[SR] บอสพาชิม : Rangoon Tea House ICONSIAM ตำนานจากพม่าสู่สุนทรียภาพริมเจ้าพระยา (Bangkok, Thailand)

บอสพาชิม : Rangoon Tea House ICONSIAM ตำนานจากพม่าสู่สุนทรียภาพริมเจ้าพระยา (Bangkok, Thailand)

จากความสำเร็จอันลือลั่นของสาขาแรกที่ทองหล่อ วันนี้ตำนานแห่งย่างกุ้งได้ขยายอาณาจักรสู่หมุดหมายใหมริมแม่น้ำเจ้าพระยา บอสขอพาทุกท่านไปสัมผัส Rangoon Tea House (RTH) ณ ไอคอนสยาม ซึ่งนับเป็น สาขาที่สองในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ

การมาเยือนครั้งนี้มิใช่เพียงการลิ้มรสอาหาร แต่คือการดื่มด่ำกับวิสัยทัศน์ของ Htet Myet Oo และ Isabella Sway Tin ผู้ก่อตั้งที่ปลุกปั้นร้านนี้ในปี 2014 ด้วยความฝันที่จะนำ Make  "วัฒนธรรมร้านน้ำชา" ของพม่า ให้Greater again  จนได้รับการยกย่องจาก CNN ให้เป็น 1 ใน 11 ร้านน้ำชาที่ดีที่สุดในโลก และติดอันดับ World’s 50 Best "Essence of Asia" รวมทั้งยังคว้ารางวัล 2025 Tatler Best Restaurants Thailand มาครองอีกด้วย


บรรยากาศของสาขาไอคอนสยามยังคงรักษา DNA ของ Modern Burmese Brasserie ไว้อย่างเต็มเปี่ยม งานดีไซน์สะท้อนกลิ่นอายของ Old Rangoon ในยุคอาณานิคม ผ่านวัสดุธรรมชาติอย่างหวายสาน (Rattan) และทองเหลือง (Brass) ที่ให้ความรู้สึกโก้หรูแบบผู้ดีอังกฤษแบบโคโลเนียลทว่าสนุกสนานและมีสีสันทันสมัยอย่างเด็ก gen z เพื่อลดทอนความเคร่งขรึมและเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้ามาจอยได้ง่ายขึ้น ราวกับเป็น "ห้องนั่งเล่น" ริมน้ำที่ไร้กาลเวลา


ความพิเศษของรสชาติที่ RTH ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่อยู่ภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถันของ Culinary Director: Chef Honey Rae Zenang ผู้ซึ่งเข้ามาร้อยเรียงเรื่องราวของวัตถุดิบและวัฒนธรรมการกินที่หลากหลาย ให้ออกมาเป็นจานอาหารที่เปี่ยมด้วยรสนิยม  โดยปกติอาหารพม่าดั้งเดิมมักจะมีรสชาติเข้มข้น เน้นความมัน และเค็มนำ แต่สำหรับ RTH คือการนำ "Comfort Food" ที่เจ้าของร้านโปรดปราน มาปัดฝุ่นใหม่ให้มีความ ร่วมสมัยและเข้าใจง่าย (Approachable) ลดทอนความมันเลี่ยน ปรับรสให้ละมุนลิ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของอาหารพม่าผสมผสานกับอิทธิพลจาก ยูนนาน (จีน) และ อินเดีย ก่อนจะเสริมด้วยลูกเล่นแสนโก้เก๋ของทางร้านออกมาเป็นอาหารพม่าในสไตล์เฉพาะตัวและมีความร่วมสมัยเข้าใจง่ายในแบบฉบับของRangoon Tea House 



หัวใจที่สำคัญอีกอย่างของ RTH คือความพิถีพิถันใน "ศาสตร์แห่งการเบลนด์ชา" ที่ผมกล้าการันตีว่า ทำได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้แบรนด์ชาดังระดับโลก และที่นี่ไม่ได้เสิร์ฟแค่ชา แต่เสิร์ฟ "วิถีชีวิต" ที่การจิบชาคือการเข้าสังคม ของชาวพม่าที่ถูกนำมาหล่อหลอมเข้ากับวัฒนธรรมในปัจจุบันได้อย่างโก้เก๋ 



