ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ นิตยา นิรันดร์รัก, คุณ แววตา ใสใส, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629, น้องดาว Lady Star 919, คุณซูซี่ Susisiri, จารย์จี GTW, คุณ พวงดารา, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องมัด ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณนะ เป่าซาง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://pantip.com/topic/36387078
บทที่ 1
https://pantip.com/topic/36392612
บทที่ 3
รถสีบรอนซ์เงินจอดสงบอยู่ที่ลานหน้าบ้านหลังใหญ่นานแล้ว แต่ภายใน เจ้าของรถยังคงนั่งเงียบ ตาจ้องเขม็งอยู่ที่ราชพฤกษ์ต้นไม่ใหญ่นักซึ่งเพิ่งมาลงได้ไม่นาน ใบหน้าคมคายหมกมุ่น ครุ่นคิด ปากบ่นพึมพำกับตัวเอง
"จะไปให้เห็นทำไมกันตอนนี้ น่าจะคอยให้ตั้งสติได้เสียก่อน ทำไมรีบหาเรื่องให้ตัวเองได้เจ็บอีกก็ไม่รู้"
'ตั้งสติได้เสียก่อน'ในความรู้สึกของคนพูดคือมีใครไปด้วยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้
ก้มลงมองโทรศัพท์มือถือซึ่งวางทิ้งอยู่ในช่องใส่แก้วน้ำ ก่อนตัดสินใจหยิบขึ้นมาค้นหาหมายเลขที่โปรแกรมเก็บไว้ก่อนหน้าแล้ว ค้นจนเจอแล้วกดเรียกเลขหมายนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่ากำลังทำอะไร และจะทำไปทำไม
เพียงครู่เดียว เสียงทักมาจากปลายสาย
"ฮัลโหล"
"พี่นิพนธ์หรือครับ ผมภาษิตครับ พราวพบพี่หรือยังฮะ"
"อ้อ! รอง มาแล้ว เพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี่เอง"
เสียงตอบของนิพนธ์ไม่มีท่าทีว่าสงสัยหรือคิดว่ามีอะไรผิดปกติแต่อย่างใด
"เขาบอกหรือเปล่าครับพี่ ว่าจะไปไหนต่อ"
"ไม่เห็นบอกอะไรนี่นะ อยู่ดีๆ ก็ผลุนผลันไปเฉยๆ อย่างนั้นเอง"
"พราวได้พบนายทัศหรือเปล่าฮะ" เสียงที่ถามลังเล รู้อยู่ในใจว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเองเลยสักนิด
"ก็เจอกันแวบเดียว พี่กำลังชวนพราวไปกินข้าว" หลุดปากไปแล้วอาจารย์หนุ่มใหญ่นึกขึ้นได้ จึงรีบแก้ตัวพัลวัน
"ไปกินที่โรงอาหารของคณะนี่แหละนะ ไม่ได้ไปไหน" ประโยคหลังตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ "รู้หรอกว่าพี่ชายหวงน้องสาว" คำหลังลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน
ภาษิตหัวเราะตาม แปลกใจตัวเองนิดๆ ว่าทำไมจึงไม่ค้าน แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการเย้าแหย่ของเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันมานานก็ตาม
"เขาคุยกันหรือเปล่าครับ"
"เอ...ก็ไม่เห็นว่าจะคุยอะไรกัน พอเจอนายทัศ พราวก็บอกว่าต้องรีบไป" คราวนี้นิพนธ์เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว "มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าฮึ รอง"
สถาปนิกหนุ่มรีบปฏิเสธ ในเมื่อพี่นิพนธ์ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับพราวไหมและทัศนัยมากนัก ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นดีที่สุดแล้ว
"ไม่มีอะไรครับพี่นิพนธ์ เพียงแต่เป็นห่วงว่าพราวไม่อยู่เมืองไทยเสียสองปี กลัวจะไปไหนมาไหนคนเดียวลำบากน่ะครับ เดี๋ยวผมโทรไปเช็กที่บ้านดูหน่อย บางทีอาจกลับบ้านแล้ว ขอบคุณครับพี่"
แต่อีกฝ่ายยั้งไว้เสียก่อน
