Who is the Killer? บทที่ ๑

กระทู้สนทนา
เริ่มเรื่องใหม่เป็นเรื่องของวิญญาณที่ตามหาคนที่ฆ่าเขา เรื่องนี้อาจจะมาช้าๆ หน่อยนะคะ (ก็ช้าทุกเรื่องแหละ - -')

% ###

บทที่ ๑

สิ่งแรกที่เขารู้สึกได้คือ...ไร้สัมผัส!

ไม่ว่าจะเป็นที่แผ่นหลังหรือฝ่าเท้า เขาไม่รู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ทราบว่าตนเองกำลังนอนหรือยืนอยู่

เขามองไม่เห็นสิ่งใด ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้กลิ่น ในปากก็ไม่รู้แม้รสน้ำลาย ไม่รู้สึกว่าลิ้นสัมผัสฟันแม้แต่น้อย

เกิดอะไรขึ้น! เขาเริ่มตระหนก ครั้นรู้สึกตระหนก เขาก็เริ่มได้ยินเสียง...

เมื่อแรกเขาเพียงแว่วเสียง ได้ยินราวกับเสียงพายุครืนครั่นในที่ไกลออกไป ไม่ช้าเสียงนั้นก็ใกล้เข้ามา ดังชัดเจนขึ้นจนจับได้ว่าเป็นเสียงคำรามของสัตว์...อย่างกับเสียงไดโนเสาร์ในหนังฮอลิวูด

เขาหวาดกลัว แต่ยิ่งรู้สึกกลัวเสียงนั้นก็ยิ่งใกล้เข้ามา ยิ่งเสียงใกล้เข้ามาเขาก็เริ่มสัมผัสบางอย่างได้

หินคม ทรายหยาบ เขารู้สึกว่ามือของตนควานไปบนสิ่งเหล่านั้น

อะไรวะ! ที่นี่ที่ไหน เสียงนั่นคืออะไร!

ยิ่งหวาดผวาเสียงนั้นก็ยิ่งดังชัดเจนขึ้น ใกล้เข้ามามากขึ้น เขาเริ่มรู้สึกถึงรสขมในปาก
สายตาก็เริ่มมองเห็นภาพได้เลือนราง

ฟ้ามืดมิดเป็นสีดำ ไร้เมฆ ไร้ดาว ส่วนพื้นดินสีเหลืองน้ำตาลนั้นกลับเต็มไปด้วยกรวดทรา
ย ทั้งหยาบทั้งละเอียด กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา

ครั้นสภาพรอบตัวปรากฏแก่สายตาของเขาชัดเจนดีแล้ว เขาก็เห็นหมอกสีดำมืดทะมืนเป็นกลุ่มใหญ่ปกคลุมอยู่ทางทิศใดทิศหนึ่ง

หมอกนั้นยังอยู่ไกล แต่มันกำลังพุ่งตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว ยามเห็นเช่นนั้นเขาก็รีบหันหลังกลับ หมายวิ่งหนีมันให้เร็วที่สุด แต่แล้วกลับพบว่าทำไม่ได้

ร่างกายของเขาไม่ขยับ ครั้นก้มดูตนเองก็เห็นว่าร่างของเขาขาวซีดและแบนราบ ราวกับเป็นเพียงแผ่นกระดาษที่ถูกทิ้งอยู่บนพื้นทรายนั่นเท่านั้น

"เฮ้ย!" เขาส่งเสียงร้องโดยไม่รู้ตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่หมอกดำเคลื่อนมาถึงตัวเขาพอดี

เขาเงยหน้าเบิกตามองจึงพบว่าหมอกดำนั้นไม่ใช่หมอก แต่เป็นฝูงสัตว์ประหลาดมากมายทั้งที่มีปีกและไม่มีปีก ทั้งที่บินได้ ลอยได้ เดิน หรือแม้แต่เลื้อยเข้ามา พวกมันมีจำนวนมหาศาลจนนับไม่ได้

พวกมันเริ่มจู่โจมเขา โครงนกแร้งแห้งกรัง ยุงยักษ์ แมลงสาบ กิ้งก่ากิ้งกือ พวกมันเริ่มโฉบศีรษะเขา กัดกินนิ้วเท้าของเขา ความเจ็บปวดทำให้เขาร้องเสียงโหยหวน ความหวาดกลัวทำให้ร่างกายของเขายิ่งซีดขาว ยิ่งกลายเป็นกระดาษ ยิ่งขยับไม่ได้!

