konichiwaaa~
ครั้งนี้ได้ไปลองทานซูชิโอมาคาเสะร้านใหม่มาค่ะ ร้านนี้เค้าเป็นยี่ห้อที่ส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่นเลยนะ แบบนี้ก็ต้องลองซะหน่อย

ร้านชื่อ Sushi Kappou Kitaohji ค่ะ เดิมมีร้านอยู่ในกินซ่าของโตเกียว จริงๆที่กทมเราเค้าก็มีร้านนี้อยู่มาซักพักนะคะ แต่ไม่ใช่เป็นซูชิล้วนอ่ะค่ะ เป็นแบบ Kaiseki ที่เป็นอาหารชุดๆ detail เยอะ สวยงาม ประมาณนั้น อยู่ในทองหล่อค่ะ
ในส่วนของ Sushi Kappou Kitaohji นั้นตั้งอยู่ในโครงการ Boulevard 39 ในซอยสุขุมวิท 39 ค่ะ



ภายในร้านก็จะแต่งแบบขรึมๆหน่อย ไฟไม่สว่างมาก ได้บรรยากาศดีค่ะ โต๊ะก็มีแบบนั่งที่บาร์ ชมทุกเคลื่อนไหวของเชฟทั้งหลายหรือแบบโต๊ะปกติก็มีค่ะ

นี่มาถึงเพื่อนขอสดชื่นหลังเลิกงานซะหน่อย เป็นเบียร์ Est 33 ร้านนี้เป็นของเบียร์สิงห์แน่เลยค่ะ เห็นมีตัวสิงห์ตัวใหญ่ที่แคชเชียร์ด้วย


ระหว่างที่รอเพื่อนอีกคนกว่าจะฝ่ารถติดมา เราก็จิบสาเกไปเรื่อย อันนี้ดีเลย ดื่มง่ายดี ไม่ขมค่ะ


เชฟเห็นเราจิบรอก็เอาของแกล้มเล่นมาให้ อร่อยยยยยย เข้ากันมาก เป็นไช้เท้าดองมีไส้ชีสที่หมักไว้กับมิโซะ กรึบๆ หวานๆ เค็มๆ ชีสก็มันอร่อย

พอเพื่อนมาครบ เชฟก็ได้นำกล่องสมบัติ (ปลาาา) มาให้เราดูว่าวัตถุดิบของเราที่จะได้ทานวันนี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้างและทางเรามีใครไม่ทานหรือแพ้อะไรบ้าง

อู้หูวว์ ไข่หอยเม่นของโปรดเราเอง อยากจะกินให้หมดถาดเลย


อะ! เริ่ม!
เชฟรินชาให้พวกเรา หอมมาเลย แต่มันไม่ใช่ชาแฮะ เป็นน้ำซุปสต็อคปลามากุโระ รสจะอ่อนๆหน่อย แต่หอมค่ะ



ท้องพร้อมรับอาหารแล้วค่ะ !! จานนี้เป็นตับปลา Monkfish หรือ Ankimo ราดซอสพอนซึที่มีความเปรี้ยวๆเค็มๆ ตัดกันกับตับปลาเนื้อละเอียดเนียนนุ่ม ครีมมี่มาก ชอบๆ มาแบบเย็นๆนี่แหละอร่อยสดชื่นที่สุดเลย




ต่อมาเป็นหอยเป๋าฮื้อและมีซอสที่ทำมาจากตับของตัวเป๋าฮื้อเองให้มาคลุกๆให้เข้ากันด้วยค่ะ เนื้อหอยนุ่มตึงดีค่ะ ซอสก็เข้มข้นเลย



จานนี้จะดูอลังการหน่อย เพราะเอาหลายสิ่งมารวมตัวกัน มีนิกิริเป็นปลา Akami หรือส่วนที่ลีนที่สุดของปลาทูน่านั่นเอง sashimi ก็มี Kinmedai, Katsuo และ Akagai ซึ่งก็คือหอยแครงตัวใหญ่ๆของญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ

เชฟแนะว่าให้เริ่มที่ Akami ก่อนค่ะ (ความรู้อันน้อยนิดทางซูชิของพี่มันสั่นคลอนไปหมด ปกติที่รู้มาคือต้องทานเนิ้อขาวก่อน ถึงจะเนื้อแดง แต่ก็นะเชฟเค้าบอกงี้ก็ต้องตามฮะ เพราะนี่มันคอร์สตามใจเชฟ 555)
ที่นี่ก็จะมีกิมมิคเล็กๆในการให้เราได้เอาแปรงมาทาโชยุที่เนื้อปลา เพิ่มความสนุกให้กับมื้ออาหาร เชฟมีบอกมาด้วยค่ะ ว่าทั้งแปรงทั้งจานนี่เป็นความอาร์ทนะ เพราะเค้าสั่งมาพิเศษมากๆจากที่ญี่ปุ่นเลย ตั้งใจให้ประทับใจความสวยของจานที่มีลวดลายเหมือนผ้าของชุดกิโมโน เวลามองแล้วดูสวยงาม เราก็จะอยากทานและเจริญอาหารขึ้นอีกเนอะ ใส่ใจรายละเอียดดีจริงๆ
เนื้อปลา Akami นุ่มลื่นดีค่ะ
แล้วก็ตามมาด้วย Kinmedai คือตรงหนังจะมีกลิ่นหอมๆด้วย หงึบๆ
เนื้อปลา Katsuo มีความมัน หน้าตาดูไม่น่าจะมันเลย นุ่มมันและพอใส่ต้นหอมที่เค้าเตรียมมาให้ก็ดับมันดีและสดชื่นดีค่ะ
มาถึงเจ้าหอยแครง Akagai ก็จะกรุบๆ กลิ่นนี่ทะเลมาเลย

เชฟมาเตรียมซอสพอนซึให้ก่อน.. คู่กับอะไรน้า

นี่คือคล้ายๆกับหัวไช้เท้านะ ครอบครัวเดียวกันแหละ มีชื่อว่า Kabu ค่ะ มาจากเกียวโต จริงๆแล้วอันที่เชฟเอามาฝานๆให้เรานี่อันใหญ่กว่านี้เยอะเลยค่ะ แบบเกือบเท่าส้มโออ่ะ

เนื้อปลาบุรี เรียงมาได้สวยงาม ปลาบุรีนั้นก็คือปลาฮามาจิที่ได้โตเต็มวัยแล้ว โตแล้วก็เปลี่ยนชื่อนะ

มาทำชาบูๆปลาบุรีกับผักคาบุต่อหน้ากันเลย
เอาผักคาบุลงไปลวกก่อนเลย ฝานบางๆ

ตามด้วยต้นหอมค่ะ ต้นหอมใหญ่เค้าก็บอกว่านำเข้ามาจากเกียวโตเลยนะ เราก็ถามว่ามันต่างกับของที่ไทยมากมั้ย ต้นหอมอ่ะ เชฟก็บอกว่า รสของต้นหอมประเทศเค้ามันจะไม่ฉุนเท่าและรสจะเข้มกว่า



พอลวกทุกอย่างเสร็จแล้ว เชฟก็ได้เอาทุกอย่างมาม้วนรวมกัน ดูน่าทานเลย

จิ้มกับซอสพอนซึเปรี้ยวๆ ตัดกันดี เนื้อมีความหวานมัน และไม่ได้สุกมาก ต้นหอมและคาบุก็ยังมีความกรุบๆอยู่ มีความหวานค่ะ

ได้แบบนี้สองรอบนะ อันนี้ชอบ


ต่อมาเป็น Otoro ส่วนที่มันที่สุดของปลาทูน่า

เชฟใช้แปรงทาๆ

เนื้อปลานุ่ม หวาน มัน


อันนี้ปลาไหล Anago ย่างค่ะ ทาซอสหวานลงไป


แล้วก็ตามด้วยผิวมะนาว yuzu ขูดๆ หอมเลย

น้องอูนิมาแล้ว อันนี้เป็นพันธุ์ Bafun มาจากฮอกไกโดค่ะ

จัดมาในแก้วเล็กๆ ไม่ปรุงอะไรค่ะ แค่โปะวาซาบิมา

หวานเย็น

ของย่างกันบ้าง จานนี้เป็นปลา SawaraYakimono หรือย่างซีอิ๊วค่ะ หอมย่าง มาพร้อมแป๊ะก๊วยญี่ปุ่นที่จะมีรสขมๆมันๆ

