ภูมิภาคชูโกกุถือเป็นอีกหนึ่งดินแดนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ทั้งวิถีชีวิตที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติอันหลากหลาย และมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นดั้งเดิม นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความเงียบสงบและความมีชีวิตชีวา เดินทางท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ทั้งภูเขา ทะเล และเมืองเก่า ในจังหวะที่ไม่เร่งรีบ ทำให้ชูโกกุเป็นภูมิภาคที่น่าหลงใหลสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่นอกเหนือจากเมืองท่องเที่ยวหลักในญี่ปุ่น
ชูโกกุตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นพื้นที่ที่มีทั้งธรรมชาติ ภูเขา และชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นกับทะเลเซโตะใน ทำให้มีทิวทัศน์สวยงามหลากหลาย เมืองสำคัญในภูมิภาคนี้ ได้แก่ฮิโรชิม่า ซึ่งมีชื่อเสียงจากประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 และศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะที่จังหวัดชิมาเนะซึ่งถือเป็นหนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ภูมิภาคชูโกกุยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น เนินทรายทตโตริ นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดใหม่ ชิมกันได้ที่ตลาดปลาคาราโตะที่จังหวัดยามากุจิ และยังคงรักษาเสน่ห์ของเมืองเก่าและวัฒนธรรมดั้งเดิมควบคู่ไปกับความเจริญสมัยใหม่อย่างลงตัว โดยเฉพาะที่เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง ที่จังหวัดโอคายามะ
เที่ยวชูโกกุแสนสะดวกบินได้ทั้งสนามบินฟุกุโอกะ และสนามบินนานาชาติคันไซ
เพื่อนๆ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการท่องเที่ยวภูมิภาคชูโกกุนั้น สามารถเดินทางได้สะดวก เพราะนักท่องเที่ยวสามารถเลือกบินลงได้ทั้ง สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) ซึ่งอยู่ใกล้ฝั่งคิวชู เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนเที่ยวเชื่อมต่อภูมิภาคคิวชู และ สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport) ใกล้โอซาก้า ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นจากคันไซและต่อเข้าไปยังชูโกกุ ซึ่งมีบริการรถไฟสำหรับเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสนามบินเหล่านี้ กับจังหวัดในภูมิภาคชูโกกุอันได้แก่ จังหวัดทตโตริ จังหวัดชิมาเนะ จังหวัดโอคายามะ จังหวัดฮิโรชิม่า และจังหวัดยามากุจิแสนสะดวก ทำให้การจัดทริปยืดหยุ่นและสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวภูมิภาคอื่นได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้นเราขอแนะนำบัตรโดยสารของบริษัท JR-WEST หรือ West Japan Railway Company ที่สามารถใช้เดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟในภูมิภาคชูโกกุแสนสะดวก และครอบคลุมทั้งผู้ที่เดินทางจากสนามบินฟุกุโอกะ และสนามบินนานาชาติคันไซได้อีกด้วย
ตารางสรุปบัตรโดยสาร JR West Rail Pass ที่สามารถใช้ได้ในแต่ละจังหวัดของภูมิภาคชูโกกุ และสนามบินที่สามารถบินขึ้นลงได้
