Heartbeat: A Retelling of Beauty and the Beast ... chapter 7

เจ้าอสูรกับหนูโจ ตอนใหม่มาแล้วค่ะ

สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารของนิยายและพูดคุยกับเราได้ที่เพจ Minemomo นะคะ

https://www.facebook.com/Minemomo-241717489520199


PS: chapter ก่อนหน้านี่...

1
https://pantip.com/topic/36962641

2
https://pantip.com/topic/36967091

3&4
https://pantip.com/topic/37011555

5
https://pantip.com/topic/37027212

6
https://pantip.com/topic/37042885


------------------------





~ 7 ~



แม้จะมีพลูมแมทเป็นสาวใช้ประจำตัว โจชัวร์ก็ยังเลือกที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองเพื่อความสะดวกกายและสบายใจ พอได้รู้สึกคุ้นเคยกับบ้านใหม่และเตียงนอนหลังใหญ่ก็สามารถหลับสนิทและตื่นเช้าเหมือนที่เคยเป็น เขาจะตื่นและจัดการตัวเองก่อนที่พลูมแมทมาปลุกเสมอ เพิ่งจะมีวันนี้ที่ต้องสะดุ้งตื่น รู้สึกงงกับเสียงเรียกจนกระทั่งประตูห้องนอนเปิดออก


“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณไม่สบายหรือเปล่า ดิฉันเรียกอยู่ตั้งนานเลยต้องเสียมารยาทเปิดเข้ามาเอง สงสัยจะเป็นเพราะอากาศดีเลยนอนเพลินแน่เลยใช่มั้ยคะ”


สาวใช้ช่างพูดทักทายเสียงใส เมื่อเห็นสภาพของว่าที่นายหญิงก็ยิ้มกับอาการงัวเงียน่าเอ็นดู ดวงหน้าเรียวขาวผ่องแต่โหนกแก้มกับริมฝีปากกลับมีสีแดงระเรื่อ เส้นผมสีอ่อนยุ่งนิดๆยิ่งทำให้ดูเย้ายวนจนอยากให้ผู้เป็นนายได้มาเห็นกับตาเสียเดี๋ยวนี้


“ก็... คงใช่ รู้สึกหนาวนิดหน่อยด้วย”


ม่านหนาถูกเปิดออกจนสุด แสงแดดจ้าบอกให้รู้ว่าตนตื่นสายจนน่าตำหนิ และใจจริงก็ยังอยากจะซุกตัวลงกับไออุ่นของที่นอนต่ออีกสักหน่อย


“ไม่นิดหน่อยหรอกค่ะ เมื่อคืนพอตกดึกจู่ๆก็มีพายุ อากาศหนาวจะแย่ ทั้งลมทั้งหิมะพัดแรงจนดิฉันยังกลัวว่าคุณจะนอนไม่ได้ นี่หิมะก็เพิ่งจะหยุดตกไปตอนก่อนฟ้าสาง...”


เสียงของพลูมแมทยังแว่วอยู่ในหูในขณะที่โจชัวร์หวนนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา เรื่องของวิเศษทั้งสองชิ้นและภาพสุดท้ายของเพื่อนร่วมทานมื้อค่ำติดตาติดใจจนยากจะข่มตาหลับ


พอตกดึกเขาได้ยินเสียงลมพัดแรง และรู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเคลิ้มหลับไป ในความฝันคล้ายเมื่อครั้งเดินทางมาที่นี่แล้วหลงทางอยู่กลางพายุ ซ้ำร้ายไม่มีเจ้าอาชาแสนรู้อยู่เป็นเพื่อน เหมือนเขากำลังวิ่งตามหาบางสิ่งอยู่ในความมืดมิด จนเมื่อไร้ทั้งเรี่ยวแรงและหนทางให้เดินต่อ จึงได้แต่ห่อตัวด้วยความหนาวบวกความกลัว ฟังเสียงลมหวีดหวู่จนกระทั่งรอบตัวไร้ซึ่งสรรพสำเนียงใดๆ


