สวัสดีค่ะ

ช่วงนี้เป็นช่วงรื้อตู้เย็นเอาของโน่นนี่มาทำ พอดีเห็นฟักทองที่ซื้อไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนยังไม่ได้ทำอะไร กลัวว่ามันจะเน่าซะก่อนเลยเอาออกมา คิดเมนูโน่นนี่แล้วก็มาลงเอยที่ฟักทองเชื่อมที่มีส่วนผสมไม่ยุ่งยากแต่พอขึ้นชื่อว่าของเชื่อมก็ต้องใช้เวลากันหน่อย ซึ่ง ณ จุดนี้เราไม่ซีเรียส ไหนๆก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ระหว่างรอก็ทำโน่นนี่ไป แป๊บๆก็เสร็จแล้วค่ะ อันนี้เป็นครั้งแรกของเราเลย ผลที่ได้ก็ค่อนข้างจะพอใจกินหมดรวดเดียวไม่เหลือ ๕๕๕+ มาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยดีกว่า

อ๊ะๆ ขอแปะหนึ่งรูปก่อนเข้าเรื่อง
ส่วนผสมสำหรับฟักทองเชื่อม (๑)
-ฟักทองหั่นเป็นชิ้น
-น้ำตาล
-น้ำเปล่า
-น้ำปูนใส (หรือน้ำมะนาว)
ส่วนผสมสำหรับกะทิราดหน้า (๒)
-กะทิ
-แป้งข้าวเจ้า
-เกลือป่น
วิธีทำ (๑)
๑.นำหม้อตั้งไฟ เติมน้ำเปล่า และน้ำตาลลงไป โดยน้ำที่ใส่จะต้องมีปริมาณมากพอที่จะท่วมตัวฟักทอง และในขั้นนี้เราจะใช้ไฟกลางก่อนนะคะ
๒.เมื่อน้ำตาลละลายหมดแล้วบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย จริงๆมันจะมีอีกวิธีนึงคือให้เอาฟักทองไปแช่น้ำปูนใส่ราวๆ ๑ชม.จะช่วยให้เนื้อฟักทองไม่เละเมื่อเรานำไปเชื่อม (อย่าลืมล้างฟักทองด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งให้สะอาด) แต่พอดีเราหาปูนไม่ได้ค่ะ เห็นมีคนแนะนำน้ำมะนาวมาเลยลองดู แต่แนะนำว่าอย่าใส่มากไปนะคะเพราะมันทำให้น้ำเชื่อมของเรารสชาติเปลี่ยนไปด้วย หรือใครอยากจะกินน้ำเชื่อม(?)แบบเปรี้ยวๆก็ตามใจ ฮ่าๆ
๓.น้ำเดือดครั้งแรกใส่ฟักทองลงไป ทีนี้เรามาปรับไปเป็นไฟอ่อนนะคะ
๔.เมื่อเวลาผ่านไป สีจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้น สังเกตว่าน้ำเชื่อมจะเริ่มงวดก็ให้เราตักน้ำเชื่อมมาราดตัวฟักทองค่ะ
๕.ผ่านไปราวๆ ๑ชม.ครึ่ง น้ำเชื่อมเหนียวขึ้นและงวดลงกว่าเดิมอีก ทีนี้เราก็ปิดไฟและยกหม้อลงจากเตาค่ะ
๖.ใครจะเสิร์ฟใส่จานรอให้เย็นลงหน่อยแล้วค่อยทานหรือเก็บใส่ภาชนะแล้วแช่ตู้เย็นก็ตามสบายเลยจ้า
วิธีทำ(๒)
๑.เทกะทิ เกลือป่น และแป้งข้าวเจ้าลงไปในภาชนะ คนให้เข้ากันดี
๒.นำไปใส่ในไมโครเวฟ ๑นาที หรือจะตั้งบนเตาแก๊สแล้วคนจนได้ที่ก็ได้
๓.เสร็จแล้วเทใส่ถ้วยใบเล็กๆเสิร์ฟคู่กับฟักทองเชื่อม
รูปทำน้ำกะทิราดเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะคะ แต่อยากจะฝากนิดนึงว่าเราใช้แป้งข้าวเจ้าเพื่อให้ตัวกะทิมีความข้นขึ้น เพราะฉะนั้นจึงต้องกะปริมาณให้ดี ถ้าใส่แป้งมากเกินไปจะทำให้กะทิสูญเสียรสชาติแล้วยังจะทำให้ตัวกะทิข้นเกินไปด้วย เวลากินมันจะให้ความรู้สึกเหมือนกินแป้งแทน นอกจากนี้อุณหภูมิและเวลาที่ใช้ก็มีความสำคัญ ถ้าวัตต์สูงไปหรืออยู่ในไมโครเวฟนานไปจะยิ่งทำให้ตัวกะทิข้นจนเกินพอดีค่ะ
ใครมีข้อติชมแนะนำยังไงก็บอกมาได้นะคะ น้อมรับเสมอค่ะ แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้านะคะ
++ชวนมากิน ชวนมาทำ ฟักทองเชื่อม++
