สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านค่ะ
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อ เผยแพร่ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการทำหมี่น้ำฉ่า อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา
เนื่องด้วยจะมีน้องๆตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมหาวิทยาลัย และวัยทำงาน มาศึกษาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการทำหมี่น้ำฉ่าอยู่ตลอด บางครั้งคุณย่าอาจจะให้ข้อมูลตกหล่นไปบ้าง หรืออาจจะลืมบอกขั้นตอนเล็กๆน้อยๆไป จขกท.จึงขอรวบรวมวิธีการทำและประวัติความเป็นมาไว้ในกระทู้นี้นะคะ
อ่อ ลืมบอกไปคะเจ้าของกระทู้เป็นหลานสาวของยายบุญเลี้ยงเองค่ะ สงสัยวิธีการทำส่วนไหนสอบถามได้เลยนะคะ ^^
อันนี้ไปถ่ายทำรายการที่บ้านคะ พี่เชนน่ารักมากคะ ยายบุญเลี้ยงนี่เขินกล้องสุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.youtube.com/watch?v=HpFkU48CMLQ&index=9&list=PLS4Oj_f0JOzwVaaVeCarVH3rJFBQAH5PC
เรามาเริ่มกันเลยคะ
(เดี๋ยวรูปภาพจะลงเพิ่มเติมที่อีกนะคะ)
1. นำข้าวสารมาแช่น้ำไว้ประมาณ 2 ชม.คะ (ข้าวสารที่ใช้จะเป็นข้าวแข็งนะคะ)

ถ้าใช้ข้าวอ่อนหรือข้าวหอมมะลิ หมี่จะเละนะคะ
2. จากนั้นนำข้าวที่แช่จนนิ่มแล้ว มาโม่ให้เป็นแป้ง ใช้เครื่องโม่แป้งนะคะ


3. เอาแป้งที่ได้ไปถูกที่เตาหมี่ค่ะ (เตาหมี่จะทำจากดินผสมแกลบคะ แล้วเอามาปั้นให้เป็นเตาด้าน บนจะใส่กะทะ ด้านข้างจะเอาไว้ใส่ฝืนเพื่อเป็นเชื้อเพลิงค่ะ)

4. นำแป้งไปถูปากหม้อให้เป็นแผ่นกลมๆแล้วปิดฝาไว้สักพักค่ะ

ถูกให้เรียบเนียนเสมอกันเหมือนทารองพื้นนะคะ แผ่นหมี่จะได้สุกเท่ากัน
5. ใช้ไม้ค่อยๆแซะแผ่นหมี่ขึ้นมานะคะ ขั้นตอนนี้ต้องระวังเป็นอย่างมากด้วยความร้อนและแผ่นหมี่จะขาด

6. เอาแผ่นหมี่ที่ได้ไปตากไว้ที่แผงหมี่ค่ะ แผงหมี่สานจากไม้ไผ่ค่ะ แผงนึงจะได้ 5 แผ่นค่ะ

6.1 ในขั้นตอนนี้จะเรียกว่า
หมี่อ่อน คะ สามารถทำเป็นขนมได้คือ.. หมี่อ่อนใบเตยยัดไส้มะพร้าว อาหย่อยมากกกก
วิธีการทำเพิ่มเติมนะคะ เอาน้ำใบเตยคั้นสดใส่ในแป้งหมี่ที่เราโม่ แล้วถูบนปากหม้อเหมือนเดิม แต่ว่าตอนที่เอาแผ่นหมี่ไปวางบนแผง ให้เอามะพร้าาวขูดสวยใส่งานิดเกลือหน่อย จิ้มน้ำตาลงา อร่อยสุดๆเลยค่ะ แต่..ยายบุญเลี้ยงไม่ได้ทำขายนะคะ จะมีแม่ค้ามาตอนเช้าๆเอาน้ำใบเตยกับมะพร้าวมาทำไปขายต่อค่ะ หมี่อ่อนจะไม่เกิน 8 โมงเช้านะคะ
7. เอาหมี่ที่ตากเต็มแผงไปตากแดดคะ ตากพอหมาดๆคะ ถ้าตากนานนี่แข็งกรุบกรอบ ซอยเป็นเส้นหมี่ลำบากมากเยย

8. พอตากหมี่ได้ที่ทาด้วยน้ำมันพืชเพื่อไม่ให้หมี่ติดกัน (สมัยก่อนทาด้วยน้ำมันหมูแต่เก็บเป็นหมี่แห้งไม่เกินอาทิตย์ก็เหม็นหืนแล้ว)
9. มาถึงขั้นตอนการกู้หมี่ค่ะ คือการนำหมี่ที่ทาน้ำมันแล้วมาเรียงซ้อนกันเป็นแผ่นๆ เพื่อเตรียมซอยเป็นเส้นๆในขั้นตอนต่อไป

