[CR] LuxeBelly Review - Gaggan Restaurant: No.1 in Asia's 50 Best Restaurants 3 ปีซ้อน ในแนว Molecular Gastronomy

สวัสดีครับ อมยิ้ม17 พอดีเพิ่งจะลองเขียนรีวิวกระทู้แรกใน Pantip มีเพื่อนแนะนำให้ลองมาเขียน เพราะเพื่อนอ่านแล้วบอกน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจไปทานครับ ถ้าผิดถูกยังไงรบกวนแนะนำด้วยน่ะครับ

วันนี้จะรีวิวร้านอาหารอินเดียในไทยในซอยหลังสวนที่ได้รับรางวัลมากมายในเอเชียและเวทีระดับโลกกันครับ กับร้านที่ชื่อว่า Gaggan (กากั้น) คาดว่าหลายท่านคงได้ยินชื่อนี้บ่อยขึ้นในช่วงตั้งแต่ปี 2015 เนื่องจากร้านนี้ได้ขึ้นอันดับ 1 ในรายการ Asia's Best 50 Restaurants ที่จัดขึ้นโดยสปอนเซอร์หลัก S.Pellegrino และ Acqua Panna ครับ และร้านนี้ได้อันดับ 1 ในเอเชียถึง 3 ปีซ้อนตั้งแต่ 2015-2017 และยังขึ้นถึงอันดับที่ 7 ในระดับโลกด้วยโดยการจัดอันดับของ William Reed Business Media ที่อยู่เบื้องหลังของ The Grocer and Restaurant Magazine ที่เป็นสื่อเกี่ยวกับด้านอาหารในต่างประเทศครับ

ด้วยรางวัลที่มากมายขนาดนี้ทางด้าน Netflix ก็ได้นำเสนอชีวิตของตัว Chef Gaggan Anand ผ่านทาง Series Chef's Table ใน Season 2 Episode ที่ 6 ด้วยครับ เล่าถึงประวัติความยากลำบากของ Chef ที่ไต่เต้าจากครอบครัวยากจน จนถึงความพยายามจนได้เป็น Trainee ของทีม R&D ของ Chef ระดับตำนานอย่าง Ferran Adria ที่ร้าน El Bulli ประเทศสเปน ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นร้านอันดับ 1 ของโลก ณ ขนาดนั้นด้วยครับ

ความโดดเด่นของร้านนี้คือด้านของการนำเสนออาหารในรูปแบบ Molecular gastronomy เช่นเดียวกับร้าน El Bulli โดยการนำศิลปะชั้นสูงนี้เพื่อพยายามจะยกระดับ Indian Cuisine ซึ่งปกติจะเป็น Street food จนกลายเป็น Fine Dining ที่ประสบความสำเร็จครับ ร้าน El Bulli จะมี Signature Dish เป็น Liquid Olive ครับซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของส่วนประกอบที่จำเป็นที่สุดของอาหารประเทศสเปน เช่นกัน Gaggan Anand ก็ใช้เทคนิคเดียวกันในการนำเสนอ Yogurt ที่ใช้เป็นส่วนประกอบหลักของอาหารอินเดียหลายๆชนิด เป็น Signature ของร้าน ที่ชื่อว่า Yogurt Explosion ครับ

การสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆของร้านจะทำผ่านห้อง Lab ซึ่งเปิดเป็น Open Kitchen ในตัวร้านอาหาร ซึ่งเมนูใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นในห้องนี้ในเวลากลางวันครับ เพราะร้านอาหารจะเป็นสองรอบในตอนเย็นเท่านั้นคือเวลา 18:00 และ 21:00 โดยการนำเสนอเมนูทั้งหมด 25 courses ซึ่งเป็นคำเล็กๆให้ลองได้สัมผัส Innovation dishes ที่หลากหลายจากทางร้านครับ ดั้งเดิมร้านนี้มี course ที่น้อยกว่านี้ครับ เนื่องจากทางร้านยังไม่กล้านำเสนอเมนูออกนอกกรอบจากอาหารอินเดียที่มีอยู่ในปัจจุบันมากนัก ซึ่งทางร้านได้ใช้เวลา 4-5 ปีในการสร้างความนิยมจนเริ่มมีชื่อเสียงและเริ่มมั่นใจได้ว่าจะไม่นำเสนออาหารอินเดียทั่วไปเหมือนที่อื่น จึงได้ตัดเมนูที่เป็นแกงและขนมปังนันออกหมดทั้งสิ้นครับ เหลือเป็นเมนูเดียวในขณะนีซึ่งราคาจะอยู่ที่ 4,000++ บาทครับ ร้านนี้มีพนักงาน Sommelier ที่จะนำเสนอ Wine Pairing ในแต่ละเมนูให้ เนื่องจากทางร้านไม่มีนโยบาย BYOW หรืออนุญาตให้นำเครื่องดื่มเข้ามาทานเองได้ครับ ตอนที่ไป Sommelier เลือกไวน์ให้ครับ

