⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-30 ท่องไอยคุปต์ ภาค 2/5 (ปฐมกาลไอยคุปต์ ตอนที่ 5) ⚡️💦⚡️

กระทู้คำถาม


พระราชวัง กลางกรุงเมมฟิส เมืองหลวงแห่งอาณาจักรไอยคุปต์มายาวนาน ตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 2 (ตั้งแต่ประมาณ 2900 - ช่วง 2589 ถึง 2599 ปีก่อนคริสตศักราช)

การเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ กำลังเกิดขึ้น เนื่องในวโรกาศครบรอบสิบปีแห่งการครองราชของฟาโรห์คูฟู บรรยากาศทั้งภายในและภายนอกพระราชวังเต็มไปด้วยความครึกครื้นสนุกสนานด้วยการละเล่น ดนตรี นาฏศิลป์ต่างๆ มากมาย บรรณาการจากต่างบ้านต่างเมืองทั้งใกล้และไกลต่างหลั่งไหลเข้าเฝ้าและน้อมถวายแด่องค์ฟาโรห์เป็นระยะๆ

ทุกหนทุกแห่งล้วนมีบรรยากาศแห่งความสุขความบันเทิงเริงรมณ์ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากที่สุดก็คือ มหกรรมการประกวดนางงามแห่งอียิปต์ ทั้งอียิปต์บนและอียิปต์ล่างซึ่งรวมกันเป็นแผ่นดินเดียวแล้วนับตั้งแต่สมัยฟาโรห์นาร์เมอร์ เมื่อประมาณ 200 ปีก่อนหน้านี้ (3100 ปีก่อน ค.ศ.) หญิงงามทั่วทั้งแผ่นดินไอยคุปต์ต่างหลั่งไหลเข้าประกวดประชันความงามเพื่อชิงตำแหน่ง "เทพีแห่งเมมฟิส" และถูกคัดเลือกในรอบแรกในแต่ละเมืองเพื่อให้เข้าวัง เพื่อให้องค์ฟาโรห์ทอดพระเนตร และทรงเลือกผู้ที่พระองค์พึงพอใจไว้ในสถานที่พิเศษให้พวกนางอยู่รวมกัน เพื่อจะให้ทำการประกวดลงคะแนนเสียงโดยชาวเมืองหลวงต่อไปในรอบสอง

แต่ในช่วงระหว่างนั้น หากฟาโรห์ทรงประสงค์นางใดโดยด่วน หลังจากทรงทอดพระเนตรแล้ว พระองค์ก็ทรงมีพระบัญชาให้พาหญิงนางนั้นไปถวายตัวยังพระตำหนักลับแห่งหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่าคือห้องลับห้องหนึ่งภายในมหาปิรามิดส่วนที่สร้างสมบูรณ์แล้ว

และหญิงงามนางใด ได้ถูกนำไปถวายตัว ณ ที่นั้น ก็จะหายสาบสูญไปอย่างลึกลับ ไม่เคยกลับสู่บ้านเกิด ไม่เคยมีใครพบเห็นอีกเลย!

ข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของหญิงงามหลายคน หลังจากเข้าร่วมประกวดนางงามแล้วถูกคัดเลือกตัวส่งถวายแด่ฟาโรห์ ร่ำลือสะพัดไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ทั้งบนและล่าง ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา บ้างก็ว่าพวกนางได้เป็นนางสนมของฟาโรห์ไปแล้วแต่ไม่เปิดเผยตัวในพระราชวัง บ้างก็ว่าถูกส่งตัวให้เป็นนางบำเรอแก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลังจากองค์ฟาโรห์ทรงเบื่อหน่ายแล้ว

แต่ทั้งหมด ก็เป็นเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้างเท่านั้น หามีผู้ใดล่วงรู้ความจริงไม่....

จนกระทั่ง วันหนึ่ง...