10. นำแผ่นหมี่มาเรียงกันประมาณ 5 - 8 แผ่น หรือแล้วแต่ความชำนาญ มาม้วนบนเขียงแล้วซอยเป็นเส้นๆเล็กๆ ในขั้นตอนนี้จะเรียกว่า
หมี่ยำ ค่ะ (จขกท. หมี่ 4 แผ่นก็ปวดแขนแล้วค่ะ)
ส่วนขั้นตอนการยำหมี่นั้นของเป็นกระทู้หน้านะคะ

ซอยหมี่ต้องใจเย็นนะคะ ถ้าจขกท.ซอยเองนี่ลูกค้าจะบอกเสมอว่า..ไม่เอานิ้วนะครับ 5555
11. ถ้าวันไหนยายบุญเลี้ยงขายหมี่ยำไม่หมดก็จะทำ หมี่แห้ง ต่อคะ (ยายบุญเลี้ยงไม่ได้ขายยำหมี่นะคะ ขายแค่เส้นหมี่ค่ะ)

12. มาถึงขั้นตอนที่ทำหมี่แห้ง คือ..หมี่ที่เอาไว้ผัดหมี่โคราชนั่นล่ะคะ เอามาทำเป็นกำๆเป็นตากแดดจนแห้ง (ตากไม่นานค่ะ แดดแรงมากกกก)
และอีกเช่นเคยคะ ยายบุญเลี้ยงก็ไม่ได้ขายผัดหมี่โคราชคะ แค่แต่เส้นเหมือนเดิม 5555 ลูกค้าหลายท่านก็จะถามตลอดว่าทำไมคุณยายไม่ทำหมี่อ่อนยัดไส้, ยำหมี่ หรือผัดหมี่โคราชขาย ยายทำไม่ค่อยไหวแล้วคะ ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจอยู่ด้วย อายุก็เริ่มเยอะแล้วค่ะ
บางรูปก็ก๊อปมาจากในเน็ตนะคะ แต่ทุกรูปของยายบุญเลี้ยงแน่นอนค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคะ ตกหล่นไปในส่วนไหนขออภัยด้วยนะคะ สงสัยในส่วนใดสอบถามได้ค่ะ ขอบคุณค่าาาา
มีลูกค้าตั้งกระทู้เอาไว้นานมาแล้ว ขอบคุณนะคะ เขินจัง ><
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/11/D9897259/D9897259.html
หมี่น้ำฉ่า โฮมเมค..บายยายบุญเลี้ยง
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อ เผยแพร่ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการทำหมี่น้ำฉ่า อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา
เนื่องด้วยจะมีน้องๆตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมหาวิทยาลัย และวัยทำงาน มาศึกษาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการทำหมี่น้ำฉ่าอยู่ตลอด บางครั้งคุณย่าอาจจะให้ข้อมูลตกหล่นไปบ้าง หรืออาจจะลืมบอกขั้นตอนเล็กๆน้อยๆไป จขกท.จึงขอรวบรวมวิธีการทำและประวัติความเป็นมาไว้ในกระทู้นี้นะคะ
อ่อ ลืมบอกไปคะเจ้าของกระทู้เป็นหลานสาวของยายบุญเลี้ยงเองค่ะ สงสัยวิธีการทำส่วนไหนสอบถามได้เลยนะคะ ^^
อันนี้ไปถ่ายทำรายการที่บ้านคะ พี่เชนน่ารักมากคะ ยายบุญเลี้ยงนี่เขินกล้องสุดๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรามาเริ่มกันเลยคะ (เดี๋ยวรูปภาพจะลงเพิ่มเติมที่อีกนะคะ)
1. นำข้าวสารมาแช่น้ำไว้ประมาณ 2 ชม.คะ (ข้าวสารที่ใช้จะเป็นข้าวแข็งนะคะ)
2. จากนั้นนำข้าวที่แช่จนนิ่มแล้ว มาโม่ให้เป็นแป้ง ใช้เครื่องโม่แป้งนะคะ