เชฟมาโชว์วิธีการบีบมะนาวที่สวยงามด้วย!! ไม่เลอะมือนะแต่ยากจุง
แต่ของเราง่ายสุดคือขอให้คนอื่นบีบให้นะ สบายยย 555



Saba Boshi Maki ค่ะอันนี้ เป็นเนื้อปลาซาบะดอง ด้านล่างได้ป้ายมัสตาร์ดเล็กน้อยและมีงาคั่วค่ะ เห็นเปลือกเขียวๆบางๆบนเนื้อปลามั้ยคะ อันนั้นเป็นสาหร่ายค่ะ ข้าวก็จะอัดข้างในแน่นๆหน่อย รสจะมีความเปรี้ยวๆ เค็มๆ และหอมงาค่ะ


อันนี้เป็นฉากสะเทือนใจนิดนึง เชฟมาถามตอนแรกว่าเอากุ้งแบบต้มหรือดิบ เพื่อนๆก็เอาต้มกัน ส่วนเราชอบแบบดิบๆ ก็เอาดิบ
แต่เราก็ไม่ได้คิดนะว่ามันจะมาแบบ ดิ๊บบบบบบดิบ คือกุ้งมาแบบดิ้นๆ แล้วก็ชึ้บบบบ...บาย... ฮือออออ เค้าขอโทษนะน้องกุ้ง
กุ้งอันนี้เป็นกุ้ง Botan ค่ะ ส่งมาแบบมีชีวิตเลยจากญี่ปุ่น

เนื้อหวานมาก เด้งมาก
ขอบคุณนะน้องกุ้ง > <

อันนี้ Ikura เป็นไข่ปลาแซลมอนค่ะ

เชฟกำลังทำมากิอะไรเอ่ย

เป็นปลา Otoro สับๆ ปรุงรส แล้วก็มาใส่บนข้าวห่อสาหร่ายที่เชฟเอาไปปิ้งมาใหม่ๆเลยค่ะ
อันนี้สาหร่ายที่ไปปิ้งมา ก็ยังเหนียวอยู่เลยแฮะ กัดไม่ขาดอ่ะ แต่ไส้ในโอเคเลย

สิ้นสุดของคาว ของหวานก็มาต่อเลยค่ะ
อันนี้ดีงามมาก เป็นเหมือนพุดดิ้ง/พานาค็อตต้าเลย เป็นรสสาเกค่ะ เนื้อนุ่มมีกลิ่นของสาเกที่หอมโดดออกมาเลย เครื่องเคียงก็จะให้ผลไม้ของฤดูกาลมาค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นสตรอว์เบอรรี่กับเกาลัดค่ะ

เชฟมาแนะนำให้ลองทาโชยุลงไปดู เราก็ได้แต่ทำหน้างงใส่เชฟ....โชยุเนี่ยนะ!!!

