รีวิวนี้จะมากันที่ร้าน Teru Sushi Bistro ที่ถือได้ว่าเป็นร้านซูชิน้องใหม่ ที่หลายคนอาจยังไม่เคยลอง แต่ถ้าใครเป็นสาวกซูชิและติดตามข่าวร้านซูชิในกรุงเทพฯ ก็น่าจะพอรู้จักร้านนี้กันมาบ้าง เพราะจริง ๆ ร้าน Teru Sushi Bistro นี้มี 2 สาขาแล้ว สาขาแรกอยู่ที่ ศาลาแดงซอย 2 ติดกับด้านหลังของสีลมคอมเพล็กซ์ ร้านนี้น่าจะเปิดมาประมาณ 2 ปีแล้ว และอีกสาขาคือที่ ๆ ผมจะมารีวิวในวันนี้ คือสาขาอโศก เพิ่งเปิดมาได้ประมาณ 4 เดือนเอง
Teru Sushi Bistro สาขาอโศก เป็นร้านซูชิเล็ก ๆ 1 คูหา ตอนนี้เปิด 2 ชั้น ในอนาคตจะเปิดชั้น 3 ด้วย ที่ตั้งร้านอยู่บนถนนอโศก หากขับเส้นสุขุมวิทเลี้ยวเข้าอโศก (สุขุมวิท 21) มุ่งหน้าอโศก-เพชรบุรี ร้านจะอยู่ใกล้ ๆ แยกไฟแดงแรกตรงข้ามตึก Sino-Thai สามารถขึ้นไปจอดรถได้ที่อาคารเสริมมิตร (สุขุมวิท 21 ซอย 1) แล้วเอาบัตรจอดรถมาประทับตราที่ร้านได้ คิดค่าจอดถูกกว่าอัตราปกติ
บรรยากาศภายในร้าน Teru Sushi Bistro ก็เรียบง่ายเป็นแนว Modern Japanese เข้าไปก็จะเจอกับที่นั่งหน้าบาร์ที่ประจันหน้ากับเชฟเลย นั่งได้ประมาณ 10 กว่าที่นั่ง และก็มีชั้น 2 นั่งได้อีกประมาณ 40 ที่นั่ง รวม ๆ แล้วตอนนี้ก็จุคนได้ประมาณ 50-60 ที่นั่ง การตกแต่งก็ใช้ไม้สีอ่อนเล่นกับแสงสีเหลืองนวล ๆ ให้รู้สึกอบอุ่นแต่ดูทันสมัย
ร้านเปิดเฉพาะวันจันทร์-เสาร์ หยุดวันอาทิตย์ เปิดเป็น 2 ช่วง ตือ 11.00-14.00 น. และเปิดอีกที 16.30-22.00 น. ร้านจะคนเยอะมากในวันธรรมดา เพราะแถวนั้นจะคลาคลั่งไปด้วยพนักงานออฟฟิศ วันเสาร์จะคนน้อยหน่อย ใครที่ไม่อยากไปแย่งเก้าอี้ดนตรีก็เลี่ยงวันธรรมดา ไปใช้บริการในวันเสาร์ หรือมื้อเย็นวันธรรมดาแทนนะครับ
เมนูของที่นี่ถือว่ามีหลากหลายมากสำหรับการเป็นร้านซูชิ แต่ชื่อร้านเหมือนอยากจะสื่อว่าเค้าไม่ได้เป็นแค่ร้านซูชิแต่เค้าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ แนว Bistro อีกด้วย ในเมนูจึงมีทั้ง Sushi, Sushi Roll, Maki, Sashimi, Tempura, Steak, Salad, Donburi, Udon/Soba ไปจนถึงเมนูที่เอามาจัดเป็น Lunch Set ก็มี อิจฉาคนแถวนั้นเลยล่ะ
แต่เจตนาของผมวันนี้ก็อยากมาลองพวกซูชิเป็นหลัก เลยจัดเมนูซูชิกันไปเต็ม ๆ ครับวันนี้ ซูชิของ Teru Sushi Bistro มีทั้งที่เป็นเซ็ท สั่งเป็นคำ ๆ หรือจะแบบ Omakase เค้าก็มี เชฟก็จะเป็นคนแนะนำว่าวันนี้ปลาอะไรสดปลาอะไรคุณภาพดีบ้าง
