Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast ... chapter 11

เจ้าอสูรกับหนูโจ ตอนใหม่มาแล้วค่ะ

สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยาย พูดคุย และสั่งซื้อหนังสือได้ที่เพจ Minemomo นะคะ

https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199


PS: chapter ก่อนหน้านี่...

1
https://pantip.com/topic/36962641

2
https://pantip.com/topic/36967091

3&4
https://pantip.com/topic/37011555

5
https://pantip.com/topic/37027212

6
https://pantip.com/topic/37042885

7
https://pantip.com/topic/37057539

8
https://pantip.com/topic/37141996

9 & 10
https://pantip.com/topic/37173462



------------------------






~ 11 ~






โจชัวร์ถือโอกาสเปิดเผยสถานภาพของตนต่อทุกคนในคฤหาสน์ น่าแปลกที่ไม่มีใครติดใจสงสัยราวกับรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นผู้ชาย แถมยังคงวางเขาไว้ในฐานะเดิม คนที่มีปัญหาที่สุดกลับกลายเป็นสาวใช้ประจำตัวที่ยืนกรานจะเก็บเสื้อผ้าทุกชุดไว้ในตู้ โดยอ้างว่าชุดสวยพวกนั้นเหมาะกับตัวเขามากกว่ากางเกงที่เขาชอบใส่ เขาทั้งขอร้อง อ้อนวอน กระทั่งออกคำสั่ง เธอก็ยังยืนกระต่ายขาเดียว อุตส่าห์วานเดบูตองท์ให้ช่วยเอาไปซ่อนก็ไม่ได้ผล สุดท้ายเป็นเขาที่อ่อนใจต้องยอมแลกกับที่เธอจะไม่บังคับให้ใส่ เรียกว่าขอแค่ได้เก็บไว้เผื่อโอกาสพิเศษซึ่งเขายังสงสัยว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างไร


ในส่วนของความสัมพันธ์กับเจ้าอสูรนับว่าดีวันดีคืน แม้จะรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้ โจชัวร์ก็ยังยอมรับหน้าที่พยาบาลจำเป็นคอยดูแลจนคนเจ็บหายดี วันเวลาที่ผ่านไปคือโอกาสให้ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เขารู้สึกว่าได้เปิดเผยออกไปทั้งหมดรวมถึงความรู้สึกที่นับวันจะยิ่งพิเศษขึ้นเรื่อยๆ แต่อีกฝ่ายยังมีหลายเรื่องปิดบังและตัวเขาเองก็ไม่กล้าเปิดอกถาม ถึงกระนั้นเขาก็เต็มใจรอจนกว่าจะได้รับความไว้วางใจมากพอเช่นกัน


“เป็นอะไร ไม่หิวหรือว่าเหนื่อย”


โจชัวร์หันไปส่งยิ้มบางๆแทนคำตอบ และถือโอกาสวางมีดกับส้อมลงตามมารยาท เขาอาจรู้สึกทั้งสองอย่างเพราะได้ลองชิมขนมสูตรใหม่ของมิสซิสพอทส์ตอนมื้อน้ำชามากไปหน่อย ส่วนความรู้สึกเนือยๆ ไม่ค่อยสดชื่นคงเป็นผลมาจากกิจกรรมโลดโผนตลอดหลายวันที่ผ่านมา ในแต่ละวันเขาแทบจะอยู่บนหลังม้ามากกว่าเดินบนพื้น เขาได้โอกาสเรียนการควบคุมม้าอย่างถูกวิธี โชคดีที่ได้ฝึกกับม้าแสนรู้อย่างสโนว์ แต่ก็เล่นเอาแทบคลาน ส่วนสถานที่ก็ไม่ใช่เฉพาะแค่ลานฝึกแต่คืออาณาเขตอันกว้างใหญ่ในการปกครองของเจ้าอสูร ถือเป็นการเรียนขี่ม้าควบคู่กับการรู้จักผู้คนและวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น