หากเก็บข้อมูลบัตรโดยสารที่เหมาะกับทริปของเราได้เรียบร้อย มาเริ่มต้นออกเดินทางในภูมิภาคน่าเที่ยวแห่งนี้กันเลย โดยทริปลิสต์ 5 จังหวัดในภูมิภาคชูโกกุที่เราจะมาแนะนำในคราวนี้มีดังต่อไปนี้
1.จังหวัดทตโตริ
-เนินทรายทตโตะริ (Tottori Sand Dunes)-ชายฝั่งอุระโดเมะ (Uradome Coast)
-โกดังดินผนังสีขาวแห่งคุราโยชิ (Kurayoshi Shirakabe Storehouses)
-จุดชมวิวคักคาเกะพาส (Kakkake Pass Observation Deck
2.จังหวัดชิมาเนะ
-ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle)
-พิพิธศิลปะอาดาจิ (Adachi Museum of Art)-หอศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Sacred Dance Hall at IzumoTaisha Grand Shrine)
-ศูนย์ศิลปะชิมาเนะ ‘แกรนด์โทวะ’ (Shimane Arts Center ‘Grand Toit’)
3.จังหวัดโอคายามะ
-เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter)
-โคจิมะ ยีนส์ สตรีท (Kojima Jeans Street)
-ปราสาทสึยามะ (Tsuyama Castle)
-ท่าเรืออุโนะ (Uno Port)
4.จังหวัดฮิโรชิม่า
-ภูเขาโอโซระกัง (Mt.Osorakan)
-เกาะโอคุโนะชิมะ (Okunoshima Isaland)
-เซโตะอุจิ ชิมานามิไคโด (Setouchi Shimanami Kaido)
-วัดเซนโคจิ โอโนมิจิ (Senkouji Temple, Onomichi)
5.จังหวัดยามากุจิ
-ศาลเจ้าโฮฟุเทนมังกุ (Hofu Tenmangu Shrine)
-เมืองยามากุจิ (Yamaguchi City)
-เมืองปราสาทฮากิ (Hagi Castle Town)
-สะพานคินไตเกียว (Kintaikyo Bridge)
เรามาเริ่มต้นการเดินทางทริปชูโกกุกันที่จังหวัดทตโตริ (Tottori)
ตั้งอยู่ริมทะเลญี่ปุ่นในภูมิภาคซันอิน (เป็นการเรียกส่วนหนึ่งของภูมิภาคชูโกกุ มีจังหวัดหลักคือ ทตโตริ ชิมาเนะ และบางส่วนของจังหวัดยามากุจิ) โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่แตกต่างกับสถานที่หลายแห่งในญี่ปุ่นโดยเฉพะาที่ทะเลทรายทตโตริ ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมพิพิธภัณฑ์ทรายที่จัดแสดงงานแกะสลักทรายสุดอลังการ อีกทั้งยังมีธรรมชาติสวยงาม เช่น ภูเขาไดเซ็น (Mt. Daisen) ที่เปรียบเสมือนฟูจิแห่งซันอิน เหมาะทั้งการปีนเขาและเล่นสกีในฤดูหนาว เมืองเก่ายังอบอวลด้วยเสน่ห์แบบดั้งเดิม และยังเป็นบ้านเกิดของนักเขียนการ์ตูนผู้สร้าง GeGeGe no Kitaro ทำให้มี “ถนนการ์ตูนโยไค” อันมีเอกลักษณ์ ส่วนอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อ ได้แก่ปูมัตสึบะ และผลไม้ตามฤดูกาล ถือเป็นจังหวัดเล็กที่เงียบสงบแต่มากด้วยเสน่ห์ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
คำว่าธรรมชาติสรรค์สร้างงานศิลปะอันน่าทึ่งขึ้นมาเอง คงไม่ใช่เรื่องผิดนัก หากมีโอกาสมาเยือนที่นี่ สำหรับเนินทรายทตโตะริ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัด และถือว่าเป็นหนึ่งในเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ริมทะเลมีความยาวประมาณ 16 กิโลเมตร กว้างราว 2 กิโลเมตร ลักษณะภูมิทัศน์เกิดจากลมทะเลที่พัดพาทรายมากองรวมกันหลายหมื่นปี จนกลายเป็นทะเลทรายขนาดย่อมท่ามกลางภูมิประเทศญี่ปุ่น ไม่ไกลจากเนินทรายยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะทรายที่เนินทรายทตโตริ สามารถเข้าชมการจัดแสดงศิลปะทรายที่น่าประทับใจ และหาชมได้ยากได้จากที่นี่