เมนูที่นำเสนอมาทั้ง 25 courses นั้น จะถูกนำเสนอผ่าน emoji icon ตามนี้ครับ

โดยที่ไม่บอกว่า emoji แต่ละอย่างคืออะไร ถ้าอยากตื่นเต้นแนะนำให้ดูแต่รูปครับ อย่าเพิ่งอ่านรีวิวข้างล่างนะครับ มาเริ่มจากไลน์อาหารกันเลยครับ

อาหารที่เสิร์ฟทั้งหมดมีดังนี้ครับ

1. A (SPICE) B (CITRUS) = C (COLA) - เมนูแรกเป็น Welcome Drink ของทางร้านครับ จะเป็นน้ำที่มีส่วนผสมของ Cinnamon (อบเชย), Black Salt (เกลือดำที่มีส่วนผสมของผงถ่านจากกะลามะพร้าว) ซึ่งจะมีรสชาติไม่เค็มจัด ผสมกับ Citrus มะนาวและก็กลิ่นของ Cola ครับ โดยรวมผมว่าเป็น Welcome Drink ที่อร่อยดีครับ รสชาติกลมกล่อม กินแล้วค่อนข้างสดชื่น และพร้อมสำหรับคอร์สต่อๆไปครับ ทางร้านได้มีการเติมไนโตรเจนให้มีไอน้ำในการนำเสนอเมนูนี้ โดยรวมทำได้ดีครับ 4.0/5.0

จากนั้นจะมีการเสิร์ฟเมนู 2 และ 3 ติดๆกันตามมาเลยครับ

2. Yogurt Explosion - เมนูนี้เป็น Signature ของทางร้านอยู่แล้วครับ เป็นการนำเอา Yogurt ที่เป็นส่วนผสมหลักของอาหารต่างๆของอินเดียและเครื่องเทศต่างๆเช่นเกลือทะเล, ผักชีป่น และ Chaat Masala มานำเสนอโดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Spherification เช่นเดียวกับ El Bulli เพื่อให้ของเหลวจับตัวเป็นก้อนนิ่มๆ เวลากัดจะมีความรู้สึกสัมผัสแตกในปาก ผมเคยทานอีกร้านที่ร้าน Cuisine de Garden ที่เชียงใหม่ ร้านนั้นก็นำเสนออาหารประเภทนี้ได้ดีไม่แพ้กันครับ 4.0/5.0

3. Bombay Bhel - ผมชอบการนำเสนอของเมนูนี้ครับ เป็นข้าวเกรียบใสแผ่นบาง นำมาทานคู่กับซอสมะขาม และมีส่วนผสมของรากผักชีครับ อร่อยดีครับเมนูนี้ 3.7/5.0

4. Eggplant Cookie - เมนูนี้เป็นการนำเสนอโดยการเอามะเขือม่วงไปแช่แข็งกำจัดน้ำออกและใช้ Onion Chutney ซึ่งเป็นแยมซอสรสชาติออกหวานและมีส่วนผสมของหัวหอมครับ เมนูนี้ตัว Cookie จะละลายในปากเลยครับ 3.8/5.0

5. Chili Bonbon - เมนูนี้ผิวจะเป็น White chocolate ครับส่วนข้างในจะเป็น Chilli sauce ที่ออกรสชาติหวานเผ็ดนิดๆ ผมที่ไม่ชอบทานของหวานยังรู้สึกว่าเข้ากันได้ดีจริงๆครับ 4.1/5.0

6. Green Peas Mushroom Roll - เป็นการผสมผสานของเห็ด Black Truffle, วาซาบิ และผงชาเขียวครับ นำเสนอออกมาในรูปของโรลเห็ดหอมครับ อร่อยใช้ได้ครับ 3.6/5.0

7. Idly Samsar - เมนูนี้มาจากทางตอนใต้ของอินเดียครับ นิยมทานเป็นอาหารเช้า เชฟ Gaggan ได้ผสมผสานและดัดแปลงตัวฐานให้ฟูและนุ่มขึ้นจากฟองอากาศ โดยใช้แป้งข้าวสาลีและถั่ว Lentil ในการผสมครับ โดยมีใบ Curry leaf หรือใบแกงวางไว้ข้างบนครับ เมนูนี้ผมยังรู้สึกเฉยๆไม่ได้โดนมากครับ 3.3/5.0

8. Coriander Nest Green Apple - เมนูนี้จะเด่นในส่วนที่เป็นรังนกครับ เนื่องจากทำจากรากผักชีมาหั่นฝอยและแช่ freeze ออกมาทำให้กลิ่นไม่แรงมากและรสชาติจะออกเค็มนิดๆครับ ซอสที่ราดมีรสเปรี้ยวนิดๆมาจากแอปเปิลเขียว โดยรวมโอเคครับ 3.8/5.0

