พระราชวังหลวง นครเมมฟิศ...
ฟาโรห์คูฟู ทรงต้อนรับการกลับมาด้วยชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ของเหล่า "เทพจากฟากฟ้าดาวนายพราน" และกัปตันวันชนะกับคณะผู้ติดตามทั้งหมดด้วยความทรงปลื้มปีติโสมนัส นครเมมฟิศเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองงานใหญ่ถึงสามงานพร้อมกัน
สามวันแรก หลังจากที่ทุกคนกลับมา ฟาโรห์ทรงให้มีการฉลองชัยชนะก่อนเป็นเบื้องต้น แล้วจึงทรงมีพระบรมราชโองการ สถาปนาแต่งตั้ง ยกหญิงสามัญชนสองคนคือ ออเรร่า และอามุนต้าหรือสาวจอย เป็นพระกนิษฐาในพระองค์ ยังผลให้ทั้งสองนางกลายเป็นเจ้าหญิงในเวลาชั่วข้ามคืน ด้วยเหตุผลที่ว่า ทั้งสองนางต่างก็มีส่วนสำคัญในการกลับมาสู่บัลลังค์ของพระองค์ตามเดิม อามุนต้าในฐานะที่อาวุโสกว่า จึงได้เป็น "เจ้าหญิงใหญ่" และออเรร่าเป็น "เจ้าหญิงเล็ก" กับทั้งทรงให้ครอบครัวของออเรร่าที่บ้านนอกย้ายเข้ามาอยู่ในพระนครเมมฟิศด้วย เพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ใกล้ๆกัน ท่ามกลางความปลาบปลื้มปีติยินดีของปวงชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กัปตันวันชนะพร้อมทั้งคณะเดินทางข้ามเวลา และคนในครอบครัวของออเรร่าทุกคนที่ได้เห็นคนของพวกตนมีบุญวาสนาได้เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งไอยคุปต์
วันที่สี่ หลังการสถาปนาเจ้าหญิงทั้งสอง ฟาโรห์คูฟู ทรงประกาศแต่งตั้ง "แซม" หรือเชพเพสในอดีต ให้เป็น "แม่ทัพทางอากาศ" แห่งจักวรรดิ อันเป็นตำแหน่งซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ควบด้วยตำแหน่งราชองครักษ์ส่วนพระองค์ อีกสองวันหลังจากนั้น ทรงประกาศพิธีมงคลสมรสแก่แม่ทัพอากาศราชองค์รักษ์แซมและเจ้าหญิงอามุนต้า ให้จัดมีพิธีเฉลิมฉลองใหญ่ในสองวันถัดไป
ราชบรรณาการต่างๆจากหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้งใกล้และไกล หลั่งไหลเข้าสู่พระนครเมมฟิศเพื่อแสดงความยินดี มหรสพต่างๆมากมายเป็นไปทั้งกลางวันและกลางคืน สองคู่บ่าวสาวคือแม่ทัพอากาศราชองค์รักษ์แซมและเจ้าหญิงอามุนต้า พร้อมกับเจ้าหญิงออเรร่า ต้องทำการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองไม่เว้นแต่ละวัน แอนดี้และเอ็มม่าผู้ซึ่งสามารถพูดภาษาอียิปต์ได้ก็ต้องไปช่วยงานด้วย ส่วนกัปตันวันชนะและคนที่เหลือคือ เอกและสาวเล็กก็คอยช่วยงานอื่นๆที่ไม่ต้องใช้ภาษาอียิปต์
แอนนา ลูกสาวตัวน้อยของกัปตันและเอ็มม่าเริ่มมีร่างกายเจริญเติบโตขึ้นจนเท่าเด็กสิบขวบ เธอติดคุณพ่อมากและตอนนี้ พูดภาษาไทยได้คล่องปรื๋อ เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในคณะ
ถึงฤกษ์ยามสำคัญ องค์ฟาโรห์ทรงเครื่องฉลองพระองค์เต็มยศ เสด็จประทานน้ำสังข์แด่คู่บ่าวสาวซึ่งคุกเข่ารอรับอยู่ พระดำรัสซึ่งตรัสกับทั้งคู่ขณะทรงหลั่งน้ำสังข์ทำให้เจ้าหญิงอามุนต้าหรือสาวจอยถึงกับหลั่งน้ำตา และเมื่อพระนางแปลให้แซมฟัง น้องเขยของฟาโรห์ก็ตื้นตันใจ
"แต่นี้ไป พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว และไม่ว่าต่อไปภายภาคหน้า พวกเจ้าจะอยู่กับข้าต่อไป หรือว่าจะกลับคืนสู่กาลเวลาที่พวกเจ้าจากมาก็ตามที พวกเราทั้งหมดนี้ รวมทั้งออเรร่าอีกคนหนึ่งด้วย คือพี่น้องกันตลอดกาล!"