"เดี๋ยว...เดี๋ยว...รอง...มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า พี่ดูๆ ท่าทางพราวก็แปลกๆ นะ"
"ไม่มีครับพี่ ไม่มีอะไร"
ภาษิตเดาว่านิพนธ์คงไม่รู้เรื่อง 'อุบัติเหตุ' แก๊สรั่วที่บ้านซึ่งพราวไหมเช่าพักอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัย หรือถ้ารู้ ก็คงเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่สงสัยอะไรเหมือนที่เขาสงสัยตั้งแต่รู้เรื่อง
"พี่อยากเลี้ยงข้าวพราวสักมื้อ เลี้ยงฉลองที่เรียนจบน่ะ ถือโอกาสชวนรองด้วยนะ ตกลงไหม"
"ตกลงครับ” เขาตอบได้โดยไม่ต้องคิด “แต่ให้ผมเลี้ยงพี่ดีกว่า"
"ไม่เอา งานนี้พี่จะเลี้ยงพราวเป็นหลัก รองเป็นของแถม" นิพนธ์คุ้นเคยกับภาษิตมานาน จึงพูดเล่น คุยเล่นกันได้เสมอ "แล้วงานหลัง รองค่อยเลี้ยงพี่ ตกลงไหม"
คนถูกชวนได้แต่หัวเราะหึๆ ตามความเคยชิน
"ตกลงครับพี่ วันไหนดีล่ะ"
"พรุ่งนี้เลยเป็นไง มื้อกลางวันก็ได้"
"ตกลงครับ" เขาตอบโดยไม่ต้องคิดอีก
"เอางี้ พี่จะลองหาร้านดีๆ หน่อย จะได้นั่งกันนานๆ ได้ที่ไหนแล้วพี่จะโทรมาบอกเย็นนี้ ตกลงไหม"
"ครับพี่ แล้วผมจะบอกพราว"
"อ้อ! อย่าลืมพาแฟนไปด้วยล่ะ ยังคนเดิมหรือเปล่า คุณอะไรนะ..." นิพนธ์เงียบไปขณะพยายามคิดทบทวนในใจ
เท่าที่เห็น ตั้งแต่จบปริญญาโทกลับเมืองไทย ภาษิตเปลี่ยนคู่ควงมาสามสี่คนแล้ว
สถาปนิกหนุ่มเงียบไปเช่นกัน อะไรบางอย่างทำให้ตะขิดตะขวงใจเมื่อได้ยินรุ่นพี่เอ่ยถึง'แฟน'ของตนควบคู่ไปกับผู้หญิงอีกคน...ผู้หญิงที่รู้จักมานานกว่าสิบปี
แม้ตัดสายจากรุ่นพี่ผู้คุ้นเคย ชายหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกเมื่อครู่ของตัวเองอยู่ดี
สะบัดหน้าราวพยายามลบอะไรบางอย่างจากความทรงจำ
ใบหน้าหมดจดตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นัยน์ตากลมโต...มีแววหวานมาตั้งแต่เล็กๆ...ที่กำลังสะท้อนความอับอายอย่างถึงที่สุด...นั่นใช่ไหมที่ทำให้สำนึกรู้มาตลอดว่าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้เป็นพยานรู้เห็นโดยไม่ตั้งใจในคืนวันนั้น...เมื่อนานมาแล้ว คืนที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตพลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คืนที่ทำให้ตัดสินใจว่าต่อแต่นี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องเป็นคนรับผิดชอบพาชีวิตของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นให้ไปถึงที่ปลอดภัยที่สุดให้ได้
พิจารณาโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบในมืออีกครั้ง แล้วกดหมายเลขซึ่งจำได้ขึ้นใจโดยไม่ต้องค้นหาเบอร์
เสียงเรียกปลายสายดังขึ้นเพียงสองครั้ง ก่อนจะมีคนรับ
"ฮัลโหล"
ภาษิตจำเสียงนั้นได้ดี
"คุณอาหรือฮะ พราวกลับหรือยังครับ"
ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าแม้พราวไหมจะออกจากคณะที่นิพนธ์สอนและกลับบ้านทันที ตอนนี้ก็คงยังไม่ถึง ระยะทางขนาดนั้น แถมนั่งรถประจำทางด้วย อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นก็ยังอยากโทรศัพท์ไปตรวจสอบให้รู้แน่
"ยังเลยค่ะคุณรอง พราวบอกจะกลับบ้านหรือคะ แล้วนี่ไปเจอคนที่เขาตั้งใจจะไปหาแล้วหรือคะ"
"ผมไปส่งที่นั่นแล้วครับ เมื่อกี้ลองโทรศัพท์ไปถาม ก็เลยได้รู้ว่ากลับออกมาแล้ว"