3. เอาแป้งที่ได้ไปถูกที่เตาหมี่ค่ะ (เตาหมี่จะทำจากดินผสมแกลบคะ แล้วเอามาปั้นให้เป็นเตาด้าน บนจะใส่กะทะ ด้านข้างจะเอาไว้ใส่ฝืนเพื่อเป็นเชื้อเพลิงค่ะ)
4. นำแป้งไปถูปากหม้อให้เป็นแผ่นกลมๆแล้วปิดฝาไว้สักพักค่ะ
5. ใช้ไม้ค่อยๆแซะแผ่นหมี่ขึ้นมานะคะ ขั้นตอนนี้ต้องระวังเป็นอย่างมากด้วยความร้อนและแผ่นหมี่จะขาด
6. เอาแผ่นหมี่ที่ได้ไปตากไว้ที่แผงหมี่ค่ะ แผงหมี่สานจากไม้ไผ่ค่ะ แผงนึงจะได้ 5 แผ่นค่ะ
6.1 ในขั้นตอนนี้จะเรียกว่า หมี่อ่อน คะ สามารถทำเป็นขนมได้คือ.. หมี่อ่อนใบเตยยัดไส้มะพร้าว อาหย่อยมากกกก
วิธีการทำเพิ่มเติมนะคะ เอาน้ำใบเตยคั้นสดใส่ในแป้งหมี่ที่เราโม่ แล้วถูบนปากหม้อเหมือนเดิม แต่ว่าตอนที่เอาแผ่นหมี่ไปวางบนแผง ให้เอามะพร้าาวขูดสวยใส่งานิดเกลือหน่อย จิ้มน้ำตาลงา อร่อยสุดๆเลยค่ะ แต่..ยายบุญเลี้ยงไม่ได้ทำขายนะคะ จะมีแม่ค้ามาตอนเช้าๆเอาน้ำใบเตยกับมะพร้าวมาทำไปขายต่อค่ะ หมี่อ่อนจะไม่เกิน 8 โมงเช้านะคะ
7. เอาหมี่ที่ตากเต็มแผงไปตากแดดคะ ตากพอหมาดๆคะ ถ้าตากนานนี่แข็งกรุบกรอบ ซอยเป็นเส้นหมี่ลำบากมากเยย
8. พอตากหมี่ได้ที่ทาด้วยน้ำมันพืชเพื่อไม่ให้หมี่ติดกัน (สมัยก่อนทาด้วยน้ำมันหมูแต่เก็บเป็นหมี่แห้งไม่เกินอาทิตย์ก็เหม็นหืนแล้ว)
9. มาถึงขั้นตอนการกู้หมี่ค่ะ คือการนำหมี่ที่ทาน้ำมันแล้วมาเรียงซ้อนกันเป็นแผ่นๆ เพื่อเตรียมซอยเป็นเส้นๆในขั้นตอนต่อไป
10. นำแผ่นหมี่มาเรียงกันประมาณ 5 - 8 แผ่น หรือแล้วแต่ความชำนาญ มาม้วนบนเขียงแล้วซอยเป็นเส้นๆเล็กๆ ในขั้นตอนนี้จะเรียกว่า หมี่ยำ ค่ะ (จขกท. หมี่ 4 แผ่นก็ปวดแขนแล้วค่ะ)
ส่วนขั้นตอนการยำหมี่นั้นของเป็นกระทู้หน้านะคะ
11. ถ้าวันไหนยายบุญเลี้ยงขายหมี่ยำไม่หมดก็จะทำ หมี่แห้ง ต่อคะ (ยายบุญเลี้ยงไม่ได้ขายยำหมี่นะคะ ขายแค่เส้นหมี่ค่ะ)
12. มาถึงขั้นตอนที่ทำหมี่แห้ง คือ..หมี่ที่เอาไว้ผัดหมี่โคราชนั่นล่ะคะ เอามาทำเป็นกำๆเป็นตากแดดจนแห้ง (ตากไม่นานค่ะ แดดแรงมากกกก)
และอีกเช่นเคยคะ ยายบุญเลี้ยงก็ไม่ได้ขายผัดหมี่โคราชคะ แค่แต่เส้นเหมือนเดิม 5555 ลูกค้าหลายท่านก็จะถามตลอดว่าทำไมคุณยายไม่ทำหมี่อ่อนยัดไส้, ยำหมี่ หรือผัดหมี่โคราชขาย ยายทำไม่ค่อยไหวแล้วคะ ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจอยู่ด้วย อายุก็เริ่มเยอะแล้วค่ะ
บางรูปก็ก๊อปมาจากในเน็ตนะคะ แต่ทุกรูปของยายบุญเลี้ยงแน่นอนค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคะ ตกหล่นไปในส่วนไหนขออภัยด้วยนะคะ สงสัยในส่วนใดสอบถามได้ค่ะ ขอบคุณค่าาาา
มีลูกค้าตั้งกระทู้เอาไว้นานมาแล้ว ขอบคุณนะคะ เขินจัง ><
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/11/D9897259/D9897259.html