เจ้าอสูรกับหนูโจ ตอนใหม่มาแล้วค่ะ
สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยายและพูดคุยกับเราได้ที่เพจ Minemomo นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://pantip.com/topic/36962641
2
https://pantip.com/topic/36967091
3&4
https://pantip.com/topic/37011555
5
https://pantip.com/topic/37027212
--------------------------
~ 6 ~
เช้านี้โจชัวร์ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกสดชื่นจนอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ชีวิตที่ผ่านมาสอนไม่ให้เป็นคนอยู่ยากจึงสามารถทำตัวให้คุ้นเคย ไม่อึดอัดกับบรรยากาศรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาลุกลงจากเตียง รูดม่านหนาและเปิดประตูออกไปยังระเบียงกว้างก็พบว่าแสงแดดอุ่นกำลังดี มีเสียงนกร้องพลอยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
เขาหยิบเสื้อผ้าที่เลือกไว้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อมายืนที่หน้ากระจกเงาบานเท่าตัวจึงได้พบกับหนุ่มน้อยหน้าตาสดใสในชุดทะมัดทะแมง แต่ก็ชวนให้สงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมคนทั้งคฤหาสน์ถึงยังเชื่อว่าเขาเป็นผู้หญิงอยู่ได้
เขาหันซ้ายหันขวาพลางนึกว่าอาจจะเป็นรูปร่างผอมเพรียว มือไม้เรียวยาว หรือผิวขาวสว่าง พยายามเพ่งเข้าไปใกล้ก็เดาว่าคงเพราะใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต แก้มใสระเรื่อ หรือริมฝีปากสีสดนี่ล่ะมั้งที่ทำให้เจ้าอสูรปักใจเชื่อและเอ่ยประโยคชวนขนลุกอยู่ได้ทุกคืน
โจชัวร์เท้าสะเอว ย่นจมูกใส่คนในกระจกแล้วเลิกสนใจ ป่วยการจะคิดหาเหตุผล และเมื่อหมุนตัวไปตามเสียงเรียกก็พบเรื่องเฉพาะหน้าให้จัดการโดยด่วน
“พลูมแมทล่ะ” เขารีบถามถึงสาวใช้ประจำตัวแต่หญิงสาวตรงหน้ายังเอาแต่อึกอัก
“พาข้าไปหานางเดี๋ยวนี้!”
คนออกคำสั่งเดินนำลิ่วจนลงมาถึงชั้นล่างกลับยืนคว้าง ต้องรอจนเดบูตองท์วิ่งตามมาทันและพาไปตามทางที่ไม่เคยเดินผ่าน เพราะเอาเข้าจริงๆเขาเพิ่งรู้จักแค่ห้องนอนกับห้องทานมื้อค่ำ จึงบอกตัวเองว่าหากจะต้องอยู่ที่คฤหาสน์นี้อีกนานก็ควรรีบทำการสำรวจให้ทั่วทุกซอกมุมโดยเร็วที่สุด
ทั้งคู่หยุดฝีเท้าเมื่อเกือบชนเข้ากับประตูบานหนึ่งที่เปิดออก คุณพ่อบ้านก้าวออกมาและส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังคนในปกครอง
“ข้าเป็นคนสั่งให้พามาเอง” โจชัวร์รีบออกหน้ารับ “ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพลูมแมทถึงไม่ได้มาทำหน้าที่เหมือนเดิม”
“เจ้าไม่ได้เรียนคุณโจแอนหรอกหรือ”
คุณคอกซ์เวิร์ธหันไปถามเดบูตองท์ซึ่งยังยืนบิดผ้ากันเปื้อนจนแทบขาด ฝ่ายที่รอคำตอบยิ่งร้อนจนกลายเป็นขัดใจเพราะกลัวว่าจะช่วยคนไม่ทันกาล
“ไม่ต้องไปตำหนิเธอ คุณเป็นพ่อบ้านก็ควรรู้สิว่าใครอยู่ใครหาย หายไปไหน ทำไมถึงหาย มีอะไรที่ต้องปิดบัง บอกมานะว่าพลูมแมทอยู่ไหน เมื่อคืนข้าก็
บอกแล้วว่าไม่ต้องเปลี่ยนใครมาแทน หรือว่าเป็นคำสั่งของใคร?!”