"ขอบพระทัยเพคะ เสด็จพี่"
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งพระเจ้าข้า"
เจ้าบ่าวเจ้าสาว คนหนึ่งพูดภาษาอียิปต์โบราณ อีกคนพูดภาษาไทย แล้วก้มลงกราบแทบพระบาทองค์ฟาโรห์
งานเฉลิมฉลองต่างๆทั้งมวล ผ่านพ้นไปด้วยความปีติสุข ตลอดทั้งสัปดาห์นั้น....
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สัปดาห์ต่อมา.....
ในห้องเสวยพระกระยาหาร หลังจากทุกคนอิ่มหนำสำราญกันพอสมควรแล้ว เอ็มม่า ในฐานะตัวแทนของ "เทพจากฟากฟ้าผู้มาช่วยกอบกู้บัลลังก์" จึงได้เอ่ยถึงภารกิจสำคัญซึ่งยังรออยู่
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่ง ใคร่ทูลขอต่อฝ่าบาท"
"ว่ามาได้เลย แม่หญิงเอ็มม่า" ฟาโรห์ทรงพยักพระพักตรขณะทรงจิบน้ำจัณฑ์
"พวกของหม่อมฉัน ต้องการตามหาสถานที่ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาร่างของ
วิทยาเทพ อิมโฮเทป บัดนี้เรื่องต่างๆได้ผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว หม่อมฉันเคยได้ยินว่าฝ่าบาททรงทราบสถานที่นั้น พระองค์จะทรงพระกรุณานำพาพวกหม่อมฉันไป ณ สถานที่นั้น ได้ไหมเพคะ ?"
ฟาโรห์ทรงแย้มสรวล ทรงหันไปทอดพระเนตรพระกนิษฐาอามุนต้า ก่อนจะทรงหันมาตรัสตอบ
"แม่หญิงคงได้ยินมาจากน้องอามุนต้ากระมัง ?"
"เพคะ" นางทูลตอบและหันไปยิ้มให้ผู้ที่ฟาโรห์ตรัสถึงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกกับพระอนุชาเขย แซม "นางเคยบอกว่าเป็นพระองค์เองที่เคยตรัสบอกเพคะ ว่าพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ทราบว่าร่างของวิทยาเทพอิมโฮเทปอยู่ที่ไหน"
"ถูกต้องแล้ว แม่หญิง" ฟาโรห์ทรงผงกพระเศียร "ไม่มีปัญหา ข้าพาพวกท่านไปหาเขาได้ พวกเราก็ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ถือเป็นการไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจไปในตัว ข้าก็จะได้ออกไปเที่ยวนอกวัง เปลี่ยนบรรรยากาศบ้าง"
"ที่ไหนหรือเพคะ เสด็จพี่ ?" เจ้าหญิงอามุนต้าทูลถาม
"
อะบิดอส ใกล้ๆกับเมืองธีบีส ไปทางอียิปต์บน"
"คงเป็น ที่ปิรามิดแบบขั้นบันไดกระมังพระเจ้าข้า ?" แอนดี้ทูลถาม
"ปิรามิดแบบขั้นบันไดอยู่ใกล้ๆเมมฟิศนี่แหละ แอนดี้" ฟาโรห์หันมาตรัสตอบกับแอนดรอยด์อัจฉริยะ "แต่อะบิดอส อยู่ห่างไกลออกไปมาก และข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าจริงๆแล้ว ข้างในที่เก็บร่างของเขาเป็นเช่นใดบ้าง"
"เอ๊ะ...ฝ่าบาท ก็ไม่เคยทอดพระเนตรเห็นร่างของเขาหรือเพคะ ?" เอ็มม่าทูลถามด้วยความข้องใจ
"ไม่เคยดอก แม่หญิง" ทรงส่ายพระเศียร "ข้าเพียงทราบว่าเขาอยู่ข้างในนั้น และอันที่จริง ..."
"อันที่จริง อะไรหรือเพคะ ?"
"อันที่จริง ข้า..." ทรงอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตรัสต่อไป "...ข้าก็ไม่อยากไป
รบกวน เขานัก"
"ดูเหมือน...เสด็จพี่จะทรงกังวลพระทัย" เจ้าหญิงออเรร่าตรัสขึ้น
"กังวลสิ น้องหญิงเล็ก" ทรงทอดถอนพระทัย พลอยทำให้คนฟังหนักใจตามไปด้วย แต่ทุกครั้งที่ได้ยินพระดำรัสเรียกว่า "น้องหญิงเล็ก" ทีไร ก็ปลาบปลื้มใจทุกครั้งไป
"เหตุใด จึงทรงกังวลหรือเพคะ ?"
"ข้าขอบอกแก่พวกท่าน...อิมโฮเทป ไม่ต้องการให้ใครไปรบกวน" ฟาโรห์ตรัสช้าๆ "ด้านหน้า
ปิรามิดใต้ดินบางแห่งซึ่งเขาเป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างเองนั้น จารึกอักษรไว้ว่า
'ตัวข้าขออยู่อย่างผาสุก หากใครรุกราน ผู้นั้นบรรลัย!' "
สองพระกนิษฐายกพระะหัตถ์ขึ้นมาปิดโอษฐ์และเบิกเนตรกว้างพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และอีกหลายคนรู้สึกเสียวสยองกับคำสาบแช่งนั้น!
