ระบำเงา (บทที่ 22)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องมัด มัศยวีร์, คุณ สมาชิกหมายเลข 3876475, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณนัน turtle_cheesecake, น้องดาว Lady Star 919, คุณ CAN LIVE, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณนะ Na(นะ), คุณซูซี่ Susisiri
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


บทที่ 22



    “คนเรายิ่งอยู่นานก็ยิ่งสร้างปัญหาใช่ไหมพราว” เสียงทุ้มๆ นั้นปนหัวเราะ

“คงอย่างนั้นมังคะ”

พราวไหมแนบหน้าลงกับแผงอกกำยำ เพลิดเพลินกับเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กลิ่นเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมหอมสะอาด มีกลิ่นบุหรี่ปนอยู่ด้วยเพียงบางเบา ร่างใหญ่โตยืนพิงผนังห้องด้วยท่วงท่าผ่อนพัก และเธอก็เอนอิงอยู่กับเขาอีกต่อ มีท่อนแขนแข็งแรงโอบไว้รอบตัว เธอยังอยู่ในพันธนาการของเขาแม้จะไม่ถูกตรึงไว้ระหว่างผนังห้องและเรือนกายของเขาเหมือนเมื่อครู่ก็ตาม

    สบายและผ่อนคลายเสียจนอยากอยู่ในท่านี้ให้นานแสนนาน มีความสุขอบอวลอยู่ในหัวใจ ไม่อยากคิด ไม่กล้าขยับตัว ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น ด้วยเกรงว่าจะทำให้ความอ่อนหวานนี้จางหายไปเสีย

    “ที่จริงผมไม่ควรรีบมาเกิดเลย ว่าไหม คอยไปก่อนสักยี่สิบปีก็คงดีหรอก ชีวิตตอนนี้คงยุ่งน้อยกว่านี้” เขาว่าทีเล่นทีจริง

    อ้อมแขนแกร่งกระชับขึ้นอีกนิด รู้สึกตลอดเวลาถึงนวลเนื้อที่เบียดอยู่กับแผ่นอก ไฟปรารถนาคุกรุ่น  หากก็มีบางสิ่งบางอย่างแฝงเร้นอยู่ที่นั่นด้วย บางสิ่งบางอย่างซึ่งเขาเองก็อธิบายไม่ได้ เป็นความรู้สึกละเอียดอ่อนแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน และเขาก็ไม่ต้องการทำลายมันเสียในเวลานี้
    
    “พราวว่าชีวิตคนเรายุ่งทุกคนแหละค่ะคุณสืบ อยู่ที่ว่าใครจะยุ่งมากยุ่งน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง”

    เมื่อหัวใจซึ่งเต้นระทึกเพราะถูกจู่โจมเมื่อครู่สงบลง พราวไหมเริ่มกล้าพอที่จะต่อปากต่อคำกับเขาอีกครั้ง

    เธอเงยหน้าขึ้นหาเขา แต่ก็ยังไม่กล้าสบตาตรงๆ ในระยะใกล้ขนาดนี้ ตาจึงจับอยู่เพียงปลายคางออกเหลี่ยม มีร่องรอยของหนวดเคราซึ่งถูกโกนออกเขียวจางๆ

แต่แล้วก็ต้องหลับตา เมื่อริมฝีปากอบอุ่นทาบลงแผ่วเบาที่หน้าผาก

    “พูดอย่างกับคนแก่” เขาทำเสียงล้อเลียน “อายุแค่ยี่สิบสี่ จะมีเรื่องยุ่งอะไรกันมากมาย”

    “มีสิคะคุณสืบ พราวมีเรื่องยุ่งตั้งเยอะแยะ”

    หญิงสาวลอบผ่อนลมหายใจยาว 'เรื่องยุ่ง' บางเรื่องของเธอน่าละอายเกินกว่าจะให้ใครรู้ พยายามมาตลอดที่จะฝังมันไว้กับอดีต และไม่หวนไปคิดถึงอีก แต่ก็ยากเหลือแสน ในเมื่อมันยังตามมาหลอกหลอนได้จนถึงทุกวันนี้ เรื่องแบบนี้ผู้หญิงที่ไหนจะลืมได้ง่ายๆ

แต่บางทีเธออาจเดินมาถึงจุดซึ่งชีวิตกำลังจะเปลี่ยนแปลงแล้วก็ได้ บางทีเธออาจมาถึง 'บ้าน' ซึ่งแสวงหามาตลอดชีวิตแล้ว ในเมื่อเวลานี้เริ่มรู้สึกถึงความสงบอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก

    ‘บ้าน’ จริงๆ เป็นอย่างไร จะว่าพราวไหมแทบไม่รู้จักก็คงไม่ผิดนัก พ่อตายเมื่อเธออายุสี่ขวบย่างห้าขวบ พ่อตายเพราะเหตุใด เธอมารู้ความจริงเอาในภายหลังเมื่อโตพอสมควรแล้ว เธอเป็นคนแรกที่เห็นพ่อในสภาพซึ่งไม่น่าที่เด็กคนใดควรได้เห็น วันนั้นแม่ไม่อยู่บ้าน จำได้ลางๆ ว่ามีเสียงปังไม่ดังนักมาจากห้องนอนของพ่อ ตามด้วยเสียงโครมใหญ่ พ่อเป็นคนตัวโต เขาว่าคนตัวโตล้มดัง ก็คงจริง เพราะเสียงนั้นดังมาก

    เมื่อเธอเข้าไปเห็น พ่อนอนหงายอยู่บนพื้นห้องเหมือนหลับ ถ้าไม่เป็นเพราะรูเล็กๆ ที่ขมับขวาและเลือดซึ่งไหลซึมออกมาเป็นทาง เธอคงไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ และนับแต่วันนั้นมา ชีวิตก็พลิกกลับจากบนลงล่าง บ้านถูกยึด แม่ต้องพาลูกสาวเร่ร่อนไปอยู่ที่โน่นที่นี่ อาศัยอยู่กับคนนั้นคนนี้พักใหญ่ ดีที่ยังมีงานทำ เงินเดือนพออยู่กันไปได้แม้ไม่สบายนัก จนแม่รู้จักกับคุณภูมิและพาเธอย้ายมาอยู่กับเขา นั่นยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะนับแต่นั้นมา พราวไหมไม่รู้อีกเลยว่าความรู้สึกปลอดภัยที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร บ้านที่ต้องเข้าไปอยู่กลายเป็นสถานที่ซึ่งต้องคอยหลีกหนีให้ไกลห่าง

    ถ้าบ้านคือสถานที่ปกปักรักษา ให้ความปลอดภัย ให้ความอบอุ่น เธอว่าเวลานี้เธออาจพบที่นั้นแล้ว  เมื่อรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งให้ทั้งความมั่นคง และคอยปกป้องดูแล ความรู้สึกนี้มันเริ่มขึ้นเมื่อไรก็ยากจะเดา รู้แต่ว่าอยู่ดีๆ มันก็มาอยู่ที่นี่แล้ว มาอยู่ที่นี่ และท่วมท้นรวดเร็วจนตั้งตัวแทบไม่ทัน

    นี่หรือเปล่าคือความรู้สึกของคนที่มี 'บ้าน' เหมือนคนที่เดินทางฝ่าทะเลทรายร้อนและแห้งแล้งมาแสนไกล แล้วในที่สุดก็มองเห็นจุดหมายปลายทาง
…นี่หรือเปล่า จุดหมายปลายทางของเธอ...ที่อ้อมอกอุ่นทรงพลังนี้

สืบพงษ์โอบศีรษะเล็กๆ ให้กลับมาแนบกับอกของตัว มือข้างเดียวกันนั้นไล้ไปตามเรือนผมนุ่ม ก่อนพลิกข้อมือดูนาฬิกา อยากยืดเวลานี้ไปให้นานเท่านาน แต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมีงานรออยู่ โลกของความจริงยังคงอยู่

    “ผมมีประชุมตอนสี่โมงเย็น ตกลงว่าเราจะเช่าที่นี่ใช่ไหม?” คำว่า 'เรา' นั้นฟังดูไม่ขัดเขินเลยแม้แต่น้อย ราวกับเป็นคำซึ่งใช้ระหว่างกันมานานนักหนา

    “ค่าเช่าเดือนละเท่าไหร่คะ” เธอจำต้องถาม จะได้กะงบประมาณของตัวเองได้ถูก

    “เดือนละเท่าไหร่ก็ช่างเถอะ”

    “แต่คุณสืบคะ...”

    พยายามค้านอีกครั้ง พร้อมกับขยับถอยออกห่าง ยังตะขิดตะขวงใจที่เขาจะจ่ายค่าเช่าให้ เพราะถ้าเขาทำอย่างนั้น หมายความว่าเธออยู่ในสภาพไหน และแม่จะคิดอย่างไร เธอยังมีแม่อยู่อีกทั้งคน

ชายหนุ่มจับบ่าทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้ แล้วก้มลงหาจนใกล้

    “พราว ผมเชื่ออยู่อย่างนะ ว่าในชั่วชีวิตคนเรา โอกาสจะได้พบคนที่เราพึงพอใจจริงๆ นั้นยากพออยู่แล้ว การที่เราจะเก็บคนๆ นั้นไว้กับตัวเราได้ตลอดไป นั่นยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะอย่างนั้น ปล่อยผมเถอะนะ ให้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ”

    ถ้อยคำที่หนักแน่นเหล่านั้นทำเอาพราวไหมลืมหายใจไปเลย นี่เขากำลังสารภาพอะไรบางอย่างอย่างนั้นหรือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่