เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็หันมาทำอาหารกินเองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเพราะต้องการประหยัดเงิน หรืออาจจะชอบเป็นการส่วนตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องการจะลดน้ำหนัก! เอมขอแนะนำเลยว่า "ให้ลองทำอาหารกินเอง!"
แล้วคุณจะค้นพบว่า อาหารลีนๆ ที่คนชอบขายกันแพงๆ (หลายคนอาจเคยเจอทางอินเทอร์เน็ต มื้อละเกือบร้อยนี่ก็ไม่ไหวเนอะ แหะๆ)
ที่จริงแล้วเราสามารถทำเองได้! ไม่ยาก! ที่สำคัญคือเราจะกินได้เยอะกว่าที่เราเคยกินตามร้านอาหาร โดยที่ไม่อ้วนขึ้นอีกด้วย!
เอาล่ะ ร่ายกันมาซักนิดหน่อยแล้วเนอะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมาย คือตามจั่วหัวเลย
วันนี้เอมจะพาทุกคนมาดูการเปรียบเทียบเมนูอาหารระหว่างที่ทำเองกับซื้อตามร้านอาหาร มาดูซิว่ามันต่างกันอย่างไร
แล้วทำไม เอมถึงได้แนะนำนักหนา ว่าถ้าอยากลดน้ำหนักให้ลองทำอาหารกินเอง
โดยเอมจะเปรียบเทียบปริมาณข้าวที่เท่าๆกันนะคะ แต่ที่จริง ถ้าใครทำแล้วจะไปปรับอะไรก็แล้วแต่เลยน้า
มาเริ่มต้นด้วยเมนูแรก : ข้าวผัดกะเพรา
เมนูยอดฮิต ที่แสนจะสิ้นคิดของคนไทย คือไม่ใช่ว่าไม่อร่อยเนอะ แต่พอเรานึกอะไรไม่ออกเราก็สั่งกะเพราเอาไว้ก่อน 555+
ไม่ว่าจะเป็นกะเพรา ไก่ หมู กุ้ง ทะเล อะไรก็ตามแต่ แต่คราวนี้เรามาลองเปรียบเทียบข้าวผัดกะเพรากุ้งกันดูนะ
สิ่งที่ทำให้สามารถลดแคลอรี่ได้ก็คือการที่เราผัดแบบไม่ใส่น้ำมันหรือเติมน้ำมันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เนื่องจากน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะจะมีปริมาณแคลอรี่อยู่ที่ประมาณ 120 แคลอรี่ ซึ่งเชื่อเอมเถอะว่า ตามร้านอาหารคงไม่ใส่มาแค่ 1 ช้อน T^T
นอกจากนั้นสิ่งที่เอมมองว่าสำคัญสำหรับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนักเลยก็คือ "โปรตีน" เนื่องจากเป็นสารอาหารที่สำคัญมาก
ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเพิ่มกล้ามเนื้อได้ และกล้ามเนื้อนี้เองที่จะเป็นตัวช่วยเพิ่มปริมาณการเผาผลาญในร่างกายของเรา!
โดยการที่เราทำอาหารเอง มันจะทำให้เราสามารถเพิ่มเนื้อกุ้งหรือเนื้อสัตว์ต่างๆ ลงไปในเมนูของเราได้มากขึ้นตามใจชอบนั่นเอง
ก็จะเห็นว่าเมนูคลีนของเอมมีโปรตีนสูงกว่าตามร้านอาหารเป็นเท่าตัว เพราะการจะใส่กุ้งมาสามสี่ตัวมันคงไม่มีทางอิ่มอย่างแน่นอน
เมนูที่ 2 : ข้าวมันไก่
วิธีนี้ไม่ยากเลยในการลดแคลอรี่และไขมัน แค่เพียงเราเปลี่ยนจากข้าวมัน มาเป็นข้าวสวยธรรมดา และเปลี่ยนจากไก่ที่มีหนัง
มาเป็นส่วนอกไก่แล้วลอกหนังออก แค่นี้เอง แคลอรี่ก็จะหายไปอย่างที่ทุกคนเห็น
แล้วเราก็จะสามารถนำเอาแคลอรี่ของไขมันที่หายไปนั้น มาทดแทนด้วยการเพิ่มข้าวหรือเพิ่มไก่ให้มากขึ้นแทน
แค่นี้คุณก็จะลีนจนไม่รู้จะลีนยังไงแล้วจ้า!!!