"ปิรามิดใต้ดิน!!" เอ็มม่ากล่าวทวนชื่อนั้น
"มีปิรามิดซ่อนอยู่ใต้ดินอีกหรือนี่ ?" องค์หญิงอามุนต้าตรัส
"มีสิ น้องหญิงใหญ่" ฟาโรห์ตรัสต่อพระนาง "แต่พวกเราอย่าวิตกกังวลมากเกินไป ข้าคือลูกหลานของฟาโรห์ ดังนั้นข้าเชื่อว่าคงได้รับสิทธิพิเศษหรือข้อยกเว้นบ้าง ข้าจะให้ท่านสังฆราชทำพิธีบวงสรวง ขอขมา และขออนุญาตเข้าไปข้างใน"
"ถ้าพระองค์ตรัสขออนุญาตด้วยพระองค์เอง คิดว่า อิมโฮเทปไม่น่าจะถือโทษโกรธเคืองนะพระเจ้าข้า" แซมทูลต่อฟาโรห์บ้าง
"หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แซม" ฟาโรห์ทรงหันมาตรัสกับเขา จากนั้นจึงทรงหันไปหาเอ็มม่า
"พวกท่าน คิดว่า จะไปกันเมื่อไรดี ?"
"หากฝ่าบาทไม่ทรงขัดข้อง หม่อมฉันก็อยากไปวันพรุ่งนี้เลยเพคะ"
"ถ้าเช่นนั้นก็ตกลง! พวกเราจะไปที่เมืองอะบิดอสกัน โดยออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้" ฟาโรห์ตรัสกำหนดวันเวลาเดินทางแล้วจึงตรัสบอกกับทุกคน
"ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปตระเตรียมข้าวของและเสบียงเพื่อการเดินทางให้เรียบร้อยแล้วรีบเข้านอนเถิด พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางกันแต่เช้า"
ฟาโรห์ตรัสสรุป ทุกคนจึงทูลลาแล้วแยกย้ายกันไป...
เช้าวันรุ่งขึ้น.......
คณะเดินทางทั้งหมด ประกอบด้วย องค์ฟาโรห์คูฟูกับสังฆราช พระกนิษฐาอามุนต้าและออเรร่า แม่ทัพอากาศราชองค์รักษ์ราชอนุชาเขยแซม กัปตันวันชนะ เอก สาวเล็ก แอนดี้ เอ็มม่าและสาวน้อยแอนนา กับผู้ติดตามของเอ็มม่าอีกสองคน เดินทางสู่เมืองอะบิดอสทางอียิปต์บนโดยอากาศยาน "The Fugitive" และยานบินของฝ่ายเอ็มม่าอีกหนึ่งลำ
นี่คือนครเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งบริเวณกลางดินแดนไอยคุปต์ เคยตั้งอยู่มาตั้งแต่ก่อนยุคราชวงศ์ จนกระทั่งถึงราชวงศ์ที่ 30 ห่างจากแม่น้ำไนล์ 7 ไมล์ (11 กิโลเมตร) ห่างจากเมืองเอล บัลยานาไปทางทิศตะวันตก 10 ไมล์ ครอบคลุมอาณาบริเวณประมาณ 4 ตารางไมล์ (10 ตารางกิโลเมตร) มีวิหารและสิ่งก่อสร้างมากมาย
ฟาโรห์คูฟู ตรัสบอกให้กัปตันวันชนะ นำยานลงจอดหน้าวิหารบูชาเทพโอสิริสหลังหนึ่ง ซึ่งมีประตูมองเห็นเป็นหลายช่องทางที่จะเข้าไปข้างในได้
ครั้นยาน The Fugitive และยานบินของชาวดาวเคราะห์ดวงหนึ่งจากกกลุ่มดาวนายพรานผู้ติดตามเอ็มม่าลงจอดแล้ว องค์ฟาโรห์จึงนำทุกคนไปยืนอยู่หน้าบานประตูทางเข้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางซ้ายสุด อันเป็นทางลับซึ่งมีพระองค์แต่เพียงผู้เดียวที่ทรงทราบ
บนบานประตูศิลานั้น ปรากฏข้อความสลักไว้ว่า
"ตัวข้าขออยู่อย่างผาสุก หากผู้ใดบังอาจรุกราน ผู้นั้นจักบรรลัย"
"เป็นข้อความเดียวกันกับที่ข้าเคยเห็น บนแผ่นศิลาข้างหน้าปิรามิดอันฝังอยู่ใต้ดิน" ฟาโรห์ตรัสเบาๆ สีพระพักตรเคร่งขรึม ในขณะที่องค์หญิงทั้งสองและสังฆราชหน้าถอดสี กัปตันวันชนะ แซม เอก และสาวเล็ก เมื่อได้ฟังคำแปลจากแอนดี้แล้วก็มีสีหน้าเคร่งเครียดวิตกกังวล