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Tottori ขึ้นรถบัสประจำทางสาย "Sakyu" (หรือสายที่มุ่งหน้าไป Tottori Sakyu) ลงที่ป้าย Tottori Sakyu Kaikan Bus Stop หรือ Sakyu Higashi-guchi ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที
ชายฝั่งอุระโดเมะ (Uradome Coast)
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของจังหวัดทตโตะริ ติดกับทะเลญี่ปุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีซันอินไคกัง (San’in Kaigan Geopark) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลกโดยยูเนสโก ความงดงามของที่นี่เกิดจากหน้าผาหินรูปร่างแปลกตา มีเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย ที่กระจายอยู่ใกล้ชายฝั่ง น้ำทะเลใสสะอาดจนมองเห็นพื้นทรายและหินใต้น้ำได้อย่างชัดเจน
การเดินทาง :
1. จากสถานี JR Tottori ขึ้นรถไฟ JR สายหลักSan’in ไปยังสถานี Iwami (23 นาที) และลงที่ป้ายรถบัสไปลงที่ "
Uradome Kaigan-guchi" (10 นาที)
2. หรือจากสถานี JR Tottori ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้ายรถบัสไปลงที่
"Uradome Kaigan-guchi" ได้เลย (50 นาที)
โกดังดินผนังสีขาวแห่งคุราโยชิ (Kurayoshi Shirakabe Storehouses)
ย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์โดดเด่นของเมืองคุราโยชิ ตัวอาคารส่วนใหญ่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะถึงสมัยเมจิ เดิมทีเป็นโกดังเก็บสินค้าและร้านค้าของพ่อค้า ลักษณะเด่นคือ ผนังฉาบปูนสีขาว ตัดกับกระเบื้องกันไฟสีแดงทำให้เกิดเอกลักษณ์งดงามแบบดั้งเดิม ในปัจจุบันพื้นที่นี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิตยุคใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบรรยากาศเงียบสงบของเมืองเก่า แวะเข้าร้านกาแฟเก๋ๆ ร้านขายของฝาก งานหัตถกรรมท้องถิ่น และพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่สอดแทรกอยู่ตามโกดังแต่ละหลัง ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง บรรยากาศยิ่งโรแมนติก เหมาะแก่การถ่ายภาพและเดินเล่นแบบสบายๆ ความสวยงามและโดดเด่นนี้ ทำให้ที่นี่ถูกขนานนามว่า “ลิตเติลเกียวโตแห่งซันอิน” ที่สะท้อนกลิ่นอายประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตญี่ปุ่นโบราณได้อย่างชัดเจน
การเดินทาง : จากสถานี JR Kurayoshi ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Akagawara Shirakabe Dozo ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นเดินประมาณ 5 นาที
จุดชมวิวคักคาเกะพาส (Kakkake Pass Observation Deck)
สัมผัสใบไม้เปลี่ยนสีอันน่าทึ่งของภูเขาไดเซ็นและสถานที่ในชนบททัศนียภาพอันงดงามทางทิศใต้ของภูเขาไดเซ็นท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่เพื่อถ่ายภาพทิวทัศน์บริเวณจุดชมวิวยอดนิยมแห่งหนึ่งของภูเขาไดเซ็นอันงดงาม และเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอันเงียบสงบของทัศนียภาพโดยรอบ พื้นที่ด้านหน้าของจุดชมวิวมีป่าเบีช และวิวภูเขารวมทั้งธรรมชาติที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นภาพที่ชวนประทับใจ
การเดินทาง : จากสถานี JR Hōki-Mizoguchi นั่งรถต่ออีกประมาณ 20 นาที
ตะลุยภูมิภาคชูโกกุด้วย JR West Rail Pass เดินทางง่าย ทั้งจากภูมิภาคคันไซและคิวชู
เที่ยวชูโกกุแสนสะดวกบินได้ทั้งสนามบินฟุกุโอกะ และสนามบินนานาชาติคันไซ
