ปฏิบัติธรรมอย่างมาก แล้วยังหลงเอาอัตตาตัวตนเข้านิพพาน โสดาบ้นติมรรค ย่อมบังเกิดขึ้นไม่ได้ นับประสาอะไร...

ปฏิบัติธรรมอย่างมาก แล้วยังหลงเอาอัตตาตัวตนเข้านิพพาน โสดาบ้นติมรรค ย่อมบังเกิดขึ้นไม่ได้ นับประสาอะไร กับตัณหาที่หยาบอย่างนี้

              แม้ที่ระเอียดกว่าดีกว่า อย่างทิฏฐิที่ดี(ติดดีหลงดี) เมื่อยึดมั่นถือมั่นปักแน่นลงไปแล้ว ทั้งที่ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักสติปัฏฐาน 4 วิปัสสนาเจริญสูงสุดของโลกียวิปัสสนาญาณแล้ว ก็ยังขวางกั่นไม่ให้เกิดมรรคผลนิพพานได้.

               ดังนั้น  จิตเที่ยง  จิตไม่เกิดดับ จิตไม่มีวันตาย  ย่อมไม่เกิดจากการกล่าวของพระโสดาบันบุคคลแน่นอนนั้นอง.
                                                
                                      เรื่องต่อไปนี้ อ่านเป็นนิทานก็ได้ อ่านเป็นเรื่องเปรียบเทียบธรรม ก็ได้

      เพราะแม้พระโสดาบันที่ผมพอจำได้จากที่ได้อ่านได้ศึกษามา ที่พึ่งบรรลุธรรมใหม่ๆ จากได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าจบ ท่านเป็นโรคเรื้อนและเป็นขอทาน เกิดความยินดียิ่งในธรรมที่บรรลุ แม้ฐานะตนจะต้อยต่ำอย่างไรก็หาได้คำนึง  ได้กล่าววาจาต่อหนัาพระพุทธเจ้า ว่าท่านได้เห็นแจ้งในธรรมที่พระองค์สั่งสอนแล้ว พระพุทธเจัาจึงทรงรับรองต่อหน้าชุมชนผู้ฟังธรรมนั้นว่า เป็นจริงดังนั้น  แล้วแยกย้ายกันกลับไป  

       ซึ่งพระอินทร์เกิดอยากทดลองใจ จึงเนรมิตกายเป็นเหมือนดังพุทธเจ้าทุกประการ ดักรออยู่ โสดาบันเรื้อนขอทานเมื่อเห็นย่อมศรัทธานอบน้อม แล้วพระอินทร์แปลงนั้นกล่าวว่า  ที่ได้เทศนาสอนที่ผ่านมานั้น ได้สอนผิดไป ที่จริงแล้ว กายและใจ นั้นเที่ยง ไม่ใช่ไม่เทียง

       โสดาบันท่านนั้นได้ฟังเพียงเท่านี้ ก็รู้ได้ทันทีว่านั้นไม่ใช่พระพุทธเจ้า จึงชี้หน้าว่าไปว่า "ท่านไม่ใช่พระพุทธเจ้า ท่านเป็นมารแปลงตนมา"  
  
        พระอินทร์คลายร่างที่แปลงมา แล้วกล่าวขอโทษท่านโสดาบันนั้น แล้วบอกว่าท่านอยากจะลองใจดู แล้วจากไป  แล้วหลังจากนั้นโสดาบันท่านนั้นก็ได้ตายจากโลกนี้ไป.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่