[CR] {A Little Girl in Wild Word}#หญิงสาวผู้ฉายเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น#ปฐมบท#01#


สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้รีวิวท่องเที่ยวกระทู้แรก ใช้ล็อกอินของตัวเอง ไม่ได้ยืมใครมานะคะ ^^
อันที่จริงเราก็เที่ยวคนเดียวมาหลายที่ แต่ทริปญี่ปุ่นนี่ไปอยู่เที่ยวค่อนข้างนาน (2 สัปดาห์)แถมไปคนเดียวด้วย
เลยอยากมาเล่าประสบการณ์เที่ยวคนเดียวแบบไม่มีไกด์คนหรือไกด์บุ๊คไปเลย เที่ยวฉบับสาวบ้าพลังของจริง(ฮา)
หลายคนสงสัยว่า "ไปทำบ้าอะไรคนเดียวที่ญี่ปุ่นตั้ง 2 สัปดาห์?" คำถามนี้คนรอบตัวถามตอนกลับมาเหมือนกัน
คือ เราก็จะตอบว่า "พ่อเราสอนว่าถ้าคิดจะเที่ยว อย่าแค่ไปพอให้ได้เที่ยว ไปให้รู้เลยว่าที่นั่นเขามีชีวิตกันยังไง"
เราเลยเลือกทำเลที่จะสามารถไปเที่ยวได้ในแบบที่เห็นวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นดั้งเดิมขนานแท้ นั่นคือ "แถบคันไซ"
ภูมิภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยเมืองเก่าแก่โบราณซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น "บ้านเกิดของคนญี่ปุ่น" อย่างแท้จริง
ตอบคำถามในใจหลายคนที่ยังไม่รู้ว่า 'แถบคันไซ' คือ อะไร?...ที่ไหน?...ยังไง?? กันก่อนก็แล้วกันนะคะ ^^


ภูมิภาคคันไซ ประกอบไปด้วยจังหวัดใหญ่ๆทั้งหมด 7 จังหวัดค่ะ ได้แก่ มิเอะ(Mie), นารา(Nara),
วากายามะ(Wakayama), เกียวโต(Kyoto), โอซาก้า(Osaka), เฮียวโง(Hyogo) และชิงะ(Shiga)
แต่ก็มีบางคนที่เหมารวมเอาจังหวัดฟุคุอิ(Fukui), โทคุชิมะ(Tokushima), โทตโตะริ(Tottori)
เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคคันไซด้วย


ส่วนเราเองมีความตั้งใจตั้งแต่แรกว่าต้องไปฮิโรชิม่า(Hiroshima)ด้วยให้ได้
ก็เลยเที่ยวนอกลู่นอกทางไปไกลพอสมควร แต่พยายามเที่ยวตามตั๋วรถไฟในมือค่ะ
เราก็จะมารีวิวการเที่ยวที่มีการเปลี่ยนแปลงแผนเที่ยวทุกวัน แล้วแต่สภาพอากาศและร่างการของเราเองด้วย อมยิ้ม20
เพราะเราไปเที่ยวตั้งแต่ 20 ก.ค. - 3 ส.ค. 2559 ซึ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นฤดูร้อนของญี่ปุ่น
อากาศร้อนอบอ้าวชนิดที่เหนียวเหนอะหนะมาก บางวันฟ้าครึ้มแต่ร้อนมาก บางวันแดดออก บางวันฝนตก
แต่เดชะบุญที่เราพยายามดูรายงานสภาพอากาศตอนเช้า(ทางทีวีญี่ปุ่น)ทุกๆเช้า เพื่อปรับแผนการเดินทางหลีกเลี่ยงฝนตก
เช่น ถ้าสมมติตอนแรกวางแผนจะไปเกียวโต แต่ที่เกียวโตฝนตก...เราก็จะไปที่อื่นแทน (^^")
เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดทั้ง 2 สัปดาห์.....ฟังดูเหมือนจะดูสับสนและปวดหัว
แต่เราว่ามันสนุกดีนะ คิดในใจ "ดีแล้วที่มาคนเดียว"ร้องไห้ฮา) ^^