ถ้าเราไม่ใช่คนกินยากก็ให้เชฟจัดมาเลย แต่ถ้าอยากได้อะไรที่พิเศษตามความต้องการของเราก็บอกเชฟได้ เช่น เราอยากได้ Omakase แบบงบเท่าไหร่? อยากได้เป็นซูชิแบบดั้งเดิมสไตล์ Edo หรืออยากได้แบบฟิวชั่นจ๋า ๆ ก็บอกเชฟได้ทั้งหมดเลย ถือว่าเป็นร้านที่ใส่ใจความต้องการของลูกค้ามาก ๆ ครับ
ที่ผมจะรีวิววันนี้ก็มีทั้งที่เป็นแบบดังเดิมสไตล์เอโดะ(Edomae Sushi) และที่เป็นแบบประยุกต์(Fusion Style)เลย และก็ยังมีเมนูในประเภทอื่น ๆ อีกเล็กน้อย อย่างเช่น กุ้งเทมปุระ, Foie Gras Roll, Salmon sashimi เป็นต้น ราคาอาหารที่นี่จะเป็นราคาที่บวกเฉพาะ Vat ที่ร้านไม่คิด Service Charge งั้นไปลองดูเมนูต่าง ๆ กันเลยดีกว่า
แซลมอนมหาเทพ – 540+ THB (แนะนำให้ลอง)

ขออนุญาตเปิดมื้อกันด้วยอะไรที่ดูเว่อร์วัง อลังการ กันเลย เป็นซาชิมิแซลมอนที่เชฟหั่นออกมาได้สม่ำเสมอมาก มาจัดใส่ชามขนาดใหญ่ที่อัดน้ำแข็งลงไปแน่นมาก ถ้าใครที่ได้ไปลอง จะสังเกตว่าน้ำแข็งค่อนข้างละลาย
ช้ากว่าร้านอื่น ถือเป็นการทำให้แซลมอนไม่เจิ่งน้ำดีครับ

สิ่งแรกที่ทำให้รู้สึกประทับใจคือความใหญ่อลังการ เรื่องต่อมาคือลายของเนื้อแซลมอนที่เชฟตั้งใจเรียงกันให้ดูสวยงาม และอีกอย่างที่ประทับใจสุดคือความนุ่มแน่น ละมุน ความหนาพอเหมาะกับการทำซาชิมิ มีความมันที่พอดีมาก ๆ
วาซาบิของ Teru Sushi Bistro เค้าใช้วาซาบิสดนะครับ ขูดใช้พอดีวัน รสชาติวาซาบิจึงไม่เผ็ดมากให้ความหอมเป็นหลักและฉุนนิดเดียว พอเพิ่มวาซาบิแล้ว ก็คีบแซลมอนจิ้มกับโชยุนิดหน่อย อ้ำ..นี่คือสวรรค์ของคนรักแซลมอนซาชิมิจริง ๆ ครับ
Foie Gras Roll – 550+ THB (แนะนำให้ลอง)

เป็น Roll ที่ดูจากองค์ประกอบ ก็ธรรมดาตามที่เราเคยได้เห็นได้กินกัน อาจมีใช้ของที่ดูพรีเมี่ยมหน่อยคือ ฟัวกราส์ และไข่แซลมอน ส่วนไส้ก็เป็นแซลมอนและอะโวคาโด ใช้แป้งเทมปุระมาเพิ่มความกรุบกรอบด้วย
แต่พอได้ลองกิน มันเป็นอะไรที่ลงตัวเข้ากันมาก และเนื่องจากเป็น Roll ที่คำใหญ่พอสมควรเวลาเอาเข้าปากความมันของไข่แซลมอนและอะโวคาโดก็จะผสานทุกอย่างให้นัวอยู่ในปาก ได้ความรู้สึกที่ดีมาก
นี่เป็นตัวอย่างของ Roll ที่ค่อนข้างไปทางพรีเมี่ยม แต่ Roll ที่ราคาย่อมเยาของที่ร้านเค้าก็มีให้เลือกนะ เริ่มตั้งแต่จานละ 200 กว่าบาท อย่างเช่น salmon special roll เชฟบอกว่าเป็น Roll ที่ขายดีที่สุดของร้าน เพราะอร่อยกินง่าย และราคาแค่ 230 บาทเอง
Ebi Tempura – 240+ THB (แนะนำให้ลอง)

อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรก ว่า Teru Sushi Bistro ไม่ได้มีแค่ซูชิ หรือซาชิมิ แต่มีเมนูอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ ให้เลือกพอสมควร จึงเอาเมนูกุ้งเทมปุระ ซึ่งเป็นเมนูทอด ๆ มาลองก็แล้วกัน