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมา จากนั้นก็เป็นเสียงล้อครูดไถไปกับพื้น จากนั้นตัวเขาก็ลอยหวือขึ้นราวกับกระดาษที่ปลิวอยู่ในอากาศพร้อมกับเสียงเร่งเครื่องยนต์ แล้วตัวของเขาก็ลอยห่างจากสัตว์สยองเหล่านั้นไปอย่างรวดเร็ว

% ---

เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเศษกระดาษแผ่นบางที่ถูกโยนทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ

จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีมือข้างหนึ่งจับที่หลังคอ มืออีกข้างเอาโลหะบางอย่างยัดใส่ปากเขาจนได้รสเค็มหวานปะแล่มๆ

อึดใจต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงลมดังฟู่ๆ เป็นจังหวะ ลมนั้นผ่านโลหะที่จิ้มอยู่ในปากเข้ามาในคอเขาจนรู้สึกแสบแทบจะสำลักแต่ก็ทำไม่ได้ ลมนั้นผ่านเข้ามาในร่างกายของเขา ผ่านไปในหัว ไล่ลงไปที่เท้า จนสุดท้ายร่างกายของเขาก็พองกลับมาจนดูเป็นคนอีกครั้ง

มือข้างเดิมดึงเอาโลหะที่จิ้มอยู่ในปากของเขาออกไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น

"ขยับแขนสิ" เขาลองยกแขนขึ้น มองดูก็เห็นว่ามือของตนขยับได้ สีสันก็เป็นสีผิวปกติ

"ลุกขึ้น" เสียงนั้นสั่งต่อไป เขาก็ลุกขึ้น ลองขยับร่างกายไปมาก็รู้สึกว่าเป็นปกติแล้ว เขาจึงหันไปทางต้นเสียง ก็เห็นหญิงสาวหน้าสวยตาคมผมยาว ยืนกอดอกอยู่ข้างช็อปเปอร์สีดำคันงาม

เธออยู่ในชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ๊ตข้างในเป็นสีขาว รองเท้าส้นเตารีดสูงจนทำให้ร่างบางที่ดูสะโอดสะองอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นไปอีก

"ที่...ที่นี่ที่ไหน" เขาถามออกไป หญิงผู้นั้นก็กลอกตาอย่างระอาตลบหนึ่ง แขนที่กอดอกอยู่เปลี่ยนเป็นเท้าสะเอว

"เฮ้อ พวกไร้สติ ตายแล้วไม่รู้ตัวว่าตาย" เธอเอ่ยออกมา ไม่ทราบว่าแค่กล่าวลอยๆ หรือตั้งใจพูดให้เขาได้ยิน

อะไรนะ...ตาย...ใครตาย

พอเห็นเขายังทำหน้าไม่เข้าใจ เธอจึงยกมือขึ้นแล้วคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเครื่องหนึ่งก็ปรากฏในมือเธออย่างไรไม่ทราบได้ เธอจิ้มๆ ปัดๆ หน้าจอแท็บเล็ตนั้นอยู่สักพัก ครั้นพบสิ่งที่ต้องการแล้วก็เริ่มเอ่ยขึ้นอีก

"นายอเนชา ภักดี ชาตะสามสิบพฤศจิกายนสองพันห้าร้อยสามสิบเอ็ด มรณะสิบสามมีนาคมสองพันห้าร้อยหกสิบเอ็ด รวมอายุยี่สิบเก้าปี สามเดือน สิบสามวัน" ว่าแล้วเธอก็จ้องเขม็งมาที่เขา

ชาตะ...มรณะ...อะไรวะ! เขาร้องอุทานในใจ

"ที่นี่คือดินแดนระหว่างสวรรค์กับนรก แต่ไม่ใช่โลกมนุษย์" เธอตอบคำถามเขาในที่สุด "คนที่ตายแล้วทว่าความดียังไม่ดึงขึ้นสวรรค์ ความชั่วยังไม่ฉุดลงนรก ก็ต้องมาโผล่แถวนี้ก่อน"

เธอหยุด แล้วมองมาที่เขาอีก แต่อเนชากลับยังนิ่งอยู่ สายตาเบิกกว้าง ปากเผยอค้างด้วยความตระหนก...เขาตายแล้ว!