คุณคอกซ์เวิร์ธยังคงยิ้มเย็น ท่าทางไม่ตระหนกและรู้จักจัดการกับความเจ้าอารมณ์ของคนได้เป็นอย่างดี
“ใจเย็นลงก่อนเถอะครับ พลูมแมทสบายดีและยังอยู่ที่คฤหาสน์นี้ เพียงแต่เมื่อเช้าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย กระผมเลยให้เดบูตองท์ขึ้นไปดูแลคุณแทน ถ้าพลูมแมทหายดีแล้วก็จะกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม”
“คือดิฉันก็กำลังจะบอก แต่บอกไม่ทันน่ะค่ะ” เดบูตองท์รีบอธิบายเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ “พลูมแมทซุ่มซ่ามจนทำข้อมือเคล็ด ตอนนี้นางพักอยู่ที่ห้อง พรุ่งนี้ก็คงหายกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ”
“เอ่อ... งั้นข้าก็... ขอโทษด้วยที่ทำตัววุ่นวายเกินกว่าเหตุ แล้วก็ยังมาโวยวายใส่คุณคอกซ์เวิร์ธ”
โจชัวร์เอ่ยเสียงอ่อย คุณพ่อบ้านไม่ถือสา ทั้งยังเอ่ยเตือนถึงมื้อเช้าที่จัดรอไว้และขอตัวไปทำงานของตนต่อ เดบูตองท์กลัวแขกคนสำคัญจะใจเสียจึงรีบปลอบใจ
“อย่าคิดมากเลยค่ะ พลูมแมทจะต้องดีใจมากแน่ถ้ารู้ว่าคุณเป็นห่วงนางขนาดนี้”
“แต่ข้าทำตัวเสียมารยาทมากเลยนะ”
“โธ่ ถ้าเป็นเรื่องคุณคอกซ์เวิร์ธยิ่งไม่ต้องห่วงไปใหญ่ พวกเราทุกคนชินกับความเจ้าอารมณ์ของนายท่านอยู่แล้ว เวลาหงุดหงิดทีไรนายท่านจะยิ่งขี้โมโห เอะอะอาละวาด บางครั้งถึงกับพังข้าวของเป็นแถบๆ อย่างคุณโจน่ะเบากว่าเยอะ แค่ใจร้อนไปหน่อย แล้วก็เสียงดังกว่าปกตินิดเดียวเองค่ะ”
สำรับถูกจัดไว้ที่เดิม โจชัวร์นั่งลงแต่ความหิวถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ถ้าอย่างนั้นเล่าเรื่องนายท่านของพวกเจ้าให้ข้าฟังได้มั้ย เขาเคยเป็นคนมาก่อนหรือว่าอยู่ในสภาพนี้มาตั้งแต่แรก เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วปกติวันๆเขาทำอะไร ทำไมถึงได้มาพบข้าตอนทานมื้อค่ำเท่านั้นล่ะ”
“เอ่อ...คือว่า...”
“จะเล่ามาดีๆหรือจะต้องให้ข้าโมโหก่อน!”
เดบูตองท์ต่างจากพลูมแมทตรงที่ไม่ช่างคุย ยิ่งถูกกดดันจะยิ่งพูดไม่ออก แต่สวรรค์ก็ส่งตัวป่วนประจำคฤหาสน์มาเป็นตัวช่วยได้ทันใจ พินช์วิ่งร่ามาเกาะขอบโต๊ะเพื่อชวนออกไปเที่ยว โจชัวร์จึงถือเป็นโอกาสได้สำรวจให้ทั่วคฤหาสน์อย่างที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเจ้าของผู้แสนลึกลับ ในเมื่อทุกคนเอาแต่ปิดปากเงียบ เขาไปหาคำตอบให้เห็นกับตาตัวเองก็ได้
หลังอาหารเช้า หนูน้อยกับแขกคนสำคัญจึงเริ่มออกสำรวจ ที่ชั้นล่างไม่มีอะไรน่าสนใจเพราะนอกจากห้องทานอาหารซึ่งโจชัวร์คุ้นเคยดีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นห้องโถงโล่งๆที่ไม่มีการใช้งานเฉพาะเจาะจง ส่วนของห้องครัวยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปก็ถูกมิสซิสพอทส์เชิญออกมา ซึ่งข้อนี้เขายอมทำตามโดยดีเพราะขืนให้รู้ว่าเขาถนัดงานบ้าน งานครัวคงได้ถูกตั้งข้อสงสัยหนัก ส่วนสำคัญต่อมาคือห้องหนังสือซึ่งยังไม่เรียบร้อยและไม่เป็นที่ดึงดูดใจเด็กน้อย แต่เขาหมายตาว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ในห้องนี้มากแน่ๆ
เมื่อขึ้นมายังชั้นสอง แม้พื้นที่ทางปีกขวาจะยั่วยวนแค่ไหน โจชัวร์ก็ยังไม่กล้าพอจะเข้าไปสำรวจ พินช์จึงพาขึ้นไปยังส่วนใต้หลังคาซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นชั้นที่สามของคฤหาสน์เพราะมีขนาดใหญ่พอจะแบ่งสรรเป็นห้องต่างๆ ความสูงของเพดานก็ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งไม่ต่างจากด้านล่าง พอพ้นจากบันไดวน เขาก็มาหยุดตรงหน้าประตูบานหนึ่ง ในขณะที่ไกด์ตัวน้อยเดินนำไปอีกทาง กระทั่งรู้สึกว่าไม่มีคนตามมาจึงมองหาและรีบร้องบอก
“เข้าไปไม่ได้นะฮะ!”