องค์ฟาโรห์รับสั่งให้กัปตันวันชนะ แซม เอก และแอนดี้ เข้าไปยกโต๊ะหินออกมาจากข้างในวิหารทางช่องประตูที่สอง แล้วให้ตั้งไว้หน้าประตูทางเข้าลับ จากนั้น สังฆราชองค์ใหม่ซึ่งมาแทนที่ "เชพเพส" หรือแซมซึ่งบัดนี้กลายเป็นพระอนุชาเขยไปแล้ว ประกอบพิธีบวงสรวงเทพเจ้าและบูรพกษัตริย์ ซึ่งรวมทั้ง "อิมโฮเทป" ด้วย
ขณะประกอบพิธี ได้มีลมพายุพัดกระหน่ำไปทั่วบริเวณ แต่ไม่รุนแรงมากเหมือนพายุทะเลทราย
สังฆราชทำการประกอบพิธีอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอยออกมาจากโต๊ะบูชา ค้อมหัวให้องค์ฟาโรห์เป็นทำนองทูลบอกให้พระองค์เสด็จเข้าไปประทับยืนแทนที่ พระองค์จึงเสด็จก้าวเข้าไปยืนหน้าโต๊ะบูชา ทรงยกคธาและแส้ปัดอันเป็นสัญลักษณ์ของฟาโรห์ขึ้นมาไขว้กันบนพระอุระ แล้วทรงเปล่งพระสุรเสียงประกาศก้องโต้เสียงแห่งพายุซึ่งพัดอยู่ตลอดเวลา
"ข้า คูฟู ฟาโรห์องค์ที่สี่สิบห้าแห่งแผ่นดินไอยคุปต์ โอรสโดยชอบธรรมแห่งฟาโรห์สเนฟรูผู้ทรงธรรม ขออภัยต่อเหล่าเทพและบรรพชนทุกพระองค์ในการมารบกวนความสงบของท่านทั้งหลาย ณ ที่นี้ ในวันนี้ ข้า ขออนุญาตต่อวิทยาเทพ อิมโฮเทป เข้าไปคารวะท่านพร้อมกับเหล่าสหายทุกคนที่มาพร้อมกับข้าในวันนี้ ณ บัดนี้ ขอท่านวิทยาเทพโปรดอภัย และอนุญาต เปิดทางให้ข้าพาเหล่าสหายเข้าไปหาท่านด้วยกุศลจิตด้วยเถิด อย่าได้มีภัยอันตรายอันใดเกิดขึ้นแก่ผู้ใดเลย!!"
สิ้นพระสุรเสียงนั้น เสียงลมพายุซึ่งดังอู้และหวีดหวิวข่มขวัญทุกคนอยู่ก็ค่อยๆเบาบางลง
ฟาโรห์คูฟูทรงพยักพระพักตรกับทุกคน แล้วตรัส "พวกท่านทุกคนรออยู่ ณ ที่นี้ก่อน ข้าจะลองเข้าไปเปิดประตูเอง!"
จากนั้นพระองค์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นมา ทรงลูบไล้บริเวณพระอุระของพระองค์เหมือนทรงสำรวจอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นทรงมีสีพระพักตรที่ผ่อนคลาย แล้วเสด็จก้าวเข้าไปประทับยืนหน้าบานประตูศิลาซึ่งเป็นทางเข้าลับนั้น แล้วค่อยๆทรงยื่นฝ่าพระหัตถ์ออกไปผลักบานประตูนั้น
"ครืดดดดดด............."
เสียงการเคลื่อนตัวของแผ่นศิลาภายในดังขึ้นทันที กัปตันและชาวคณะรู้สึกเสียววูบ ด้วยนึกถึงเหตุการณ์ตอนเปิดประตูเข้าสู่ห้องเก็บโลงพระศพที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นทุกคนพบกับเทวรูปเทพอนูบิสถือหอกพุ่งออกมา
เจ้าหญิงทั้งสองยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระโอษฐ์พร้อมกันโดยมิได้นัดหมายอีกครั้งด้วยความหวาดเสียว และทุกคนซึ่งกำลังยืนมององค์ฟาโรห์อยู่ก็ตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก!
บัดนั้น แผ่นศิลาซึ่งเป็นบานประตูทางเข้าลับนั้นก็พลิกเปิดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร่างดำทะมึนแห่งเทวรูปจอมโหดเจ้าเก่า "อนูบิส" ถือหอกยาวแหลมคมพุ่งออกมาแทงใส่พระอุระองค์ฟาโรห์อย่างถนัดถนี่ ทำให้พระองค์ทรงร้องออกมาคำหนึ่งและทรงล้มลงกับพื้นทันที!!
"ปึ้กก !!", "โอ๊ะ !!!.."
"ฝ่าบาท !!"
แทบทุกคนร้องตะโกนเรียกพระองค์ แล้วพากันวิ่งเข้าไปหา ช่วยกันประคองพระองค์ แล้วเหลียวไปดูเทวรูปอนูบิส ซึ่งหยุดการเคลื่อนไหวแล้ว
(ต่อครับ)
⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-34 ท่องไอยคุปต์ ภาค 2/9 (ปฐมกาลไอยคุปต์ ตอนที่ 9 "วิทยาเทพ อิมโฮเทป") ⚡️💦⚡️
พระราชวังหลวง นครเมมฟิศ...