เขาอาจหนาวจนหมดสติไป หรืออาจจะเป็นความฝันซ้อนในความฝันอีกชั้นหนึ่ง แต่ในห้วงความรู้สึกนั้นเขาได้ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดหนึ่งที่แสนจะอบอุ่น เสียงทุ้มนุ่มขับกล่อมบทเพลงให้คลายความหวาดกลัว กลิ่นหอมอ่อนๆชวนให้นึกถึงแสงแดดยามเช้า สายลมอุ่นๆจากทุ่งหญ้าไล้ผ่านใบหน้าและผิวกาย เขาจึงหลับสนิทลงได้อีกครั้งจนกระทั่งมีเสียงเรียกดัง ลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจที่พลูมแมทเข้ามาใกล้จนอาจจะเห็นความผิดปกติอะไรจากตัวเขาได้   


“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดิฉันเรียกอยู่หลายทีคุณก็ยังเอาแต่เหม่อ เช้านี้คงต้องทนอุดอู้กันสักหน่อยเพราะข้างนอกทั้งหนาวทั้งเฉอะแฉะไปหมด ลูมิแยร์ก็ฝากให้มาเรียนว่าวันนี้ต้องงดขี่ม้าสักวัน คุณลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิคะ ดิฉันจะเตรียมชุดให้”


โจชัวร์รีบสลัดความง่วงงุน ก้าวลงจากเตียงไปยังห้องน้ำ ได้ยินเสียงน้ำอุ่นเปิดไว้รอท่า แต่ก็ไม่ลืมหันกลับมาเน้นย้ำเรื่องสำคัญ


“ไม่เอากระโปรงนะพลูมแมท เสื้อที่ติดลูกไม้ฟูๆนั่นก็ไม่เอาด้วย ขอตัวที่แบบเรียบๆแล้วก็ใส่ง่ายที่สุด”


“แต่ว่า... แหม!... คุณโจล่ะก็...”


โจชัวร์ต้องฝ่าฟันเสียงคร่ำครวญ และเงื่อนไขต่อรองขอเพิ่มขอเปลี่ยนอยู่ตลอดการแต่งตัวจนสามารถลงมาที่โต๊ะอาหารได้ในเสื้อผ้าอย่างที่ต้องการ ทุกคนต่างแอบขำกับอาการงอนป่องของพลูมแมท แต่สิ่งที่ทำให้เขายิ้มกว้างคือข่าวดีจากคุณคอกซ์เวิร์ธว่าเจ้าของคฤหาสน์ได้มอบหมายหน้าที่ให้ตามที่เขาร้องขอ


“ห้องสมุดของที่นี่      ความจริงควรเรียกว่าเป็นห้องเก็บหนังสือของนายท่าน
เท่านั้นล่ะครับ เราไม่มีบรรณารักษ์ที่คอยดูแลโดยเฉพาะมาก่อน เรื่องทำความสะอาดหลักๆจะเป็นหน้าที่ของเดบูตองท์ ส่วนหนังสือเล่มไหนจะเก็บยังไงหรือเอาไว้ตรงไหนนายท่านจะสั่งลูมิแยร์ไว้ซึ่งบางทีเจ้านั่นก็เก็บได้ตามนั้นบ้าง วางมั่วๆเอาบ้าง ถ้านายท่านรู้ก็โดนสำเร็จโทษไปตามระเบียบ”


“แต่ข้าก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องการจัดเก็บหรือดูแลรักษาหนังสือเหมือนกันนะ”


“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ค่อยๆทำ ค่อยๆศึกษาไป อย่างน้อยเวลาว่างๆหรือเวลาที่ออกไปข้างนอกไม่ได้อย่างวันนี้ คุณจะได้ไม่เหงา ที่นี่มีหนังสือสะสมไว้มาก นายท่านอนุญาตให้คุณจัดการกับหนังสือได้ทุกเล่ม จะอ่าน จะเก็บ หรือมอบให้ใครก็แล้วแต่ความต้องการของคุณเลยครับ”