“งั้นเสิร์ฟจานต่อไปเลย ได้กินของหวานๆเผื่อจะสดชื่นขึ้น”


เสียงรับคำสั่งในทันทีของคุณคอกซ์เวิร์ธทำให้โจชัวร์รู้สึกว่ากำลังเสียมารยาทกับเพื่อนร่วมทานมื้อค่ำที่นั่งห่างกันแค่ปลายมื้อเอื้อม ไม่ใช่ปลายสุดคนละด้านของโต๊ะอีกแล้ว


“ท่านอิ่มแล้วเหรอ”


เจ้าอสูรตอบด้วยรอยยิ้ม อุ้งมือใหญ่วางทาบลงบนมือเล็กแล้วทำท่าชะเง้อคอรอเมนูต่อไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น ทำให้คนถามกลั้นขำ รู้สึกสดชื่นขึ้นด้วยความเอาใจใส่ที่ได้รับ


“วันนี้เข้านอนเร็วหน่อย สีหน้าเจ้าดูเพลียเต็มทีแล้ว”


“ข้าตั้งใจว่าจะค้นหนังสือต่อสักพัก มีนิทานสองสามเรื่องที่สัญญากับพินช์ไว้หลายวันแล้ว”


“งั้นให้ยกน้ำชาไปรอที่ห้องหนังสือดีมั้ย”


โจชัวร์ยิ้มค้างเมื่อจู่ๆก็มีเสียงเอะอะ คนที่โผล่มาด้วยท่าทางกระหืดกระหอบคือลูมิแยร์ซึ่งเวลาอย่างนี้ปกติจะคอยตรวจตราความเรียบร้อยโดยรอบคฤหาสน์


“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับนายท่าน!”


เรื่องใหญ่ที่ว่าคือเหตุไฟไหม้ซึ่งมีต้นเพลิงมาจากบ้านของท่านเศรษฐี โชคไม่ดีที่ตอนนี้เขาออกไปติดต่อธุระต่างเมืองและพาคนงานชายส่วนใหญ่ไปด้วย เหลือแต่ลูกสาวคนเดียวกับพวกผู้หญิง การตรวจตราดูแลจึงอาจหละหลวม พอเกิดเหตุก็ยิ่งตระหนกจนไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แต่แรก ไฟลุกลามไปยังบ้านเรือนใกล้เคียงและกำลังจะถึงบ้านเด็กกำพร้า กลายเป็นเหตุด่วนที่เจ้าอสูรยอมรับว่าหนักมือไม่น้อย


“เจ้ารออยู่...”


“ท่านรีบล่วงหน้าไปก่อนเถอะ เมื่อตอนเย็นครูฝึกบอกว่าธันเดอร์อาการไม่ค่อยดี ท่านเอาสโนว์ไปดีกว่า ส่วนข้าจะอยู่เตรียมของที่ต้องใช้แล้วจะตามไปพร้อมรถม้ากับคนอื่นๆ”


โจชัวร์ตัดบทก่อนจะถูกสั่งห้ามให้รออยู่เฉยๆ แม้เจ้าอสูรจะอ้างถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แต่เขาไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะเอาแต่รอการปกป้องดูแล เขาเชื่อว่าต่อให้คนอ่อนแอที่สุดถ้าตั้งใจจริงย่อมทำประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย ดูอย่างนิทานเรื่องราชสีห์กับหนูนั่นปะไร เมื่อถึงคราวคับขัน เจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมป่าตัวจิ๋วเลยไม่ใช่หรือ


“เพราะว่ามันอันตราย เราถึงต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ท่านรีบไปเร็วเถอะ พวกเด็กๆกำลังรออยู่ แต่ก็ต้องระวังตัวด้วย อย่าทำอะไรที่เสี่ยงเกินไปนะ”