อ้อ...เกือบลืมน้ำจิ้ม ถ้าคนกินคลีนมากๆเค้าก็จะแทบไม่ปรุงเลยใช่ไหม แต่เอมไม่แนะนำให้คลีนแบบหักดิบนะคะ
เพราะวันนึงเราจะต้องเลิกด้วยความทนไม่ไหวอย่างแน่นอน อย่างเอมเนี่ย เป็นคนที่ค่อนข้างจะติดการทานอาหารรสจัดมากๆ
ก็จะไม่หวงเครื่องปรุงเลยค่ะ น้ำจิ้มก็ทานได้ แต่ส่วนมากจะทำเอง โดยการลดปริมาณโซเดียมอย่างง่ายด้วยเครื่องปรุงโซเดียมต่ำต่างๆ แทน
เมนูที่ 3 : ข้าวกับผัดฟักทอง
คล้ายๆ กับเมนูแรกนะคะ จากผัดด้วยน้ำมันก็เป็นการใช้สเปรย์น้ำมันแทนเนอะ ดีกว่า 100%
และการเลือกส่วนของเนื้อสัตว์ที่นำมาผัดด้วยเนี่ยก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
คือที่จริงฟักทองนี่จัดว่าเป็นผักที่อยู่คู่กับคนลดน้ำหนักเลยจริงๆ เพราะ 100 กรัม จะมีแคลอรี่อยู่แค่ 25 เอง
ซึ่งนับว่าน้อยมากๆ แต่ส่วนของเนื้อหมูที่เลือกมา แน่นอนว่าระหว่างหมูสามชั้นกับหมูสันในที่แทบจะไม่มีไขมันอยู่เลย
ยังไงการเลือกหมูสันในก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้วน้า
เมนูที่ 4 : สปาเกตตีราดซอสมะเขือเทศ
เมนูนี้เอมกินบ่อยมาก เพราะหลงรักเป็นพิเศษ จะสังเกตว่าในรูปไม่ค่อยเห็นเนื้อสัตว์แต่ให้มโนว่าเห็นนะคะ 555+
จะเปรียบเทียบว่าถ้าเราผัดเส้นสปาเกตตึโดยไม่ใส่เนยก็คือการที่เราไม่เพิ่มไขมันลงไปนั่นเอง
ส่วนชีสที่ชอบโรยด้านหน้ากันก็เอาออกเถอะค่ะ
มันอร่อยอยู่แล้วนะ ไม่ต้องเพิ่มเติมแต่งอะไรมาก แค่ปรุงรสซอสให้ถูกลิ้นเรา แล้วเพิ่มเนื้อสัตว์ลงไปในจานเยอะๆ ก็เริ่ดแล้วค่า
เมนูที่ 5 : ข้าวแกงเขียวหวานไก่
นี่ก็จัดว่าเป็นอาหารไทยที่หลายๆคนหลงรักกันเลย ด้วยรสชาติหวานมันเค็มอย่างลงตัว
แล้วถามว่าความมันมันมาจากไหนล่ะ นอกเสียจาก "กะทิ!!" ตัวร้ายทำลายความผอม ขอบอกเลยนะคะว่าเซย์โน หรือเซย์ลิตเทิลค่ะ
ได้แต่น้อย หรือเปลี่ยนมาใช้นมเคี่ยวกับพริกแกงเขียวหวานแทน แค่นี้ก็ลดไขมันไปได้โข
นอกจากนั้นการเลือกส่วนของไก่จากพวกสะโพกมาเป็นอกไก่ ก็จะคลีนและลีนขึ้นอีกเยอะเลยจ้า
ต่อไปสี่เมนูรวดจะเป็นเมนูทอดๆ ที่ทำด้วย Airfryer หม้อทอดอากาศนะคะ หรือใครจะใช้ฝาอบลมร้อนแทน เอมก็ว่าน่าจะพอได้อยู่
เมนูที่ 6 : ทอดมันกุ้ง
เมนูที่ 7 : ปอเปี๊ยะทอด
เมนูที่ 8 : น้ำพริกกะปิกับปลาทูทอด
เมนูที่ 9 : หมูกรอบ
**รูปหมูกรอบไม่ใช่รูปของเอมนะคะ ขอยืมมาค่ะ เอมมี Airfryer แต่ยังไม่ได้ลองกับหมูสามชั้นค่ะ เพราะปกติไม่ชอบกินอยู่แล้ว
ก็จะเห็นนะคะว่าแค่เพียงเราทอดแบบไม่ใช้น้ำมันแคลอรี่ก็จะหายไปแบบมากมายก่ายกองแล้วค่า มากไปกว่านั้นคือไอ้เจ้า Airfryer
เนี่ยมันจะขับไขมันออกมาจากเนื้อสัตว์ที่เราใส่เข้าไปด้วยแหละ!! ดีง้ามดีงามมมม
โอเค มาถึงเมนูสุดท้าย : ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นกับกุ้งทอด
จากปกติแคลอรี่ข้าวแกงกะหรี่ที่เคยเห็นและกินกันตามร้านอาหารดังๆ แคลแต่ละจานนี่เป็นพัน!! แถมบางจานยังเกินพันไปอีก!!