แต่เรากลับชอบอ่ะ ชอบกว่ากินเปล่าๆอีก มันหวานๆเค็มๆเข้ากันดีค่ะ แต่เพื่อนๆเราชอบแบบไม่ทามากกว่านะ ก็แล้วแต่คนอ่ะเนอะ!
ครบแล้วคอร์สของเรา น่าทานมั้ยคะ คอร์สโอมาคาเสะของร้าน Sushi Kappou Kitaohji คอร์สนี้ราคา 4500++ ค่ะ ของเราก็จะมีค่าสาเกอีกหน่อยนึง
อิ่มแปร้ > <
. ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` .
เปิด: อังคาร-อาทิตย์ จาก 18:00 - 22:00
โทร: 02 160 0308
สถานที่: Sushi Kappou Kitaohji, Boulevard 39, สุขุมวิท ซ. 39 กทม.
ที่จอดรถ: มี
สถานี: BTS พร้อมพงศ์
. ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` .
ติดตามกันได้ที่เวปนี้เลย เป็นรีวิวเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะ
www.littlebigtummy.com
www.instagram.com/littlebigtummy
[CR] LBT EATS ✩ Sushi Kappou Kitaohji [Sushi: Omakase]
konichiwaaa~
ครั้งนี้ได้ไปลองทานซูชิโอมาคาเสะร้านใหม่มาค่ะ ร้านนี้เค้าเป็นยี่ห้อที่ส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่นเลยนะ แบบนี้ก็ต้องลองซะหน่อย
ร้านชื่อ Sushi Kappou Kitaohji ค่ะ เดิมมีร้านอยู่ในกินซ่าของโตเกียว จริงๆที่กทมเราเค้าก็มีร้านนี้อยู่มาซักพักนะคะ แต่ไม่ใช่เป็นซูชิล้วนอ่ะค่ะ เป็นแบบ Kaiseki ที่เป็นอาหารชุดๆ detail เยอะ สวยงาม ประมาณนั้น อยู่ในทองหล่อค่ะ
ในส่วนของ Sushi Kappou Kitaohji นั้นตั้งอยู่ในโครงการ Boulevard 39 ในซอยสุขุมวิท 39 ค่ะ
ภายในร้านก็จะแต่งแบบขรึมๆหน่อย ไฟไม่สว่างมาก ได้บรรยากาศดีค่ะ โต๊ะก็มีแบบนั่งที่บาร์ ชมทุกเคลื่อนไหวของเชฟทั้งหลายหรือแบบโต๊ะปกติก็มีค่ะ
นี่มาถึงเพื่อนขอสดชื่นหลังเลิกงานซะหน่อย เป็นเบียร์ Est 33 ร้านนี้เป็นของเบียร์สิงห์แน่เลยค่ะ เห็นมีตัวสิงห์ตัวใหญ่ที่แคชเชียร์ด้วย
ระหว่างที่รอเพื่อนอีกคนกว่าจะฝ่ารถติดมา เราก็จิบสาเกไปเรื่อย อันนี้ดีเลย ดื่มง่ายดี ไม่ขมค่ะ
เชฟเห็นเราจิบรอก็เอาของแกล้มเล่นมาให้ อร่อยยยยยย เข้ากันมาก เป็นไช้เท้าดองมีไส้ชีสที่หมักไว้กับมิโซะ กรึบๆ หวานๆ เค็มๆ ชีสก็มันอร่อย
พอเพื่อนมาครบ เชฟก็ได้นำกล่องสมบัติ (ปลาาา) มาให้เราดูว่าวัตถุดิบของเราที่จะได้ทานวันนี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้างและทางเรามีใครไม่ทานหรือแพ้อะไรบ้าง
อู้หูวว์ ไข่หอยเม่นของโปรดเราเอง อยากจะกินให้หมดถาดเลย
อะ! เริ่ม!
เชฟรินชาให้พวกเรา หอมมาเลย แต่มันไม่ใช่ชาแฮะ เป็นน้ำซุปสต็อคปลามากุโระ รสจะอ่อนๆหน่อย แต่หอมค่ะ
ท้องพร้อมรับอาหารแล้วค่ะ !! จานนี้เป็นตับปลา Monkfish หรือ Ankimo ราดซอสพอนซึที่มีความเปรี้ยวๆเค็มๆ ตัดกันกับตับปลาเนื้อละเอียดเนียนนุ่ม ครีมมี่มาก ชอบๆ มาแบบเย็นๆนี่แหละอร่อยสดชื่นที่สุดเลย