“ห้องอะไรน่ะพินช์ ใส่กุญแจดอกโตเชียว”
กุญแจทรงโบราณดอกใหญ่ เก่าคร่ำแต่ไม่มีฝุ่นจับแสดงว่ายังถูกใช้งานอยู่เสมอ
“ไม่รู้ฮะ แต่ป้าบอกว่าถึงไม่ล็อกก็ห้ามเข้า ไม่งั้นจะโดนตี” พินช์วิ่งมาสมทบ สีหน้าตื่นๆเหมือนกลัวว่าผู้เป็นป้าจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็ได้
“แสดงว่าบางครั้งก็ไม่ได้ล็อกกุญแจไว้เหรอ”
“หนูเคยแอบฟังก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ข้างในด้วยฮะ ลูมิแยร์บอกว่าเสียงผี ถ้าเข้าไปจะโดนผีหลอก พี่โจคิดว่าผีมีจริงมั้ยฮะ” หนูน้อยเข้าไปแนบหูกับ
ประตูให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแปลกๆเขาก็ยังนึกกลัวอยู่ดี
“ไปตรงโน้นดีกว่า หนูมีอะไรจะอวดพี่โจด้วย”
โจชัวร์ยิ้มแล้วรีบวิ่งตามแรงดึงของมือคู่น้อย หลังประตูบานหนึ่งปรากฏบันไดลิงสูงพอประมาณ พินช์ปีนนำขึ้นไป พอถึงขั้นบนสุดมีประตูลับที่ดันเปิดขึ้นเหนือหัว และของดีของเขาก็คือหอระฆังซึ่งนับเป็นส่วนที่สูงที่สุดของคฤหาสน์ น่าเสียดายที่ตัวระฆังถูกถอดออกไปแล้วแต่แค่ได้ขึ้นมาถึงตรงนี้ก็นับว่าไม่เสียแรงเปล่า
“สวยไหมฮะ หนูชอบขึ้นมาที่นี่แต่ต้องไม่ให้ป้ารู้ ไม่งั้นโดนหยิกเนื้อเขียวเลย”
โจชัวร์มองตามการชี้ชวน และเหมือนได้สำรวจอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหู ลูกตา รอบคฤหาสน์คือพื้นที่ที่ถูกจัดสรรให้ชาวบ้านทำมาหากินอย่างที่ลูมิแยร์เคยบอก แล้วผืนดินทั้งหมดก็จะถูกห้อมล้อมด้วยแนวป่าที่เหมือนเป็นปราการธรรมชาติ มีหน้าที่ทั้งป้องกันและกักขังอยู่ในที
“พินช์เคยเข้าไปในป่านั่นมั้ย”
โจชัวร์ชี้ไปยังแนวไม้รกครึ้ม หนูน้อยรีบส่ายหัว ท่าทางไม่ต่างจากตอนพูดถึงห้องที่ล็อกด้วยกุญแจดอกโต
“ป้าบอกว่าในป่าอันตราย เด็กๆห้ามเข้าไปในป่าเด็ดขาด ถ้าเข้าไปจะหลงทาง ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย”
“นั่นสินะ พ่อของพี่ถึงได้หลงอยู่ในนั้น ขนาดพี่เองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย”
“แต่นายท่านไม่หลงนะฮะ แถมยังพาพี่โจมาที่นี่ได้ด้วย”
“พี่เดินทางมากับสโนว์ต่างหาก”
“สโนว์เป็นม้าที่เก่งที่สุดในโลกเลย!”
