ระบำเงา (บทที่ 17)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ CAN LIVE, จารย์จี GTW, คุณ พวงดารา, คุณ สมาชิกหมายเลข 3876475, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629, คุณซูซี่ Susisiri, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณนะ Na(นะ), น้องมัด มัศยวีร์, คุณ มานีโอลา
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ   https://pantip.com/topic/36387078
บทที่ 1  https://pantip.com/topic/36392612
บทที่ 2  https://pantip.com/topic/36400065
บทที่ 3  https://pantip.com/topic/36407292
บทที่ 4  https://pantip.com/topic/36411315
บทที่ 5  https://pantip.com/topic/36419344
บทที่ 6  https://pantip.com/topic/36427179
บทที่ 7  https://pantip.com/topic/36430854
บทที่ 8  https://pantip.com/topic/36434883
บทที่ 9  https://pantip.com/topic/36442539
บทที่ 10 https://pantip.com/topic/36450392
บทที่ 11 https://pantip.com/topic/36457566
บทที่ 12 https://pantip.com/topic/36465005
บทที่ 13 https://pantip.com/topic/36472245
บทที่ 14 https://pantip.com/topic/36475768
บทที่ 15 https://pantip.com/topic/36481689
บทที่ 16 https://pantip.com/topic/36490544


บทที่ 17



    ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีขรึมกำลังยืนหันหลังให้ สองมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง หน้าก้มต่ำเหมือนกำลังดูอะไรบางอย่างในตู้กระจก พอมีเสียงประตูลิฟต์เปิด เขาหันขวับมามองราวเฝ้าคอยอยู่แล้ว

    “อ้าว! คุณสืบพงษ์”

คุณหญิงอารยาส่งเสียงทักทายมาก่อนขณะก้าวออกจากลิฟต์ แปลกใจเพระเห็นว่าเขาออกมาจากห้องอาหารพร้อมนางแบบสาวสวยชาวฝรั่งเศสก่อนตั้งนาน แถมยังแวะบอกลาที่โต๊ะเสียด้วยซ้ำ

    “ติดฝนหรือคะ”

เมื่อทักแล้วก็ต้องมีอะไรต่ออีกนิด ท่านเดินนำคนอื่นๆ ไปทางนั้น ในเมื่อเป็นทางผ่านไปที่ประตูทางออกอยู่แล้ว

    ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเมื่อครู่นี่เอง และตอนนี้ก็กำลังกระหน่ำหนักทีเดียว

    “เอ่อ…ครับ” เขาอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ค่อยจะเต็มเสียงสักเท่าไรนัก ตามองเลยไปทางหญิงสาวซึ่งรั้งมาท้ายสุด

    “แล้วคุณ…เมื่อกี้...” คุณหญิงผกาเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้างเมื่อตามมาทัน หันมองทางโน้นทางนี้เพื่อเสริมคำพูด เพราะนอกจากตัวเขาแล้วก็ไม่เห็นใครอีก
บริเวณนี้เป็นทางผ่านเข้าออกด้านข้างของอาคารโรงแรม แยกออกจากล็อบบีทางตอนหน้าซึ่งมีไว้สำหรับแขกผู้มาพักเป็นหลัก ตรงนี้มีลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนจนถึงห้องอาหาร และลงไปชั้นล่างถึงไนต์คลับชั้นใต้ดิน มีคนลงลิฟต์มาด้วยกันอีกสองคน และทั้งคู่ก็เดินลิ่วๆ ไปที่ประตูกระจกซึ่งเป็นทางออก

    “พักอยู่ที่นี่ครับ” เขาเข้าใจดีว่าถามถึงใคร

    “อ้อ!” คนสูงวัยกว่ารับรู้ได้เพียงแค่นั้น

    “คุณหญิงจะกลับเลยหรือครับ”

    เขาถามแล้วไม่รอคำตอบเพราะรู้ดีอยู่แล้ว ต่อด้วยเรื่องซึ่งเป็นสาเหตุให้มายืนคอยอยู่อย่างนี้ตั้งนานสองนาน

    “คุณหญิงจะไปส่งพราวเลยใช่ไหมครับ ขอให้ผมเป็นคนไปส่งได้ไหม” สายตาเบี่ยงเบนไปทางคนซึ่งตัวเอ่ยถึงอีกครั้ง ร่างโปร่งระหงยืนสงบเสงี่ยมเสียห่างไกล แต่ก็รู้ว่าได้ยิน

    น้ำเสียงที่เขาใช้เรียบเรื่อยเหมือนถามถึงเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป เหมือนถามถึงสภาพดินฟ้าอากาศหรือการจราจร แต่ก็ทำเอาคนฟังเงียบงันไปตามๆ กัน ก็มันเรื่องอะไร ควงผู้หญิงคนหนึ่งมาดินเนอร์แสนโรแมนติก แต่จะพาผู้หญิงอีกคนกลับบ้าน แล้วนี่จะพากลับบ้านจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้

