สวัสดีค่ะ พอดีว่าช่วงนี้จขกท.มีเพื่อนที่กำลังจะคลอดลูก เลยต้องหาของขวัญต้อนรับเด็กน้อยกันหน่อย หลังจากหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ไปเจอบทความหนึ่งเกี่ยวกับห่วงยางคอสำหรับเด็กทารกที่เป็นข้อเสียขึ้นมา (แบบภาษาอังกฤษ) เลยมาลองค้นหาแบบภาษาไทยดูด้วยเพื่อหาข้อมูลมากขึ้นแต่ปรากฏว่าแทบจะไม่เจอเลย จึงลองแปลบทความนี้จากภาษาอังกฤษมาให้พ่อแม่ในพันทิพลองอ่านกันดูค่ะ
เครดิตรูปภาพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://img.huffingtonpost.com/asset/58eb654a16000021004d9a40.jpeg?cache=rwdbx6gzud&ops=scalefit_630_noupscale
ห่วงยางคอสำหรับเด็กทารกปลอดภัยจริงหรือ? (บทความจากบล๊อค JustKiddi วันที่ 8 เมษายน 2559)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครๆก็ชอบอวดรูปเด็กเล็กน่ารักน่าเอ็นดูกัน บางครั้งคุณอาจเห็นพ่อแม่โพสรูปลูกๆของพวกเขาตอนอยู่ในสระว่ายน้ำหรืออ่างน้ำโดยใส่ห่วงยางคอสำหรับเด็กอ่อนเอาไว้ โดยบอกว่ากิจกรรมนี้ “มันช่วยเพิ่มทักษะทางกีฬาและการทำงานประสานกันของร่างกายเด็กๆได้” อาจฟังดูดีแต่จริงๆแล้วห่วงยางคอเหล่านี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กทารก
แล้วทำไมห่วงยางคอถึงไม่ปลอดภัยล่ะ?
ประการแรกก็คือ ห่วงยางคอนั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ผิดธรรมชาติสุดๆ ลองนึกว่าถ้าเป็นตัวคุณที่ถูกรัดคอไว้ด้วยห่วงยางขณะอยู่ในน้ำ ศีรษะและคอของคุณถูกบล๊อคเอาไว้โดยตัวของคุณก็ลอยอยู่ในน้ำได้เพียงแนวดิ่งเท่านั้น ฉันมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่คงจะคิดเหมือนกันว่ามันไม่สบายตัวเอาเสียเลย ฉะนั้นถ้าอะไรก็ตามที่แม้แต่ผู้ใหญ่ใช้แล้วยังไม่สบายตัว ก็ไม่สมควรจะเอาไปใช้กับเด็กทารถเช่นกัน
และนอกจากมันดูจะไม่สบายตัวแล้ว ลักษณะการทำงานของห่วงยางคอเพื่อใช้พยุงตัวในน้ำโดยให้ส่วนศีรษะเพียงส่วนเดียวลอยอยู่ในน้ำนั้น มันมีแรงกดโดยเน้นตรงส่วนคอเป็นพิเศษ สำหรับเด็กอ่อนที่กระดูกและกล้ามเนื้อยังไม่พัฒนาเต็มที่จึงถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว เพราะน้ำหนักของร่างกายเด็กจะถูกดึงถ่วงลงอย่างผิดธรรมชาติ ขณะที่ส่วนศีรษะก็จะถูกแรงดึงขึ้นด้านบน ถึงแม้ว่าธรรมชาติของการลอยตัวในน้ำจะมีการผ่อนน้ำหนักร่างกายแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ได้รับบาดเจ็บอยู่ดี
ถ้ารู้ว่ามันอันตรายยังไง แล้วคุณยังจะใช้มันอีกไหม?