ออเรร่า หญิงสาวจากชนบทนางหนึ่ง ผ่านการคัดเลือกจากรอบแรก เดินทางเข้าสู่นครเมมฟิสเพื่อเข้าประกวดในรอบสอง และเป็นหนึ่งในสาวงามหลายคนที่ได้รับเลือกให้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นภายในพระราชวัง แต่ยังไม่ทันที่จะเข้าประกวด นางก็ถูกส่งตัวไปถวายฟาโรห์ ณ พระตำหนักลับ

รถม้าจากพระราชวัง นำออเรร่าไปจนถึงด้านหลังมหาปิรามิด โดยนางถูกคนเอาผ้าดำผูกศีรษะปิดตาไว้ไม่ให้เห็นว่ารถม้าได้วิ่งผ่านที่ไหนมาบ้าง เมื่อถึงด้านหลังมหาปิรามิดแล้ว ชายคนหนึ่งจึงพานางลงจากรถ ผ่านประตูลับเข้าสู่ภายในมหาปิรามิด เมื่อเข้าไปได้สิ้นระยะทางหนึ่ง นางก็ถูกพาเดินขึ้นบันได นางรู้สึกได้ว่าบันไดนั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แสดงว่ากำลังขึ้นไปยังส่วนบน อาจเป็นช่วงกลาง จุดใดจุดหนึ่งในมหาปิรามิดนั้น

ในที่สุด คนที่พานางมา ก็สั่งให้หยุดเดิน แล้วแก้ผ้าผูกตาออกให้นาง

นางกะพริบตาถี่ๆ มองไปข้างหน้า เห็นบุรุษหนึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งอันประดับประดาอย่างวิจิตร อยู่ในเครื่องทรงเต็มยศ

"ถวายความเคารพองค์ฟาโรห์!" ผู้ที่พานางมาสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

ออเรร่าตัวสั่นงันงกด้วยทั้งความหวาดกลัวและตื่นเต้น รีบย่อตัวลงทำการคารวะ กล่าวเสียงสั่นๆ

"ถวายบังคมเพคะ"

ฟาโรห์ทรงพยักพระพักตร แล้วทรงโบกพระหัตถ์ไล่คนที่นำนางมาส่ง

"เจ้าออกไปได้แล้ว ปิดประตูด้วย!"

"พระเจ้าข้า!"

เขาถวายความเคารพ แล้วถอยออกไปจากประตู ปิดประตูซึ่งเป็นประตูกล บานประตูเป็นหินทั้งแผ่น

ครั้นประตูปิดสนิท ฟาโรห์จึงตรัสเรียก

"เจ้า เข้ามาใกล้ๆข้าซิ"

"เพคะ ฝ่าบาท" ออเรร่ารีบรับพระดำรัส แล้วเดินเข้าไปหาพระองค์ในระยะใกล้ แต่องค์ฟาโรห์ยังไม่ทรงเอื้อมพระหัตถ์ถึงตัวนางได้ จึงตรัสสั่งซ้ำอีก

"เข้ามาใกล้อีก!"

ออเรร่า ก้าวเข้าไปจนถึงระยะประชิด แล้วคุกเข่าลง ก้มหน้า

"เงยหน้าขึ้นมองข้า!" ฟาโรห์ตรัสสั่งอีก

ออเรร่าเงยหน้าขึ้น และถูกพระองค์ใช้พระหัตถ์ขวาจับที่คาง ทรงจ้องมองตานาง ก่อนตรัสถาม

"เจ้าชื่ออะไร ?"

"หม่อมฉัน ออเรร่า เพคะ"

"ปีนี้ อายุเท่าไร ?"

"สิบเจ็ดปีเพคะ"

ฟาโรห์ทรงแย้มยิ้ม ดวงพระเนตรเป็นประกายวาวดุจพยัคฆ์ซึ่งมองเห็นเหยื่ออยู่เบื้องหน้า และนั่นสร้างความหวาดกลัวให้แก่ออเรร่าเป็นอย่างยิ่ง! นางคาดเดาไม่ถูกเลยว่า องค์ฟาโรห์ จะทรงกระทำเช่นไรต่อตนเอง

"เจ้า เป็นหญิงที่สวยมากคนหนึ่ง หนึ่งในหญิงหลายคนซึ่งเมื่อข้าพอเห็นเข้าเท่านั้น ก็อดใจรอไม่ได้! ข้าจึงสั่งให้ทหารพาตัวเจ้าออกมาจากการประกวดเสียกลางคัน...เจ้าไม่ต้องเสียดายการประกวดนั้นดอก! การถวายตัวของเจ้าแก่ข้า มีค่า มีความหมาย มากกว่าการประกวดเทพีแห่งนครเมมฟิสมากมายนัก!"