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะช่วงนี้เป็นช่วงรื้อตู้เย็นเอาของโน่นนี่มาทำ พอดีเห็นฟักทองที่ซื้อไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนยังไม่ได้ทำอะไร กลัวว่ามันจะเน่าซะก่อนเลยเอาออกมา คิดเมนูโน่นนี่แล้วก็มาลงเอยที่ฟักทองเชื่อมที่มีส่วนผสมไม่ยุ่งยากแต่พอขึ้นชื่อว่าของเชื่อมก็ต้องใช้เวลากันหน่อย ซึ่ง ณ จุดนี้เราไม่ซีเรียส ไหนๆก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ระหว่างรอก็ทำโน่นนี่ไป แป๊บๆก็เสร็จแล้วค่ะ อันนี้เป็นครั้งแรกของเราเลย ผลที่ได้ก็ค่อนข้างจะพอใจกินหมดรวดเดียวไม่เหลือ ๕๕๕+ มาดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยดีกว่า
อ๊ะๆ ขอแปะหนึ่งรูปก่อนเข้าเรื่อง
ส่วนผสมสำหรับฟักทองเชื่อม (๑)
-ฟักทองหั่นเป็นชิ้น
-น้ำตาล
-น้ำเปล่า
-น้ำปูนใส (หรือน้ำมะนาว)
ส่วนผสมสำหรับกะทิราดหน้า (๒)
-กะทิ
-แป้งข้าวเจ้า
-เกลือป่น
วิธีทำ (๑)
๑.นำหม้อตั้งไฟ เติมน้ำเปล่า และน้ำตาลลงไป โดยน้ำที่ใส่จะต้องมีปริมาณมากพอที่จะท่วมตัวฟักทอง และในขั้นนี้เราจะใช้ไฟกลางก่อนนะคะ
๒.เมื่อน้ำตาลละลายหมดแล้วบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย จริงๆมันจะมีอีกวิธีนึงคือให้เอาฟักทองไปแช่น้ำปูนใส่ราวๆ ๑ชม.จะช่วยให้เนื้อฟักทองไม่เละเมื่อเรานำไปเชื่อม (อย่าลืมล้างฟักทองด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งให้สะอาด) แต่พอดีเราหาปูนไม่ได้ค่ะ เห็นมีคนแนะนำน้ำมะนาวมาเลยลองดู แต่แนะนำว่าอย่าใส่มากไปนะคะเพราะมันทำให้น้ำเชื่อมของเรารสชาติเปลี่ยนไปด้วย หรือใครอยากจะกินน้ำเชื่อม(?)แบบเปรี้ยวๆก็ตามใจ ฮ่าๆ
๓.น้ำเดือดครั้งแรกใส่ฟักทองลงไป ทีนี้เรามาปรับไปเป็นไฟอ่อนนะคะ
๔.เมื่อเวลาผ่านไป สีจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้น สังเกตว่าน้ำเชื่อมจะเริ่มงวดก็ให้เราตักน้ำเชื่อมมาราดตัวฟักทองค่ะ
๕.ผ่านไปราวๆ ๑ชม.ครึ่ง น้ำเชื่อมเหนียวขึ้นและงวดลงกว่าเดิมอีก ทีนี้เราก็ปิดไฟและยกหม้อลงจากเตาค่ะ
๖.ใครจะเสิร์ฟใส่จานรอให้เย็นลงหน่อยแล้วค่อยทานหรือเก็บใส่ภาชนะแล้วแช่ตู้เย็นก็ตามสบายเลยจ้า
วิธีทำ(๒)
๑.เทกะทิ เกลือป่น และแป้งข้าวเจ้าลงไปในภาชนะ คนให้เข้ากันดี
๒.นำไปใส่ในไมโครเวฟ ๑นาที หรือจะตั้งบนเตาแก๊สแล้วคนจนได้ที่ก็ได้
๓.เสร็จแล้วเทใส่ถ้วยใบเล็กๆเสิร์ฟคู่กับฟักทองเชื่อม
รูปทำน้ำกะทิราดเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะคะ แต่อยากจะฝากนิดนึงว่าเราใช้แป้งข้าวเจ้าเพื่อให้ตัวกะทิมีความข้นขึ้น เพราะฉะนั้นจึงต้องกะปริมาณให้ดี ถ้าใส่แป้งมากเกินไปจะทำให้กะทิสูญเสียรสชาติแล้วยังจะทำให้ตัวกะทิข้นเกินไปด้วย เวลากินมันจะให้ความรู้สึกเหมือนกินแป้งแทน นอกจากนี้อุณหภูมิและเวลาที่ใช้ก็มีความสำคัญ ถ้าวัตต์สูงไปหรืออยู่ในไมโครเวฟนานไปจะยิ่งทำให้ตัวกะทิข้นจนเกินพอดีค่ะ
ใครมีข้อติชมแนะนำยังไงก็บอกมาได้นะคะ น้อมรับเสมอค่ะ แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้านะคะ