สาเหตุมันก็มาจากเวลาที่เค้าเคี่ยวน้ำแกงกะหรี่เนี่ยเค้าก็จะมีการใส่พวกเนย ผักต่างๆ และก็ปรุงไปตามสูตร
แต่ถ้าเราทำเองเราก็แค่ซื้อก้อนสำเร็จรูปมาเติมผักเล็กน้อย อย่าใส่ไขมันเพิ่มเท่านั้นก็จบ!
ส่วนเจ้าตัวที่ทำให้แคลอรี่มันบานปลายก็คือพวกทงคตสึหรือของเคียงของทอดต่างๆนั้น
เราก็แค่เปลี่ยนมาทอดด้วย Airfryer แทนเท่านั้นก็จบจ้า
ครบแล้ว!!! วันนี้เอมเอามาฝากเป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆ เห็น และหันมาสนใจการทำอาหารทานเองเพื่อสุขภาพมากขึ้นกันนะคะ
เพราะนอกจากเราจะสามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้แล้ว เรายังรู้ด้วยว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปมันมีอะไรบ้าง
อย่างร้านอาหารบางร้านก็ใส่ผงชูรสมาซะอัดแน่นเชียว กินทีนี่ปากคอแห้งอย่างกะทะเลทรายซาฮาร่า บอกเลยว่าเอมจะไม่ทน!
เอาล่ะ คราวนี้เรามาสรุปวิธีทำอาหารเพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดีอย่างง่ายๆกันนะคะ
1. ใช้น้ำมันให้น้อยหรือไม่ใช้เลย ส่วนตัวเอมแนะนำให้ใช้สเปรย์น้ำมันค่ะ เราจะสามารถควบคุมให้น้ำมันกระจายไปทั่วกระทะได้ง่าย
โดยไม่สิ้นเปลืองแคลอรี่ หรือถ้าใครหาซื้อไม่ได้จะเอาน้ำมันใส่ฟอกกี้ที่ฉีดน้ำก็ได้นะคะ
2. ใช้เครื่องปรุงที่มีโซเดียมต่ำ ที่เอมรู้จักก็คือยี่ห้อ Good Life ตอนนี้เอมหาซื้อได้แค่ซีอิ๊ว น้ำปลา เกลือ ซอสหอยนางรม
แต่ที่จริงเค้ามีเครื่องปรุงหลายอย่างอยู่นะ
3. เลือกส่วนของเนื้อสัตว์ที่มีไขมันค่อนข้างต่ำ เช่น อกไก่ สันในหมู สันในวัว เนื้อปลา เนื้อกุ้ง เนื้อปู และไข่
4. เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อยแล้วรู้สึกกระดาก ให้นำเนื้อสัตว์หมักกับผงฟู ก็จะช่วยได้เยอะเลยจ้า

รับรองว่าเนื้อของเราจะเด้งๆ นุ่มๆ อย่างกับว่าไม่ใช่อกไก่หรือสันในกันเลยทีเดียว
โอเค...ลากันจริงๆแล้วค่า
ฝากกระทู้ของเอมด้วยน้า
ชวนสาวๆ มาเล่นเวท แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักที่จะทำให้มีหุ่นดีๆ แบบยืนยาว (ไม่พึ่งยา ไม่อดอาหาร) ^_^ เดือนเดียวเห็นผล!!
http://pantip.com/topic/34844872
แล้วแวะไปเม้าท์กันต่อที่
ig : aim.healthygirl
FB : Female Fit
เมนูลีนๆ ของคนลดน้ำหนัก เปรียบเทียบกันจะๆ ระหว่างอาหารที่ทำเองกับซื้อตามร้านอาหาร!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องการจะลดน้ำหนัก! เอมขอแนะนำเลยว่า "ให้ลองทำอาหารกินเอง!"
