สรุปลักษณะของ New Economy

ผมเขียนบทความนี้ใน facebook ส่วนตัว และ facebook กรุ๊ป หนังสือดีมีไว้บอกต่อ มาได้สักพักนึงแล้ว เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้นำมาลง pantp

เนื้อหาของสิ่งที่ผมเขียน มีโครงหลักมาจากหนังสือ New Rules for the New Economy ของ Kevin Kelly บรรณาธิการนิตยสาร WIRED ในยุคก่อตั้ง ผมรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆที่เขาใจดีแบ่งปันหนังสือเล่มนี้แบบฟรีๆใน Blog ของเขาเองตามลิ้งด้านล่าง
http://kk.org/mt-files/books-mt/KevinKelly-NewRules-withads.pdf
(ราคาของหนังสือเล่มนี้ ตามเว็บไซต์ของ Kinokuniya คือ 564 บาท)

เนื่องจาก ผมอ่านหนังสือเล่มนี้มาแบบฟรีๆ งั้นผมขออนุญาตนำเอาเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ร่วมกับหนังสือเล่มอื่นหลายเล่ม มาผสานกันเป็นบทความสรุป บทความเดียว แบ่งปันความรู้อันสำคัญยิ่งยวดและมีประโยชน์ให้กับผู้อื่นต่อไป

ความรู้ที่ผมเชื่อว่า คงจะเป็นคำตอบของคำถามในใจใครหลายๆคนว่า ทำไมเศรษฐกิจมันถึงแย่ขนาดนี้ และ ชี้ทางสว่างให้คนทั่วไป ได้เห็นภาพอนาคตของโลกใบนี้ไปพร้อมๆกันด้วย…  มาเริ่มกันเลยครับ



==================================================================================



ทำไมราคา Smartphone จึงถูกลงเป็นเท่าตัวในทุกๆปี อีกทั้ง spec ของรุ่นใหม่ๆผ่านไปปีเดียวเกทับรุ่นปีที่แล้วหมดทุกด้าน? มาถึงตอนนี้ อาจจะเรียกได้ว่า จำนวน Smartphone ที่ถูกผลิตออกมารวมทั้งตัวที่ตกรุ่นทั้งหมด กำลังจะมีเพียงพอให้ทุกคนบนโลกใช้แล้ว มีเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนบนโลก ได้รับโอกาส ในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต... แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น...

Kevin Kelly ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้เป็นบรรณาธิการของนิตยสาร WIRED ในยุคก่อตั้ง ก่อนที่ Chris Anderson จะเข้ามารับช่วงต่อจากเค้า แล้วเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า Long tail จนดังไปทั่วโลก อาจจะเรียกได้ว่า หนังสือของ Kevin Kelly เล่มนี้เปรียบได้กับภาพที่สมบูรณ์ของ New Economy โดยหนังสือของ Chris Anderson เป็นเพียง jigsaw ตัวแรกในภาพนี้เท่านั้น ด้วยพื้นฐานจากงานของ Kevin Kelly ผมได้พยายามทำความเข้าใจและผูกเรื่องราวทั้งหมดออกมาจนเหลือ 7 ข้อ ดังต่อไปนี้



1. ต้นทุนการผลิตสินค้าทุกประเภทกำลังมุ่งสู่ ศูนย์



ด้วยเทคโนโลยีการผลิตคอมพิวเตอร์และ internet ที่ทำให้ คุณสมบัติดีขึ้นในขณะที่ต้นทุนการผลิตถูกลงเป็นเท่าตัวในทุกๆปีที่ผ่านไป (ประมาณนะครับ) นั่นทำให้ ทุกๆธุรกิจได้รับโอกาสที่จะนำเอาคอมพิวเตอร์ที่ราคาถูกลงเรื่อยๆ กระจายไปอยู่ในทุกๆส่วนบนโลก โดยเฉพาะเมื่อไปอยู่ในภาคธุรกิจ ก็จะช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนได้มหาศาล ในที่สุดวันหนึ่ง สินค้าจะถูกผลิตออกมาอย่าง เหลือเฟือ ราคาก็จะถูกลงเรื่อยๆจนเข้าใกล้ ศูนย์ หรือเรียกอีกอย่างว่า Free นั่นเอง ณ จุดหนึ่ง สินค้า ทุกประเภทจะถูกผลิตออกมาอย่างเหลือเฟือ (Abundance) สินค้า ธรรมดาๆ ราคาถูก จะมีให้เห็นกันเกลื่อนกลาด

ในอีกด้านหนึ่งธุรกิจก็นำเอาเทคโนโลยีราคาถูก มาช่วยในการวางระบบเพื่อทดแทนแรงงานคน เพราะมันทั้งมีประสิทธิภาพมากกว่า และต้นทุนถูกกว่าการจ้างแรงงานคนเป็นไหนๆ ผลลัพธ์ก็คือ ลูกจ้างจำนวนมากของเกือบทุกบริษัท ถูกบีบให้ออกจากงานกันไปตามระเบียบ ราวกับว่าพวกเรากำลังถูกเครื่องจักรและระบบไล่ตามมาแย่งงานทำแบบหายใจรดต้นคอ