CEYLON TEA: เริ่มต้นด้วยชาอุ่นๆที่แม้จะเรียกว่าชาซีลอนแต่จริงๆแล้วมันเป็นชาพม่าที่ทำออกมาได้ใกล้เคียงกับชาชื่อก้องโลก เสิร์ฟมาอย่างชานมผู้ดี ท็อปด้วย "Simmered milk skin" หรือฟองเต้าหู้นมสดแผ่นบางนุ่มที่ลอยละล่องอยู่ด้านบน มันเป็นความรู้สึกที่สนุกจริงๆเวลาเคี้ยวฟองนมสดแผ่น ตัวชานั้นมีรสฝาดเล็กน้อยไม่ขมจนเกินไปให้สัมผัสที่ Creamy นุ่มนวล ไม่หวานจัด เป็นแก้วที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมรสนิยม ผมชอบมากครับ 



DUCK EMPANADAS: พายอบไส้เป็ดที่ทำออกมาได้น่าประทับใจ ตัวแป้งพายมีความหนากรอบแต่กลับให้ความรู้สึก "เบา" ไม่หนักท้อง เมื่อกัดเข้าไปจะพบกับไส้เป็ดปรุงรสที่สมดุล ไม่หวานนำจนเกินไปแม้จะมีส่วนผสมของหอมหัวใหญ่ ทีเด็ดอยู่ที่ซอสจิ้มซึ่งเป็นการฟิวชั่นระหว่าง "ซอสสะระแหน่โยเกิร์ต" และ "ศรีราชา" ให้รสชาติที่สดชื่นและตัดเลี่ยนได้อย่างลงตัว


PRAWN PURI (ปูรีกุ้ง): เมนู RTH Classic ที่สะท้อนกลิ่นอายอินเดียได้อย่างชัดเจน แป้งปูรีทอดกรอบแผ่นพอดีคำ ท็อปด้วยกุ้งลายเสือย่างที่หอมฉุยราวกับย่างจาก "เตาทันดูรี" ปรุงรสด้วยผงปาปริก้าและซัลซ่าสไตล์ Shan ที่รสชาติกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวโดด ราดด้วย Spicy Mayo ที่มีความครีมมี่กำลังดี ไม่หนักจนเลี่ยน และมีความเผ็ดอ่อนๆ แทรกอยู่ เป็นคำที่รวมรสสัมผัสทั้งกรอบ นุ่ม และหอมเครื่องเทศไว้ด้วยกัน


GRILLED AUBERGINE SALAD: จานแชร์ริ่งที่สายผักต้องรัก มะเขือยาวเผาที่ลอกผิวออกจนเหลือแต่เนื้อนุ่มเนียน เสิร์ฟมาเป็นเส้นสวยงาม คลุกเคล้ากับน้ำยำสไตล์พม่าและน้ำมันกระเทียมที่ช่วยชูรสหวานอูมามิของมะเขือยาวออกมาได้อย่างโดดเด่น ท็อปด้วยหอมเจียวและผักชี รสชาติโดยรวมมีความเค็มอ่อนๆ กลมกล่อม มีกลิ่นหอมของพริกชี้ฟ้าซอยบางๆ ที่ให้แค่กลิ่นแต่ไม่เผ็ดร้อนจนเกินไป เพิ่มมิติด้วยความหอมมันจากงาคั่ว เป็นจานที่รสเบาๆ ทานแล้วสดชื่น



ARLOO SAMOSA: ลืมภาพซาโมซ่าแป้งหนาๆ ไปได้เลย เพราะแป้งที่นี่เสิร์ฟแบบ "Wafer thin pastry" แป้งบางกรอบเคี้ยวเพลิน ไม่แข็งกระด้าง ไส้ด้านในเป็นมันฝรั่งตุ๋นกับถั่วลันเตาและเครื่องเทศมาซาล่า ให้รสสัมผัสที่นุ่มนวลและเผ็ดอ่อนๆ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษที่ทำจากน้ำปลาและน้ำมะขามเปียก ให้รสเค็มอมหวานกลมกล่อมเข้ากันดีที่สุด