เพื่อนๆ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการท่องเที่ยวภูมิภาคชูโกกุนั้น สามารถเดินทางได้สะดวก เพราะนักท่องเที่ยวสามารถเลือกบินลงได้ทั้ง สนามบินฟุกุโอกะ (Fukuoka Airport) ซึ่งอยู่ใกล้ฝั่งคิวชู เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนเที่ยวเชื่อมต่อภูมิภาคคิวชู และ สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport) ใกล้โอซาก้า ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นจากคันไซและต่อเข้าไปยังชูโกกุ ซึ่งมีบริการรถไฟสำหรับเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสนามบินเหล่านี้ กับจังหวัดในภูมิภาคชูโกกุอันได้แก่ จังหวัดทตโตริ จังหวัดชิมาเนะ จังหวัดโอคายามะ จังหวัดฮิโรชิม่า และจังหวัดยามากุจิแสนสะดวก ทำให้การจัดทริปยืดหยุ่นและสามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวภูมิภาคอื่นได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้นเราขอแนะนำบัตรโดยสารของบริษัท JR-WEST หรือ West Japan Railway Company ที่สามารถใช้เดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟในภูมิภาคชูโกกุแสนสะดวก และครอบคลุมทั้งผู้ที่เดินทางจากสนามบินฟุกุโอกะ และสนามบินนานาชาติคันไซได้อีกด้วย
ตารางสรุปบัตรโดยสาร JR West Rail Pass ที่สามารถใช้ได้ในแต่ละจังหวัดของภูมิภาคชูโกกุ และสนามบินที่สามารถบินขึ้นลงได้
1.จังหวัดทตโตริ
-เนินทรายทตโตะริ (Tottori Sand Dunes)-ชายฝั่งอุระโดเมะ (Uradome Coast)
-โกดังดินผนังสีขาวแห่งคุราโยชิ (Kurayoshi Shirakabe Storehouses)
-จุดชมวิวคักคาเกะพาส (Kakkake Pass Observation Deck
2.จังหวัดชิมาเนะ
-ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle)
-พิพิธศิลปะอาดาจิ (Adachi Museum of Art)-หอศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะ (Sacred Dance Hall at IzumoTaisha Grand Shrine)
-ศูนย์ศิลปะชิมาเนะ ‘แกรนด์โทวะ’ (Shimane Arts Center ‘Grand Toit’)
3.จังหวัดโอคายามะ
-เขตอนุรักษ์คุราชิกิบิคัง (Kurashiki Bikan Historical Quarter)
-โคจิมะ ยีนส์ สตรีท (Kojima Jeans Street)
-ปราสาทสึยามะ (Tsuyama Castle)
-ท่าเรืออุโนะ (Uno Port)
4.จังหวัดฮิโรชิม่า
-ภูเขาโอโซระกัง (Mt.Osorakan)
-เกาะโอคุโนะชิมะ (Okunoshima Isaland)
-เซโตะอุจิ ชิมานามิไคโด (Setouchi Shimanami Kaido)
-วัดเซนโคจิ โอโนมิจิ (Senkouji Temple, Onomichi)
5.จังหวัดยามากุจิ
-ศาลเจ้าโฮฟุเทนมังกุ (Hofu Tenmangu Shrine)
-เมืองยามากุจิ (Yamaguchi City)
-เมืองปราสาทฮากิ (Hagi Castle Town)
คำว่าธรรมชาติสรรค์สร้างงานศิลปะอันน่าทึ่งขึ้นมาเอง คงไม่ใช่เรื่องผิดนัก หากมีโอกาสมาเยือนที่นี่ สำหรับเนินทรายทตโตะริ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัด และถือว่าเป็นหนึ่งในเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ริมทะเลมีความยาวประมาณ 16 กิโลเมตร กว้างราว 2 กิโลเมตร ลักษณะภูมิทัศน์เกิดจากลมทะเลที่พัดพาทรายมากองรวมกันหลายหมื่นปี จนกลายเป็นทะเลทรายขนาดย่อมท่ามกลางภูมิประเทศญี่ปุ่น ไม่ไกลจากเนินทรายยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะทรายที่เนินทรายทตโตริ สามารถเข้าชมการจัดแสดงศิลปะทรายที่น่าประทับใจ และหาชมได้ยากได้จากที่นี่