ไม่จริง! เล่นตลกแน่ๆ ถ้าเขาตายแล้วจริงๆ จะมายืนอยู่เป็นปกติเช่นนี้ได้อย่างไร

เป็นปกติ...ไม่สิ ไม่มีอะไรปกติสักอย่าง ร่างกายของเขา สัตว์ประหลาดที่เจอเมื่อครู่ แล้วยังยายคนที่เล่นกลเสกแท็บเล็ตออกมาใช้ได้หน้าตาเฉย

เขาตายแล้วจริงๆ หรือ...แล้วพ่อกับแม่เล่า น้องสาวของเขา แฟนที่คบกันมาเกือบสี่ปี คนที่เขาคิดจะใช้ชีวิตร่วมด้วยจนแก่จนเฒ่า

เขาไม่มีโอกาสแก่เฒ่าไปกับเธอเสียแล้ว...

ความคิดเพิ่งบังเกิด ร่างกายของเขาก็พลันเปลียนไป ตัวของเขาเย็นเฉียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง รู้สึกหนาวเหน็บจนต้องขดตัวลง กอดกายอันสั่นสะท้านของตนเองไว้ แต่กระนั้นก็ไม่อาจคลายหนาวไปได้เลย

ทันใดนั้นเขาก็สะดุ้งขึ้นสุดตัว รู้สึกเจ็บแสบที่สีข้างด้านขวา พอมองไปก็เห็นรอยไหม้เป็นวงใหญ่ เขามองกลับไปที่หญิงสาวผู้นั้น และเห็นเธอแบกธูปก้านมหึมาราวกับท่อนแขนด้วยมือสองข้าง ปลายธูปซึ่งชี้มาที่เขายังมีควันกรุ่นอยู่

"ทำอะไรของเธอ!" เขาร้องออกไป พร้อมกับมีไฟพุ่งออกจากปากจนเขาต้องยกมือปิดปากตัวเองไว้

"หายหนาวแล้วล่ะสิ" เธอถามในขณะที่ธูปก้านนั้นหายวับไป เขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาไม่รู้สึกหนาวแล้ว แม้แต่ความเจ็บแสบสีที่ข้างก็หายไป รอยไหม้ก็ไม่มีแล้วด้วย

"ฉัน...ตัวแทนสามสี่เจ็ด" เธอแนะนำตัว "มาจากบริษัทไถ่วิญญาณ หน้าที่ของฉันคือช่วยเหลือคุณให้บรรลุความปรารถนาสุดท้าย ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณหนีพวกตัวฉุดลากที่พยายามตามล่าคุณลงนรกด้วย"

"ตะ...ตัวฉุดลาก...ความปรารถนาสุดท้าย" เขาทวนคำด้วยความฉงน

"พวกฝูงปีศาจที่คุณเจอเมื่อครู่นั่นไง พวกมันคือตัวฉุดลาก เพราะมันพยายามตามล่าคุณ แล้วฉุดลากคุณลงนรก ยิ่งคุณมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้มันหาคุณเจอได้ง่ายเท่านั้น อย่างเมื่อครู่ตอนที่คุณกลัวจนตัวเป็นกระดาษ หรือตอนที่คุณเสียใจกับการตายของตัวเองจนกลายเป็นน้ำแข็งนั่นละ หากฉันไม่ช่วยคุณไว้ มันก็จะตามคุณเจอ"

"ถ้าอย่างนั้น แปลว่าผมต้องควบคุณอารมณ์ตัวเองอย่างนั้นหรือ"

"ใช่" เธอบอก "พวกมันมีเยอะมาก แยกกันตามหาคุณ ที่เห็นเมื่อครู่นั่นแค่พวกที่ตามคุณเจอนะ ไอ้ที่เหลือยังมีอีกเป็นโขยง แต่ถ้าคุณพลาดถูกพวกมันฉุดลากลงนรกได้เมื่อไหร่ละก็ พวกที่เหลือก็จะตามมารุมทึ้ง สาวกันทบต้นทบดอกเลยทีเดียว"

"สาวทบต้นทบดอก พูดอย่างกับมันเป็นเจ้าหนี้ผมอย่างนั้นละ"

หญิงสาวผงกศีรษะ "ใช่ คุณติดหนี้พวกมัน มากมายเลยทีเดียว มันคือความชั่วร้าย เป็นเงามืดที่คุณสะสมมาตั้งแต่ชาติไหนก็ไม่รู้ จนมาถึงชาติปัจจุบันนี่ละ"

อเนชาเบ้ปากอย่างไม่เชื่อถือ เขารู้ว่าตนเองไม่ใช่คนดีเลิศประเสริฐอะไร แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้าย ยายนี่พูดเพ้อเจ้ออะไรก็ไม่ทราบ