ที่ขาดไม่ได้คือวัฒนธรรมการ "กินชา"ของพม่าคือเมนูชื่อดังอย่าง TRADITIONAL TEA LEAF SALAD (Laphet Thoke) สัญลักษณ์แห่งอาหารพม่า ใบชาหมักของที่นี่ผ่านกรรมวิธีล้างจนไร้กลิ่นฉุน ก่อนนำมาทำยำใบชาโดย คลุกเคล้ากับถั่วทอดนานาชนิด กระเทียมเจียว และกะหล่ำปลีซอย มอบรสสัมผัสที่หลากหลาย ทั้งความกรุบกรอบ ความเผ็ดร้อนจางๆ และรสเค็มมันแบบ "อูมามิ" ที่ลึกล้ำ จากสารพัดถั่ว รวมทั้งยังมีรสเปรี้ยวฝาดเล็กๆจากใบชาอีกด้วย เป็นจานเรียบง่ายที่แสดงถึงมาตรฐานของร้านนี้ได้อย่างดีเยี่ยมครับ 


BAMAR FISH TACOS: เมนูที่สะท้อนความสนุก แป้งทาโก้ทำเองจากข้าวโพดหวานสอดไส้ปลาทอดแป้งเบียร์ (Beer Battered) กรอบเบา ตัดรสด้วย Shan Salsa และ Spicy Mayo โฮมเมด เป็นการผสมผสานตะวันตกและตะวันออกที่ลงตัวจนน่าทึ่ง ตัวแป้งนั้นนุ่มมากมีความหอมข้าวโพดหวานเล็กน้อยตัวปลาทอดนั้นแป้งเบากรอบตัดกับความนุ่มของทาโก้ ซัลซ่าของที่นี่มีรสของพริกศรีราชาอ่อนๆไม่ครีมมี่มากและรสไม่จัดจนกลบรสปลา 


FOUR FISH MOHINGA: ขนมจีนน้ำยาปลาพม่าที่เคี่ยวจากปลาถึง 4 ชนิด น้ำแกงมีกลิ่นอายคล้ายซุปปลาอินเดียแต่รสชาติ เบาสบาย (Light) มองบางมุมก็คล้ายลักซา ตัวเส้นนั้นทำจากแป้งข้าวเหมือนกับขนมจีน ทานคู่กับไข่เป็ดพะโล้และถั่วทอดหอมเจียวทอด ลูกชิ้นปลา ถั่วฝักยาว บวบทอด ให้ความรู้สึกคล้ายขนมจีนที่ตัวซุปนั้นรสไม่จัดเหมือนขนมจีนแบบบ้านเรา ออกแนวเป็นแบบคล้ายก๋วยเตี๋ยวที่มีกลิ่นอายเผ็ดอ่อนๆตัวซุปปลานั้นมีความอูมามิ เพิ่มความเข้มข้นด้วยหอมเจียว เป็นรสชาติแห่งความอบอุ่นที่ทานเพลินได้ไม่รู้เบื่อ


GUNPOWDER LAMB CHOPS: ซี่โครงแกะหมักเครื่องเทศในสไตล์รัฐฉาน เป็นจานที่มีกลิ่นอายเหมือนกับอาหารจีนอยู่ไม่น้อย สะท้อนอิทธิพลจากยูนนาน เนื้อแกะนุ่มชุ่มฉ่ำ เนื้อเด้งคลุกด้วยงาขี้ม่อนตัวแกะย่างมาสุกกำลังดี หอมกลิ่นยี่หร่ารสเค็มอ่อนๆ จะลองกินเปล่าๆก็ไม่ผิดหรือจะจิ้มกับน้ำจิ้มมะขามรสเค็มอมหวาน คล้ายกับน้ำจิ้มแจ่วแบบไทยแต่ไม่เผ็ด ซึ่งช่วยซึ่งช่วยลดความสาปของแกะได้อย่างดี 