ฟาโรห์คูฟู ทรงต้อนรับการกลับมาด้วยชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ของเหล่า "เทพจากฟากฟ้าดาวนายพราน" และกัปตันวันชนะกับคณะผู้ติดตามทั้งหมดด้วยความทรงปลื้มปีติโสมนัส นครเมมฟิศเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองงานใหญ่ถึงสามงานพร้อมกัน
สามวันแรก หลังจากที่ทุกคนกลับมา ฟาโรห์ทรงให้มีการฉลองชัยชนะก่อนเป็นเบื้องต้น แล้วจึงทรงมีพระบรมราชโองการ สถาปนาแต่งตั้ง ยกหญิงสามัญชนสองคนคือ ออเรร่า และอามุนต้าหรือสาวจอย เป็นพระกนิษฐาในพระองค์ ยังผลให้ทั้งสองนางกลายเป็นเจ้าหญิงในเวลาชั่วข้ามคืน ด้วยเหตุผลที่ว่า ทั้งสองนางต่างก็มีส่วนสำคัญในการกลับมาสู่บัลลังค์ของพระองค์ตามเดิม อามุนต้าในฐานะที่อาวุโสกว่า จึงได้เป็น "เจ้าหญิงใหญ่" และออเรร่าเป็น "เจ้าหญิงเล็ก" กับทั้งทรงให้ครอบครัวของออเรร่าที่บ้านนอกย้ายเข้ามาอยู่ในพระนครเมมฟิศด้วย เพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ใกล้ๆกัน ท่ามกลางความปลาบปลื้มปีติยินดีของปวงชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กัปตันวันชนะพร้อมทั้งคณะเดินทางข้ามเวลา และคนในครอบครัวของออเรร่าทุกคนที่ได้เห็นคนของพวกตนมีบุญวาสนาได้เป็นถึงเจ้าหญิงแห่งไอยคุปต์
วันที่สี่ หลังการสถาปนาเจ้าหญิงทั้งสอง ฟาโรห์คูฟู ทรงประกาศแต่งตั้ง "แซม" หรือเชพเพสในอดีต ให้เป็น "แม่ทัพทางอากาศ" แห่งจักวรรดิ อันเป็นตำแหน่งซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ควบด้วยตำแหน่งราชองครักษ์ส่วนพระองค์ อีกสองวันหลังจากนั้น ทรงประกาศพิธีมงคลสมรสแก่แม่ทัพอากาศราชองค์รักษ์แซมและเจ้าหญิงอามุนต้า ให้จัดมีพิธีเฉลิมฉลองใหญ่ในสองวันถัดไป
ราชบรรณาการต่างๆจากหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้งใกล้และไกล หลั่งไหลเข้าสู่พระนครเมมฟิศเพื่อแสดงความยินดี มหรสพต่างๆมากมายเป็นไปทั้งกลางวันและกลางคืน สองคู่บ่าวสาวคือแม่ทัพอากาศราชองค์รักษ์แซมและเจ้าหญิงอามุนต้า พร้อมกับเจ้าหญิงออเรร่า ต้องทำการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองไม่เว้นแต่ละวัน แอนดี้และเอ็มม่าผู้ซึ่งสามารถพูดภาษาอียิปต์ได้ก็ต้องไปช่วยงานด้วย ส่วนกัปตันวันชนะและคนที่เหลือคือ เอกและสาวเล็กก็คอยช่วยงานอื่นๆที่ไม่ต้องใช้ภาษาอียิปต์
แอนนา ลูกสาวตัวน้อยของกัปตันและเอ็มม่าเริ่มมีร่างกายเจริญเติบโตขึ้นจนเท่าเด็กสิบขวบ เธอติดคุณพ่อมากและตอนนี้ พูดภาษาไทยได้คล่องปรื๋อ เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในคณะ
ถึงฤกษ์ยามสำคัญ องค์ฟาโรห์ทรงเครื่องฉลองพระองค์เต็มยศ เสด็จประทานน้ำสังข์แด่คู่บ่าวสาวซึ่งคุกเข่ารอรับอยู่ พระดำรัสซึ่งตรัสกับทั้งคู่ขณะทรงหลั่งน้ำสังข์ทำให้เจ้าหญิงอามุนต้าหรือสาวจอยถึงกับหลั่งน้ำตา และเมื่อพระนางแปลให้แซมฟัง น้องเขยของฟาโรห์ก็ตื้นตันใจ
"แต่นี้ไป พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว และไม่ว่าต่อไปภายภาคหน้า พวกเจ้าจะอยู่กับข้าต่อไป หรือว่าจะกลับคืนสู่กาลเวลาที่พวกเจ้าจากมาก็ตามที พวกเราทั้งหมดนี้ รวมทั้งออเรร่าอีกคนหนึ่งด้วย คือพี่น้องกันตลอดกาล!"