โจชัวร์ยิ้มไปกับความร่าเริงของเด็กน้อยที่คุยจ้อไม่หยุด แต่สายตาครุ่นคิดจดจ่ออยู่กับผืนป่ากว้าง เขายังจำความลำบากครั้งที่เดินทางมาที่นี่ได้ราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน หนทางลดเลี้ยวจำต้องอาศัยสัญชาติญาณในการเดินทางอย่างสูง แต่ต่อให้ชำนาญแค่ไหนก็ยังมีพายุหิมะเป็นอุปสรรคใหญ่ ทั้งไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าแล้วยังโหมกระหน่ำ คลุ้มคลั่งราวกับสัตว์ป่าหมายจะคร่าชีวิตนักเดินทางทุกคน ถือว่าสโนว์เป็นสุดยอดม้าอย่างแท้จริงถึงได้พาเขาผ่านมาได้อย่างปลอดภัย ลองมีมันอยู่ด้วยสักตัวจะไปที่ไหนก็คงไม่ยาก แต่เขาคงได้แค่ฝัน ถึงเจ้าม้าขาวจะดูมีอิสระแต่ก็เป็นม้ามีนาย มันอาจจะถูกยกให้เป็นม้าของเขาก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์สั่งอะไรได้ทุกอย่าง ลองว่าเจ้าของที่แท้จริงไม่ยินยอม มีหรือมันจะกล้าพาเขาหนีออกจากที่นี่ไปได้
เขาถอนหายใจ และทอดสายตาผ่านทิวไม้กลับไปยังบ้านในคะนึงความคิด ป่านนี้พ่อและพี่ทั้งสองคงมีความสุขอยู่กับทรัพย์สมบัติมากมาย อาจจะย้ายกลับเข้าไปในเมือง หรือถึงจะอยู่ที่หมู่บ้านต่อก็สามารถเชิดหน้าคุยกับทุกคนได้อย่างทัดเทียม เบลล่าได้ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ บ็อบจะต้องเป็นสามีที่ดีและทำให้เธอมีความสุขได้แน่ ส่วนตัวเขาก็คงผ่านแต่ละวันไปโดยไม่รู้ชะตากรรม เพราะไม่รู้ว่าเจ้าอสูรจะปล่อยให้นักโทษอยู่ขวางหูขวางตาไปถึงเมื่อไหร่
พอหันกลับมาดูข้างตัวก็เพิ่งรู้ว่าพินช์หายไป เขารีบชะโงกดูรอบหอระฆังให้แน่ใจว่าเด็กน้อยไม่ได้หล่นลงไปจึงค่อยปีนลงมาที่ชั้นใต้หลังคา เดินกลับมาตามทางจนถึงบันไดวนที่จะพาสู่ชั้นสอง ทว่าสายตากลับไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม เขาเดินไปดูสิ่งนั้นใกล้ๆอย่างอดใจไม่ได้ แม่กุญแจตัวใหญ่ถูกปลดล็อกออกแล้ว
“พินช์”
เขาลองเรียกเผื่อจะมีเสียงตอบกลับมา ความเงียบไม่ได้กดดันแต่เชิญชวนให้ผลักบานประตูอย่างช้าๆ ด้านในน่าจะเป็นห้องกว้างแต่มืดมากจนมองไม่เห็นว่ามีอะไรบ้าง
สิ่งที่ดึงดูดสายตาให้ค่อยๆก้าวต่อไปคือกุหลาบประหลาดดอกหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือที่ปักอยู่ในแจกันแล้วมีโถแก้วครอบอยู่อีกชั้นหนึ่ง กลีบดอกสีแดงราวกับเคลือบด้วยอณูบางอย่างที่ส่งประกายวิบวับจนดูเหมือนเรืองแสงได้ ทำให้กลาย เป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวในห้องที่มืดสนิท แต่พอพิจารณากลีบดอกสองสามกลีบที่หลุดร่วงก็พบว่าเหี่ยวเฉาเหมือนกุหลาบทั่วๆไป บนโต๊ะข้างๆครอบแก้วมีกระจกแบบที่ผู้หญิงใช้ถือส่องหน้าวางอยู่ เขาเอื้อมมือไปกำลังจะหยิบก็ต้องรีบเข้าไปหลบหลังผ้าม่านเมื่อประตูเปิดออกโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า โครงร่างสูงใหญ่ก้าวผ่านความมืดอย่างคุ้นชินในขณะที่เขายิ่งเกร็งจนแทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวถูกจับได้
เจ้าอสูรเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ แล้วนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง จนคนที่แอบเข้ามาเริ่มกังวลว่าจะต้องซ่อนตัวไปอีกนานแค่ไหน
“วันนี้แปลก เจ้าเงียบไปนะ”
ต่อด้านล่างค่ะ
Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast ... chapter 6
สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยายและพูดคุยกับเราได้ที่เพจ Minemomo นะคะ
https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199
PS: chapter ก่อนหน้านี่...