เราออกเดินทางจากไทยในวันที่ 20 กรกฎาคม 2559 จากสนามบินดอนเมือง
ด้วยสายการบิน Air Asia เพื่อลงที่สนามบิน Kansai
สิ่งของที่ตัดตัวไป มีเป้ 1 ใบ กับกระเป๋าล้อลากขนาดที่เอาขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ
เราไม่ใช่คนแต่งตัวเยอะ เลยมีแต่เสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นเท่านั้น
ส่วนโรงแรมเราก็จองล่วงหน้าไปแล้ว และพี่ๆที่เคาน์เตอร์แนะนำว่าให้เราปริ้นใบจองโรรงแรมและเที่ยวบินด้วย
เพราะเราไปอยู่นาน เขากลัวมีปัญหากับ ตม.แต่สายไปแล้ว เราปริ้นไม่ทัน...
สรุป ต้องโหลดแอพฯของแอร์เอเชียมาไว้ยืนยันกับ ตม. และทางโรงแรม ส่วนการเดินทางในญี่ปุ่นนั้น
เราได้จองตั๋วรถไฟแบบ 5 วันของ JR กับ www.lostripthailand.com ซึ่งเราเช็คแล้ว
ราคาถูกสุด รับของไว บริการดี แต่แนะนำว่าให้เราศึกษาเส้นทางที่ตัวเองจะไปก่อนด้วยนะคะ อย่าเอาแต่ถามพนักงาน
แล้วค่อยจองพาสฯต่างๆ เราจอง Kansai Wide Area Pass สำหรับใช้ 5 วัน
กับ Kansai-Hiroshima Pass ซึ่งครอบคลุมทุกเส้นทางที่เราต้องการจะไปค่ะ
ส่วนที่ๆมันห่างไกลหน่อยหรือต้องใช้รถไฟท้องถิ่น เราแนะนำให้ซื้อบัตร Icoca ไว้สำรอง
กับพกเหรียญสำหรับ Local bus ด้วยนะคะ เพราะบางทีก็ใช้บัตร Icoca ได้
แต่ถ้าบ้านนอกจริงๆก็ต้องระบบหยอดเหรียญค่ะ เดี๋ยวเราค่อยมาคุยวิธีขึ้นรถไฟท้องถิ่นกับรถบัสกันเนาะ


เราบินประมาณบ่าย ถึงญี่ปุ่นเป็นช่วง 3-4 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง)
เราบินแบบไม่ต่อเครื่อง จึงต้องเดินทางใช้เวลาไปราวๆ 6 ชั่วโมงเต็มๆ
โชคดีที่พี่เคาน์เตอร์เช็คอินเขาเห็นว่ามาคนเดียว เลยใจดีให้นั่ง Quiet Zone ซึ่งจะเงียบมาก
และเบาะข้างเราก็ว่างหมดเลย เราเลยสบายเลยทีนี้ เป็นส่วนตัวมากๆ อมยิ้ม21


พอถึงสนามบินคันไซและกว่าจะผ่าน ตม มาได้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว
เพราะคนค่อนข้างเยอะและเขาเปิดแค่ 3 ช่อง สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ หาที่นอน ฟรี!!!
เพราะเรามาแบบมีงบเท่าคนที่เขามาเที่ยว 5 วันกันเท่านั้นเอง (ความสนุกอยู่ที่เงินไม่เยอะนี่แหละ)
โซนนี้เราไปตาดีเจอในเว็บรีวิวที่นอนในสนามบินของ ตปท เลยเดินตามลายแทงเขามา
คือต้องเดินออกมาจากTerminal ตรงที่ขึ้นรถไฟเข้าเมือง
จะพบกับป้าย "Aero Plaza" ก็ให้เดินตรงไปตามทางเลย เดินไกลนิดนึงค่ะ
สิ่งแรกที่เขามาแล้วสะดุดตาคือ ร้าน Lawson สวรรค์ของคนจนอย่างเรา แต่เก็บเรื่องกินเอาไว้ก่อน
เราเดินผ่าน Lawson ไปจะพบกับห้องอาบน้ำซึ่งคนสะอาดๆอย่างเราไม่เข้าเพราะต้องเสียเงิน 500 เยนค่ะ(ฮา)
ด้านเดียวกันกับห้องอาบน้ำแต่เดินเข้ามาลึกอีกหน่อย อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านBerger Kingนะคะ
จะพบกับสวรรค์ของนักเดินทางอย่างเราๆค่ะ นั่นคือ "Waiting Area" จุ๊บๆ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ให้เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ด้านใน มี wi-fi และผ้าห่มให้ ฟรี! (แต่ผ้าห่มต้องเอามาคืนก่อน 6 โมงเช้านะคะ)
เขาจะให้กรอกรายละเอียดเล็กน้อย ที่พักก็จะเป็นเก้าอี้สีเขียวต่อกันยาวๆ หันหน้าเขาหากัน
และเบาะนั่งแบบอื่นๆ(ซึ่งเรามาไม่ทันเลยต้องนอนบนเก้าอี้) มีที่ให้ชาร์ตโทรศัพท์ฟรีด้วยนะ
สำหรับใครที่นอนยากและต้องการความสะดวกสบาย เราไม่แนะนำนะคะ อันนี้ต้องบอกกันไว้ก่อนเลย อมยิ้ม20
เพราะตอนที่เราไป เราต้องเผชิญกับเด็กผีที่ตี 3 ยังวิ่งไปทั่วห้องและสาวๆที่เม้ามอยหัวเราะกันอย่างไร้มารยาท
และข้างล่างนี้คือภาพอาหารมือแรกของเราเมื่อถึงญี่ปุ่น ข้าวปั้นไส้ไข่ปลาแซลม่อนกับน้ำเปล่า(หรูหราน่าดู) หึหึ!