โจชัวร์รู้สึกโชคดีที่ได้รับหน้าที่ที่เหมาะกับตัวเองอย่างที่สุด ในวัยเด็กเขามักจะขลุกอยู่ในห้องหนังสือของพ่อเพื่อหลบพวกพี่สาวที่คอยตามหาเรื่อง เขาจึงมีหนังสือเป็นเหมือนเพื่อนคลายเหงา เหมือนครูที่คอยให้ความรู้และความเข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆในชีวิต น่าเสียดายที่พอครอบครัวสิ้นเนื้อประดาตัว หนังสือเหล่านั้นต้องถูกทิ้งไว้ที่บ้านในเมือง ได้แต่หวังว่าสักวันเขาจะได้กลับไปอ่านพวกมันอีกครั้ง


คำบอกเล่าของคุณคอกซ์เวิร์ธทำให้โจชัวร์วาดภาพถึงห้องโถงกว้างที่มีชั้นหนังสืออยู่ทุกด้าน แต่ละช่อง แต่ละชั้นจะเห็นสันปกต่างสี ต่างขนาดอัดแน่นตั้งแต่พื้นจรดเพดานถึงขนาดต้องปีนบันไดขึ้นไปเลือกหยิบ สภาพแสงค่อนข้างสลัวบวกกับอุณหภูมิที่ต่ำกว่าปกติเพื่อประโยชน์ในการรักษาสภาพของเนื้อกระดาษ ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นอับอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้บรรดาหนอนหนังสือรู้สึกเหมือนได้อยู่ในที่ทางของตน
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้สัมผัสประตูแห่งสวรรค์ที่เปิดรอท่า...


“พี่โจฮะ!”


หนูน้อยคนเดียวของบ้านส่งเสียงเรียกและวิ่งเต็มฝีเท้ามาแต่ไกล พอมาถึงก็ลากแขนเขาให้วิ่งตาม กว่าจะรู้เรื่องก็เมื่อมาพบกับลูมิแยร์ที่กำลังอยู่ในอาการรีบร้อนไม่แพ้กัน


“มีคนมาแจ้งข่าวว่าเมื่อเช้ามืดมีรถเสียหลักเกือบจะตกลงในแม่น้ำ นี่ทั้งม้าทั้ง
รถก็ยังติดอยู่ริมตลิ่ง นายท่านรีบออกไปดูแล้ว ส่วนกระผมอยู่เตรียมของกำลังจะออกไปสมทบ แต่เจ้าหนูนี่สิทำให้เสียเวลา บอกให้รอก่อนๆ ก็ไม่นึกว่าจะไปตามคุณโจมาด้วย แต่ผมว่าคุณอย่าไปเลย ทั้งอันตรายแล้วก็ไม่มีอะไรน่าดูหรอกขอรับ”


“ขอไปด้วยคนเถอะ อาจจะมีอะไรที่พอช่วยๆกันได้ หรืออย่างน้อยจะคอยดูพินช์ให้ จะได้ไม่เกะกะพวกผู้ใหญ่เวลาทำงานไงล่ะ”


โจชัวร์ไม่รอให้ลูมิแยร์ได้มีเวลาลังเลหรือปฏิเสธ เรียกว่าพอพูดจบก็เป็นฝ่ายพาพินช์วิ่งตรงไปยังคอกม้า ทางสโนว์เองก็เหมือนรู้ล่วงหน้า พอใส่อานก็พร้อมออกวิ่งโดยไม่ต้องรอให้สั่ง


ใช้เวลาไม่นาน พวกเขาก็มาถึงยังจุดเกิดเหตุ สภาพพื้นดินเฉอะแฉะจากหิมะที่ละลายทำให้เห็นรอยไถลจากทางสายหลักลงไปยังริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งกระแสน้ำทั้งเย็นเฉียบและเชี่ยวกราก