แล้วคุณจะค้นพบว่า อาหารลีนๆ ที่คนชอบขายกันแพงๆ (หลายคนอาจเคยเจอทางอินเทอร์เน็ต มื้อละเกือบร้อยนี่ก็ไม่ไหวเนอะ แหะๆ)
ที่จริงแล้วเราสามารถทำเองได้! ไม่ยาก! ที่สำคัญคือเราจะกินได้เยอะกว่าที่เราเคยกินตามร้านอาหาร โดยที่ไม่อ้วนขึ้นอีกด้วย!
เอาล่ะ ร่ายกันมาซักนิดหน่อยแล้วเนอะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากมาย คือตามจั่วหัวเลย
วันนี้เอมจะพาทุกคนมาดูการเปรียบเทียบเมนูอาหารระหว่างที่ทำเองกับซื้อตามร้านอาหาร มาดูซิว่ามันต่างกันอย่างไร
แล้วทำไม เอมถึงได้แนะนำนักหนา ว่าถ้าอยากลดน้ำหนักให้ลองทำอาหารกินเอง
โดยเอมจะเปรียบเทียบปริมาณข้าวที่เท่าๆกันนะคะ แต่ที่จริง ถ้าใครทำแล้วจะไปปรับอะไรก็แล้วแต่เลยน้า
มาเริ่มต้นด้วยเมนูแรก : ข้าวผัดกะเพรา
เมนูยอดฮิต ที่แสนจะสิ้นคิดของคนไทย คือไม่ใช่ว่าไม่อร่อยเนอะ แต่พอเรานึกอะไรไม่ออกเราก็สั่งกะเพราเอาไว้ก่อน 555+
ไม่ว่าจะเป็นกะเพรา ไก่ หมู กุ้ง ทะเล อะไรก็ตามแต่ แต่คราวนี้เรามาลองเปรียบเทียบข้าวผัดกะเพรากุ้งกันดูนะ
สิ่งที่ทำให้สามารถลดแคลอรี่ได้ก็คือการที่เราผัดแบบไม่ใส่น้ำมันหรือเติมน้ำมันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เนื่องจากน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะจะมีปริมาณแคลอรี่อยู่ที่ประมาณ 120 แคลอรี่ ซึ่งเชื่อเอมเถอะว่า ตามร้านอาหารคงไม่ใส่มาแค่ 1 ช้อน T^T
นอกจากนั้นสิ่งที่เอมมองว่าสำคัญสำหรับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนักเลยก็คือ "โปรตีน" เนื่องจากเป็นสารอาหารที่สำคัญมาก
ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเพิ่มกล้ามเนื้อได้ และกล้ามเนื้อนี้เองที่จะเป็นตัวช่วยเพิ่มปริมาณการเผาผลาญในร่างกายของเรา!
โดยการที่เราทำอาหารเอง มันจะทำให้เราสามารถเพิ่มเนื้อกุ้งหรือเนื้อสัตว์ต่างๆ ลงไปในเมนูของเราได้มากขึ้นตามใจชอบนั่นเอง
ก็จะเห็นว่าเมนูคลีนของเอมมีโปรตีนสูงกว่าตามร้านอาหารเป็นเท่าตัว เพราะการจะใส่กุ้งมาสามสี่ตัวมันคงไม่มีทางอิ่มอย่างแน่นอน
เมนูที่ 2 : ข้าวมันไก่
วิธีนี้ไม่ยากเลยในการลดแคลอรี่และไขมัน แค่เพียงเราเปลี่ยนจากข้าวมัน มาเป็นข้าวสวยธรรมดา และเปลี่ยนจากไก่ที่มีหนัง
มาเป็นส่วนอกไก่แล้วลอกหนังออก แค่นี้เอง แคลอรี่ก็จะหายไปอย่างที่ทุกคนเห็น
แล้วเราก็จะสามารถนำเอาแคลอรี่ของไขมันที่หายไปนั้น มาทดแทนด้วยการเพิ่มข้าวหรือเพิ่มไก่ให้มากขึ้นแทน
แค่นี้คุณก็จะลีนจนไม่รู้จะลีนยังไงแล้วจ้า!!!