"เอาล่ะ" ตัวแทนสาวจากบริษัทไถ่วิญญาณเอ่ยต่อไปราวกับไม่ได้สังเกตเห็นกิริยาอาการของเขา "ความปรารถนาสุดท้ายในโลกมนุษย์ของคุณคืออะไร"

เขาเอียงคอนึกอยู่ชั่วครู่ จากนั้นหัวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น "ผมยังไม่อยากตาย" เขาบอก น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย "ผมอยากกลับไปมีชีวิต อยากกลับไปหาครอบครัว กลับไปหาคนที่ผมรัก"

ตัวแทนสามสี่เจ็ดนิ่งคิดเล็กน้อย แล้วจึงจิ้มๆ ปัดๆ แท็บเล็ตที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในมือเธอได้อย่างไรไม่ทราบ

"ก็พอมีวิธีอยู่นะ" เธอบอก สายตายังไม่ละจากหน้าจอแท็บเล็ต "แต่คุณต้องตามหาคนที่ฆ่าคุณให้ได้เสียก่อน แล้วเอาเลือดคนผู้นั้นมาชุบชีวิตของคุณคืน"

"คนที่ฆ่าผม ผมถูกฆ่าตายอย่างนั้นหรือ"

"คนที่ฆ่าหรือคนที่ทำให้คุณตายโดยไม่เจตนาก็ได้" เธอว่า แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาอีก

อเนชาผงกศีรษะเข้าใจ แต่ในหัวยังว่างเปล่า "แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง"

"คุณจำคนที่ทำให้คุณตายไม่ได้หรือ"

"ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร" เขาตอบเสียงเบา หวั่นว่าความหวังที่จะได้คืนชีพต้องมลายหายไป

"ถ้าอย่างนั้นก่อนตายเกิดอะไรขึ้น คุณพอจำได้ไหม" เธอถามอย่างกับเจ้าหน้าที่สอบปากคำ พร้อมกันนั้นก็หันก้มหน้าก้มตาจิ้มคอมพิวเตอร์แทบเล็ต

เขานึกทบทวนกลับไป "จำได้ว่ากำลังขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน" เขาค่อยๆ บอกออกมา "แล้วอยู่ดีๆ ก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งมาตัดหน้ารถ ผมก็เลยหักหลบจนรถล้ม"

"ตาย" เธอโพล่งแทรกขึ้น

"เปล่า เด็กคนนั้นไม่ตาย ผมหักหลบทัน"

"ฉันหมายถึงคุณน่ะ ตายตอนนั้นหรือ"

อเนชาก้มหน้าพยายามนึก "ผม...จำไม่ได้" เขาบอกออกมาในที่สุด

"ไม่เป็นไร" ตัวแทนสามสี่เจ็ดเอ่ย "ปกติวิญญาณที่ตายโดยไม่รู้ตัวมักจะจำเหตุการณ์ก่อนหน้าตัวเองตายไม่ได้ แต่ถ้าพบเห็นคนหรือสิ่งของที่เกี่ยวโยงกันก็จะกระตุ้นความจำกลับมา เราไปหาเด็กคนนั้นกันก่อน เดี๋ยวคุณก็จำได้เอง ว่าแต่เด็กคนนั้นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงรึ"

"ก็ดู..." เขายังไม่ทันเอ่ยเต็มประโยค เธอก็กลับยกมือห้ามเขาเสียก่อน จากนั้นจึงคว้าอุปกรณ์คล้ายกระจกบานเล็กๆ บานหนึ่งจากในอากาศ ยื่นมาส่องตรงหน้าเขา แสงจากอุปกรณ์นั้นส่องวาบเข้ามาในลูกตา ทำเอาเขาตาพร่าไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

ตัวแทนสามสี่เจ็ดหดแขนกลับไป มองภาพในกระจกแล้วจึงจิ้มแท็บเล็ตอีกไม่กี่ที

"เจอตัวละ" เธอว่า จากนั้นก็โยนทั้งแท็บเล็ตกับกระจกขึ้น ทันใดนั้นมันก็หายวับไปในอากาศ ในมือเธอกลับปรากฏหมวกนิรภัยขึ้นมาแทน เธอยื่นมันให้เขา ก่อนที่จะสวมหมวกของตัวเอง บอกให้เขาซ้อนท้าย แล้วขับช็อปเปอร์พาเขาบึ่งออกไปในดินแดนอันเวิ้งว้าง

% ###
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่