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Tottori ขึ้นรถบัสประจำทางสาย "Sakyu" (หรือสายที่มุ่งหน้าไป Tottori Sakyu) ลงที่ป้าย Tottori Sakyu Kaikan Bus Stop หรือ Sakyu Higashi-guchi ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที
ชายฝั่งอุระโดเมะ (Uradome Coast)
ตั้งอยู่ทางตะวันออกของจังหวัดทตโตะริ ติดกับทะเลญี่ปุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีซันอินไคกัง (San’in Kaigan Geopark) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลกโดยยูเนสโก ความงดงามของที่นี่เกิดจากหน้าผาหินรูปร่างแปลกตา มีเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย ที่กระจายอยู่ใกล้ชายฝั่ง น้ำทะเลใสสะอาดจนมองเห็นพื้นทรายและหินใต้น้ำได้อย่างชัดเจน
การเดินทาง :
1. จากสถานี JR Tottori ขึ้นรถไฟ JR สายหลักSan’in ไปยังสถานี Iwami (23 นาที) และลงที่ป้ายรถบัสไปลงที่ "Uradome Kaigan-guchi" (10 นาที)
2. หรือจากสถานี JR Tottori ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้ายรถบัสไปลงที่ "Uradome Kaigan-guchi" ได้เลย (50 นาที)
โกดังดินผนังสีขาวแห่งคุราโยชิ (Kurayoshi Shirakabe Storehouses)
ย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์โดดเด่นของเมืองคุราโยชิ ตัวอาคารส่วนใหญ่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะถึงสมัยเมจิ เดิมทีเป็นโกดังเก็บสินค้าและร้านค้าของพ่อค้า ลักษณะเด่นคือ ผนังฉาบปูนสีขาว ตัดกับกระเบื้องกันไฟสีแดงทำให้เกิดเอกลักษณ์งดงามแบบดั้งเดิม ในปัจจุบันพื้นที่นี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิตยุคใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบรรยากาศเงียบสงบของเมืองเก่า แวะเข้าร้านกาแฟเก๋ๆ ร้านขายของฝาก งานหัตถกรรมท้องถิ่น และพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่สอดแทรกอยู่ตามโกดังแต่ละหลัง ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง บรรยากาศยิ่งโรแมนติก เหมาะแก่การถ่ายภาพและเดินเล่นแบบสบายๆ ความสวยงามและโดดเด่นนี้ ทำให้ที่นี่ถูกขนานนามว่า “ลิตเติลเกียวโตแห่งซันอิน” ที่สะท้อนกลิ่นอายประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตญี่ปุ่นโบราณได้อย่างชัดเจน
การเดินทาง : จากสถานี JR Kurayoshi ขึ้นรถบัสไปลงที่ป้าย Akagawara Shirakabe Dozo ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นเดินประมาณ 5 นาที
จุดชมวิวคักคาเกะพาส (Kakkake Pass Observation Deck)
สัมผัสใบไม้เปลี่ยนสีอันน่าทึ่งของภูเขาไดเซ็นและสถานที่ในชนบททัศนียภาพอันงดงามทางทิศใต้ของภูเขาไดเซ็นท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่เพื่อถ่ายภาพทิวทัศน์บริเวณจุดชมวิวยอดนิยมแห่งหนึ่งของภูเขาไดเซ็นอันงดงาม และเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอันเงียบสงบของทัศนียภาพโดยรอบ พื้นที่ด้านหน้าของจุดชมวิวมีป่าเบีช และวิวภูเขารวมทั้งธรรมชาติที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นภาพที่ชวนประทับใจ
การเดินทาง : จากสถานี JR Hōki-Mizoguchi นั่งรถต่ออีกประมาณ 20 นาที