"เอ้อ...เพคะ ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท"

"หึหึหึ..."

พระสุรเสียงที่ทรงพระสรวลจากลำพระศอนั้น ฟังดูน่าขนลุกสำหรับออเรร่าอย่างน่าประหลาด!

ฟาโรห์ทรงยื่นแก้วทองคำใบหนึ่งให้นาง และตรัสสั่ง

"เจ้าจงดื่มสุราแก้วนี้ ออเรร่า มันจะทำให้เจ้าผ่อนคลาย...ท่าทางเจ้าดูหวาดกลัวข้ามาก เจ้าจะกลัวข้าไปไย ? ข้า หาใช่ปีศาจอสุรกายไม่ หรือว่าหน้าตาของข้าดูน่าเกลียดสำหรับเจ้า ?"

"หะ หามิได้เพคะ!" นางรีบปฏิเสธ และรับแก้วสุรามาดื่มทันที

รู้สึกถึงความร้อนแรงของสุราวาบลงไปในท้องพร้อมกับรสและกลิ่นแปลกๆซึ่งนางไม่เคยลิ้มและไม่เคยได้สูดดมมาก่อน สุรานั้นนุ่มนวลแต่ร้อนแรง รสดีมาก แต่ไม่รู้จะเปรียบเทียบกับสิ่งใด และกลิ่นหอมหวลเร้าใจให้เคลิบเคลิ้ม!

ฟาโรห์ทรงแย้มสรวลอย่างพึงพอพระทัย ทรงลุกขึ้นประทับยืน แล้วทรงอุ้มนางไปยังพระแท่นซึ่งอยู่ใกล้ๆ

ออเรร่าหอบหายใจ และส่งเสียงครางด้วยฤทธิ์สุราพิเศษเจือโอสถกระตุ้นอารมณ์ดำกฤษณานางให้กระพือขึ้น ถึงตอนนี้นางไม่สนใจแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอองค์ฟาโรห์ทรงเชยชมนางก็พอแล้ว!!

ครั้นถึงพระแท่นบรรทม ฟาโรห์ทรงจับนางโยนลงกลางพระแท่น ทรงเปลื้องเครื่องทรงและพระภูษาออกอย่างเร่งด่วนและทรงโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดีว่าแต่ละชิ้นจะปลิวไปทางไหน ก่อนจะทรงขึ้นไปบนพระแท่นเข้าไปหาออเรร่าซึ่งกำลังนอนบิดกายอยู่ด้วยความรัญจวนสวาท ทรงฉีกเสื้อผ้านางออกด้วยความหื่นกระหาย....

ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น จนกระทั่งถึงขีดสุดแห่งอารมณ์ ออเรร่าซึ่งกำลังเพลิดเพลินในรสสวาทจากองค์ฟาโรห์ก็ต้องเบิกตากว้างแทบถลน อ้าปากค้างด้วยอาการช็อก!

ร่างของฟาโรห์ กลับเลือนหาย กลายเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตซึ่งมีหน้าตาแขนขาเหมือนมนุษย์ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือ ศีรษะ ดวงตา และปากซึ่งมองดูละม้ายคล้ายคลึงกับสัตว์เลื้อยคลานอย่างกิ้งก่า! มีลายและตะปุ่มตะป่ำทั้งใบหน้าและลำตัวแขนขา และยังมีหางอีกต่างหาก!!

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด......"

ออเรร่ากรีดร้องเสียงดังลั่น แต่ฟาโรห์ซึ่งกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายยังคงปฏิบัติการสมสู่ต่อไปอย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง และเมื่อมันบรรลุอารมณ์ถึงขีดสุด มันอ้าปากซึ่งมีน้ำลายไหลย้อยอยู่ตลอดเวลา ร้องเสียงหลง เป็นเสียงที่น่าพรั่นพรึงที่สุดที่ไม่มีมนุษย์หน้าไหนอยากได้ยิน และจิกกงเล็บยาวจากนิ้วซึ่งมีสี่นิ้วเข้ากลางแผ่นหลังของนาง ปลดปล่อยเชื้ออสูรจนหนำใจ แล้วกัดที่ไหล่ขวาของนางเป็นการทิ้งท้าย กอดรัดนางไว้ด้วยกายสั่นเทิ้ม!!

