สิทธิของคนโดนเท(ให้ออก) จากบริษัทที่ทำงาน


ตกงาน เลย์ออฟ โดนไล่ออก พูดเบาๆ ก็เจ็บ ยิ่งเศรษฐกิจในปัจจุบัน คงทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเรานอนฝันร้าย หรือหนาวๆ ร้อนๆ กันเลยทีเดียว สำหรับใครที่มีโอกาสใหม่ๆ เข้ามาก็อาจจะเบาใจได้ แต่คนที่ยังไม่มีช่องทางหรือไม่รู้จะไปไหนดีคงต้องหาทางรับมือให้ดี เพราะหากเกิดขึ้น หมายถึงรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอของเราจะหายไป ของรักของข้าก็อาจจะต้องนำมาขายกันบ้าง

เมื่อเราถูกเลย์ออฟ ก็ใช่ว่าจะถูกลอยแพ ไร้คนช่วยเหลือ หรืออัตตา หิ อัตตโน นาโถ (ตนแลเป็นที่พึ่งของตน) เพราะภาครัฐก็มีมาตรการช่วยเหลือให้กับเราด้วย K-Expert ได้สรุปมาให้แล้ว 2 เรื่องคือ ค่าชดเชยในการบอกเลิกจ้าง และเงินชดเชยกรณีว่างงานจากประกันสังคม

ส่วนแรก ค่าชดเชยในการบอกเลิกจ้าง อันนี้เป็นไปตามพรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพื่อเยียวยาหัวใจของเราในการที่ต้องไปเริ่มหางานอีกครั้ง แหม่พูดซะกินใจ โดยเราจะได้เท่าไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ได้ทำงานมา ดังตารางนี้

โดยในการเลย์ออฟนั้นบริษัทจำเป็นต้องแจ้งให้เราทราบล่วงหน้าโดยหลักๆคือ

กรณีอิงตามมาตรา 17 ก็คือ การบอกเลิกจ้างอันเนื่องจากสัญญาจ้างไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหนึ่งงวดการจ่ายค่าจ้าง เช่นหากจ่ายเงินเดือนทุกวันที่ 25 แล้วบริษัทต้องการให้การเลิกจ้างมีผลในวันที่  25 ก.พ. นั้นบริษัทต้องแจ้งให้กับพนักงานทราบภายในวันที่ 25 ม.ค. นั่นเอง โดยหากแจ้งในวันที่ 26 ม.ค. ก็จะมีผลให้พนักงานนั้นต้องถูกเลิกจ้างในวันที่ 25 มี.ค.

ส่วนการบอกเลิกจ้างตามมาตรา 121 นั้นถ้าจะให้พูดเข้าใจง่ายๆ เลยก็คือ บริษัทมีการปรับปรุงหน่วยงาน โดยการนำเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องลดจำนวนลูกจ้างลง นายจ้างต้องแจ้งให้กับพนักงานตรวจแรงงานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน และเราที่เป็นลูกจ้างล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วันก่อนที่จะเลิกจ้าง พร้อมเหตุผลในการเลิกจ้าง

โดยหากไม่มีการแจ้งล่วงหน้าดังกล่าว นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวให้กับเรา โดยไม่นับรวมกับค่าชดเชย หรือที่คนมักเรียกเล่นๆกันว่าค่าตกใจนั่นเอง โดยเงื่อนไขการจ่ายนี้สามารถศึกษาได้ที่ สิทธินายจ้างและลูกจ้าง ของกระทรวงแรงงานที่ http://www.mol.go.th/employer/duty

ส่วนที่สอง เงินชดเชยกรณีว่างงานจากประกันสังคม แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ เพราะเงินชดเชยจะจ่ายให้กับผู้ที่นำส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนนะในจุดๆนี้ โดยในกรณี เลย์ออฟจะได้รับเงินชดเชยเป็นรายเดือน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ซึ่งคำว่าค่าจ้างนี้ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะสำนักงานประกันสังคมอ้างอิงตามรายได้ของเรา โดยรายได้สูงสุดที่คิดเป็นฐานในการคำนวณอยู่ที่ 15,000 บาท กล่าวคือ ต่อให้ได้เงินเดือน 50,000 บาท เราก็จะได้เงินชดเชยสูงสุดที่ 7,500 บาทเท่านั้น และเราต้องไปขึ้นทะเบียนกับสำนักจัดหางานภายใน 30 วันนับตั้งแต่ว่างงาน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือนี้เป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือนในช่วงที่ตนเองกำลังว่างงานอยู่ และต้องรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานทุกเดือน

สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่เป็นสิทธิของประกันสังคม ในระยะเวลา 6 เดือนหลังการถูกเลิกจ้างเรายังเข้ารับการรักษาได้ปรกติ แต่หากหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว เรายังต้องการรักษาสิทธิดังกล่าวไว้ เราต้องไปสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เพื่อให้สามารถรับการรักษาพยาบาลได้เหมือนกับลูกจ้างประจำ แต่ข้อสำคัญคือ เราต้องยื่นสมัครกับสำนักงานประกันสังคมภายใน 6 เดือนนับจากวันที่ออกจากงาน และนำส่งเงินเข้ากองทุนเดือนละ 432 บาททุกเดือน

ขอหมายเหตุไว้นิดนึงนะครับว่า มาตรการช่วยเหลือข้างต้นสำหรับผู้ที่ถูกเลย์ออฟ ซึ่งหมายถึง กรณีที่เป็นลูกจ้างประจำ แล้วถูกบอกเลิกจ้าง โดยไม่ใช่การลาออกอย่างสมัครใจ ไม่ใช่การเลิกตามระยะเวลาที่ระบุในสัญญา และไม่ได้ถูกให้ออกจากการทำทุจริต หรือทำให้บริษัทเสียหายนะครับ โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://lb.mol.go.th/ewt_news.php?nid=228 ของกระทรวงแรงงานได้เลยครับ

K-Expert ขออวยพรให้เพื่อนๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้หาทางออกได้อย่างรวดเร็ว หรือใครที่ยังไม่เจอก็อย่าให้เจอเหตุการณ์แบบนี้ เพื่อนๆ ท่านไหนมีเทคนิคเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการเงินเมื่อถูกเลย์ออฟ แชร์กันได้เลยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่