เสิร์ฟมาร้อน ๆ แป้งกรอบและฟูละเอียด กุ้งที่ได้ยังเนื้อเด้งอยู่เลย เอาไชเท้าขูดใส่ลงในน้ำจิ้มเทมปุระร้อน ๆ ที่ทางร้านปรุงเอง รสจะไม่จัดมาก เพื่อให้ได้รสของ ๆ ที่นำมาจิ้มได้เต็มที่ เมื่อจุ่มน้องกุ้งลงไปแล้วลองกินดู ทุกอย่างมันพอดีกันมาก ทั้งรสชาติ ความกรอบ และกลิ่นของน้ำจิ้ม อร่อยมากครับ
Omakase – 1,500+ THB
1. Akami
2. Tako
3. Ika
4. Hamaji
5. Engawa
6. Foie Gras
7. Hotate
8. Shima Aji
9. Salmon
10. Otoro
11. Amaebi
12. Chutoro
13. Tamogo
14. Temaki

Akami
เนื้อนุ่ม ไม่มันมาก เวลากัดไปแล้วสัมผัสแรกมีแรงต้านนิด ๆ แต่พอเริ่มเคี้ยวจะรู้สึกนุ่มหวานครับ ต่างจาก Akami บางที่ ที่เนื้อใส ๆ ไม่มีความนุ่มแบบและ ๆ
Tako
หลายที่เมนูนี้จะค่อนข้างเหนียวอาจจะด้วยเรื่องการคัดไซส์ของหมึกยักษ์และการเก็บที่ไม่เหมาะสม แต่ที่นี่ทำออกมาได้ดีมาก เนื่อหมึกยักษ์นุ่มพอประมาณ มีความหยุ่น ไม่เหนียว เวลาเคี้ยวไม่ต้องออกแรงเยอะครับ
Ika
เป็นเมนูธรรมดา ที่หลาย ๆ ที่ก็ทำได้อร่อยดี ที่นี่ก็เช่นกัน เนื้อปลาหมึกขาวกึ่ง ๆ ใส ใครที่มีประสบการณ์ในการกิน Ika ดูจากรูปก็น่าจะพอประมาณความนุ่มหนึบ และละลายในปากของมันได้ครับ
Hamaji
กินตำนี้แล้วเชฟถามผมว่ารู้สึกไง ผมก็ตอบว่ารู้สึกสดชื่นกว่าที่เคยกิน เชฟก็เลยเฉลยว่ามีความพิเศษตรงที่เป็นฮามาจิจากเมืองเอฮิเมะ ที่เลี้ยงด้วยส้ม(Mikan) ฉะนั้นเนื้อปลาจึงไม่คาวและได้กลิ่นของส้มอยู่จาง ๆ แปลกดีใครอยากลองก็ไปลองกันได้ครับ
Engawa
ผมชอบนะ มันไม่นิ่มเละ หรือเหนียวเกินไป มันพอดีมาก ๆ แต่ผมว่าถ้าข้าวน้อยกว่านี้หรือชิ้น Engawa ใหญ่กว่านี้ จะอร่อยมากครับ อันนี้ดูข้าวเยอะไปหน่อย
Foie Gras
คำนี้ดูจะไม่ Edo เท่าไหร่เลย แต่เชฟคงเข้าใจ ความต้องการของคนไทย ว่าน่าจะชอบตับห่านกัน ก็เลยจัดมาให้ ฟินมากครับ
Hotate
เนื้อสัมผัสดีมาก นุ่ม หอม เนื้อเนียนมาก กินแล้วแทบจะละลายเลยครับ
Shima Aji
เนื้อปลาเซ็ทตัวดีมาก ทำให้มีความสดกรอบ ตัวเนื้อปลาก็มีความมันที่อมหวานนิด ๆ
Salmon
เนื้อดีพิมพ์นิยมเลยครับ คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากกับปลายอดนิยม แต่กลับมีแค่บางร้านที่จะทำให้ซูชิหน้าปลาแซลมอนออกมาได้คุณภาพ และอร่อยขนาดนี้

[SR] Teru Sushi Bistro ร้านซูชิดี ๆ ย่านอโศก มี Omakase ที่เราสามารถบอกเชฟได้ว่าต้องการแบบไหนด้วย
https://www.facebook.com/terubistro/
