ฺBR bangkok readers บางกอกรีดเดอร์ส นิตยสารนำสมัยในยุค 70's ..... ตอนที่ ๑

นิตยสารบีอาร์ บางกอก รีดเดอร์ส

ก่อตั้งโดย คุณบุรินทร์ วงศ์สงวน (เหยาหวู่หลิน) ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๔ (ค.ศ. 1971) เป็นหนังสือสำหรับครอบครัวทันสมัยในยุค 70's (ค.ศ. 1970 - 1979 พ.ศ. ๒๕๑๓ - ๒๕๒๒) หรือยุคสงครามเวียดนาม ผู้ก่อตั้งเป็นคนในสังคมระดับสูงหรือที่เรียกกันในสมัยนี้ว่าไฮโซ แต่ในยุค 70's ศัพท์ที่ใช้เรียกคือ หนุ่มสังคม สาวสังคม เป้าหมายของหนังสือคือคนระดับชั้นกลางถึงระดับสูง ด้วยค่าตัวของหนังสือเริ่มต้นที่ฉบับละ ๑๐ บาท ซึ่งถ้าเทียบค่าของเงินในสมัยนั้นแล้วถือว่าเป็นหนังสือที่มีราคาสูงมาก เพราะทองคำในปีพุทธศักราช ๒๕๑๔ นั้น ราคาบาทละ ๔๕๑ บาท ข้าวราดแกงอย่างเดียวราคาจานละ ๑ บาท - ๑.๕๐ บาท ถ้าราดสองอย่างหรือมีไข่พะโล้ด้วยราคา ๒.๐๐ - ๒.๕๐ บาท เรียนจบปริญญาตรีเข้ารับราชการชั้นตรี เงินเดือนเริ่มต้น ๘๐๐ บาท ค่าแรงกรรมกรวันละ ๘ - ๑๒ บาท (ในยุคนั้นไม่มีกฏหมายค่าแรงขั้นต่ำ ไร้ฝีมือได้แต่แบกหามค่าแรงก็น้อย มีฝีมือแล้วค่าแรงก็มากขึ้น) ค่ารถเมล์ต่อละ ๐.๕๐ บาทหรือห้าสิบสตางค์ (มีสำนวนบอกระยะทางในยุคนนั้นว่า ต้องนั่งรถเมล์สองต่อสามต่อ แปลว่าอยู่ไกลมาก) แป๊บซี่ขวดละ ๑.๐๐ บาท หนังสือพิมพ์ฉบับละ ๑.๐๐ บาท บุหรี่ก้นกรองของโรงงานยาสูบซองละ ๓.๐๐ - ๕.๐๐ บาท ดังนั้นถ้าเทียบค่าเงินโดยยึดเอาเงินเดือนข้าราชการเป็นเกณฑ์ หนังสือเล่มนี้จะมีราคาประมาณ ๓๐๐ กว่าบาทในพุทธศักราช ๒๕๖๘ เลยทีเดียว
คุณ บุรินทร์ วงศ์สงวน และภรรยา พัฒศรี 'แพซซี่' วงศ์สงวน

คุณ พัฒศรี 'แพซซี่' วงศ์สงวน ภรรยาคุณบุรินทร์ เป็นสาวสังคมชื่อดังเคยเป็นดารามาก่อน มีชื่อในการแสดงว่า เจียหลิง เธอเป็นนักแสดงชาวกวางตุ้งในฮ่องกง เดิมชื่อว่า เหอ ปุยอิ่ง มีผลงานการแสดงภาพยนต์ของฮ่องกงมากกว่า ๗๐ เรื่อง เมื่อสมรสกับคุณบุรินทร์แล้วจึงได้ย้ายมาอยู่ในเมืองไทย ถือเป็นสตรีในสังคมชั้นสูงแถวหน้าของเมืองไทยในยุคนั้นเลย
ภาพ คุณ พัฒศรี 'แพซซี่' วงศ์สงวน เมื่อครั้งเป็นดารานักแสดง