กล้ามเนื้อส่วนที่สำคัญที่สุดต่อพัฒนาการต่างๆของเด็กแรกเกิดก็คือส่วนคอและหลัง พฤติกรรมส่วนใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในพัฒนาการขั้นต่อไป (เช่นการนั่ง การคลาน) จะขึ้นอยู่กับกล้านเนื้อสองส่วนนี้เป็นหลัก แน่นอนว่าในชั้นเรียนว่ายน้ำและชั้นเรียนการเลี้ยงดูเด็กอ่อนนั้นอาจจะสนับสนุนให้ใช้ห่วงยางคอโดยกล่าวอ้างว่า มันจะช่วยพัฒนาการทำงานประสานกันของร่างกายและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้
แต่ถึงอย่างไร การใช้ห่วงยางคอโดยที่ศีรษะและคอถูกล๊อคเอาไว้ขณะลอยตัวอยู่ในแนวดิ่งแบบนั้นไม่มีผลอะไรต่อการพัฒนากล้ามเนื้อส่วนคอ ไหล่ และหลังเลย
กุมารแพทย์เองก็ไม่เห็นด้วยเลยที่จะให้ใช้ห่วงยางคอเพราะยังมีอีกหลายวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยของคุณ
แทนที่จะให้ลูกน้อยออกกำลังกายแบบไม่ปลอดภัย สู้ให้พวกเขาใช้เวลาไปกับ Tummy Time หรือการนอนคว่ำเพื่อให้ลูกได้สร้างพัฒนาการโดยการใช้หน้าท้องแทนดีกว่า ไม่เพียงแต่ปลอดภัยกว่าเท่านั้นแต่มันยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนากล้ามเนื้อส่วนสำคัญต่างๆอีกด้วย
การพาลูกน้อยไปเล่นหรือว่ายน้ำในสระที่ปลอดภัยและมีการควบคุมก็มีประโยชน์ในการพัฒนาอารมณ์ของเด็ก
แต่ก่อนที่จะพาลูกของคุณไปสมัครเรียนว่ายน้ำกัน คุณจำเป็นจะต้องอ่านข้อควรทราบเหล่านี้เสียก่อน
1. สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกาไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 เดือนเรียนว่ายน้ำ หมายความว่า แม้หลายสื่อโฆษณาจะแสดงให้เห็นว่าการว่ายน้ำมีประโยชน์หลายอย่างต่อเด็กทารก แต่ไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ใดๆที่อ้างอิงให้เห็นว่าเด็กได้เรียนรู้อะไรจริงๆจากการเรียนว่ายน้ำ เพราะฉะนั้นหากคุณจะพาลูกน้อยไปสมัครเรียนว่ายน้ำแล้วละก็ คุณควรจะให้ความสำคัญไปที่ความบันเทิงสนุกสนานและความปลอดภัยแทนการว่ายน้ำแบบจริงๆเพราะทารกนั้นยังเด็กเกินกว่าที่จะเรียนรู้ได้จริง
2. พ่อแม่ควรอยู่กับลูกในเวลาเรียนว่ายน้ำด้วย
3. พ่อแม่สามารถเลือกสมัครเรียนกับสภากาชาดแทนได้ ทางสถาบันมีสระว่ายน้ำที่มีการควบคุมความสะอาดตรงตามมาตรฐานและอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ 32 องศาเซลเซียสอยู่ตลอด (ผู้แปล:ข้อนี้คือสภากาชาดที่อเมริกา สำหรับของไทยเท่าที่ทราบยังไม่มีสระว่ายน้ำเด็กที่เป็นของหน่วยงานรัฐ)
4. ครูสอนว่ายน้ำจะต้องมีประกาศนียบัตรและประสบการณ์พอสมควร ในหนึ่งชั้นเรียนที่ดีควรจะมีนักเรียนไม่มากเกินไปเพื่อให้ครูสามารถดูแลความปลอดภัยให้เด็กๆได้อย่างทั่วถึง
ในกรณีที่คุณไม่อยากพาลูกไปสมัครเรียน แต่แค่
อยากพาลูกไปว่ายน้ำในสระสาธารณะด้วยตัวเอง ต่อไปนี้คือข้อควรระวัง
1. ขอให้แน่ใจว่าขณะที่อยู่ในสระว่ายน้ำ ลูกของคุณจะต้องอยู่ในระยะที่แขนคุณเอื้อมได้ถึงและอยู่ในสายตาของคุณอยู่ตลอดเวลา อย่าปล่อยลูกไว้ในสระตามลำพังแม้แต่วินาทีเดียว
2. เด็กทารกอายุต่ำกว่า 12 เดือนไม่ควรแช่อยู่ในน้ำนานเกิน 30 นาทีเพราะเด็กวัยนี้จะสูญเสียความอบอุ่นของร่างกายได้เร็วกว่าผู้ใหญ่
3. อุณหภูมิน้ำในสระที่ดีควรจะอยู่ที่ 32 องศาเซลเซียส ไม่แนะนำอุณภูมิที่สูงหรือต่ำกว่านี้สำหรับเด็กทารก หากลูกน้อยเริ่มตัวสั่นขณะอยู่ในน้ำให้รีบพาลูกขึ้นจากสระและใช้ผ้าขนหนูแห้งอบอุ่นร่างกายเด็กทันที
4. อย่าให้ลูกดำน้ำ มนุษย์ไม่ใช่ปลาและการว่ายน้ำเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้เมื่อเราโตขึ้น ไม่ใช่สัญชาติญาณตามธรรมชาติ
5. อย่าใช้อุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยสะเปะสะปะ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทารกคืออยู่ในสายตาของพ่อแม่ตลอดเวลา
ในกรณีที่คุณต้องการเพิ่มการป้องกันเป็นพิเศษ ให้ใช้เสื้อชูชีพสำหรับเด็กทารถแทน ย้ำอีกครั้งว่าลูกต้องอยู่ในระยะแขนเอื้อมได้ถึงตลอดเวลาที่อยู่ในน้ำ
แล้วเด็กต้องอายุเท่าไหร่เสียก่อนถึงจะเรียนว่ายน้ำได้จริงๆ?
สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกาแนะนำไว้ว่า
ส่วนใหญ่แล้วเด็กควรอายุอย่างน้อย 4 ขวบเสียก่อนจึงค่อยเรียนว่ายน้ำ เพราะในช่วงอายุเท่านี้ร่างกายเด็กพัฒนาเพียงพอที่จะว่ายน้ำได้แล้ว
ปัจจุบันยังมีงานวิจัยไม่มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าวิธีการสอนว่ายน้ำแบบไหนที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1 – 4 ขวบ พ่อแม่คนไหนที่อยากจะพาลูกไปสมัครเรียนจึงควรให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ จำไว้ว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เด็กบางคนอาจจะว่ายน้ำเป็นตั้งแต่ยังเด็กมาก ในขณะที่เด็กบางคนอาจจะว่ายน้ำไม่เป็นเลยก็ได้ในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรเปรียบเทียบลูกของคุณกับเด็กคนอื่นๆโดยเด็ดขาด
เครดิตรูป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://justkiddi.com/infant-neck-floats/
ที่มาของบทความ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://justkiddi.com/infant-neck-floats/
จขกท.มีเจตนาเอามาแชร์ให้อ่านกันเฉยๆนะคะ ทั้งนี้การจะใช้หรือไม่ใช้ห่วงยางคอนั้นก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของพ่อแม่เด็กเองค่ะ ใครใคร่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ขอร้องว่าไม่มาม่ากันนะคะ
ห่วงยางคอสำหรับเด็กทารกปลอดภัยจริงหรือ?
เครดิตรูปภาพ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ห่วงยางคอสำหรับเด็กทารกปลอดภัยจริงหรือ? (บทความจากบล๊อค JustKiddi วันที่ 8 เมษายน 2559)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครๆก็ชอบอวดรูปเด็กเล็กน่ารักน่าเอ็นดูกัน บางครั้งคุณอาจเห็นพ่อแม่โพสรูปลูกๆของพวกเขาตอนอยู่ในสระว่ายน้ำหรืออ่างน้ำโดยใส่ห่วงยางคอสำหรับเด็กอ่อนเอาไว้ โดยบอกว่ากิจกรรมนี้ “มันช่วยเพิ่มทักษะทางกีฬาและการทำงานประสานกันของร่างกายเด็กๆได้” อาจฟังดูดีแต่จริงๆแล้วห่วงยางคอเหล่านี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กทารก
แล้วทำไมห่วงยางคอถึงไม่ปลอดภัยล่ะ?
