[CR] {A Little Girl in Wild World}#เด็กสาวกับกระบอกไม้ไผ่#Arashiyama#Kyoto#03#


จากศาลเจ้าอินาริ เราก็ขึ้นรถไฟกลับมาลงที่สถานีเกียวโต
ก่อนที่จะต่อรถไฟไปยังสถานีซางะอาราชิยามะ(Saga-Arashiyama Stn.)
ตรงนี้หลายคนสงสัยเบาๆว่าค่ารถไฟประมาณเท่าไหร่? เราตอบตรงๆว่า...ไม่ทราบค่ะ
เพราะเราใช้พาส Kansai Wide Area เลยขึ้นลงได้ไม่จำกัดเที่ยวแบบ Unlimited ค่ะ
ส่วนใครที่ไม่ได้ซื้อพาส...ขอบอกว่าสิ้นเปลืองกว่าค่าอาหารก็คือค่ารถไฟนี่ล่ะค่ะ
ดังนั้นทางที่ดี เราแนะนำให้ซื้อพาสไว้ใช้ดีกว่า คุ้มยิ่งกว่าคุ้มนะคะ ^^
แต่ถ้าใครจะแค่เที่ยวในเมือง ไม่ได้ออกไปเที่ยวต่างเมืองไกลๆ อันนี้พาสอาจจะไม่จำเป็นมากก็ได้



เสพบรรยากาศภายในและภายนอกรถไฟกันเถอะค่ะ ซู๊ดดดด! เพลงมา...(ฟังเพลงไปด้วยค่ะ)
ถ้าจะพูดถึงข้อดีของหน้าร้อนของที่นี่ ก็คือสีเขียวของต้นไม้กับสีฟ้าของท้องฟ้านี่ล่ะค่ะ สวยมาก^^
วันนี้วันธรรมดา ช่วงกลางวันคนจะน้อยแบบนี้ค่ะ ยกเว้นมีงานเทศกาลหรือวันหยุดของประเทศ
จะมีนักท่องเที่ยวเยอะเต็มขวนเลยค่ะ แต่วันนี้โล่ง เราเลยสบาย อิอิ^^



ถึงแล้วค่ะ ท่านผู้โชมมมมมมมม!!! เรามาถึงสถานีซางะอาราชิยามะแล้วค่ะ
แดดร้อนค่าาาา แดดร้อนๆตอนบ่ายๆ พอออกจากรถไฟถึงได้รับรู้ถึงความจริงอันโหดร้าย
สิ่งที่เราต้องทำคือเดินต่อค่ะ จักรยานก็มีให้เช่านะคะ แต่เราจนค่ะ...เราเลยต้องเดิน เหอะๆ


ร้านขายซอฟครีม(ไอศครีม)ที่นี่มีเยอะมาก ราคาก็ 300-400 เยนค่ะ...เหมาะกับอากาศร้อนๆ
แต่...เราไม่กินค่ะ ตอนนี้คือประหยัดไปหมด อะไรไม่จำเป็นเราอดทนเอาไว้ก่อนค่ะ(ฮา)


ร้านขายดอกไม้ในเมืองค่ะ น่ารักเนอะ^^ เดินเล่นแบบนี้ก็โรแมนติกดีนะคะ
ถ้าอากาศไม่ร้อนอบอ้าวขนาดนี้จะดีมาก นี่ร้อนจนต้องแอบเดินเข้าไปเล่นในร้าน Lawson
แล้วก็เดินออกมาโดยไม่ซื้ออะไรเลย(อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ มันเสียมารยาท..แต่จุดนี้คือร้อนจริงไม่ไหวแล้ว)


เมืองที่นี่เขาค่อนข้างอนุรักษณ์เมืองของเขาให้คงอยู่แบบดั้งเดิมค่ะ สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นแท้ๆมีเยอะมาก
ถนนหนทางก็เป็นซอยเล็กๆแบบดั้งเดิม เพิ่มเติมคือพื้นคอนกรีต(ก็เพราะที่นี่เป็นเกียวโตไง) แต่สะอาดมากค่ะ ขอบอก!