ออเรร่า หมดสติไปแล้ว หลังจากที่นางส่งเสียงกรีดร้อง...แต่ยังไม่ตาย!

ฟาโรห์ในร่างของสัตว์ร้าย ซบแน่นิ่งอยู่กับกายนางชั่วขณะหนึ่ง แล้วจึงถอนกายออกมา จากนั้น ร่างอสูรนั้นก็ลางเลือน กลับกลายมาเป็นร่างของฟาโรห์เหมือนเดิม มันเดินไปหยิบเสื้อผ้าอาภรณ์มาสวมใส่ สุดท้ายประดับเครื่องทรงฟาโรห์ครบครัน แล้วจึงไปนั่งบนบัลลังก์ กดปุ่มๆหนึ่งบนที่วางแขน

"ครืดดดดดด........"

บานประตูศิลาเปิดออก แล้วฟาโรห์อสูรจึงร้องตะโกน

"ทหาร เข้ามา!!"

"พระเจ้าข้า!"

เสียงทหารราชองค์รักษ์ตอบรับ แล้วทหารสองนายก็เข้ามาในห้อง ตรงไปยังพระแท่นเหมือนจะรู้งานเป็นอย่างดี ทั้งสองช่วยกันหามร่างของออเรร่าออกไปจากห้องนั้นโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากเจ้าเหนือหัว!

ทหารทั้งสอง นำออเรร่าออกมาจากมหาปิรามิด ช่วยกันโยนนางขึ้นบนรถม้า แล้วคนหนึ่งก็ขึ้นรถม้าขับออกไป มุ่งหน้าสู่เชิงเขาแห่งหุบผากษัตริย์ทางด้านทิศตะวันออกซึ่งห่างไกลจากผู้คน แล้วลากนางไปยังหุบเหวลาดชันแห่งหนึ่ง เบื้องล่างเป็นหลุมลึกและกว้างใหญ่ รอบๆบริเวณเป็นป่าทึบ โยนนางลงไปสู่เบื้องล่างโดยเข้าใจว่านางตายแล้ว เพราะที่ผ่านมา หญิงทุกคนซึ่งถูกส่งไปสังเวยแก่ฟาโรห์ ไม่มีใครรอดแม้แต่คนเดียว! จากนั้นทหารนั้นจึงกลับไปขึ้นรถม้า ขับกลับเข้าเมือง

เบื้องล่างแห่งหุบเหวตรงนั้น เต็มไปด้วยซากศพของเหล่าผู้หญิงซึ่งตายด้วยน้ำมือของฟาโรห์ หลังการเสพกามอย่างหฤโหดทั้งสิ้น!

"อาา......."

ออเรร่า ส่งเสียงร้องครวญครางออกมา หลังจากรู้สึกฟื้นคืนสติ รู้สึกเจ็บปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว ค่อยๆลืมตาขึ้น รู้สึกว่าร่างกายสัมผัสกับของนิ่มๆ มีของเหลวๆ ปนอยู่ด้วยก็มี เป็นของแข็งก็มี ที่ร้ายคือกลิ่นเน่าเหม็นน่าสะอิดสะเอียนแทงเข้าจมูกจนสุดจะทน ต้องกลั้นหายใจ เอามือปิดปากปิดจมูกแล้วค่อยๆประคองตัวขึ้นนั่ง มองไปรอบตัว แล้วก็ต้องกรีดร้องลั่นป่า

"กรี๊ดดดดดดดดดด........."