เรารีบตื่นตั้งแต่ตี 5 แล้วก็รีบเอาผ้าห่มไปคืนที่เคาน์เตอร์ก่อนค่อยไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำ
จากนั้นเราก็เดินมายังที่ตู้แลกตั๋วที่เดินผ่านมาเมื่อคืน จะมีของออฟฟิศของ JR กับ Keihan ค่ะ
เพราะตอนซื้อเราจะได้เป็นกระดาษมา เราต้องไปแลกเอาเป็นตั๋วจริงที่ออฟฟิศซะก่อน
สิ่งต้องต้องเตรียมคือกระดาษที่จะเอาไปแลกตั๋วกับพาสปอร์ตของเราเองค่ะ
ของเราซื้อ JR เราก็ไปต่อแถว ซึ่งคิวยาวมาก...ออฟฟิศเพิ่งเปิดตอนตี 5:30 น.ทำไมแถวยาวแบบนี้ ร้องไห้


การใช้ JR Pass มี 2 แบบนะคะ คือ แบบสอดเข้าไปในตู้อิเล็กทรอนิกส์ได้เลยกับแบบต้องโชว์กับเจ้าหน้าที่สถานี
แบบที่ใส่เครื่องได้ จะมาเป็นแผ่นตั๋วค่ะ เราสอดเข้าเครื่องตรวจตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ได้เลย
ส่วนอีกแบบจะเป็นแบบมีแผ่นสติ๊กเกอร์ใสๆแปะเอาไว้ ห้ามแกะออกมานะคะ! แบบนี้ให้ถือไปโชว์กับ จนท เองค่ะ
ส่วนเงื่อนไขการใช้งาน คือ ใช้ได้กับรถไฟของ JR เท่านั้นและใช้ได้แค่ตามเส้นทางที่กำหนดในแผนที่ที่แนบมาพร้อมตั๋ว
ซึ่งนี่ก็แล้วแต่ประเภทของตั๋วว่าครอบคลุมไปได้ถึงไหน ถ้าให้ชัวร์ถามเจ้าหน้าที่ที่สถานนี้ต้นทางดูก่อนค่ะ
สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกับการใช้ตั๋ว คือ ระยะเวลาหรืออายุของตั๋ว เราต้องระบุวันที่ใช้ลงในตั๋วด้วยและต้องใช้ต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้นวางแผนเดินทางกันดีๆก่อนนะคะ กำหนดช่วงวันที่ต้องการเที่ยวให้แน่นอน เพราะมันเปลี่ยนวันไม่ได้นะคะ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ส่วนเราก็ซื้อบัตร Icoca ประเภท Kansai One Pass เอาไว้ด้วย คุณสมบัติก็ตามชื่อค่ะ บัตรเดียวเอาอยู่^^
สนนราคาบัตรก็ 3000 เยน และสามารถเติมเงินได้ปกติเหมือนบัตรทั่วไปค่ะ