SIGNATURE CHICKEN BIRYANI: จานระดับตำนานที่สร้างชื่อให้ร้านมาตั้งแต่ปี 2014 และเป็นเมนูที่ "ต้องสั่ง" ความเก๋คือการนำข้าวหมกไก่สไตล์พม่าที่ผสานวัฒนธรรมไฮเดอราบาด (Hyderabad) มายกระดับด้วยเทคนิคการอบแบบ Pot Pie สไตล์ฝรั่งเศส
วินาทีที่เจาะแป้งพายสีทองกรอบด้านบน กลิ่นหอมของเครื่องเทศและสมุนไพรจะพวยพุ่งขึ้นมาแตะจมูก ตัวข้าวบาสมาติที่ซ่อนอยู่ด้านในมีความนุ่มและฉ่ำ (Moist) กว่าบริยานีทั่วไป รสชาติไม่จัดจ้านหรือฉุนเครื่องเทศแบบอินเดียจ๋า แต่เน้นความหอมละมุนของหญ้าฝรั่น (Saffron) และกลิ่นเย็นๆ ของกระวาน (Cardamom) ที่นำมา ผสานกับรสหวานธรรมชาติจากลูกเกดที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณูข้าว
เครื่องเคราด้านในอัดแน่นด้วยเนื้อไก่นุ่มชุ่มฉ่ำและมันฝรั่ง  เคียงคู่มากับเครื่องเคียง 3 สหายที่ช่วยคอมพลีทรสชาติ ได้แก่ ซอสโยเกิร์ตมินต์ ที่ให้ความสดชื่น น้ำพริกกุ้ง รสเค็มเผ็ดนัว และ สลัดผักดอง ช่วยตัดเลี่ยน เป็นจานที่รสชาติกลมกล่อม ทานง่าย อร่อยถูกปากทุกคนครับ


ปิดท้ายด้วยไฮไลต์ที่บอสขอยกให้เป็น "The Must" นั่นคือ CHEESECAKE เมนูระดับตำนานจากย่างกุ้ง ความพิเศษคือ เนื้อสัมผัสของเค้กที่นุ่มเนียนเท่ากันทั้งชิ้น ให้สัมผัสที่เบาหวิวราวกับปุยเมฆ ไม่หนักจนเลี่ยน
รสชาติที่บอส Recommended คือ "รสเผือก" (Taro) รสชาติใหม่ที่มีความหอมมันของเผือกแทรกซึมอยู่ในเนื้อชีสเค้กอย่างละมุนละไม หวานน้อยกำลังดี แบบที่หาทานที่อื่นไม่ได้



PEGU CLUB แก้วนี้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 ณ Pegu Club เจนเทิลแมนคลับสุดหรูในย่างกุ้งสมัยอาณานิคม ถือเป็นเครื่องดื่มระดับตำนานที่นักดื่มทั่วโลกรู้จักกันดี แต่ที่ RTH ได้นำมาตีความใหม่โดยใช้เบสเป็น Bombay Sapphire Gin ผสานกับ Homemade Orange and Tea Liqueur และ Lime Bitters
รสสัมผัสแรกที่แตะลิ้นคือความหอมสดชื่นของผิวส้มและสมุนไพรที่เบาบาย ไม่หนักจนเกินไป ตามด้วยความฝาดลิ้นนิดๆ จากชาที่ช่วยเพิ่มมิติ และความเปรี้ยวอมขมจางๆ ของซิตรัส (Citrus) ที่ปลายลิ้น จุดเด่นคือความ "ไม่หวานเลี่ยน" ทำให้เป็นแก้วที่ดื่มแล้วรู้สึกสะอาด สดชื่น และเต็มไปด้วยความคลาสสิกที่โก้หรูสม

CHIN CHIN LAY
หากใครไม่ทานแอลกอฮอล์ ก็มีเครื่องดื่ม mocktail ที่ทำจากroselle tea, elderflower, lemon juice, soda top up รสเปรี้ยวนำหวานดื่มง่ายครับ

#Score: AD
Visit: DEC -2025
🗺เเผนที่: https://maps.app.goo.gl/gS8YHfASiNgGpQUeA
 ⏰เวลาเปิดปิด: ทุกวัน 10:00 – 22:00 น. 
💵ค่าเสียหาย: ~ 1,000 - 1,500 THB / pax 
⌨️เว็บไซต์ร้าน: www.rangoonteahouse.com
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss #RangoonTeaHouse #RangoonTeaHouseBangkok #RTHBangkok #RTHICONSIAM #RTHGroup