รถคันเกิดเหตุยังค้างเติ่งอยู่ริมตลิ่ง ด้านท้ายกระบะจมลงในน้ำกว่าครึ่ง ส่วนม้าที่ถูกผูกโยงยังอยู่ในอาการตื่น ยิ่งมันตะกุยตะกายเพื่อเอาตัวรอดก็ยิ่งทำให้รถลื่นไถลมากขึ้น หากปล่อยไว้คงจมลงในแม่น้ำ ไม่รอดทั้งรถทั้งม้า และปัญหาด่วนที่สุดคือบนรถคันนั้นมีเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งกำลังร้องไห้จ้า อยู่ในอาการตื่นกลัวไม่ต่างจากผู้ใหญ่หลายสิบคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่


เมื่อสอบถามจากชาวบ้านก็ได้ความว่า ในขณะที่ลื่นไถลจากถนน พ่อแม่เด็กถูกสะบัดตกจากรถได้รับบาดเจ็บ ส่วนลูกชายที่อยู่ในวัยเตาะแตะนอนหลับสนิทอยู่กับกองสัมภาระจึงยังติดอยู่ในกระบะไม้ด้านหลัง ไม่สามารถปีนออกมาได้เอง วิธีการช่วยเหลือหากไม่ลุยน้ำลงไปรับตัวเด็กก็ต้องรีบลากรถทั้งคันขึ้นจากน้ำซึ่งไม่ว่าวิธีไหนก็ต้องอาศัยความชำนาญ และความกล้าชนิดที่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองด้วยกันทั้งนั้น


ท่ามกลางเสียงร่ำไห้อ้อนวอนของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ถูกฉุดรั้งให้รออยู่บนฝั่ง ภาพที่สะดุดตาโจชัวร์คือร่างสูงใหญ่ที่กำลังสืบเท้าเข้าไปยังรถม้าทีละก้าวๆ ดวงตาสีอำพันประหลาดจดจ่ออยู่กับอาชาที่กำลังตื่นกลัว เขาส่งเสียงคำรามต่ำแต่สามารถปลอบประโลมจนม้าค่อยๆสงบลง ชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่โดยรอบพาลหยุดนิ่งด้วยความลุ้นระทึกจนเหลือเพียงเสียงร้องไห้ที่ยังดังชัดเจน ลูมิแยร์ค่อยๆไต่ลงไปหาผู้เป็นนายและช่วยผูกเชือกเส้นใหญ่เข้ากับรถเพื่อให้ม้าและคนบนฝั่งช่วยกันออกแรงลากขึ้นจากน้ำ ส่วนเจ้าอสูรรีบเข้าไปรับตัวเด็กน้อยโดยไม่สนใจอุณหภูมิระดับติดลบของสายน้ำที่เย็นเฉียบ


เมื่อรถทั้งคันพ้นจากน้ำ และเด็กชายได้คืนสู่อ้อมอกผู้เป็นแม่ เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีก็ดังก้องขึ้นทั่วทั้งบริเวณ


“ขอบคุณขอรับนายท่าน ถ้าไม่ได้นายท่าน พวกข้าคงต้องเสียลูกชายคนเดียวไปแล้ว” พ่อของเด็กประคองทั้งเมียและลูกของตนให้น้อมตัวลงแสดงความซาบซึ้งต่อร่างสูงใหญ่ที่เปียกโชกเกือบทั้งตัว


“บุญคุณครั้งนี้ครอบครัวของเราจะไม่มีวันลืมตราบชั่วชีวิต ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณมากจริงๆเจ้าค่ะ”


“ไม่เป็นไร คราวหน้าคราวหลังก็ระวังให้มากกว่านี้ เดี๋ยวตามกลับไปด้วยกันทั้งหมดนี่ล่ะ พวกเจ้าจะได้ทำแผลให้เรียบร้อย คนที่คอกม้าจะดูแลม้าของเจ้าให้ ส่วนรถค่อยดูกันอีกทีว่าต้องซ่อมแซมมากแค่ไหน แล้วข้าวของที่หล่นลงน้ำไปหมดจะทำยังไงกัน สำคัญมากมั้ย ถ้าที่บ้านเจ้าขาดเหลืออะไรบอกให้ลูมิแยร์จัดหาให้ก่อนแล้วกันนะ”