1
https://pantip.com/topic/36962641
2
https://pantip.com/topic/36967091
3&4
https://pantip.com/topic/37011555
5
https://pantip.com/topic/37027212
--------------------------
~ 6 ~
เช้านี้โจชัวร์ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกสดชื่นจนอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ชีวิตที่ผ่านมาสอนไม่ให้เป็นคนอยู่ยากจึงสามารถทำตัวให้คุ้นเคย ไม่อึดอัดกับบรรยากาศรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาลุกลงจากเตียง รูดม่านหนาและเปิดประตูออกไปยังระเบียงกว้างก็พบว่าแสงแดดอุ่นกำลังดี มีเสียงนกร้องพลอยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
เขาหยิบเสื้อผ้าที่เลือกไว้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อมายืนที่หน้ากระจกเงาบานเท่าตัวจึงได้พบกับหนุ่มน้อยหน้าตาสดใสในชุดทะมัดทะแมง แต่ก็ชวนให้สงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมคนทั้งคฤหาสน์ถึงยังเชื่อว่าเขาเป็นผู้หญิงอยู่ได้
เขาหันซ้ายหันขวาพลางนึกว่าอาจจะเป็นรูปร่างผอมเพรียว มือไม้เรียวยาว หรือผิวขาวสว่าง พยายามเพ่งเข้าไปใกล้ก็เดาว่าคงเพราะใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต แก้มใสระเรื่อ หรือริมฝีปากสีสดนี่ล่ะมั้งที่ทำให้เจ้าอสูรปักใจเชื่อและเอ่ยประโยคชวนขนลุกอยู่ได้ทุกคืน
โจชัวร์เท้าสะเอว ย่นจมูกใส่คนในกระจกแล้วเลิกสนใจ ป่วยการจะคิดหาเหตุผล และเมื่อหมุนตัวไปตามเสียงเรียกก็พบเรื่องเฉพาะหน้าให้จัดการโดยด่วน
“พลูมแมทล่ะ” เขารีบถามถึงสาวใช้ประจำตัวแต่หญิงสาวตรงหน้ายังเอาแต่อึกอัก
“พาข้าไปหานางเดี๋ยวนี้!”
คนออกคำสั่งเดินนำลิ่วจนลงมาถึงชั้นล่างกลับยืนคว้าง ต้องรอจนเดบูตองท์วิ่งตามมาทันและพาไปตามทางที่ไม่เคยเดินผ่าน เพราะเอาเข้าจริงๆเขาเพิ่งรู้จักแค่ห้องนอนกับห้องทานมื้อค่ำ จึงบอกตัวเองว่าหากจะต้องอยู่ที่คฤหาสน์นี้อีกนานก็ควรรีบทำการสำรวจให้ทั่วทุกซอกมุมโดยเร็วที่สุด
ทั้งคู่หยุดฝีเท้าเมื่อเกือบชนเข้ากับประตูบานหนึ่งที่เปิดออก คุณพ่อบ้านก้าวออกมาและส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังคนในปกครอง
“ข้าเป็นคนสั่งให้พามาเอง” โจชัวร์รีบออกหน้ารับ “ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพลูมแมทถึงไม่ได้มาทำหน้าที่เหมือนเดิม”
“เจ้าไม่ได้เรียนคุณโจแอนหรอกหรือ”
คุณคอกซ์เวิร์ธหันไปถามเดบูตองท์ซึ่งยังยืนบิดผ้ากันเปื้อนจนแทบขาด ฝ่ายที่รอคำตอบยิ่งร้อนจนกลายเป็นขัดใจเพราะกลัวว่าจะช่วยคนไม่ทันกาล
“ไม่ต้องไปตำหนิเธอ คุณเป็นพ่อบ้านก็ควรรู้สิว่าใครอยู่ใครหาย หายไปไหน ทำไมถึงหาย มีอะไรที่ต้องปิดบัง บอกมานะว่าพลูมแมทอยู่ไหน เมื่อคืนข้าก็
บอกแล้วว่าไม่ต้องเปลี่ยนใครมาแทน หรือว่าเป็นคำสั่งของใคร?!”