ประการแรกก็คือ ห่วงยางคอนั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ผิดธรรมชาติสุดๆ ลองนึกว่าถ้าเป็นตัวคุณที่ถูกรัดคอไว้ด้วยห่วงยางขณะอยู่ในน้ำ ศีรษะและคอของคุณถูกบล๊อคเอาไว้โดยตัวของคุณก็ลอยอยู่ในน้ำได้เพียงแนวดิ่งเท่านั้น ฉันมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่คงจะคิดเหมือนกันว่ามันไม่สบายตัวเอาเสียเลย ฉะนั้นถ้าอะไรก็ตามที่แม้แต่ผู้ใหญ่ใช้แล้วยังไม่สบายตัว ก็ไม่สมควรจะเอาไปใช้กับเด็กทารถเช่นกัน
และนอกจากมันดูจะไม่สบายตัวแล้ว ลักษณะการทำงานของห่วงยางคอเพื่อใช้พยุงตัวในน้ำโดยให้ส่วนศีรษะเพียงส่วนเดียวลอยอยู่ในน้ำนั้น มันมีแรงกดโดยเน้นตรงส่วนคอเป็นพิเศษ สำหรับเด็กอ่อนที่กระดูกและกล้ามเนื้อยังไม่พัฒนาเต็มที่จึงถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว เพราะน้ำหนักของร่างกายเด็กจะถูกดึงถ่วงลงอย่างผิดธรรมชาติ ขณะที่ส่วนศีรษะก็จะถูกแรงดึงขึ้นด้านบน ถึงแม้ว่าธรรมชาติของการลอยตัวในน้ำจะมีการผ่อนน้ำหนักร่างกายแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ได้รับบาดเจ็บอยู่ดี
ถ้ารู้ว่ามันอันตรายยังไง แล้วคุณยังจะใช้มันอีกไหม?
กล้ามเนื้อส่วนที่สำคัญที่สุดต่อพัฒนาการต่างๆของเด็กแรกเกิดก็คือส่วนคอและหลัง พฤติกรรมส่วนใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในพัฒนาการขั้นต่อไป (เช่นการนั่ง การคลาน) จะขึ้นอยู่กับกล้านเนื้อสองส่วนนี้เป็นหลัก แน่นอนว่าในชั้นเรียนว่ายน้ำและชั้นเรียนการเลี้ยงดูเด็กอ่อนนั้นอาจจะสนับสนุนให้ใช้ห่วงยางคอโดยกล่าวอ้างว่า มันจะช่วยพัฒนาการทำงานประสานกันของร่างกายและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ แต่ถึงอย่างไร การใช้ห่วงยางคอโดยที่ศีรษะและคอถูกล๊อคเอาไว้ขณะลอยตัวอยู่ในแนวดิ่งแบบนั้นไม่มีผลอะไรต่อการพัฒนากล้ามเนื้อส่วนคอ ไหล่ และหลังเลย
กุมารแพทย์เองก็ไม่เห็นด้วยเลยที่จะให้ใช้ห่วงยางคอเพราะยังมีอีกหลายวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อยของคุณ แทนที่จะให้ลูกน้อยออกกำลังกายแบบไม่ปลอดภัย สู้ให้พวกเขาใช้เวลาไปกับ Tummy Time หรือการนอนคว่ำเพื่อให้ลูกได้สร้างพัฒนาการโดยการใช้หน้าท้องแทนดีกว่า ไม่เพียงแต่ปลอดภัยกว่าเท่านั้นแต่มันยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนากล้ามเนื้อส่วนสำคัญต่างๆอีกด้วย
การพาลูกน้อยไปเล่นหรือว่ายน้ำในสระที่ปลอดภัยและมีการควบคุมก็มีประโยชน์ในการพัฒนาอารมณ์ของเด็ก แต่ก่อนที่จะพาลูกของคุณไปสมัครเรียนว่ายน้ำกัน คุณจำเป็นจะต้องอ่านข้อควรทราบเหล่านี้เสียก่อน
1. สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกาไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 เดือนเรียนว่ายน้ำ หมายความว่า แม้หลายสื่อโฆษณาจะแสดงให้เห็นว่าการว่ายน้ำมีประโยชน์หลายอย่างต่อเด็กทารก แต่ไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ใดๆที่อ้างอิงให้เห็นว่าเด็กได้เรียนรู้อะไรจริงๆจากการเรียนว่ายน้ำ เพราะฉะนั้นหากคุณจะพาลูกน้อยไปสมัครเรียนว่ายน้ำแล้วละก็ คุณควรจะให้ความสำคัญไปที่ความบันเทิงสนุกสนานและความปลอดภัยแทนการว่ายน้ำแบบจริงๆเพราะทารกนั้นยังเด็กเกินกว่าที่จะเรียนรู้ได้จริง
2. พ่อแม่ควรอยู่กับลูกในเวลาเรียนว่ายน้ำด้วย