2. ข้อมูลไม่อาจถูก ควบคุม หรือ ปิดกั้น ได้อีกต่อไป



ถ้าเปรียบธุรกิจเป็นปลา ธุรกิจในยุคก่อน ก็เปรียบได้กับปลาใหญ่ที่หากินอยู่ในบ่อของตนเอง บ่อนี้อาจจะเป็นประเทศ หรืออุตสาหกรรม ก็ได้ แต่เมื่อ internet เติบโตขึ้นเรื่อยๆ กำแพงที่ปิดกั้นข้อมูลข่าวสารเริ่มทยอยพังทลายลงจนหมดสิ้น ตอนนี้ข้อมูลไหลถึงกันหมดทั้งโลกในเสี้ยววินาที (ความลับไม่มีในโลก) บ่อทุกบ่อกำลังเชื่อมถึงกันหมดกลายเป็นมหาสมุทรเดียว (ศัพท์เศรษฐศาสตร์ เรียกมันว่า การแข่งขันสมบูรณ์ Perfect Competition) จนกระทั่งสุดท้ายแล้ว "ปลาตัวที่ใหญ่ที่สุดของมหาสมุทรกำลังจะกินรวบทั้งหมด!!" ยกตัวอย่างเช่น PC, Cent... พวกบริษัทข้ามชาติ ประมาณนั้น

ในแง่ของผู้บริโภคทุกคน ก็ได้รับโอกาส ที่จะได้เข้าถึงข้อมูล เพื่อเปรียบเทียบ และเลือกซื้อสินค้า ที่ถูกและดีที่สุด ซึ่งผู้ที่ขายสินค้าที่ราคาถูกที่สุดและดีที่สุด มักจะเป็นปลาใหญ่ที่สุด... นี่แหละครับ ที่มาของการกินรวบ... ปลาใหญ่ ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ปลาเล็กตายหมดเกลี้ยง สิ่งที่อยู่ตรงกลางทุกอย่าง ที่ทำหน้าที่ส่งผ่านข้อมูล กำลังถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆจนถูกทดแทนในท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็น คนกลาง, นายหน้า, ตัวแทน, ผู้จัดการ ฯลฯ เพราะ การติดต่อสื่อสารไม่อาจถูกปิดกั้นได้อีกแล้ว ผู้ซื้อและผู้ขาย สามารถติดต่อกันโดยตรงได้ไม่ยาก การหากินกับคนที่รู้น้อยกว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หากใครพยายามที่จะ ควบคุม หรือ ปิดกั้นกระแสของข้อมูลข่าวสาร ก็เปรียบเสมือนการพยายามขวางคลื่นของมหาสมุทรที่ถาโถมเข้ามา ซึ่งไม่มีทางทำสำเร็จ การควมคุมในที่นี่ ยกตัวอย่างเช่น

- การที่ตัวเองทำเรื่องแย่ๆเอาไว้ แล้วพยายามควบคุม(บิดเบือน, สร้างภาพ) ข้อมูลที่ส่งไปยังสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของตนเอง... แปบเดียว ได้ดังแน่ครับ คนใน pantip หาเจออยู่แล้ว แล้วเอามาแฉแหลกชัวร์



3. ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง / สูงสุดกลับสู่สามัญ



เมื่อคนเราแต่ละคนมีเสรีภาพที่จะค้นหาอะไรก็ได้ใน internet จะเกิดอะไรขึ้นถ้า บริษัทยังคงผลิตสินค้าแบบเดิมๆ แต่ความต้องการผู้บริโภคทุกคน เติบโตอยู่ทุกวัน!! โดยที่ทุกคนไม่มีใครเหมือนกัน!! แถมเติบโตไปทางไหนก็ไม่รู้!!

หนังสือเล่มนี้ เปรียบเทียบให้เห็นว่าความต้องการของลูกค้า ในอดีตเปรียบได้กับภูเขา เพราะ ทุกคนรับข้อมูลเหมือนๆกัน ดูทีวีเหมือนๆกัน ดูโฆษณาเหมือนๆกัน ไม่ได้มีเสรีภาพในการเลือกรับข้อมูลเหมือนทุกวันนี้ ธุรกิจในอุตสาหกรรมหนึ่ง ก็เปรียบได้กับนักปีนเขาหลายๆคน ที่แข่งกันปีนไปให้ถึงยอดเขาเพื่อเป็นที่ 1 ในอุตสาหกรรม แต่ภูเขาที่เคยมีในเมื่อวาน ความต้องการของผู้บริโภคที่หนักแน่นมั่นคงในสมัยก่อน วันนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ภูเขาแห่งความต้องการมวลชนที่นักปีนเขาเคยปีน อยู่ดีๆ.. วันหนึ่ง มันกลับไม่มีภูเขาแล้วอะ!!! หรือ จู่ๆดันเกิดภูเขาแห่งความต้องการลูกใหม่ทยานขึ้นมาข้างๆซึ่งสูงกว่าภูเขานี้ หลายเท่านัก ราชันผู้พิชิตที่ยืนอยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง เมื่ออยากจะปีนภูเขาลูกข้างๆที่สูงกว่า ในโลกแห่งความจริงเขาต้องเดินลงมาจากเขาลูกเดิมแล้วปีนใหม่ เพราะชีวิตจริงไม่มีทางลัด แต่น่าเศร้าที่ธุรกิจส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะกระโดดไปที่ภูเขาอีกลูก!!... แทนการยอมรับความจริงแล้วเดินลงมา เพื่อเริ่มปีนภูเขาอีกลูก
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่