คุณคอกซ์เวิร์ธยังคงยิ้มเย็น ท่าทางไม่ตระหนกและรู้จักจัดการกับความเจ้าอารมณ์ของคนได้เป็นอย่างดี
“ใจเย็นลงก่อนเถอะครับ พลูมแมทสบายดีและยังอยู่ที่คฤหาสน์นี้ เพียงแต่เมื่อเช้าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย กระผมเลยให้เดบูตองท์ขึ้นไปดูแลคุณแทน ถ้าพลูมแมทหายดีแล้วก็จะกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม”
“คือดิฉันก็กำลังจะบอก แต่บอกไม่ทันน่ะค่ะ” เดบูตองท์รีบอธิบายเหมือนเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ “พลูมแมทซุ่มซ่ามจนทำข้อมือเคล็ด ตอนนี้นางพักอยู่ที่ห้อง พรุ่งนี้ก็คงหายกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ”
“เอ่อ... งั้นข้าก็... ขอโทษด้วยที่ทำตัววุ่นวายเกินกว่าเหตุ แล้วก็ยังมาโวยวายใส่คุณคอกซ์เวิร์ธ”
โจชัวร์เอ่ยเสียงอ่อย คุณพ่อบ้านไม่ถือสา ทั้งยังเอ่ยเตือนถึงมื้อเช้าที่จัดรอไว้และขอตัวไปทำงานของตนต่อ เดบูตองท์กลัวแขกคนสำคัญจะใจเสียจึงรีบปลอบใจ
“อย่าคิดมากเลยค่ะ พลูมแมทจะต้องดีใจมากแน่ถ้ารู้ว่าคุณเป็นห่วงนางขนาดนี้”
“แต่ข้าทำตัวเสียมารยาทมากเลยนะ”
“โธ่ ถ้าเป็นเรื่องคุณคอกซ์เวิร์ธยิ่งไม่ต้องห่วงไปใหญ่ พวกเราทุกคนชินกับความเจ้าอารมณ์ของนายท่านอยู่แล้ว เวลาหงุดหงิดทีไรนายท่านจะยิ่งขี้โมโห เอะอะอาละวาด บางครั้งถึงกับพังข้าวของเป็นแถบๆ อย่างคุณโจน่ะเบากว่าเยอะ แค่ใจร้อนไปหน่อย แล้วก็เสียงดังกว่าปกตินิดเดียวเองค่ะ”
สำรับถูกจัดไว้ที่เดิม โจชัวร์นั่งลงแต่ความหิวถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ถ้าอย่างนั้นเล่าเรื่องนายท่านของพวกเจ้าให้ข้าฟังได้มั้ย เขาเคยเป็นคนมาก่อนหรือว่าอยู่ในสภาพนี้มาตั้งแต่แรก เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนั้น แล้วปกติวันๆเขาทำอะไร ทำไมถึงได้มาพบข้าตอนทานมื้อค่ำเท่านั้นล่ะ”
“เอ่อ...คือว่า...”
“จะเล่ามาดีๆหรือจะต้องให้ข้าโมโหก่อน!”
เดบูตองท์ต่างจากพลูมแมทตรงที่ไม่ช่างคุย ยิ่งถูกกดดันจะยิ่งพูดไม่ออก แต่สวรรค์ก็ส่งตัวป่วนประจำคฤหาสน์มาเป็นตัวช่วยได้ทันใจ พินช์วิ่งร่ามาเกาะขอบโต๊ะเพื่อชวนออกไปเที่ยว โจชัวร์จึงถือเป็นโอกาสได้สำรวจให้ทั่วคฤหาสน์อย่างที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเจ้าของผู้แสนลึกลับ ในเมื่อทุกคนเอาแต่ปิดปากเงียบ เขาไปหาคำตอบให้เห็นกับตาตัวเองก็ได้
หลังอาหารเช้า หนูน้อยกับแขกคนสำคัญจึงเริ่มออกสำรวจ ที่ชั้นล่างไม่มีอะไรน่าสนใจเพราะนอกจากห้องทานอาหารซึ่งโจชัวร์คุ้นเคยดีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นห้องโถงโล่งๆที่ไม่มีการใช้งานเฉพาะเจาะจง ส่วนของห้องครัวยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปก็ถูกมิสซิสพอทส์เชิญออกมา ซึ่งข้อนี้เขายอมทำตามโดยดีเพราะขืนให้รู้ว่าเขาถนัดงานบ้าน งานครัวคงได้ถูกตั้งข้อสงสัยหนัก ส่วนสำคัญต่อมาคือห้องหนังสือซึ่งยังไม่เรียบร้อยและไม่เป็นที่ดึงดูดใจเด็กน้อย แต่เขาหมายตาว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ในห้องนี้มากแน่ๆ
เมื่อขึ้นมายังชั้นสอง แม้พื้นที่ทางปีกขวาจะยั่วยวนแค่ไหน โจชัวร์ก็ยังไม่กล้าพอจะเข้าไปสำรวจ พินช์จึงพาขึ้นไปยังส่วนใต้หลังคาซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นชั้นที่สามของคฤหาสน์เพราะมีขนาดใหญ่พอจะแบ่งสรรเป็นห้องต่างๆ ความสูงของเพดานก็ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งไม่ต่างจากด้านล่าง พอพ้นจากบันไดวน เขาก็มาหยุดตรงหน้าประตูบานหนึ่ง ในขณะที่ไกด์ตัวน้อยเดินนำไปอีกทาง กระทั่งรู้สึกว่าไม่มีคนตามมาจึงมองหาและรีบร้องบอก
“เข้าไปไม่ได้นะฮะ!”