ระบำเงา (บทที่ 3)
ขอบคุณ คุณ นิตยา นิรันดร์รัก, คุณ แววตา ใสใส, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629, น้องดาว Lady Star 919, คุณซูซี่ Susisiri, จารย์จี GTW, คุณ พวงดารา, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องมัด ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณนะ เป่าซาง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://pantip.com/topic/36387078
บทที่ 1 https://pantip.com/topic/36392612
รถสีบรอนซ์เงินจอดสงบอยู่ที่ลานหน้าบ้านหลังใหญ่นานแล้ว แต่ภายใน เจ้าของรถยังคงนั่งเงียบ ตาจ้องเขม็งอยู่ที่ราชพฤกษ์ต้นไม่ใหญ่นักซึ่งเพิ่งมาลงได้ไม่นาน ใบหน้าคมคายหมกมุ่น ครุ่นคิด ปากบ่นพึมพำกับตัวเอง
"จะไปให้เห็นทำไมกันตอนนี้ น่าจะคอยให้ตั้งสติได้เสียก่อน ทำไมรีบหาเรื่องให้ตัวเองได้เจ็บอีกก็ไม่รู้"
'ตั้งสติได้เสียก่อน'ในความรู้สึกของคนพูดคือมีใครไปด้วยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้
ก้มลงมองโทรศัพท์มือถือซึ่งวางทิ้งอยู่ในช่องใส่แก้วน้ำ ก่อนตัดสินใจหยิบขึ้นมาค้นหาหมายเลขที่โปรแกรมเก็บไว้ก่อนหน้าแล้ว ค้นจนเจอแล้วกดเรียกเลขหมายนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่ากำลังทำอะไร และจะทำไปทำไม
เพียงครู่เดียว เสียงทักมาจากปลายสาย
"ฮัลโหล"
"พี่นิพนธ์หรือครับ ผมภาษิตครับ พราวพบพี่หรือยังฮะ"
"อ้อ! รอง มาแล้ว เพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี่เอง"
เสียงตอบของนิพนธ์ไม่มีท่าทีว่าสงสัยหรือคิดว่ามีอะไรผิดปกติแต่อย่างใด
"เขาบอกหรือเปล่าครับพี่ ว่าจะไปไหนต่อ"
"ไม่เห็นบอกอะไรนี่นะ อยู่ดีๆ ก็ผลุนผลันไปเฉยๆ อย่างนั้นเอง"
"พราวได้พบนายทัศหรือเปล่าฮะ" เสียงที่ถามลังเล รู้อยู่ในใจว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตัวเองเลยสักนิด
"ก็เจอกันแวบเดียว พี่กำลังชวนพราวไปกินข้าว" หลุดปากไปแล้วอาจารย์หนุ่มใหญ่นึกขึ้นได้ จึงรีบแก้ตัวพัลวัน
"ไปกินที่โรงอาหารของคณะนี่แหละนะ ไม่ได้ไปไหน" ประโยคหลังตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ "รู้หรอกว่าพี่ชายหวงน้องสาว" คำหลังลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน
ภาษิตหัวเราะตาม แปลกใจตัวเองนิดๆ ว่าทำไมจึงไม่ค้าน แม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการเย้าแหย่ของเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันมานานก็ตาม
"เขาคุยกันหรือเปล่าครับ"
"เอ...ก็ไม่เห็นว่าจะคุยอะไรกัน พอเจอนายทัศ พราวก็บอกว่าต้องรีบไป" คราวนี้นิพนธ์เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว "มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าฮึ รอง"
สถาปนิกหนุ่มรีบปฏิเสธ ในเมื่อพี่นิพนธ์ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับพราวไหมและทัศนัยมากนัก ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นดีที่สุดแล้ว
"ไม่มีอะไรครับพี่นิพนธ์ เพียงแต่เป็นห่วงว่าพราวไม่อยู่เมืองไทยเสียสองปี กลัวจะไปไหนมาไหนคนเดียวลำบากน่ะครับ เดี๋ยวผมโทรไปเช็กที่บ้านดูหน่อย บางทีอาจกลับบ้านแล้ว ขอบคุณครับพี่"
แต่อีกฝ่ายยั้งไว้เสียก่อน