"ขอบพระทัยเพคะ เสด็จพี่"
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งพระเจ้าข้า"
เจ้าบ่าวเจ้าสาว คนหนึ่งพูดภาษาอียิปต์โบราณ อีกคนพูดภาษาไทย แล้วก้มลงกราบแทบพระบาทองค์ฟาโรห์
งานเฉลิมฉลองต่างๆทั้งมวล ผ่านพ้นไปด้วยความปีติสุข ตลอดทั้งสัปดาห์นั้น....
สัปดาห์ต่อมา.....
ในห้องเสวยพระกระยาหาร หลังจากทุกคนอิ่มหนำสำราญกันพอสมควรแล้ว เอ็มม่า ในฐานะตัวแทนของ "เทพจากฟากฟ้าผู้มาช่วยกอบกู้บัลลังก์" จึงได้เอ่ยถึงภารกิจสำคัญซึ่งยังรออยู่
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่ง ใคร่ทูลขอต่อฝ่าบาท"
"ว่ามาได้เลย แม่หญิงเอ็มม่า" ฟาโรห์ทรงพยักพระพักตรขณะทรงจิบน้ำจัณฑ์
"พวกของหม่อมฉัน ต้องการตามหาสถานที่ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาร่างของ วิทยาเทพ อิมโฮเทป บัดนี้เรื่องต่างๆได้ผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว หม่อมฉันเคยได้ยินว่าฝ่าบาททรงทราบสถานที่นั้น พระองค์จะทรงพระกรุณานำพาพวกหม่อมฉันไป ณ สถานที่นั้น ได้ไหมเพคะ ?"
ฟาโรห์ทรงแย้มสรวล ทรงหันไปทอดพระเนตรพระกนิษฐาอามุนต้า ก่อนจะทรงหันมาตรัสตอบ
"แม่หญิงคงได้ยินมาจากน้องอามุนต้ากระมัง ?"
"เพคะ" นางทูลตอบและหันไปยิ้มให้ผู้ที่ฟาโรห์ตรัสถึงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกกับพระอนุชาเขย แซม "นางเคยบอกว่าเป็นพระองค์เองที่เคยตรัสบอกเพคะ ว่าพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ทราบว่าร่างของวิทยาเทพอิมโฮเทปอยู่ที่ไหน"
"ถูกต้องแล้ว แม่หญิง" ฟาโรห์ทรงผงกพระเศียร "ไม่มีปัญหา ข้าพาพวกท่านไปหาเขาได้ พวกเราก็ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ถือเป็นการไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจไปในตัว ข้าก็จะได้ออกไปเที่ยวนอกวัง เปลี่ยนบรรรยากาศบ้าง"
"ที่ไหนหรือเพคะ เสด็จพี่ ?" เจ้าหญิงอามุนต้าทูลถาม
"อะบิดอส ใกล้ๆกับเมืองธีบีส ไปทางอียิปต์บน"
"คงเป็น ที่ปิรามิดแบบขั้นบันไดกระมังพระเจ้าข้า ?" แอนดี้ทูลถาม
"ปิรามิดแบบขั้นบันไดอยู่ใกล้ๆเมมฟิศนี่แหละ แอนดี้" ฟาโรห์หันมาตรัสตอบกับแอนดรอยด์อัจฉริยะ "แต่อะบิดอส อยู่ห่างไกลออกไปมาก และข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าจริงๆแล้ว ข้างในที่เก็บร่างของเขาเป็นเช่นใดบ้าง"
"เอ๊ะ...ฝ่าบาท ก็ไม่เคยทอดพระเนตรเห็นร่างของเขาหรือเพคะ ?" เอ็มม่าทูลถามด้วยความข้องใจ
"ไม่เคยดอก แม่หญิง" ทรงส่ายพระเศียร "ข้าเพียงทราบว่าเขาอยู่ข้างในนั้น และอันที่จริง ..."
"อันที่จริง อะไรหรือเพคะ ?"
"อันที่จริง ข้า..." ทรงอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตรัสต่อไป "...ข้าก็ไม่อยากไป รบกวน เขานัก"
"ดูเหมือน...เสด็จพี่จะทรงกังวลพระทัย" เจ้าหญิงออเรร่าตรัสขึ้น
"กังวลสิ น้องหญิงเล็ก" ทรงทอดถอนพระทัย พลอยทำให้คนฟังหนักใจตามไปด้วย แต่ทุกครั้งที่ได้ยินพระดำรัสเรียกว่า "น้องหญิงเล็ก" ทีไร ก็ปลาบปลื้มใจทุกครั้งไป
"เหตุใด จึงทรงกังวลหรือเพคะ ?"
"ข้าขอบอกแก่พวกท่าน...อิมโฮเทป ไม่ต้องการให้ใครไปรบกวน" ฟาโรห์ตรัสช้าๆ "ด้านหน้าปิรามิดใต้ดินบางแห่งซึ่งเขาเป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างเองนั้น จารึกอักษรไว้ว่า 'ตัวข้าขออยู่อย่างผาสุก หากใครรุกราน ผู้นั้นบรรลัย!' "
สองพระกนิษฐายกพระะหัตถ์ขึ้นมาปิดโอษฐ์และเบิกเนตรกว้างพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย และอีกหลายคนรู้สึกเสียวสยองกับคำสาบแช่งนั้น!