* นิตยสาร BR พุทธศักราช ๒๕๑๔ ฉบับละ ๑๐ บาท * ๒๒.๕ = ๒๒๕ บาท - พุทธศักราช ๒๕๑๖ ฉบับละ ๑๕ บาท * ๒๒.๕ = ๓๓๗.๕๐ บาท
* เทียบค่าเงินโดยใช้เงินเดือนราชการ จบปริญญาตรี พุทธศักราช ๒๕๑๖ เริ่มที่ ๘๐๐ บาท พุทธศักราช ๒๕๖๘ เริ่มที่ ๑๘,๐๐๐ บาท แตกต่างกัน ๑๘,๐๐๐ / ๘๐๐ = ๒๒.๕ เท่า
* เทียบค่าเงินโดยใช้ราคาทองคำ พุทธศักราช ๒๕๑๖ บาทละ ๔๕๑ บาท พุทธศักราช ๒๕๖๘ บาทละ ๕๖,๐๐๐ แตกต่างกัน ๕๖,๐๐๐ / ๔๕๑ = ๑๒๔.๑๖ เท่า
* เทียบค่าเงินโดยใช้ค่าแรงขั้นต่ำ พุทธศักราช ๒๕๑๖ ค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ย ๑๐ บาท พุทธศักราช ๒๕๖๘ ค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ย ๓๖๕ บาท แตกต่างกัน ๓๖๕ / ๑๐ = ๓๖.๕ เท่า
* เหตุที่เลือกใช้เงินเดือนราชการเป็นเกณฑ์ เพราะมีมาตรฐานอิงกับค่าครองชีพมาโดยตลอด ค่าแรงขั้นต่ำในพุทธศักราช ๒๕๑๖ เป็นค่าแรงที่ไม่อิงกับค่าครองชีพ ไม่มีกฏหมายรองรับ เป็นค่าแรงที่กำหนดโดยนายจ้างฝ่ายเดียว เมื่อมีกฏหมายค่าแรงขึ้นมา จึงได้ อิงกับฐานของบัญชีเงินเดือนราชการ ส่วนราคาทองคำนั้น พุทธศักราช ๒๕๑๖ เงินบาทผูกไว้กับดอลล่าร์ (fixed exchange rate) อัตราแลกเปลี่ยนที่ ๒๐.๘๐ บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ และสหรัฐอเมริกาพึ่งจะยกเลิกระบบการผูกค่าเงินดอลล่าร์ไว้กับทองคำในพุทธศักราช ๒๕๑๔ ราคาทองคำจึงยังไม่ทันปรับตัวเขาสู่สภาวะราคาที่แท้จริง หลังจากนั้นไม่นานราคาก็ปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างประกาศรับสมัครคนงานในสมัยนั้น ให้ค่าจ้างวันละ ๑๕ บาท ซึ่งนับว่าสูงมาก เพราะเป็นงานหนัก งานทำเหมืองแร่ และต้องเดินทางไปทำที่กาญจนบุรี ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นป่ากันดาร ไม่เจริญ
* ตัวอย่างนิตยสารบีอาร์ บางกอก รีดเดอร์ส ที่นำมาให้ชมกันนี้เป็นฉบับในช่วงปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ ซึ่งราคาของหนังสือได้ปรับขึ้นเป็น ๑๕ บาทแล้ว



ภาพชุดแรกที่นำเสนอมาจากปกของนิตยสารสารสองฉบับ ภาพปกนี้ถ่ายโดยตากล้องชื่อดังระดับประเทศในยุคนั้น ทอม เชื้อวิวัฒน์ นายแบบและนางแบบของนิตยสารบีอาร์ จะเป็นหนุ่มสาวผู้มีชื่อเสียงในสมัยนั้น หลากหลายอาชีพและวัย ล้วนแล้วแต่เป็น หนุ่มสังคม สาวสังคมทั้งนั้น

คอลัมน์ในนิตยสารบีอาร์ ประกอบด้วยบทความที่หลากหลาย ทั้งของ หญิง ชาย และเด็ก ผู้จัดทำหวังจะให้นิตยสารนี้เป็นหนังสือประจำบ้านอ่านกันได้ทั้งครอบครัว ขนาดของหนังสือใหญ่พอสมควร 13 x 9.5 นิ้ว ใหญ่กว่ากระดาษ A4 จึงไม่สามารถสแกนได้ด้วยเครื่องสแกนขนาดธรรมดาได้ทั้งหมด ภาพบางส่วนที่นำเสนอจึงใช้กล้องถ่าย ทำให้ภาพมีความโค้งงอบิดเบี้ยวบ้างก็ขออภัย ภาพที่นำเสนอ มาจากหลายฉบับคละเคล้ากัน บางคอลัมน์ที่น่าสนใจก็จะมีมากหน่อย บางคอลัมน์ก็จะนำเสนอเพียงสั้นๆพอเป็นสังเขป