ต่อมาเป็นหอยเป๋าฮื้อและมีซอสที่ทำมาจากตับของตัวเป๋าฮื้อเองให้มาคลุกๆให้เข้ากันด้วยค่ะ เนื้อหอยนุ่มตึงดีค่ะ ซอสก็เข้มข้นเลย
จานนี้จะดูอลังการหน่อย เพราะเอาหลายสิ่งมารวมตัวกัน มีนิกิริเป็นปลา Akami หรือส่วนที่ลีนที่สุดของปลาทูน่านั่นเอง sashimi ก็มี Kinmedai, Katsuo และ Akagai ซึ่งก็คือหอยแครงตัวใหญ่ๆของญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ
เชฟแนะว่าให้เริ่มที่ Akami ก่อนค่ะ (ความรู้อันน้อยนิดทางซูชิของพี่มันสั่นคลอนไปหมด ปกติที่รู้มาคือต้องทานเนิ้อขาวก่อน ถึงจะเนื้อแดง แต่ก็นะเชฟเค้าบอกงี้ก็ต้องตามฮะ เพราะนี่มันคอร์สตามใจเชฟ 555)
ที่นี่ก็จะมีกิมมิคเล็กๆในการให้เราได้เอาแปรงมาทาโชยุที่เนื้อปลา เพิ่มความสนุกให้กับมื้ออาหาร เชฟมีบอกมาด้วยค่ะ ว่าทั้งแปรงทั้งจานนี่เป็นความอาร์ทนะ เพราะเค้าสั่งมาพิเศษมากๆจากที่ญี่ปุ่นเลย ตั้งใจให้ประทับใจความสวยของจานที่มีลวดลายเหมือนผ้าของชุดกิโมโน เวลามองแล้วดูสวยงาม เราก็จะอยากทานและเจริญอาหารขึ้นอีกเนอะ ใส่ใจรายละเอียดดีจริงๆ
เนื้อปลา Akami นุ่มลื่นดีค่ะ
แล้วก็ตามมาด้วย Kinmedai คือตรงหนังจะมีกลิ่นหอมๆด้วย หงึบๆ
เนื้อปลา Katsuo มีความมัน หน้าตาดูไม่น่าจะมันเลย นุ่มมันและพอใส่ต้นหอมที่เค้าเตรียมมาให้ก็ดับมันดีและสดชื่นดีค่ะ
มาถึงเจ้าหอยแครง Akagai ก็จะกรุบๆ กลิ่นนี่ทะเลมาเลย
เชฟมาเตรียมซอสพอนซึให้ก่อน.. คู่กับอะไรน้า
นี่คือคล้ายๆกับหัวไช้เท้านะ ครอบครัวเดียวกันแหละ มีชื่อว่า Kabu ค่ะ มาจากเกียวโต จริงๆแล้วอันที่เชฟเอามาฝานๆให้เรานี่อันใหญ่กว่านี้เยอะเลยค่ะ แบบเกือบเท่าส้มโออ่ะ
เนื้อปลาบุรี เรียงมาได้สวยงาม ปลาบุรีนั้นก็คือปลาฮามาจิที่ได้โตเต็มวัยแล้ว โตแล้วก็เปลี่ยนชื่อนะ
มาทำชาบูๆปลาบุรีกับผักคาบุต่อหน้ากันเลย
เอาผักคาบุลงไปลวกก่อนเลย ฝานบางๆ
ตามด้วยต้นหอมค่ะ ต้นหอมใหญ่เค้าก็บอกว่านำเข้ามาจากเกียวโตเลยนะ เราก็ถามว่ามันต่างกับของที่ไทยมากมั้ย ต้นหอมอ่ะ เชฟก็บอกว่า รสของต้นหอมประเทศเค้ามันจะไม่ฉุนเท่าและรสจะเข้มกว่า
พอลวกทุกอย่างเสร็จแล้ว เชฟก็ได้เอาทุกอย่างมาม้วนรวมกัน ดูน่าทานเลย
จิ้มกับซอสพอนซึเปรี้ยวๆ ตัดกันดี เนื้อมีความหวานมัน และไม่ได้สุกมาก ต้นหอมและคาบุก็ยังมีความกรุบๆอยู่ มีความหวานค่ะ
ได้แบบนี้สองรอบนะ อันนี้ชอบ
ต่อมาเป็น Otoro ส่วนที่มันที่สุดของปลาทูน่า
เชฟใช้แปรงทาๆ
เนื้อปลานุ่ม หวาน มัน
อันนี้ปลาไหล Anago ย่างค่ะ ทาซอสหวานลงไป
แล้วก็ตามด้วยผิวมะนาว yuzu ขูดๆ หอมเลย