“ห้องอะไรน่ะพินช์ ใส่กุญแจดอกโตเชียว”
กุญแจทรงโบราณดอกใหญ่ เก่าคร่ำแต่ไม่มีฝุ่นจับแสดงว่ายังถูกใช้งานอยู่เสมอ
“ไม่รู้ฮะ แต่ป้าบอกว่าถึงไม่ล็อกก็ห้ามเข้า ไม่งั้นจะโดนตี” พินช์วิ่งมาสมทบ สีหน้าตื่นๆเหมือนกลัวว่าผู้เป็นป้าจะปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็ได้
“แสดงว่าบางครั้งก็ไม่ได้ล็อกกุญแจไว้เหรอ”
“หนูเคยแอบฟังก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ข้างในด้วยฮะ ลูมิแยร์บอกว่าเสียงผี ถ้าเข้าไปจะโดนผีหลอก พี่โจคิดว่าผีมีจริงมั้ยฮะ” หนูน้อยเข้าไปแนบหูกับ
ประตูให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถึงจะไม่ได้ยินเสียงแปลกๆเขาก็ยังนึกกลัวอยู่ดี
“ไปตรงโน้นดีกว่า หนูมีอะไรจะอวดพี่โจด้วย”
โจชัวร์ยิ้มแล้วรีบวิ่งตามแรงดึงของมือคู่น้อย หลังประตูบานหนึ่งปรากฏบันไดลิงสูงพอประมาณ พินช์ปีนนำขึ้นไป พอถึงขั้นบนสุดมีประตูลับที่ดันเปิดขึ้นเหนือหัว และของดีของเขาก็คือหอระฆังซึ่งนับเป็นส่วนที่สูงที่สุดของคฤหาสน์ น่าเสียดายที่ตัวระฆังถูกถอดออกไปแล้วแต่แค่ได้ขึ้นมาถึงตรงนี้ก็นับว่าไม่เสียแรงเปล่า
“สวยไหมฮะ หนูชอบขึ้นมาที่นี่แต่ต้องไม่ให้ป้ารู้ ไม่งั้นโดนหยิกเนื้อเขียวเลย”
โจชัวร์มองตามการชี้ชวน และเหมือนได้สำรวจอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหู ลูกตา รอบคฤหาสน์คือพื้นที่ที่ถูกจัดสรรให้ชาวบ้านทำมาหากินอย่างที่ลูมิแยร์เคยบอก แล้วผืนดินทั้งหมดก็จะถูกห้อมล้อมด้วยแนวป่าที่เหมือนเป็นปราการธรรมชาติ มีหน้าที่ทั้งป้องกันและกักขังอยู่ในที
“พินช์เคยเข้าไปในป่านั่นมั้ย”
โจชัวร์ชี้ไปยังแนวไม้รกครึ้ม หนูน้อยรีบส่ายหัว ท่าทางไม่ต่างจากตอนพูดถึงห้องที่ล็อกด้วยกุญแจดอกโต
“ป้าบอกว่าในป่าอันตราย เด็กๆห้ามเข้าไปในป่าเด็ดขาด ถ้าเข้าไปจะหลงทาง ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย”
“นั่นสินะ พ่อของพี่ถึงได้หลงอยู่ในนั้น ขนาดพี่เองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย”
“แต่นายท่านไม่หลงนะฮะ แถมยังพาพี่โจมาที่นี่ได้ด้วย”
“พี่เดินทางมากับสโนว์ต่างหาก”
“สโนว์เป็นม้าที่เก่งที่สุดในโลกเลย!”