"ปิรามิดใต้ดิน!!" เอ็มม่ากล่าวทวนชื่อนั้น
"มีปิรามิดซ่อนอยู่ใต้ดินอีกหรือนี่ ?" องค์หญิงอามุนต้าตรัส
"มีสิ น้องหญิงใหญ่" ฟาโรห์ตรัสต่อพระนาง "แต่พวกเราอย่าวิตกกังวลมากเกินไป ข้าคือลูกหลานของฟาโรห์ ดังนั้นข้าเชื่อว่าคงได้รับสิทธิพิเศษหรือข้อยกเว้นบ้าง ข้าจะให้ท่านสังฆราชทำพิธีบวงสรวง ขอขมา และขออนุญาตเข้าไปข้างใน"
"ถ้าพระองค์ตรัสขออนุญาตด้วยพระองค์เอง คิดว่า อิมโฮเทปไม่น่าจะถือโทษโกรธเคืองนะพระเจ้าข้า" แซมทูลต่อฟาโรห์บ้าง
"หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แซม" ฟาโรห์ทรงหันมาตรัสกับเขา จากนั้นจึงทรงหันไปหาเอ็มม่า
"พวกท่าน คิดว่า จะไปกันเมื่อไรดี ?"
"หากฝ่าบาทไม่ทรงขัดข้อง หม่อมฉันก็อยากไปวันพรุ่งนี้เลยเพคะ"
"ถ้าเช่นนั้นก็ตกลง! พวกเราจะไปที่เมืองอะบิดอสกัน โดยออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้" ฟาโรห์ตรัสกำหนดวันเวลาเดินทางแล้วจึงตรัสบอกกับทุกคน
"ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปตระเตรียมข้าวของและเสบียงเพื่อการเดินทางให้เรียบร้อยแล้วรีบเข้านอนเถิด พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางกันแต่เช้า"
ฟาโรห์ตรัสสรุป ทุกคนจึงทูลลาแล้วแยกย้ายกันไป...
เช้าวันรุ่งขึ้น.......
คณะเดินทางทั้งหมด ประกอบด้วย องค์ฟาโรห์คูฟูกับสังฆราช พระกนิษฐาอามุนต้าและออเรร่า แม่ทัพอากาศราชองค์รักษ์ราชอนุชาเขยแซม กัปตันวันชนะ เอก สาวเล็ก แอนดี้ เอ็มม่าและสาวน้อยแอนนา กับผู้ติดตามของเอ็มม่าอีกสองคน เดินทางสู่เมืองอะบิดอสทางอียิปต์บนโดยอากาศยาน "The Fugitive" และยานบินของฝ่ายเอ็มม่าอีกหนึ่งลำ
นี่คือนครเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งบริเวณกลางดินแดนไอยคุปต์ เคยตั้งอยู่มาตั้งแต่ก่อนยุคราชวงศ์ จนกระทั่งถึงราชวงศ์ที่ 30 ห่างจากแม่น้ำไนล์ 7 ไมล์ (11 กิโลเมตร) ห่างจากเมืองเอล บัลยานาไปทางทิศตะวันตก 10 ไมล์ ครอบคลุมอาณาบริเวณประมาณ 4 ตารางไมล์ (10 ตารางกิโลเมตร) มีวิหารและสิ่งก่อสร้างมากมาย
ฟาโรห์คูฟู ตรัสบอกให้กัปตันวันชนะ นำยานลงจอดหน้าวิหารบูชาเทพโอสิริสหลังหนึ่ง ซึ่งมีประตูมองเห็นเป็นหลายช่องทางที่จะเข้าไปข้างในได้
ครั้นยาน The Fugitive และยานบินของชาวดาวเคราะห์ดวงหนึ่งจากกกลุ่มดาวนายพรานผู้ติดตามเอ็มม่าลงจอดแล้ว องค์ฟาโรห์จึงนำทุกคนไปยืนอยู่หน้าบานประตูทางเข้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางซ้ายสุด อันเป็นทางลับซึ่งมีพระองค์แต่เพียงผู้เดียวที่ทรงทราบ
บนบานประตูศิลานั้น ปรากฏข้อความสลักไว้ว่า "ตัวข้าขออยู่อย่างผาสุก หากผู้ใดบังอาจรุกราน ผู้นั้นจักบรรลัย"
"เป็นข้อความเดียวกันกับที่ข้าเคยเห็น บนแผ่นศิลาข้างหน้าปิรามิดอันฝังอยู่ใต้ดิน" ฟาโรห์ตรัสเบาๆ สีพระพักตรเคร่งขรึม ในขณะที่องค์หญิงทั้งสองและสังฆราชหน้าถอดสี กัปตันวันชนะ แซม เอก และสาวเล็ก เมื่อได้ฟังคำแปลจากแอนดี้แล้วก็มีสีหน้าเคร่งเครียดวิตกกังวล