"Jyashin o tottemo ii desuka?" เราเอ่ยถามขอถ่ายรูปพ่อหนุ่มล่ำ สมาคมนักลาก(รถ)แห่งอะราชิยามะ
ขอดีๆมีรึพี่แกจะไม่ยอม..ยิ้มพร้อมชูนิ้ว เราก็กดไปรูปนึง เราเลยบอกขออีกรูป ไม่ต้องชูนิ้วนะคะ(จะแอ๊บแบ๊วทำไม?)อมยิ้ม35


รถลากก็น่านั่งค่ะ เขาจะพาเราชมเมืองรอบๆ ใครที่เดินไม่ไหว นี่คือทางเลือกที่ฟ้าประทานเลยล่ะค่ะ^^



พอเดินมาถึงริมแม่น้ำ อากาศนี่ราวฟ้ากับเหวเลยค่ะ จากร้อนๆเหงื่อตกกีบ...พอมาถึงแม่น้ำเท่านั้นแหละ
อากาศดีมว๊ากกกกกกกกกกก!! ลมพัดไอน้ำขึ้นมาบนฝั่งบวกกับลมจากภูเขา ทำให้เย็นสดชื่น สบายดีมากๆค่ะ
ว่าแล้วเราก็เดินหาทำเลนั่งเหมาะๆพักกันซะก่อน เดินมาจบตรงที่ใต้ต้นไม้ริมแม่น้ำ ก็เห็นเรือแจวผ่านไปมา
ช่วงหน้าใบไม้เปลี่ยนสี รู้สึกว่าเขาจะมีงานเทศกาลที่ทำพิธีกันบนเรือด้วยนะคะ คงสวยน่าดูเลยอ่ะ
ที่เมืองนี้เขาจะขึ้นชื่อเรื่องใบไม้แดงค่ะ ใครมาช่วงปลายตุลาคมถึงพฤศจิกายน ลองแวะมาที่นี่นะคะ




จุดหมายต่อไปของเรา คือ วัดเทนริว(Tenryu-ji)ค่ะ เราก็เดินจากแม่น้ำมาอีกนิดหน่อย
ที่จริงเราเดินผ่านทางเข้าวัดเพื่อที่จะมาที่แม่น้ำก่อน ก็ตามสูตรค่ะ..ทางไหนที่คนอื่นเข้าเราไม่เข้า(ฮา)
เดินจากแม่น้ำมาโผล่ที่ทางเข้าด้านข้างวัน คนดูแลเขาก็มองๆดู เราก็ถ่ายรูปไปปกติ มีรูปนึงเราจะถ่ายวิหาร
แต่คุณผู้ดูแลยืนอยู่ พอเขาเห็นเราเล็งกล้องจะถ่าย เขาเดินไปหลบข้างๆกำแพงให้เราถ่ายรูปวิหาร(น่ารักอ่ะ)
แล้วโผล่หน้ามาดูเป็นพักๆว่าเราถ่ายเสร็จรึยัง...แล้วค่อยเดินมายืนที่เดิม^^ คนญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องมารยาทค่ะ



ทางเขาหลักของวัดเทนริวค่ะ(ซึ่งเราเดินผ่านมาแล้ว)




เราเดินผ่านวิหารนี้มาเพื่อไปตามหามุมในตำนานค่ะ มุมของวิหารที่ไปปรากฎบนโปสเตอร์ท่องเที่ยว
เราก็ตามหาจนเจอค่ะ อยู่ใกล้ๆกับร้านขายของที่ระลึก มุมนี้จะสวยมากในฤดูใบไม้ร่วงค่ะ(ใบไม้จะเป็นสีแดง)