โจชัวร์หันไปกำชับลูมิแยร์ให้คอยดูแลผู้เป็นนายให้ดีแล้วรีบผละไปเพื่อเตรียม การในส่วนอื่น ไม่ทันได้สนใจว่าเจ้าอสูรยังคงมองตามด้วยแววตาเป็นประกาย ดวงตาสีอำพันแสดงความรู้สึกมากมายจนคนสนิทออกปากแซว


“กระผมล่ะอดหวาดเสียวไม่ได้จริงๆ” ลูมิแยร์แกล้งพูดลอยๆ รอจนร่างสูงใหญ่หันมาสนใจจึงกระแซะต่อ “ก็ลูกตานายท่านจะกินคุณโจได้อยู่แล้ว”


“มัวแต่ชักช้าอยู่ได้ จะให้ไฟมันลามมาถึงที่นอนแกด้วยหรือไง”


“ก็รอให้นายท่านมองคุณโจให้เต็มอิ่มก่อนจะได้มีแรงไปช่วยกันดับไฟยังไงล่ะขอร้าบบบ”


“ไอ้ลูมิแยร์!”




เมื่อเจ้าอสูรและคนสนิทมาถึงที่เกิดเหตุ ไฟลามมาถึงบ้านเด็กกำพร้าและกำลังโหมแรงจนไม่อาจควบคุมได้ โชคดีที่เด็กๆถูกช่วยออกมาได้ทั้งหมดโดยมีอาการบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย แต่ในขณะที่ทุกคนเริ่มวางใจก็เกิดข่าวร้ายว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแอบกลับเข้าไปด้านในเพื่อเอาตุ๊กตาซึ่งเป็นของดูต่างหน้าพ่อแม่ที่เสียไปแล้ว ทุกคนมองเปลวเพลิงที่กำลังลุกโหมด้วยสีหน้าลำบากใจ เสียงโครมครามดังออกมาเป็นระยะบอกให้รู้ว่าตัวอาคารอยู่ในสภาพที่พร้อมจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ


ในขณะที่หลายคนส่ายหน้า พากันถอดใจ เจ้าอสูรกลับอยากลองเสี่ยง เขารีบเตรียมตัวให้พร้อมกับการผจญเพลิง สอบถามข้อมูลจากผู้ดูแลเพื่อหาจุดที่หนูน้อยน่าจะอยู่ และยิ่งพร้อมถึงที่สุดเมื่อกำลังใจสำคัญมาทันพอดี


“ข้าคงไม่ได้รออยู่ตรงนี้เพราะจะรีบไปดูพวกเด็กๆ กับชาวบ้านที่บ้านถูกไฟไหม้ ถ้าท่านออกมาแล้วช่วยให้ใครไปส่งข่าวด้วยแล้วกัน”


โจชัวร์ไม่ได้ห้ามปรามเพราะเคารพในการตัดสินใจ และนับถือในน้ำใจที่เจ้าอสูรมีต่อชาวบ้าน ส่วนตัวเขาเองก็ตั้งใจจะช่วยทุกคนให้มากเท่าที่จะทำได้เพื่อแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งนี้  


“ข้าจะเดินไปหาเจ้าด้วยตัวเองเลยดีมั้ย”


“อย่าทำพูดเล่นสิ นี่มันอันตรายมากนะ ท่านต้องระวังตัวให้มากๆ อย่าประมาท อย่ามัวแต่ห่วงเด็กจนลืมความปลอดภัยของตัวเอง เข้าใจมั้ย”


“เจ้าก็ดูแลตัวเองดีๆ ฝากพวกชาวบ้านด้วย”


โจชัวร์ยอมรับว่าไม่กล้ามองดูร่างสูงใหญ่หายเข้าไปในกองไฟจึงรีบกลับมายังพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับการรักษาพยาบาล มิสซิสพอทส์นำทีมผู้หญิงดูแลคนเจ็บและจัดหาอาหารแจกจ่ายให้กับทุกคน คุณคอกซ์เวิร์ธช่วยจัดการเรื่องทรัพย์สินที่เสียหาย จัดหาที่พักชั่วคราวให้ผู้ประสบเหตุ และกำลังมีเรื่องลำบากใจสองเรื่องใหญ่