องค์ฟาโรห์รับสั่งให้กัปตันวันชนะ แซม เอก และแอนดี้ เข้าไปยกโต๊ะหินออกมาจากข้างในวิหารทางช่องประตูที่สอง แล้วให้ตั้งไว้หน้าประตูทางเข้าลับ จากนั้น สังฆราชองค์ใหม่ซึ่งมาแทนที่ "เชพเพส" หรือแซมซึ่งบัดนี้กลายเป็นพระอนุชาเขยไปแล้ว ประกอบพิธีบวงสรวงเทพเจ้าและบูรพกษัตริย์ ซึ่งรวมทั้ง "อิมโฮเทป" ด้วย
ขณะประกอบพิธี ได้มีลมพายุพัดกระหน่ำไปทั่วบริเวณ แต่ไม่รุนแรงมากเหมือนพายุทะเลทราย
สังฆราชทำการประกอบพิธีอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอยออกมาจากโต๊ะบูชา ค้อมหัวให้องค์ฟาโรห์เป็นทำนองทูลบอกให้พระองค์เสด็จเข้าไปประทับยืนแทนที่ พระองค์จึงเสด็จก้าวเข้าไปยืนหน้าโต๊ะบูชา ทรงยกคธาและแส้ปัดอันเป็นสัญลักษณ์ของฟาโรห์ขึ้นมาไขว้กันบนพระอุระ แล้วทรงเปล่งพระสุรเสียงประกาศก้องโต้เสียงแห่งพายุซึ่งพัดอยู่ตลอดเวลา
"ข้า คูฟู ฟาโรห์องค์ที่สี่สิบห้าแห่งแผ่นดินไอยคุปต์ โอรสโดยชอบธรรมแห่งฟาโรห์สเนฟรูผู้ทรงธรรม ขออภัยต่อเหล่าเทพและบรรพชนทุกพระองค์ในการมารบกวนความสงบของท่านทั้งหลาย ณ ที่นี้ ในวันนี้ ข้า ขออนุญาตต่อวิทยาเทพ อิมโฮเทป เข้าไปคารวะท่านพร้อมกับเหล่าสหายทุกคนที่มาพร้อมกับข้าในวันนี้ ณ บัดนี้ ขอท่านวิทยาเทพโปรดอภัย และอนุญาต เปิดทางให้ข้าพาเหล่าสหายเข้าไปหาท่านด้วยกุศลจิตด้วยเถิด อย่าได้มีภัยอันตรายอันใดเกิดขึ้นแก่ผู้ใดเลย!!"
สิ้นพระสุรเสียงนั้น เสียงลมพายุซึ่งดังอู้และหวีดหวิวข่มขวัญทุกคนอยู่ก็ค่อยๆเบาบางลง
ฟาโรห์คูฟูทรงพยักพระพักตรกับทุกคน แล้วตรัส "พวกท่านทุกคนรออยู่ ณ ที่นี้ก่อน ข้าจะลองเข้าไปเปิดประตูเอง!"
จากนั้นพระองค์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นมา ทรงลูบไล้บริเวณพระอุระของพระองค์เหมือนทรงสำรวจอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นทรงมีสีพระพักตรที่ผ่อนคลาย แล้วเสด็จก้าวเข้าไปประทับยืนหน้าบานประตูศิลาซึ่งเป็นทางเข้าลับนั้น แล้วค่อยๆทรงยื่นฝ่าพระหัตถ์ออกไปผลักบานประตูนั้น
"ครืดดดดดด............."
เสียงการเคลื่อนตัวของแผ่นศิลาภายในดังขึ้นทันที กัปตันและชาวคณะรู้สึกเสียววูบ ด้วยนึกถึงเหตุการณ์ตอนเปิดประตูเข้าสู่ห้องเก็บโลงพระศพที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นทุกคนพบกับเทวรูปเทพอนูบิสถือหอกพุ่งออกมา
เจ้าหญิงทั้งสองยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระโอษฐ์พร้อมกันโดยมิได้นัดหมายอีกครั้งด้วยความหวาดเสียว และทุกคนซึ่งกำลังยืนมององค์ฟาโรห์อยู่ก็ตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก!
บัดนั้น แผ่นศิลาซึ่งเป็นบานประตูทางเข้าลับนั้นก็พลิกเปิดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับร่างดำทะมึนแห่งเทวรูปจอมโหดเจ้าเก่า "อนูบิส" ถือหอกยาวแหลมคมพุ่งออกมาแทงใส่พระอุระองค์ฟาโรห์อย่างถนัดถนี่ ทำให้พระองค์ทรงร้องออกมาคำหนึ่งและทรงล้มลงกับพื้นทันที!!
"ปึ้กก !!", "โอ๊ะ !!!.."
"ฝ่าบาท !!"
แทบทุกคนร้องตะโกนเรียกพระองค์ แล้วพากันวิ่งเข้าไปหา ช่วยกันประคองพระองค์ แล้วเหลียวไปดูเทวรูปอนูบิส ซึ่งหยุดการเคลื่อนไหวแล้ว
(ต่อครับ)