อ้อ...เกือบลืมน้ำจิ้ม ถ้าคนกินคลีนมากๆเค้าก็จะแทบไม่ปรุงเลยใช่ไหม แต่เอมไม่แนะนำให้คลีนแบบหักดิบนะคะ
เพราะวันนึงเราจะต้องเลิกด้วยความทนไม่ไหวอย่างแน่นอน อย่างเอมเนี่ย เป็นคนที่ค่อนข้างจะติดการทานอาหารรสจัดมากๆ
ก็จะไม่หวงเครื่องปรุงเลยค่ะ น้ำจิ้มก็ทานได้ แต่ส่วนมากจะทำเอง โดยการลดปริมาณโซเดียมอย่างง่ายด้วยเครื่องปรุงโซเดียมต่ำต่างๆ แทน
เมนูที่ 3 : ข้าวกับผัดฟักทอง
คล้ายๆ กับเมนูแรกนะคะ จากผัดด้วยน้ำมันก็เป็นการใช้สเปรย์น้ำมันแทนเนอะ ดีกว่า 100%
และการเลือกส่วนของเนื้อสัตว์ที่นำมาผัดด้วยเนี่ยก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
คือที่จริงฟักทองนี่จัดว่าเป็นผักที่อยู่คู่กับคนลดน้ำหนักเลยจริงๆ เพราะ 100 กรัม จะมีแคลอรี่อยู่แค่ 25 เอง
ซึ่งนับว่าน้อยมากๆ แต่ส่วนของเนื้อหมูที่เลือกมา แน่นอนว่าระหว่างหมูสามชั้นกับหมูสันในที่แทบจะไม่มีไขมันอยู่เลย
ยังไงการเลือกหมูสันในก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้วน้า
เมนูที่ 4 : สปาเกตตีราดซอสมะเขือเทศ
เมนูนี้เอมกินบ่อยมาก เพราะหลงรักเป็นพิเศษ จะสังเกตว่าในรูปไม่ค่อยเห็นเนื้อสัตว์แต่ให้มโนว่าเห็นนะคะ 555+
จะเปรียบเทียบว่าถ้าเราผัดเส้นสปาเกตตึโดยไม่ใส่เนยก็คือการที่เราไม่เพิ่มไขมันลงไปนั่นเอง
ส่วนชีสที่ชอบโรยด้านหน้ากันก็เอาออกเถอะค่ะ
มันอร่อยอยู่แล้วนะ ไม่ต้องเพิ่มเติมแต่งอะไรมาก แค่ปรุงรสซอสให้ถูกลิ้นเรา แล้วเพิ่มเนื้อสัตว์ลงไปในจานเยอะๆ ก็เริ่ดแล้วค่า
เมนูที่ 5 : ข้าวแกงเขียวหวานไก่
นี่ก็จัดว่าเป็นอาหารไทยที่หลายๆคนหลงรักกันเลย ด้วยรสชาติหวานมันเค็มอย่างลงตัว
แล้วถามว่าความมันมันมาจากไหนล่ะ นอกเสียจาก "กะทิ!!" ตัวร้ายทำลายความผอม ขอบอกเลยนะคะว่าเซย์โน หรือเซย์ลิตเทิลค่ะ
ได้แต่น้อย หรือเปลี่ยนมาใช้นมเคี่ยวกับพริกแกงเขียวหวานแทน แค่นี้ก็ลดไขมันไปได้โข
นอกจากนั้นการเลือกส่วนของไก่จากพวกสะโพกมาเป็นอกไก่ ก็จะคลีนและลีนขึ้นอีกเยอะเลยจ้า
ต่อไปสี่เมนูรวดจะเป็นเมนูทอดๆ ที่ทำด้วย Airfryer หม้อทอดอากาศนะคะ หรือใครจะใช้ฝาอบลมร้อนแทน เอมก็ว่าน่าจะพอได้อยู่
เมนูที่ 6 : ทอดมันกุ้ง
เมนูที่ 7 : ปอเปี๊ยะทอด
เมนูที่ 8 : น้ำพริกกะปิกับปลาทูทอด
เมนูที่ 9 : หมูกรอบ
**รูปหมูกรอบไม่ใช่รูปของเอมนะคะ ขอยืมมาค่ะ เอมมี Airfryer แต่ยังไม่ได้ลองกับหมูสามชั้นค่ะ เพราะปกติไม่ชอบกินอยู่แล้ว
ก็จะเห็นนะคะว่าแค่เพียงเราทอดแบบไม่ใช้น้ำมันแคลอรี่ก็จะหายไปแบบมากมายก่ายกองแล้วค่า มากไปกว่านั้นคือไอ้เจ้า Airfryer
เนี่ยมันจะขับไขมันออกมาจากเนื้อสัตว์ที่เราใส่เข้าไปด้วยแหละ!! ดีง้ามดีงามมมม
โอเค มาถึงเมนูสุดท้าย : ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นกับกุ้งทอด
จากปกติแคลอรี่ข้าวแกงกะหรี่ที่เคยเห็นและกินกันตามร้านอาหารดังๆ แคลแต่ละจานนี่เป็นพัน!! แถมบางจานยังเกินพันไปอีก!!
