หลงไปกับความสุข หลงไปกับพระเจ้า หลงไปกับศรัทธา หลงไปกับศาสนา หลงไปกับความรู้ หลงอยู่กับตัวเองมาต้องนาน แล้วก็ยังหลงต่อ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เราผู้โง่เขลาที่เข้าใจว่าตนเองฉลาดกว่าใคร ๆ เมื่อไรที่เราเห็นคนอื่นเห็นผิดจากเรา ถ้ามีโอกาสเราจะโต้ตอบทันที เราหลงตัวไปว่า เรารู้มากกว่าเขา เมื่อได้ยินผู้คนชื่นชมว่าเราเก่ง เราดีใจและมีความสุข พอคนอื่นโต้กลับจนทำให้เราหมดปัญญาที่จะโต้ ความดีใจหายไปทันที นี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เราหลงไปกับความรู้จนเกิดความทุกข์

พอคิดดูอีกที่ เราหลงอยู่อย่างนี้ไม่ได้ ต้องศรัทธา ต้องฝึก ต้องปฏิบัติ ที่นี้ถึงเวลาต้องลงมือจริง ๆ ศึกษาอย่างเดียวไม่พอแล้ว ก็เลยทำตามที่บางท่านแนะนำ คือ บริกรรมในใจว่า พุทโธ ๆๆๆ เหมือนที่เราเคยน้อมจิตไปอยู่กับพระเจ้าทำนองนั้น สักพักก็เกิดความสงบซึ่งไม่แตกต่างไปจากความสงบที่อยู่กับพระเจ้า มีแสงสว่างเกิดขึ้นเหมือนกันเลย อาการเหมือนกันเลย ก็เลยคิดไปว่า มันไม่เกี่ยวกับศาสนานี้หน่า อ๊ะ....ที่ผ่านมาเราหลงไปกับศาสนาสะงั้น

อย่างไรก็ดี มันก็สุขดี เมื่อมีเวลาฝึกเพ่งลมหายใจไปเรื่อย ๆ มีอยู่คราวหนึ่ง ใจรวมเป็นสมาธิและเห็นร่างตัวเองแยกออกจากร่างที่นั่งอยู่อีกร่างหนึ่ง มีกายเหมือนแก้วที่ใสสะอาดกำลังนั่งขัดสมาธิพร้อมกับถือดอกบัวเงินที่มีประกายเพชรระยิบระยับ มีรัศมีเจิดจ้าเปล่งประกายออกมาจากศีรษะ และมีแสงสว่างรองรับฐานล่างเหมือนคู่บัลลังก์ เหาะเหินอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า เกิดปีติยิ่งนัก ทำให้คิดไปว่าตนได้บรรลุธรรมแล้ว ลองเปลี่ยนมาฝึกการเจริญสติบ้าง พอได้สักพัก สติเริ่มเร็วขึ้น เห็นกาย เวทนา จิต กำลังแปรปรวน ทำให้คิดไปว่าตนได้วิปัสสนาญาณแล้ว กำลังจะเดินเข้าสู่พระนิพพานแล้ว เกิดปีติยิ่งขึ้นไปอีก พอถึงเวลาใช้ชีวิตอยู่ในปกติ อ๊าว.... นี้ก็อร่อย นั้นก็สวย โน้นก็ไพเราะ ตรงนี้ก็สัมผัสสดูแล้วช่างสบายดีจัง แถมยังมีกลิ่นหอมอีกต่างหาก รู้สึกช่างหลงไหลยิ่งนักจนลืมเรื่องที่เคยเป็นทุกข์ไปเลย พอเจออารมณ์ที่ไม่ชอบก็เกิดไม่พอใจอีก ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่าสำคัญตนผิด นึกว่าใกล้นิพพานเข้ามาแล้ว ที่ไหนได้หลงทางอยู่ต้องนาน พอรู้ตัวอีกที ยังห่างไกลจากอริยสัจจธรรมอย่างมาก อ๊ะ.....ไอ้ที่ฝึกมานั้นช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ หลงอยู่กับตัวเองสะงั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่