“ไม่เป็นไรมิได้ขอรับ แค่นี้ก็เป็นพระคุณมากแล้ว พวกผมไม่อยากรบกวนนายท่าน”


“ไม่รบกวนหรอก อากาศหนาวออกอย่างนี้ แล้วนี่ก็สายมากแล้ว อย่างน้อยลูกชายเจ้าก็คงอยากได้ซุปหรือนมอุ่นๆสักถ้วย”  


โจชัวร์ไม่อาจเห็นสายตาของผู้ที่มีรูปลักษณ์ผิดมนุษย์ แต่ภาพที่เด็กน้อยในอ้อมแขนผู้เป็นแม่ตะปบมือใหญ่ที่ยื่นมาหาพลางยิ้มรับพร้อมส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากก็สะท้อนถึงความอ่อนโยนซึ่งจิตอันบริสุทธิ์พึงสัมผัสได้ และก่อนที่เขาจะสามารถละสายตาจากภาพน่าประทับใจนั้น ร่างสูงใหญ่ดังแผ่นหินก็หันกลับมาและพบว่าตนเองกำลังถูกจับจ้อง ดวงตาสีประหลาดจงใจมองตอบและเหมือนมีมนต์สะกดให้เขาไม่อาจหลบสายตา ชั่ววินาทีนั้นทุกอย่างรอบตัวพลันเลือนรางราวกับภาพฝัน โครงร่างและใบหน้าอย่างสัตว์ป่าไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เคยเห็น คมเขี้ยวใหญ่หรือกรงเล็บแหลมก็เหมือนไม่ใช่ของอันตราย อาจจะฆ่ากระต่ายตัวเล็กๆสักตัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าเจ้าอสูรไม่เหมือนเดิมหรือตัวเขากันแน่ที่กำลังเปลี่ยนไป


“คุณโจขอรับ!” เสียงเรียกดังขึ้นข้างตัวทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง


“ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว แต่กระผมต้องอยู่จัดการกับรถม้าเสียก่อน ให้สโนว์พาคุณกับพินช์กลับเถอะ ข้างนอกนี่อากาศหนาว เดี๋ยวจะไม่สบายกันไปหมด”


โจชัวร์ไม่ดื้อดึงอยู่ต่อ เพราะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ก็เริ่มแยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง สโนว์เดินกุบกับมาใกล้ๆโดยมีพินช์นั่งอยู่บนหลัง ห่อตัวเองจนอุ่นเรียบร้อยและยังเหลือผ้าห่มอีกผืน


“ลูมิแยร์...” เขาหลุดปากไปอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ายนั้นเดินกลับมาหาและมองสิ่งที่เขายื่นให้งงๆ


“เดี๋ยวข้าก็ถึงบ้านแล้วไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่นายของเจ้าตัวเปียกอย่างนั้นคงหนาวแย่”


โจชัวร์รีบตวัดตัวขึ้นหลังม้าและจากมาโดยไม่สนใจว่าลูมิแยร์จะจัดการผ้าห่มผืนนั้นอย่างไร แต่ถึงไม่ได้หันไปมองก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่ตามติดมาจนต้องเร่งให้สโนว์วิ่งเร็วขึ้น ถึงอย่างนั้นเขาก็พบว่าเรื่องที่ริมฝั่งแม่น้ำเดินทางมาถึงคฤหาสน์เร็วเสียกว่าฝีเท้าม้า ยิ่งได้พยานในเหตุการณ์อย่างเจ้าหนูพินช์ด้วยแล้ว...


“นายท่านเก่งที่สุดเลยฮะ นายท่านค่อยๆย่องๆๆเข้าไปยังงี้ แล้วก็ทำให้เจ้าม้ายอมอยู่นิ่งๆ...” ร่างเล็กโก่งตัวแล้วจิกปลายเท้าก้าวให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ที่ใช้นิ้วจรดริมฝีปากเป่าลมฟู่ๆนั้นคงเป็นส่วนที่แถมเพิ่มให้





ต่อด้านล่างค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่