ด้านข้างวัดก็จะมีศาลเจ้าเล็กๆอยู่ ที่นี่ถูกล้อมด้วยป่าต้นเมเปิ้ลที่ใบกำลังเริ่มเปลี่ยนสีค่ะ สวยมากๆ
คิดว่าถ้าอีกซัก 2-3 เดือนหลังจากนี้ ที่นี่คงถูกล้อมเป็นสีแดงจากใบต้นเมเปิ้ลที่กำลังจะร่วงโรยแน่ๆเลยค่ะ


เราเดินต่อกันมาอีกนิดนึง เพื่อไปที่ป่าไผ่แห่งอะราชิยามะที่เขาร่ำลือกันว่าสงบและสวยงาม


พอเดินเข้ามา อุณหภูมิก็ลดลงทันทีค่ะ รู้สึกเย็นและสงบดีมากๆ แต่ข้างในมืดๆทึมๆ
ถ้าคนไม่เยอะนี่ก็เข้าข่ายสงบจนวังเวงเหมือนกันนะคะ เหอๆ


ป่าไผ่ที่นี่จะถูกแบ่งเป็นสองฝั่งด้วยทางรถไฟค่ะ โชคยังดีที่มีรถไฟวิ่งผ่าน เลยได้รูปสั่นๆมาหนึ่งใบ



ในป่าไผ่นี้ก็มีศาาลเจ้าเล็กๆอยู่เช่นกัน ศาลเจ้าแบบนี้มีอยู่ทั่วๆไปค่ะ ถ้าบ้านเราคงเป็นศาลมีผ้าสีผูกๆอมยิ้ม20
หลายคนที่มาเคยสงสัยมั้ยคะว่าทำไมต้นไผ่ที่นี่มันไม่ขึ้นเบียดเป็นกอ แต่ขึ้นเป็นลำต้นเดี่ยวๆดูสะอาดสวยงาม
และไม่เห็นจะมีหน่อไม้ขึ้นมา เราก็รู้สึกสงสัยค่ะ จนไปสืบมาได้ความว่า...(อย่าเรียกสืบเลย ไปดูวิดีโอแนะนำเมืองมาค่ะ)
ที่นี่เขาจะมีคนดูแลตลอดค่ะ ต้นไผ่ขึ้นชื่อเรื่องความโตเร็วมาก ทุกๆวันจะมีผู้ดูแลถือมีดจ้วง(ไม่รู้จะเรียกอะไร)
เดินไปตามป่าไผ่และใช้มีดจ้วงเอาหน่อไม้ที่ขึ้นมาค่ะ เพื่อไม่ให้ต้นไผ่เบียดเสียดกันเกินไป
หน่อไม้ที่ได้ก็ไปทำอาหารกินกัน คนญี่ปุ่นเขาใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆค่ะ


เอาล่ะ ได้เวลากลับกันแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ 5 โมงเย็นแล้ว กว่าจะกลับถึงโอซาก้าก็คงเกือบทุ่ม
เราก็เดินลัดเลาะตามบ้านเรือนมา...จนรู้สึกว่า...นี่เราหลงทางใช่หรือไม่?(อีกแล้วหรอ?)
เจอรูปปั้นหินกับศาลเจ้าแปลกตาระหว่างทาง ก็เดินเรื่อยๆค่ะ...ตอนนั้นเองมีคนปั่นจักรยานผ่านมา 2 คน
ฟังเสียงพูดคุยกันรู้ว่าเป็นคนไทยแน่ๆ เลยเดินตามๆเขามา ก็เจอสถานีรถไฟอยู่ตรงหน้าค่ะ(ดีใจน้ำตาไหล)



กระทู้หน้าพบกับเรื่องราวที่เราไปผจญภัยในหุบเขาคุรามะกันค่ะ ด้วยความไม่เจียมตัว
ไปเดินข้ามเขาลูกใหญ่โดยไม่พิจารณาสังขารตัวเอง กระทู้หน้า "คิบุเนะ-คุรามะ" ไปตามหาโซโจโบเทนงูกัน!!


ความเดิมตอนที่แล้วตาม Link ข้างล่าางนะคะ


ตอนใหม่มาแล้วค่า>>> http://pantip.com/topic/35538911
ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น เกียวโต
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่