Teru Sushi Bistro สาขาอโศก เป็นร้านซูชิเล็ก ๆ 1 คูหา ตอนนี้เปิด 2 ชั้น ในอนาคตจะเปิดชั้น 3 ด้วย ที่ตั้งร้านอยู่บนถนนอโศก หากขับเส้นสุขุมวิทเลี้ยวเข้าอโศก (สุขุมวิท 21) มุ่งหน้าอโศก-เพชรบุรี ร้านจะอยู่ใกล้ ๆ แยกไฟแดงแรกตรงข้ามตึก Sino-Thai สามารถขึ้นไปจอดรถได้ที่อาคารเสริมมิตร (สุขุมวิท 21 ซอย 1) แล้วเอาบัตรจอดรถมาประทับตราที่ร้านได้ คิดค่าจอดถูกกว่าอัตราปกติ
เป็น Roll ที่ดูจากองค์ประกอบ ก็ธรรมดาตามที่เราเคยได้เห็นได้กินกัน อาจมีใช้ของที่ดูพรีเมี่ยมหน่อยคือ ฟัวกราส์ และไข่แซลมอน ส่วนไส้ก็เป็นแซลมอนและอะโวคาโด ใช้แป้งเทมปุระมาเพิ่มความกรุบกรอบด้วย
Omakase – 1,500+ THB
1. Akami
2. Tako
3. Ika
4. Hamaji
5. Engawa
6. Foie Gras
7. Hotate
8. Shima Aji
9. Salmon
10. Otoro
11. Amaebi
12. Chutoro
13. Tamogo
14. Temaki
เนื้อนุ่ม ไม่มันมาก เวลากัดไปแล้วสัมผัสแรกมีแรงต้านนิด ๆ แต่พอเริ่มเคี้ยวจะรู้สึกนุ่มหวานครับ ต่างจาก Akami บางที่ ที่เนื้อใส ๆ ไม่มีความนุ่มแบบและ ๆ
Tako
หลายที่เมนูนี้จะค่อนข้างเหนียวอาจจะด้วยเรื่องการคัดไซส์ของหมึกยักษ์และการเก็บที่ไม่เหมาะสม แต่ที่นี่ทำออกมาได้ดีมาก เนื่อหมึกยักษ์นุ่มพอประมาณ มีความหยุ่น ไม่เหนียว เวลาเคี้ยวไม่ต้องออกแรงเยอะครับ
Ika
เป็นเมนูธรรมดา ที่หลาย ๆ ที่ก็ทำได้อร่อยดี ที่นี่ก็เช่นกัน เนื้อปลาหมึกขาวกึ่ง ๆ ใส ใครที่มีประสบการณ์ในการกิน Ika ดูจากรูปก็น่าจะพอประมาณความนุ่มหนึบ และละลายในปากของมันได้ครับ
Hamaji
กินตำนี้แล้วเชฟถามผมว่ารู้สึกไง ผมก็ตอบว่ารู้สึกสดชื่นกว่าที่เคยกิน เชฟก็เลยเฉลยว่ามีความพิเศษตรงที่เป็นฮามาจิจากเมืองเอฮิเมะ ที่เลี้ยงด้วยส้ม(Mikan) ฉะนั้นเนื้อปลาจึงไม่คาวและได้กลิ่นของส้มอยู่จาง ๆ แปลกดีใครอยากลองก็ไปลองกันได้ครับ
Engawa
ผมชอบนะ มันไม่นิ่มเละ หรือเหนียวเกินไป มันพอดีมาก ๆ แต่ผมว่าถ้าข้าวน้อยกว่านี้หรือชิ้น Engawa ใหญ่กว่านี้ จะอร่อยมากครับ อันนี้ดูข้าวเยอะไปหน่อย
Foie Gras
คำนี้ดูจะไม่ Edo เท่าไหร่เลย แต่เชฟคงเข้าใจ ความต้องการของคนไทย ว่าน่าจะชอบตับห่านกัน ก็เลยจัดมาให้ ฟินมากครับ
Hotate
เนื้อสัมผัสดีมาก นุ่ม หอม เนื้อเนียนมาก กินแล้วแทบจะละลายเลยครับ
Shima Aji
เนื้อปลาเซ็ทตัวดีมาก ทำให้มีความสดกรอบ ตัวเนื้อปลาก็มีความมันที่อมหวานนิด ๆ
Salmon
เนื้อดีพิมพ์นิยมเลยครับ คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากกับปลายอดนิยม แต่กลับมีแค่บางร้านที่จะทำให้ซูชิหน้าปลาแซลมอนออกมาได้คุณภาพ และอร่อยขนาดนี้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น