หนังสือระดับหรูหราไฮคลาส กองบรรณาธิการก็ต้องระดับเดียวกัน หาไม่จะคุยกับผู้อ่านไม่รู้เรื่อง คณะอำนวยการหรือบริหารประกอบด้วย คุณบุรินทร์ วงศ์สงวน (สถาปนิก นักเรียนเก่าอเมริกา) คุณพิชัย วาสนาส่ง (สถาปนิกจุฬา นักจัดรายการโทรทัศน์ ฯลฯ)  เป็นต้น และมีที่ปรึกษาเป็นระดับใหญ่โตมากมาย เช่น พล.ต.ต ม.ร.ว. เจตจันทร์ ประวิตร (นายตำรวจใหญ่ ผู้บังคับการตำรวจดับเพลิง ผู้ก่อตั้งบรรเทาสาธารณภัย) เรียกว่าเป็นคนดังในเมืองไทยยุคนั้น หัวหน้ากองบรรณาธิการคือ คุณ พจนาถ เกสจินดา นักเขียนชื่อดัง อดีตบรรณาธิการหนังสือขวัญจิต ซึ่งเป็นบรรณาธิการที่หนุ่มที่สุดในยุคสมัยนั้น เป็นเพลย์บอยตัวฉกาจของสังคมกรุงเทพคนหนึ่งทีเดียว กองบรรณาธิการและนักเขียนนั้นก็เป็นผู้มีชื่อเสียงในสาขาอาชีพต่างๆมากมาย ซึ่งจะได้กล่าวถึงบางท่านตามภาพในหน้าหนังสือนี้ต่อไป

ในหน้าสารบัญของนิตยสาร จะบอกสิ่งที่น่าสนใจและเป็นประวัติศาสตร์การพิมพ์ของไทยไว้ประการหนึ่ง นั่นคือสองบรรทัดล่าสุดประกาศว่า หนังสือพิมพ์กราวกีฬา พล.ต.ต ม.ร.ว. เจตจันทร์ ประวิตร เจ้าของ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา ทั้งๆที่นี่คือนิตยสารบีอาร์ แท้ๆ เหตุเป็นเพราะในยุคนั้นการพิมพ์หนังสือถือเป็นเรื่องสำคัญ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สิ่งพิมพ์ทั้งหลาย จะต้องประกาศว่าใครเป็นเจ้าของ ใครเป็นบรรณาธิการ ใครพิมพ์ ใครโฆษณา ซึ่งจะใช้ในการควบคุมการเผยแพร่ข่าวสาร ชื่อของผู้รับผิดชอบทั้งหลายนี่คือชื่อที่จะถูกฟ้อง หากสิ่งพิมพ์นั้นไปละเมิดใครเข้า และตำแหน่งบรรณาธิการนั้นมีคุณสมบัติพิเศษอย่างยิ่ง นั่นคือหากมีเรื่องราวฟ้องร้อง ตำรวจจะจับบรรณาธิการก่อนเป็นอันดับแรก และบรรณาธิการหนังสือในยุคนั้น คุ้นเคยกับตารางหรือห้องขังกันเป็นอย่างดี หนังสือบางฉบับจึงมีชื่อบรรณาธิการที่ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มีไว้เพื่อติดคุกแทนนายทุนหนังสือนั่นเอง

อีกทั้งหัวหนังสือที่จะตีพิมพ์ ไม่ได้ขออนุญาตกันง่ายๆ จะต้องมีการตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะเป็นเจ้าของหนังสือชื่อนั้นๆ ว่าไม่เป็นบุคคลอันตราย ไม่ใช่ไส้ศึกต่างชาติ ไม่ใช่ผู้มีประวัติอาชญากรรม การขออนุญาตต้องขอที่กระทรวงมหาดไทย หัวหนังสือจึงมีจำกัดเพราะกระทรวงมหาดไทยไม่ยอมออกใหม่ให้ใครง่ายๆ ธุรกิจการให้ยืมหัวหนังสือเพื่อออกนิตยสารจึงมีมาก และผู้ที่มีหัวหนังสือไว้ในครอบครองมักจะเป็นผู้มีอิทธิพล มีอำนาจ นิตสารบีอาร์นี้ขอใช้หัวหนังสือกราวกีฬา และได้ขอให้ท่านเจ้าของหัวหนังสือมาเป็นที่ปรึกษาด้วย