โจชัวร์ยิ้มไปกับความร่าเริงของเด็กน้อยที่คุยจ้อไม่หยุด แต่สายตาครุ่นคิดจดจ่ออยู่กับผืนป่ากว้าง เขายังจำความลำบากครั้งที่เดินทางมาที่นี่ได้ราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน หนทางลดเลี้ยวจำต้องอาศัยสัญชาติญาณในการเดินทางอย่างสูง แต่ต่อให้ชำนาญแค่ไหนก็ยังมีพายุหิมะเป็นอุปสรรคใหญ่ ทั้งไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าแล้วยังโหมกระหน่ำ คลุ้มคลั่งราวกับสัตว์ป่าหมายจะคร่าชีวิตนักเดินทางทุกคน ถือว่าสโนว์เป็นสุดยอดม้าอย่างแท้จริงถึงได้พาเขาผ่านมาได้อย่างปลอดภัย ลองมีมันอยู่ด้วยสักตัวจะไปที่ไหนก็คงไม่ยาก แต่เขาคงได้แค่ฝัน ถึงเจ้าม้าขาวจะดูมีอิสระแต่ก็เป็นม้ามีนาย มันอาจจะถูกยกให้เป็นม้าของเขาก็ใช่ว่าเขาจะมีสิทธิ์สั่งอะไรได้ทุกอย่าง ลองว่าเจ้าของที่แท้จริงไม่ยินยอม มีหรือมันจะกล้าพาเขาหนีออกจากที่นี่ไปได้
เขาถอนหายใจ และทอดสายตาผ่านทิวไม้กลับไปยังบ้านในคะนึงความคิด ป่านนี้พ่อและพี่ทั้งสองคงมีความสุขอยู่กับทรัพย์สมบัติมากมาย อาจจะย้ายกลับเข้าไปในเมือง หรือถึงจะอยู่ที่หมู่บ้านต่อก็สามารถเชิดหน้าคุยกับทุกคนได้อย่างทัดเทียม เบลล่าได้ไปอยู่กับครอบครัวใหม่ บ็อบจะต้องเป็นสามีที่ดีและทำให้เธอมีความสุขได้แน่ ส่วนตัวเขาก็คงผ่านแต่ละวันไปโดยไม่รู้ชะตากรรม เพราะไม่รู้ว่าเจ้าอสูรจะปล่อยให้นักโทษอยู่ขวางหูขวางตาไปถึงเมื่อไหร่
พอหันกลับมาดูข้างตัวก็เพิ่งรู้ว่าพินช์หายไป เขารีบชะโงกดูรอบหอระฆังให้แน่ใจว่าเด็กน้อยไม่ได้หล่นลงไปจึงค่อยปีนลงมาที่ชั้นใต้หลังคา เดินกลับมาตามทางจนถึงบันไดวนที่จะพาสู่ชั้นสอง ทว่าสายตากลับไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม เขาเดินไปดูสิ่งนั้นใกล้ๆอย่างอดใจไม่ได้ แม่กุญแจตัวใหญ่ถูกปลดล็อกออกแล้ว
“พินช์”
เขาลองเรียกเผื่อจะมีเสียงตอบกลับมา ความเงียบไม่ได้กดดันแต่เชิญชวนให้ผลักบานประตูอย่างช้าๆ ด้านในน่าจะเป็นห้องกว้างแต่มืดมากจนมองไม่เห็นว่ามีอะไรบ้าง
สิ่งที่ดึงดูดสายตาให้ค่อยๆก้าวต่อไปคือกุหลาบประหลาดดอกหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือที่ปักอยู่ในแจกันแล้วมีโถแก้วครอบอยู่อีกชั้นหนึ่ง กลีบดอกสีแดงราวกับเคลือบด้วยอณูบางอย่างที่ส่งประกายวิบวับจนดูเหมือนเรืองแสงได้ ทำให้กลาย เป็นแสงสว่างเพียงอย่างเดียวในห้องที่มืดสนิท แต่พอพิจารณากลีบดอกสองสามกลีบที่หลุดร่วงก็พบว่าเหี่ยวเฉาเหมือนกุหลาบทั่วๆไป บนโต๊ะข้างๆครอบแก้วมีกระจกแบบที่ผู้หญิงใช้ถือส่องหน้าวางอยู่ เขาเอื้อมมือไปกำลังจะหยิบก็ต้องรีบเข้าไปหลบหลังผ้าม่านเมื่อประตูเปิดออกโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า โครงร่างสูงใหญ่ก้าวผ่านความมืดอย่างคุ้นชินในขณะที่เขายิ่งเกร็งจนแทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวถูกจับได้
เจ้าอสูรเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ แล้วนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง จนคนที่แอบเข้ามาเริ่มกังวลว่าจะต้องซ่อนตัวไปอีกนานแค่ไหน
“วันนี้แปลก เจ้าเงียบไปนะ”
ต่อด้านล่างค่ะ