มีแต่ศพ ศพ และศพ!! มากมายก่ายกอง รอบตัวนาง ทำให้นางทั้งสยดสยองทั้งสะอิดสะเอียน และในที่สุดอย่างหลังมีมากกว่า นางจึงโก่งคออาเจียนออกมา ก่อนจะลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซ พยายามตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นไปข้างบน โชคดีที่ยังมีก้อนหินและเครือวัลย์ให้นางยึดเหนี่ยวได้บ้าง นางปีนป่ายไปก็สูดปากทำหน้าเหยเกบิดเบี้ยวไปร้องไป ด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่กลางหลังและบนไหล่

ในที่สุด นางก็ปีนขึ้นมาถึงข้างบนได้สำเร็จ! และเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว...

นางยืนเอามือค้ำต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ ขาสั่นพั่บๆๆ อยากจะนอนพักลง ณ ที่ตรงนี้เลย แต่ก็หวาดกลัวภัย ทั้งจากคนและจากสัตว์ป่า โดยเฉพาะหมาป่าหรือหมาไนซึ่งน่ากลัวมาก หากพวกมันพบนางเข้า นางคงไม่รอดแน่!

ออเรร่ามองไปรอบทิศ แล้วก็มองเห็นแสงสว่างจากจุดหนึ่ง กลางป่าซึ่งอยู่ไกลออกไป นางเข้าใจว่าคงเป็นแสงจากคบไฟอะไรสักอย่าง คิดว่าคงมีคนเข้าไปพักแรมในป่า แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า เหตุใดแสงไฟนั้นจึงเป็นสีขาวนวล ไม่เหมือนแสงไฟจากการก่อไฟซึ่งเป็นสีเหลืองๆแดงๆอย่างที่เคยเห็น

แต่นางจะมัวชักช้าไม่ได้แล้ว ความหวาดกลัวภัยอันตราย กระตุ้นให้นางกัดฟันทนเจ็บจากบาดแผล รีบเดินมุ่งหน้าไปสู่แสงไฟประหลาดกลางป่านั้น เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ !!

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ภายในยาน THE FUGITIVE....

สาวจอยและสาวเล็ก ได้พากัปตันวันชนะ แซม เอก แอนดี้ และอีกหนึ่งคน คือ ฟาโรห์คูฟู ซึ่งยังคงบรรทมหลับยังไม่ฟื้น ต้องช่วยกันหาม ออกมาจากมหาปิรามิดตามช่องทางเดิมที่ทั้งสองได้เข้าไป จากนั้นแอนดี้จึงเหาะไปขับยานรับทุกคน บินมาจอดกลางป่า ณ จุดเดิมที่สองสาวเคยจอดซ่อนไว้อีกครั้ง

เมื่อได้กลับมาอยู่ในยานแล้ว ทุกคนจึงรีบนำร่างของฟาโรห์ไปเข้าห้องปฐมพยาบาลซึ่งมีอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม โดยหน้าที่การปฐมพยาบาลเป็นของสองสาว ซึ่งทั้งคู่เคยผ่านหลักสูตรวิชาพยาบาลมาแล้ว

"พระอาการตอนนี้ เป็นไงบ้างครับ ?" กัปตันถาม

"ดีขึ้นมากแล้วค่ะกัปตัน" สาวเล็กตอบ "อุณหภูมิในร่างกายเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ รวมทั้งชีพจรด้วย คิดว่าอีกไม่นาน พระองค์ก็คงจะทรงตื่นจากบรรทมแล้วละค่ะ"

"เตรียมอะไรไว้เป็นพระกระยาหาร ?"

"ข้าวต้มค่ะ แอนดี้นี่เยี่ยมมากเลย ตอนขับยานหนีมา ขนเสบียงตุนมาเพียบ"

"อืม...น่าขอบใจเขามากจริงๆ เพราะยานลำนี้ กว้างใหญ่กว่ายานลำเก่าที่พวกเราขับหนีมา สะดวกสบายมากจริงๆ" แซมเอ่ยชมแอนดรอยด์คนโปรดของสาวเล็ก แล้วก็เหลือบเห็นพระหัตถ์ของฟาโรห์ขยับ

"หืมม...คุณเล็ก จอยด้วย ผมเห็นฟาโรห์ทรงขยับพระหัตถ์นะ"

"เหรอๆๆ" สาวจอยร้องออกมาอย่างตื่นเต้น "แอนดี้ไปไหนอ่า แซมไปเรียกมาหน่อยสิคะ"

(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่