากระทบโสตประสาท พลังกายใจลดวูบลงทันที หงายหลังลงล้มลงในอ้อมแขนแข็งแรงของดรุณีร่างใหญ่ มาตรว่านางจะมีร่างกายสูงใหญ่แต่สมส่วนยิ่ง สตรีสมส่วนไม่ว่าร่างใหญ่ร่างเล็กล้วนดูดี อย่าว่าแต่นางยังมีใบหน้าชวนพิศ อ้อมอกอ้อมแขนของนางยิ่งอบอุ่นแข็งแรงปกป้องมั่นคง
มีโอกาสล้มลงในอ้อมแขนเช่นนี้นับว่าสุขสบายสุดแสน มีโอกาสล้มลงในอ้อมแขนเช่นนี้พันครั้งก็ยินยอมไม่ต่ำกว่าพันครั้ง ไม่แกะไม่ยอมยอมออกง่ายดาย จนใจว่าเป็นกระบี่รันทด สภาพการณ์จึงกลับกลายเป็นตรงกันข้ามแล้ว
"โอย……” มันแผดร้องไม่ตั้งใจอีกครั้ง สลบในอ้อมอกอีกครั้ง
แสงโคมไฟสว่างไสว ระย้าห้อยแกว่งไกวไหวตามลมโชยกระซิบแผ่วมาจากหน้าต่าง กระบี่รันทดรู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตอนเองนอนอยู่บนเตียงนุ่มนิ่มเลิศหรู อยู่ในชุดนอนลายดอกไม้หลากสีสันพรรณรายจนลานตา เพียงฟื้นขึ้นมาพบสภาพเช่นนี้แทบทำให้มันสลบไปอีก สุขสบายร้อยส่วนอันตรายร้อยส่วน รีบตะกายลงมาหอบอยู่มุมห้องอย่างไม่คิดชีวิตปานใจจะขาด หันไปมองรอบ ๆ อย่างหวาดผวา ห้องนี้ดูโออ่าสวยงามกว้างใหญ่มากกว่าห้องเดิม
หน้าโต๊ะเครื่องแป้งความจริงสมควรมีดรุณีน้อยนั่งสางหวีเส้นผมอยู่ แต่ครั้งนี้กลับเวิ้งว่างว่างเปล่าจนอ้างว้างเยือกเย็น นางหายไปแห่งหนตำบลใด รู้สึกใจหายอย่างประหลาด คล้ายร่วงลงสู่หุบเหวเต็มไปด้วยหมอกควันหนาทึบหาที่ยึดเกาะเกี่ยวไม่ได้ ไฉนสตรีนางหนึ่งถึงมีอิทธิพลมากมาย เพียงแค่แรกพบพานก็บันดาลใจแทบเป็นแทบตาย
นางอยู่ที่ใด... เป็นเช่นใด... ความเศร้าชนิดหนึ่งวิ่งเกาะกุมจิตใจล้ำลึก
ความเศร้าอาดูรพลันก่อให้เกิดพลังเร้นลับสายหนึ่งวิ่งผ่านทะลุจุดชีพจรต่าง ๆ บุรุษหนุ่มพลันพบว่าตนเองกำลังกลับคืนสภาพทีละน้อย ความเศร้าใจคือพลังแฝงเร้นลับของหลักวิชา
ข้างเตียง มีกระบี่วางอยู่บนเสื้อผ้าชุดหนึ่ง กระบี่และเสื้อผ้าของมันเอง
การค้นพบครั้งนี้ทำให้มันปลาบปลื้มใจสุดแสน การที่ได้เสื้อผ้าและกระบี่กลับคืนมาเฉกเช่นพยัคฆาติดปีก แต่ความปลาบปลื้มมีผลทำให้พลังของมันที่กำลังทวีขึ้นกลับลดระดับลงไปอีกครั้ง ทำเอาหายวาบต้องรีบระงับความปลาบปลื้มดีใจอย่างลำบากยากเย็น พยายามนึกถึงเรื่องร้าวรันทดในชีวิตที่ผ่านมาอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนตะกายไปหาเสื้อผ้า
ไม่มีเวลาขบคิดว่านางไปที่ใด…ผู้ใดเอาเสื้อผ้ามาวางให้... คว้าเสื้อผ้าได้ก็รีบตรงไปเข้าห้องน้ำ ใช้ท่วงท่ารวดเร็วสุดชีวิตเปลี่ยนเสื้อผ้าลายดอกไม้กลับสู่ชุดเดิมของมันอีกครั้ง ไม่กล้าเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่กลางห้องเพราะเกรงว่า ขณะกำลังเปล่าเปลือยวาบหวิว แม่นางเลอโฉมโผล่เข้ามาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ยิ่งโผล่มาตอนที่กำลังคาบลูกคาบดอก กึ่งเปล่าเปลือยต่อสายตาอิสตรีนับว่าเลวร้ายมิอาจสู้หน้าผู้คน น่าอับอายน่ากลัวสุดแสน คงได้แต่ปลิดชีพตัวเองล้างอาย แต่ถึงกระนั้นตกตายไปจะสู้หน้ากับบรรพชนในปรภพได้อย่างไร
เพียงวาดภาพว่ากำลังเปลื้องผ้าพลัดเปลี่ยน ทันใดนั้นดรุณีน้อยโผล่มากะทันหัน ต๊ะเอ๋!... โอ...ซาตาน ! คงต้องเผ่นตัวปลิวไปยังเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมไม่คิดชีวิตด้วยความอับอายอดสู ภาพเช่นนี้ แค่คิดก็สยดสยองพองเกล้า เจียนใจจะขาดใจ
.