3. พ่อแม่สามารถเลือกสมัครเรียนกับสภากาชาดแทนได้ ทางสถาบันมีสระว่ายน้ำที่มีการควบคุมความสะอาดตรงตามมาตรฐานและอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ 32 องศาเซลเซียสอยู่ตลอด (ผู้แปล:ข้อนี้คือสภากาชาดที่อเมริกา สำหรับของไทยเท่าที่ทราบยังไม่มีสระว่ายน้ำเด็กที่เป็นของหน่วยงานรัฐ)
4. ครูสอนว่ายน้ำจะต้องมีประกาศนียบัตรและประสบการณ์พอสมควร ในหนึ่งชั้นเรียนที่ดีควรจะมีนักเรียนไม่มากเกินไปเพื่อให้ครูสามารถดูแลความปลอดภัยให้เด็กๆได้อย่างทั่วถึง
ในกรณีที่คุณไม่อยากพาลูกไปสมัครเรียน แต่แค่อยากพาลูกไปว่ายน้ำในสระสาธารณะด้วยตัวเอง ต่อไปนี้คือข้อควรระวัง
1. ขอให้แน่ใจว่าขณะที่อยู่ในสระว่ายน้ำ ลูกของคุณจะต้องอยู่ในระยะที่แขนคุณเอื้อมได้ถึงและอยู่ในสายตาของคุณอยู่ตลอดเวลา อย่าปล่อยลูกไว้ในสระตามลำพังแม้แต่วินาทีเดียว
2. เด็กทารกอายุต่ำกว่า 12 เดือนไม่ควรแช่อยู่ในน้ำนานเกิน 30 นาทีเพราะเด็กวัยนี้จะสูญเสียความอบอุ่นของร่างกายได้เร็วกว่าผู้ใหญ่
3. อุณหภูมิน้ำในสระที่ดีควรจะอยู่ที่ 32 องศาเซลเซียส ไม่แนะนำอุณภูมิที่สูงหรือต่ำกว่านี้สำหรับเด็กทารก หากลูกน้อยเริ่มตัวสั่นขณะอยู่ในน้ำให้รีบพาลูกขึ้นจากสระและใช้ผ้าขนหนูแห้งอบอุ่นร่างกายเด็กทันที
4. อย่าให้ลูกดำน้ำ มนุษย์ไม่ใช่ปลาและการว่ายน้ำเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้เมื่อเราโตขึ้น ไม่ใช่สัญชาติญาณตามธรรมชาติ
5. อย่าใช้อุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยสะเปะสะปะ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทารกคืออยู่ในสายตาของพ่อแม่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องการเพิ่มการป้องกันเป็นพิเศษ ให้ใช้เสื้อชูชีพสำหรับเด็กทารถแทน ย้ำอีกครั้งว่าลูกต้องอยู่ในระยะแขนเอื้อมได้ถึงตลอดเวลาที่อยู่ในน้ำ
แล้วเด็กต้องอายุเท่าไหร่เสียก่อนถึงจะเรียนว่ายน้ำได้จริงๆ?
สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกาแนะนำไว้ว่า
ส่วนใหญ่แล้วเด็กควรอายุอย่างน้อย 4 ขวบเสียก่อนจึงค่อยเรียนว่ายน้ำ เพราะในช่วงอายุเท่านี้ร่างกายเด็กพัฒนาเพียงพอที่จะว่ายน้ำได้แล้ว
ปัจจุบันยังมีงานวิจัยไม่มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าวิธีการสอนว่ายน้ำแบบไหนที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 1 – 4 ขวบ พ่อแม่คนไหนที่อยากจะพาลูกไปสมัครเรียนจึงควรให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ จำไว้ว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เด็กบางคนอาจจะว่ายน้ำเป็นตั้งแต่ยังเด็กมาก ในขณะที่เด็กบางคนอาจจะว่ายน้ำไม่เป็นเลยก็ได้ในท้ายที่สุด อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรเปรียบเทียบลูกของคุณกับเด็กคนอื่นๆโดยเด็ดขาด
เครดิตรูป [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่มาของบทความ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จขกท.มีเจตนาเอามาแชร์ให้อ่านกันเฉยๆนะคะ ทั้งนี้การจะใช้หรือไม่ใช้ห่วงยางคอนั้นก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของพ่อแม่เด็กเองค่ะ ใครใคร่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ขอร้องว่าไม่มาม่ากันนะคะ