“เราพาคุณหนูลิเดียกลับไปพักที่คฤหาสน์รอจนกว่าคุณพ่อของเธอจะกลับมาดีมั้ยครับ”


โจชัวร์ช่วยออกความเห็นหลังจากทราบปัญหาของลูกสาวท่านเศรษฐี เธอนับ ว่าเป็นคนไร้ที่พึ่งพิง ไม่มีญาติพี่น้อง และไม่มีใครกล้ารับเธอไปอยู่ด้วยเพราะเกรงจะไม่สมฐานะ


“กระผมเกรงว่านายท่านจะไม่พอใจ ท่านไม่ค่อยชอบให้มีคนนอกเข้าไปวุ่นวายที่คฤหาสน์”


“เอาเป็นว่าข้าจะรับผิดชอบคุยเรื่องนี้กับนายท่านเอง เพราะคุณพ่อของคุณลิเดียเป็นคนสำคัญของที่นี่ ถ้าเราดูแลเธอไม่ดีอาจจะเกิดปัญหาได้เหมือนกัน แล้วอีกอย่างคือห้องพักแขกอาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับเธอ ถ้ายังไงก็ให้พักที่ห้องของข้าจะดีกว่า”


“ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าทำให้คุณโจชัวร์ลำบากไปด้วย นายท่านต้องไม่ยอมแน่ๆ”


“ยังไงก็เอาตามนี้ไปก่อนเถอะ ตัวข้าจะนอนที่ไหนก็ได้ และอันที่จริงคืนนี้ยังไม่แน่ว่าจะมีใครได้นอน ยังมีงานให้ทำอีกตั้งมากจริงมั้ย” โจชัวร์รีบสรุปและข้ามไปปัญหาที่เหลือเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสต่อรอง


“ส่วนพวกเด็กๆให้ไปรวมกันที่โบสถ์ก่อน แล้วเดี๋ยวเราบอกขอรับบริจาคเสื้อผ้ากับผ้าห่มมาเพิ่ม พวกเด็กๆเนื้อตัวมอมแมมกันหมด ถ้าได้ล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วได้นมอุ่นกับขนมสักหน่อยจะได้หายตกใจ ให้พวกแกได้นอนหลับภายใต้การดูแลของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รู้สึกปลอดภัย ไม่ฝันร้าย ส่วนเรื่องที่อยู่ใหม่ไว้ค่อยปรึกษากันทีหลัง คุณคอกซ์เวิร์ธคิดว่ายังไงครับ”


“เป็นความคิดที่ดีมาก กระผมจะรีบไปจัดการตามนี้ให้เรียบร้อย”


โจชัวร์ไม่เพียงออกความคิดแต่ยังลงมือทำงานอย่างเต็มกำลัง แม้ใจจะพะวงกับคนที่กำลังสู้อยู่กับไฟก็พยายามอดทน ครองสติเพื่อให้ค่ำคืนยาวนานผ่านพ้นไป กระทั่งมีชาวบ้านคุยกันว่าเด็กถูกช่วยออกมาได้แล้ว ความอดทนก็สิ้นสุดลง เขาฝากงานไว้กับพลูมแมทแล้ววิ่งเต็มฝีเท้าเพื่อไปหาเจ้าของหัวใจตัวเอง