9. Charcoal Prawn Amritsari - เมนูนี้แทบจะเป็นเมนูร้อนที่สุดในคอร์สนี้ละครับเป็นอีกเมนูที่ผมชอบมาก มีการนำเสนอมาในรูปแบบของถ่านหินครับซึ่งมาจากต้นไผ่ ไส้ข้างในมีการปรุงรสด้วยเครื่องเทศต่างๆ และมีผงของถ่านหินซึ่งทำจากหัวหอมครับ รสชาติอร่อยมากครับเมนูนี้ 4.3/5.0

10. Aloo Gobi Caviar - เมนูนี้ผมค่อนข้างผิดหวังครับ ผมเป็นคนชอบทาน Caviar มาก และทางร้านได้ใช้ Caviar จากปลา sturgeon ซึ่งดีกว่า lumpfish ฟังแล้วน่าจะออกมาดี แต่รสชาติและกลิ่นของ mousse จากดอกกะหล่ำ มาบดบังความอร่อยของ Caviar หมดเลยครับ มันฝรั่งค่อนข้างแห้งไปแต่เข้าใจว่าทางร้านอาจจะตั้งใจนำเสนอแบบนี้ แต่ออกมาค่อนข้างผิดหวังครับ 3.2/5.0

11. Citrus Waffle Goat Brain - เมนูนี้มีการนำเสนอจากรูปส้ม ซึ่งส่วนผสมที่ใช้ส้มคือตัววาฟเฟิลและผงโรยครับ ส่วน Mousse ในจานนี้เป็นการผสมระหว่างถั่ว Pitachio และมะขามครับ และมีส่วนผสมที่สำคัญที่เป็น Highlight ของร้านคือสมองแพะครับ ซึ่งตั้งใจนำเสนอว่าเมนูนี้คือ Foie Gras ของอินเดีย คือเมนูนี้อร่อยครับแต่ผมคิดว่าการนำเอาสมองไปผสมกับ Mousse ที่มีรสชาติเข้มข้นอยู่แล้วทำให้บิดบังความโดดเด่นเกินไปครับ โดยรวมแล้วอร่อยแต่ไม่ได้รู้สึก wow กับส่วนผสมของสมองแพะเท่าที่ควรครับ 3.3/5.0

12. Amazake Liver - เมนูนี้แยกเมล็ดข้าวที่เป็นส่วนผสมของสาเก ออกมาใช้ทำเป็น cracker และใช้ตับไก่เป็นไส้ ปรุงรสหวานอ่อนๆด้วยซอส Chutney โดยรวมไม่ได้แย่ แต่ไม่มีไรเป็นพิเศษครับ 3.4/5.0

13. Uni Ice Cream - เป็นการนำเสนอที่ Creative มากครับสำหรับเมนูนี้ ผมค่อนข้างชอบมาก เนื่องจากเป็นการนำ Uni หรือไข่หอยเม่นมาผสมผสานกับ Wasabi Ice Cream ที่อยู่ใต้โคนและคั่นด้วย Mango Puree หรือมะม่วงบดครับ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวดีครับ 3.8/5.0

14. Chu Toro - เมนูนี้เป็นการนำเสนอ Sushi ในแบบ Gaggan โดยการใช้ เกลือที่มีส่วนผสมของสาหร่าย Combu และโรยด้วยผงจากผิวส้ม Yuzu นิดๆ ลงบนปลา Chutoro (ทูน่าส่วนมัน) ครับ ข้าวที่ใช้นั้นเป็น Puff ที่สามารถละลายในปาก โดยรวมผมไม่ค่อยประทับใจกับเมนูนี้ครับ คือตัวปลา Chutoro เองก็ไม่ได้สดมาก เพราะผมรู้สึกมีกลิ่นนิดๆ สำหรับคออาหารญี่ปุ่น ผมยังคิดว่า เกลือและปลาทูน่า ยังไม่เข้ากันมากครับ 2.8/5.0

15. Akami Tartar - เมนูนี้รสชาติดีมากแต่ตัวปลา Akami หรือทูน่าส่วนเนื้อแดงนั้นยังไม่ได้มีรสชาติที่มันพอ แต่ตัวซอส Tartar นั้นอร่อยครับ เลยทำให้เมนูนี้ออกมาพอใช้ได้ โอเคครับเมนูนี้ 3.4/5.0

16. Tomato Matcha - เมนูนี้นำเสนอน้ำมะเขือเทศเข้มข้นมาผสมผสานกับเครื่องเทศจากอินเดียและตัวมะเขือเทศอบแห้งครับ เมนูนี้จะมีพนักงานมาชงชามะเขือเทศให้ เพื่อที่จะให้อารมณ์แบบชา Matcha ญี่ปุ่น ผมค่อนข้างชอบกับรสชาติของเมนูนี้ครับ  3.9/5.0

ต่อไปจะเป็นการเริ่มเมนู Main course ของร้านนี้แล้วครับ
ชื่อสินค้า:   Gaggan Progressive Indian Cuisine
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่