เรื่องแบบนี้อาจจะฟังดูประหลาด แต่อย่าลืมว่า การสื่อสารมวลชนในประเทศไทย ถูกควบคุมอย่างหนักนับตั้งแต่คณะราษฏร์ขึ้นปกครองประเทศ เพราะคณะราษฏร์นั้นกลัวการลุกฮือของประชาชน กลัวการต่อต้านของประชาชน ดังนั้นจึงต้องควบคุมสื่อสารมวลชนทุกชนิดอย่างเข้มงวด ประกอบกับเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งในสงครามนั้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์มีมาก ทั้งฝ่ายพันธมิตร ฝ่ายอักษะ อีกทั้งในไทยเองมีกลุ่มหัวรุนแรงชาวจีน ที่มีแนวโน้มจะก่อความไม่สงบ และเคยก่อมาแล้วในการจลาจลเลี๊ยะพะที่เยาวราช รัฐบาลคณะราษฏร์ทุกยุคจึงเข้มงวดกับการเผยแพร่ข่าวสารมาก

หลังสงครามโลกชาวจีนในไทยเคยขอตั้งสถานีวิทยุ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารของกลุ่มชาวจีนและเสนอความบันเทิงต่างๆ แต่รัฐบาลคณะราษฏร์ยอมไม่ได้ เนื่องจากกลัวการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์หลังสงคราม และกฏหมายของไทยไม่อนุญาตให้เผยแพร่ข่าวสารภาษาต่างประเทศ แม้แต่การเรียนภาษาจีนนั้นยังถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด แต่รัฐบาลก็ยังผ่อนผันให้ โดยเปิดกิจการส่งเสียงตามสาย เพื่อให้มีข่าวสารสำหรับชาวจีน ความบันเทิงแบบจีน แต่ก็เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจในการควบคุมของรัฐอย่างเข้มงวด

ความเข้มงวดนี้ยังคงสืบทอดต่อมา เพราะหลังสงครามโลกก็เข้าสู่ยุคสงครามเย็นและสงครามคอมมิวนิสต์ โดยมีรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ และยุคจอมพลถนอม ในยุคดังกล่าวการพิมพ์ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด หนังสือเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ถูกปราบปราม พุทธศักราช ๒๕๑๖ เกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม อันเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตรของไทย ตัวอย่างนิตยสารที่นำมาให้ชม ก็เป็นในยุคนี้นั่นเอง









ภาพชุดต่อไปมาจากโฆษณาภายในเล่ม ซึ่งในยุคนั้นการโฆษณาในนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์พึ่งจะอยู่ในยุคเริ่มต้น ราคาโฆษณาจึงยังไม่แพงนัก สินค้าหลายตัวที่เป็นสินค้าบ้านๆก็สามารถโฆษณาสี่สีเต็มหน้านิตยสารได้ไม่ยากนัก ผิดกับอีกไม่กี่ปีให้หลัง เมื่อยุคนิตยสารเฟื่องฟู ราคาค่าโฆษณาแพงจนสินค้าเล็กๆแทบไม่มีโอกาสโฆษณาเต็มหน้าในนิตยสารต่างๆเลย ภาพโฆษณาที่นำเสนอนี้ มีจุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ สินค้าที่มีโฆษณามากชนิดที่สุดคือผ้าอนามัยของสตรี ซึ่งจะเห็นพัฒนาการในยุคที่ผ้าอนามัยยังไม่มีแถบกาว รองลงมาคือสายการบิน มีหลายสายทีเดียวรวมถึง PAN AM สายการบินดังในยุคนั้น




สำหรับสตรีนั้น ยังมีโฆษณาสถานลดความอ้วน โดยใช้เทคนิคพันผ้า สงสัยจะนำมาจากการพันมัมมี่เป็นแน่แท้ ทางร้านเขารับประกันคืนเงินถ้าไม่ได้ผลด้วยนะ นี่ก็ได้ข่าวว่าหากใครโทรไปวันนี้ เขาจะให้บริการฟรีเลย สาวๆท่านใดสนใจก็โทรไปตามเบอร์ที่ให้ไว้ในโฆษณานั่นล่ะ

กระทู้นี้คงมีหลายตอน เพราะมีภาพที่จะนำเสนอนับร้อยภาพ และยังมีข้อมูลเกี่ยวกับภาพอีกมากมาย ผู้เขียนจะทยอยลงเป็นระยะต่อไป

BR bangkok readers บางกอกรีดเดอร์ส นิตยสารนำสมัยในยุค 70's ..... ตอนที่ ๒
https://pantip.com/topic/43753306
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่