เปลวเพลิงสิ้นฤทธิ์โดยเด็ดขาดแล้ว เจ้าอสูรกำลังกำกับการตรวจสอบความเสียหายและจัดการกับซากปรักหักพังในเบื้องต้น ร่างสูงใหญ่มีสภาพไม่ต่างจากชาวบ้านที่รอดจากกองเพลิง ท่อนแขนใหญ่มีแถบผ้าหนาพันคล้องคอไว้ ตามร่างกายปรากฏบาดแผลและรอยไหม้หลายแห่งจนคนที่เห็นยังรู้สึกเจ็บแทน และทันทีที่หันมาพบคนที่ยืนมองอยู่ สีหน้าดุดันก็เจื่อนลงจนเกือบเก้อเขิน


“แค่แผลเล็กน้อย คานมันหล่นลงมาโดนนิดเดียว ไม่ได้เป็นอะไรมาก นอกนั้นก็แค่ไฟลวกนิดๆหน่อยๆ ทำแผลไว้ดีแล้วพักเดียวก็หาย”


โจชัวร์รู้สึกว่าขาตัวเองหนักจนต้องก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว เมื่อเข้าไปใกล้พอก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือออกไปสัมผัส


“นิดเดียวจริงๆ แค่ยังไม่รู้ว่าแขนจะหักหรือเปล่าเลยต้องรีบดามไม้เข้าเฝือกไว้ก่อน ส่วนที่โดนไฟลวกก็เล็กน้อย แค่พอให้หอมเหมือนแกะย่างไปทั้งตัว แล้วที่เห็นแดงๆนี่ก็ไม่ใช่เลือด แต่คงมีใครเผลอทำสีหกใส่ตอนทำแผลใช่มั้ยขอรับนายท่าน”


เจ้าอสูรหันไปส่งสายตาคาดโทษคนสนิท แต่ที่ยังไม่ลงมือเด็ดขาดเพราะอย่างน้อยก็ทำให้ได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆจากคนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อบรรยากาศเริ่มดีขึ้นจึงกล้าเอ่ยถาม


“เป็นห่วงเหรอ”


โจชัวร์มองลึกเข้าไปในแววตาคมกล้าแล้วก็รู้ว่าไม่อาจบิดคำพูดไปเป็นอย่างอื่นได้อีก


“ก็ต้องห่วงสิ แต่ที่ไม่ห้ามเพราะรู้ว่าท่านห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ท่านไม่มีวันยืนมองเด็กคนหนึ่งตายในกองไฟโดยที่ไม่ช่วยอะไร ข้าถึงทำได้แค่เป็นห่วงแล้วก็สวดภาวนาให้ท่านและเด็กปลอดภัย”


เจ้าอสูรคลี่ยิ้มตาพราว มือข้างที่ยังใช้งานได้ดียื่นออกมารับมือเล็กแล้วกุมไว้ รับรู้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านมาจนรู้สึกอุ่นไปถึงหัวใจ


“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะขอรับ คุณโจชัวร์ช่วยดูแลชาวบ้านเป็นอย่างดี ใครๆก็เห็นว่าคุณวิ่งวุ่นไม่ได้หยุดเลย”


“คงทำให้วุ่นวายมากกว่า คุณคอกซ์เวิร์ธกับมิสซิสพอทส์ต่างหากที่ทำทุกอย่างได้ดีอยู่แล้ว”


“อย่าถ่อมตัวสิขอรับ คุณเป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจ ทำให้พวกเรารู้สึกอุ่นใจไม่ต่างจากเวลาที่มีนายท่านอยู่ด้วย กระผมคิดว่าต้องเป็นเพราะคุณมีความพิเศษบางอย่างในตัว ใช่แน่ๆ นี่ล่ะคุณสมบัติของว่าที่...”  


โจชัวร์รู้สึกร้อนตัวตั้งแต่เห็นเจ้านายกับลูกน้องส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กัน ขืนอยู่รอฟังจนจบคงเหมือนถูกจับโยนเข้ากองไฟ จึงรีบหันหลังเดินหนีจากเสียงหัวเราะกวนประสาทของนายบ่าวที่จู่ๆก็เข้าขากันดีเหลือเกิน


กว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย....





ต่อด้านล่าง...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่