คุณหญิงผกาหันมองลูกชายซึ่งหยุดยืนเยื้องไปข้างหลัง หวังจะให้เป็นคนตอบเสียแทน เห็นสีหน้าปั้นยากพอกัน หากคำตอบกลับหนักแน่น

“เกรงใจคุณสืบพงษ์ครับ ผมไปส่งพราวเองดีกว่า”

    เห็นสีหน้าของสถาปนิกหนุ่ม สืบพงษ์ก็เข้าใจ จึงจำต้องแสวงหาคำอธิบาย

    “ผมกับพราวไม่ค่อยได้เจอกัน จะถามเรื่องงานน่ะครับ”

รู้ว่าจริงๆ แล้วข้ออ้างเหล่านั้นฟังไม่ค่อยขึ้นสักเท่าไรนักหรอก ถ้าไม่เจอตัวกันก็ไต่ถามทางโทรศัพท์เอาได้ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องอาสาไปส่งบ้านในเวลาค่ำมืดแบบนี้ แต่จะยกอะไรอื่นมาเป็นข้ออ้างได้อีก

    “อ้อ!” สองคุณหญิงลากเสียงรับรู้เกือบจะพร้อมกัน หากสีหน้าก็ยังไม่ส่อเค้าว่าไว้ใจสักเท่าไรนัก

    คนที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้มีเพียงคนเดียว สายตาทุกคู่จึงพุ่งตรงไปที่นั่น

พราวไหมกระอึกกระอัก สมองทำงานเร็วจี๋ จะโยกโย้ก็เกรงใจคนสูงวัยที่สุดในที่นี้ทั้งสองท่าน เกรงใจคุณรองด้วย จะปฏิเสธก็เกรงใจ'เขา' ถึงอย่างไรเขาก็เป็นนายจ้าง และคงเป็นไปอีกนาน เธอเองก็หวังพึ่งงานใหม่จากเขาอยู่มิใช่หรือ

จึงอุบๆ อิบๆ คำตอบเพียงแค่ริมฝีปาก

“พราวไปกับคุณสืบได้ค่ะ”

สบตาคุณรองก็เห็นสายตาเข้าอกเข้าใจและไม่ตำหนิแม้เพียงน้อยนิด นั่นช่วยให้ใจชื้นขึ้นมากทีเดียว เขาคนเดียวกระมังที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจได้เสมอต้นเสมอปลายนับแต่กลับเมืองไทย

“แล้วพี่จะโทรไป…”

เขาว่าอย่างนั้น เพื่อดักทางไว้ก่อน ถึงอย่างไรก็ยังไม่รู้จักนักธุรกิจใหญ่ผู้นี้ดีพอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่รู้สึกอย่างนี้ แต่พอเห็นเขากับผู้หญิงคนเมื่อครู่ ความคิดกลับเปลี่ยนชนิดพลิกจากหน้าเป็นหลังเลยทีเดียว
  
แต่พอหันกลับไปทางคนต้นเรื่อง ก็จำต้องเสริมต่ออีกนิด เขาจะเข้าใจประโยคก่อนหน้าว่าอย่างไรก็แล้วแต่

“…เรื่องนัดไปลองเสื้อ”

ฝนยังคงเทลงมาราวม่านหนา สายฝนสะท้อนแสงไฟดูระยิบระยับ ภาษิตวิ่งฝ่าออกไปเอารถจากลานจอดมารับมารดา นายธงชัย...คนขับรถของคุณหญิงอารยา...พารถมาจอดเทียบถึงประตูก่อนหน้านั้นแล้ว

เมื่อไม่เหลือใครอีก สืบพงษ์ละสายตาจากแสงไฟสีแดงท้ายรถที่เห็นเพียงมัวซัวในความมืด แสงสองจุดนั้นกำลังเคลื่อนห่างออกไป กลับมาทางร่างบอบบางซึ่งถอยไปเบียดอยู่กับกรอบโลหะของประตูเลื่อน ใบหน้านวลละมุนกำลังมองเหม่อออกไปภายนอก มีความห่างเหินอยู่ที่นั่น ชัดเจนทีเดียว ชัดจนเขาเองใจหาย

ยื่นมือไปแตะที่แขนเบาๆ และฝ่ายนั้นก็ถึงกับสะดุ้งโหยง

“รถผมจอดอยู่ชั้นสอง”

พราวไหมเหลือบตาขึ้นดูเขาอย่างงุนงง

“อ้าว!”

แม้จะรู้จักโรงแรมระดับห้าดาวแห่งนี้น้อยมาก แต่เมื่อครู่ที่เพิ่งมาถึง ได้ยินคุณรองบอกคุณหญิงผู้เป็นมารดาว่าจอดรถที่ลานจอดด้านข้างสะดวกกว่าเพราะใกล้กว่า ตรงนี้มีลิฟต์ขึ้นไปที่ห้องอาหารได้โดยไม่ต้องเดินผ่านล็อบบีไปขึ้นลิฟต์จากอีกด้าน ลิฟต์ด้านนั้นมีไว้ให้ผู้มาพักเป็นหลัก

“ถ้างั้นทำไม...”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่