"เดี๋ยว...เดี๋ยว...รอง...มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า พี่ดูๆ ท่าทางพราวก็แปลกๆ นะ"
"ไม่มีครับพี่ ไม่มีอะไร"
ภาษิตเดาว่านิพนธ์คงไม่รู้เรื่อง 'อุบัติเหตุ' แก๊สรั่วที่บ้านซึ่งพราวไหมเช่าพักอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัย หรือถ้ารู้ ก็คงเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่สงสัยอะไรเหมือนที่เขาสงสัยตั้งแต่รู้เรื่อง
"พี่อยากเลี้ยงข้าวพราวสักมื้อ เลี้ยงฉลองที่เรียนจบน่ะ ถือโอกาสชวนรองด้วยนะ ตกลงไหม"
"ตกลงครับ” เขาตอบได้โดยไม่ต้องคิด “แต่ให้ผมเลี้ยงพี่ดีกว่า"
"ไม่เอา งานนี้พี่จะเลี้ยงพราวเป็นหลัก รองเป็นของแถม" นิพนธ์คุ้นเคยกับภาษิตมานาน จึงพูดเล่น คุยเล่นกันได้เสมอ "แล้วงานหลัง รองค่อยเลี้ยงพี่ ตกลงไหม"
คนถูกชวนได้แต่หัวเราะหึๆ ตามความเคยชิน
"ตกลงครับพี่ วันไหนดีล่ะ"
"พรุ่งนี้เลยเป็นไง มื้อกลางวันก็ได้"
"ตกลงครับ" เขาตอบโดยไม่ต้องคิดอีก
"เอางี้ พี่จะลองหาร้านดีๆ หน่อย จะได้นั่งกันนานๆ ได้ที่ไหนแล้วพี่จะโทรมาบอกเย็นนี้ ตกลงไหม"
"ครับพี่ แล้วผมจะบอกพราว"
"อ้อ! อย่าลืมพาแฟนไปด้วยล่ะ ยังคนเดิมหรือเปล่า คุณอะไรนะ..." นิพนธ์เงียบไปขณะพยายามคิดทบทวนในใจ
เท่าที่เห็น ตั้งแต่จบปริญญาโทกลับเมืองไทย ภาษิตเปลี่ยนคู่ควงมาสามสี่คนแล้ว
สถาปนิกหนุ่มเงียบไปเช่นกัน อะไรบางอย่างทำให้ตะขิดตะขวงใจเมื่อได้ยินรุ่นพี่เอ่ยถึง'แฟน'ของตนควบคู่ไปกับผู้หญิงอีกคน...ผู้หญิงที่รู้จักมานานกว่าสิบปี
แม้ตัดสายจากรุ่นพี่ผู้คุ้นเคย ชายหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกเมื่อครู่ของตัวเองอยู่ดี
สะบัดหน้าราวพยายามลบอะไรบางอย่างจากความทรงจำ
ใบหน้าหมดจดตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นัยน์ตากลมโต...มีแววหวานมาตั้งแต่เล็กๆ...ที่กำลังสะท้อนความอับอายอย่างถึงที่สุด...นั่นใช่ไหมที่ทำให้สำนึกรู้มาตลอดว่าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้เป็นพยานรู้เห็นโดยไม่ตั้งใจในคืนวันนั้น...เมื่อนานมาแล้ว คืนที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตพลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คืนที่ทำให้ตัดสินใจว่าต่อแต่นี้ไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะต้องเป็นคนรับผิดชอบพาชีวิตของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นให้ไปถึงที่ปลอดภัยที่สุดให้ได้
พิจารณาโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบในมืออีกครั้ง แล้วกดหมายเลขซึ่งจำได้ขึ้นใจโดยไม่ต้องค้นหาเบอร์
เสียงเรียกปลายสายดังขึ้นเพียงสองครั้ง ก่อนจะมีคนรับ
"ฮัลโหล"
ภาษิตจำเสียงนั้นได้ดี
"คุณอาหรือฮะ พราวกลับหรือยังครับ"
ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าแม้พราวไหมจะออกจากคณะที่นิพนธ์สอนและกลับบ้านทันที ตอนนี้ก็คงยังไม่ถึง ระยะทางขนาดนั้น แถมนั่งรถประจำทางด้วย อย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นชั่วโมง แต่ถึงกระนั้นก็ยังอยากโทรศัพท์ไปตรวจสอบให้รู้แน่
"ยังเลยค่ะคุณรอง พราวบอกจะกลับบ้านหรือคะ แล้วนี่ไปเจอคนที่เขาตั้งใจจะไปหาแล้วหรือคะ"
"ผมไปส่งที่นั่นแล้วครับ เมื่อกี้ลองโทรศัพท์ไปถาม ก็เลยได้รู้ว่ากลับออกมาแล้ว"