น้องอูนิมาแล้ว อันนี้เป็นพันธุ์ Bafun มาจากฮอกไกโดค่ะ
จัดมาในแก้วเล็กๆ ไม่ปรุงอะไรค่ะ แค่โปะวาซาบิมา
หวานเย็น
ของย่างกันบ้าง จานนี้เป็นปลา SawaraYakimono หรือย่างซีอิ๊วค่ะ หอมย่าง มาพร้อมแป๊ะก๊วยญี่ปุ่นที่จะมีรสขมๆมันๆ
เชฟมาโชว์วิธีการบีบมะนาวที่สวยงามด้วย!! ไม่เลอะมือนะแต่ยากจุง แต่ของเราง่ายสุดคือขอให้คนอื่นบีบให้นะ สบายยย 555
Saba Boshi Maki ค่ะอันนี้ เป็นเนื้อปลาซาบะดอง ด้านล่างได้ป้ายมัสตาร์ดเล็กน้อยและมีงาคั่วค่ะ เห็นเปลือกเขียวๆบางๆบนเนื้อปลามั้ยคะ อันนั้นเป็นสาหร่ายค่ะ ข้าวก็จะอัดข้างในแน่นๆหน่อย รสจะมีความเปรี้ยวๆ เค็มๆ และหอมงาค่ะ
อันนี้เป็นฉากสะเทือนใจนิดนึง เชฟมาถามตอนแรกว่าเอากุ้งแบบต้มหรือดิบ เพื่อนๆก็เอาต้มกัน ส่วนเราชอบแบบดิบๆ ก็เอาดิบ
แต่เราก็ไม่ได้คิดนะว่ามันจะมาแบบ ดิ๊บบบบบบดิบ คือกุ้งมาแบบดิ้นๆ แล้วก็ชึ้บบบบ...บาย... ฮือออออ เค้าขอโทษนะน้องกุ้ง
กุ้งอันนี้เป็นกุ้ง Botan ค่ะ ส่งมาแบบมีชีวิตเลยจากญี่ปุ่น
เนื้อหวานมาก เด้งมาก
ขอบคุณนะน้องกุ้ง > <
อันนี้ Ikura เป็นไข่ปลาแซลมอนค่ะ
เชฟกำลังทำมากิอะไรเอ่ย
เป็นปลา Otoro สับๆ ปรุงรส แล้วก็มาใส่บนข้าวห่อสาหร่ายที่เชฟเอาไปปิ้งมาใหม่ๆเลยค่ะ
อันนี้สาหร่ายที่ไปปิ้งมา ก็ยังเหนียวอยู่เลยแฮะ กัดไม่ขาดอ่ะ แต่ไส้ในโอเคเลย
สิ้นสุดของคาว ของหวานก็มาต่อเลยค่ะ
อันนี้ดีงามมาก เป็นเหมือนพุดดิ้ง/พานาค็อตต้าเลย เป็นรสสาเกค่ะ เนื้อนุ่มมีกลิ่นของสาเกที่หอมโดดออกมาเลย เครื่องเคียงก็จะให้ผลไม้ของฤดูกาลมาค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นสตรอว์เบอรรี่กับเกาลัดค่ะ
เชฟมาแนะนำให้ลองทาโชยุลงไปดู เราก็ได้แต่ทำหน้างงใส่เชฟ....โชยุเนี่ยนะ!!!
แต่เรากลับชอบอ่ะ ชอบกว่ากินเปล่าๆอีก มันหวานๆเค็มๆเข้ากันดีค่ะ แต่เพื่อนๆเราชอบแบบไม่ทามากกว่านะ ก็แล้วแต่คนอ่ะเนอะ!
ครบแล้วคอร์สของเรา น่าทานมั้ยคะ คอร์สโอมาคาเสะของร้าน Sushi Kappou Kitaohji คอร์สนี้ราคา 4500++ ค่ะ ของเราก็จะมีค่าสาเกอีกหน่อยนึง
อิ่มแปร้ > <
. ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` .
เปิด: อังคาร-อาทิตย์ จาก 18:00 - 22:00
โทร: 02 160 0308
สถานที่: Sushi Kappou Kitaohji, Boulevard 39, สุขุมวิท ซ. 39 กทม.
ที่จอดรถ: มี
สถานี: BTS พร้อมพงศ์
. ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` . . ` . ` .
ติดตามกันได้ที่เวปนี้เลย เป็นรีวิวเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะ
www.littlebigtummy.com
www.instagram.com/littlebigtummy
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น