เรื่องตั๋วจบไป มาเรื่องใหญ่ถัดมา คือการขึ้นรถไฟค่ะ เราควรเช็ครอบรถไฟจากเว็บ www.hyperdia.com ไว้ก่อน
ส่วนจะเช็คต้องใช้ wifi แต่เราไม่ได้ซื้อซิมหรือเช่าพ็อคเก็ตมา เราจึงต้องเช็คก่อนตอนที่ยังมีเน็ตใช้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วต้องจัดการให้ตัวเองมาให้ทันค่ะ มาวันแรกๆก็จะงงๆกับป้ายชานชาลา กับป้ายรถไฟหน่อยนึง แต่ให้ดูเวลาเอาค่ะ
ในเว็บ HyperDia จะบอกเวลารถออกและชื่อเที่ยวรถเอาไว้ด้วย ให้สังเกตจากตรงนั้นค่ะ
ส่วนใครที่ไปคนเดียว ก็ต้องทำการบ้านหนักตรงที่ตัวอักษรคันจิ(อักษรจีน)ค่ะ เขาจะใช้เป็นชื่อบอกปลายทาง
เราเองแรกๆไปคิดว่า "เอ้อ!เขาบอกมีภาษาอังกฤษด้วยนิ งั้นโอเคเลย"
พอไปเจอของจริงเท่านั้นล่ะ เงิบค่ะ! กว่าภาษาอังกฤษจะกระพริบ กว่าจะหาป้ายเจอ กว่าจะหาชานชาลา
พอมาถึง....ประตูรถไฟปิดแล้ว ถ้ายิ่งไปเมืองไกลๆและใช้รถไฟ Local นี่แต่ละขบวนใช้เวลาห่างกันมาก
ที่นี่เขาค่อนข้างเป๊ะเรื่องเวลา รถไฟของแต่ละบริษัท แต่ละสถานี เหมือนคำนวณมาให้ลงตัวเป๊ะๆ
ถ้าใครต้องเดินทางไกล ต่อรถไฟหลายเที่ยว บางทีก็ต่อของสายอื่นที่ไม่ใช่ JR... เวลาจึงสำคัญมากค่ะ
ต้องพยายามศึกษาดูนะคะ อย่าชะล่าใจเหมือนเรา ที่นี่ภาษาหลักคือ "นิฮงโงะ" (ภาษาญี่ปุ่น)เท่านั้นค่ะ!!! ร้องไห้


ขึ้นมาแล้วค่ะ สายที่จะวิ่งเข้าเมืองคือ Loop Line ที่เร็วและคนค่อนข้างแน่น(ยกเว้นสถานีต้นทาง)
ให้หาที่นั่งและจองให้แน่นค่ะ เพราะคนที่นี่ไม่ว่าจะผู้หญิง เด็ก คนชรา..เขาไม่ลุกให้นั่งเท่าไหร่นะคะ
ที่พักของเราอยู่ใกล็สถานี Shin-imamiya ค่ะ ซึ่งสถานีนี้จะต่อรถไฟใต้ดินได้
สถานีรถไฟใต้ดินที่นี่ คือ สถานี Dobutsuen-mae


โรงแรมที่เราพัก จะอยู่ใกล้ย่านสำคัญๆ คือ Shinsekai(ที่มีหอคอย Tsutenkaku)
และ Spa World รวมถึงสถานที่อื่นๆอย่างเช่น Himawari Supermarket, Lawson เป็นต้น
แถมเดินไปสถานี Tennoji ได้ด้วย(ไม่ไกลกันมาก) และใกล้ตึก Kintetsu ตึกที่สูงที่สุดในย่านนี้
ถือเป็นย่านเก่าแกที่มีโรงแรมราคาถูกเยอะ แต่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายทำงาน(ก่อสร้าง)และคนแก่
ตอนกลางคืนคนขี้เมา พวกตาลุงขี้หลีทั้งหลาย แต่เรามีวิธีจัดการค่ะ
คือ พูดภาษาอังกฤษใส่เลย เขาจะไม่ค่อยกล้ามายุ่ง^^


โรงแรมที่เราพัก ชื่อ "Business Wako Hotel" หรือเรียกสั้นๆว่า "วาโกะโฮเตรุ"



ห้องนอนจะปูฟูกบนเสื่อทาทามิ มีทีวี ตู้เย็น แอร์ แต่ห้องน้ำใช้ห้องน้ำรวมนะคะ
แต่ก็จะแยกชายหญิง และมีห้องแช่น้ำที่แบ่งเวลาเข้าใช้

ชื่อสินค้า:   ประเทศญี่ปุ่น บันทึกนักเดินทาง เที่ยวต่างประเทศ บันทึกนักเดินทาง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่