สาเหตุมันก็มาจากเวลาที่เค้าเคี่ยวน้ำแกงกะหรี่เนี่ยเค้าก็จะมีการใส่พวกเนย ผักต่างๆ และก็ปรุงไปตามสูตร
แต่ถ้าเราทำเองเราก็แค่ซื้อก้อนสำเร็จรูปมาเติมผักเล็กน้อย อย่าใส่ไขมันเพิ่มเท่านั้นก็จบ!
ส่วนเจ้าตัวที่ทำให้แคลอรี่มันบานปลายก็คือพวกทงคตสึหรือของเคียงของทอดต่างๆนั้น
เราก็แค่เปลี่ยนมาทอดด้วย Airfryer แทนเท่านั้นก็จบจ้า
ครบแล้ว!!! วันนี้เอมเอามาฝากเป็นตัวอย่างให้เพื่อนๆ เห็น และหันมาสนใจการทำอาหารทานเองเพื่อสุขภาพมากขึ้นกันนะคะ
เพราะนอกจากเราจะสามารถควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้แล้ว เรายังรู้ด้วยว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปมันมีอะไรบ้าง
อย่างร้านอาหารบางร้านก็ใส่ผงชูรสมาซะอัดแน่นเชียว กินทีนี่ปากคอแห้งอย่างกะทะเลทรายซาฮาร่า บอกเลยว่าเอมจะไม่ทน!
เอาล่ะ คราวนี้เรามาสรุปวิธีทำอาหารเพื่อสุขภาพและรูปร่างที่ดีอย่างง่ายๆกันนะคะ
1. ใช้น้ำมันให้น้อยหรือไม่ใช้เลย ส่วนตัวเอมแนะนำให้ใช้สเปรย์น้ำมันค่ะ เราจะสามารถควบคุมให้น้ำมันกระจายไปทั่วกระทะได้ง่าย
โดยไม่สิ้นเปลืองแคลอรี่ หรือถ้าใครหาซื้อไม่ได้จะเอาน้ำมันใส่ฟอกกี้ที่ฉีดน้ำก็ได้นะคะ
2. ใช้เครื่องปรุงที่มีโซเดียมต่ำ ที่เอมรู้จักก็คือยี่ห้อ Good Life ตอนนี้เอมหาซื้อได้แค่ซีอิ๊ว น้ำปลา เกลือ ซอสหอยนางรม
แต่ที่จริงเค้ามีเครื่องปรุงหลายอย่างอยู่นะ
3. เลือกส่วนของเนื้อสัตว์ที่มีไขมันค่อนข้างต่ำ เช่น อกไก่ สันในหมู สันในวัว เนื้อปลา เนื้อกุ้ง เนื้อปู และไข่
4. เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อยแล้วรู้สึกกระดาก ให้นำเนื้อสัตว์หมักกับผงฟู ก็จะช่วยได้เยอะเลยจ้า
รับรองว่าเนื้อของเราจะเด้งๆ นุ่มๆ อย่างกับว่าไม่ใช่อกไก่หรือสันในกันเลยทีเดียว
โอเค...ลากันจริงๆแล้วค่า
ฝากกระทู้ของเอมด้วยน้า
ชวนสาวๆ มาเล่นเวท แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนักที่จะทำให้มีหุ่นดีๆ แบบยืนยาว (ไม่พึ่งยา ไม่อดอาหาร) ^_^ เดือนเดียวเห็นผล!!
http://pantip.com/topic/34844872
แล้วแวะไปเม้าท์กันต่อที่
ig : aim.healthygirl
FB : Female Fit