ตามหัวข้อเลยค่ะ คือ จขกท. ค่อนข้างมีภาระเยอะมาก ทั้งหนี้สินและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน บวกกับเป็นมนุษย์เงินเดือน และไม่มีเงินเก็บอะไรมากมายค่ะดังนั้นวิธีที่จะช่วยให้ชีวิตตัวเองและครอบครัวรอด คือ ต้องประหยัดค่ะ และวันนี้เราจะมาแชร์วิธีประหยัดของเราเองค่ะ
1. จากที่เราเคยลองอ่านๆวิธีของหลายๆคนมานะคะ เราจะตั้งงบประมาณต่อวันให้ตัวเราเอง ในเรื่องของการกิน ไม่เกิน 120 บาท หรืออาจจะมีเกินไป 10-20 บาทบ้าง โดยจะเอาใส่ถุงไว้เลยในแต่ละเดือน เรามาลองทำดูแล้วใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ จากนั้นเราก็ต้องมาวางแผนต่อว่าเราจะกินอะไรบ้างในแต่ละวัน เราต้องกินให้ครบ 3 มื้อ เพื่อไม่ให้ร่างกายทรุดโทรมค่ะ ดีที่ออฟฟิศเราอยู่ใกล้เซเว่น เราขอไม่ดราม่าเรื่องการอุดหนุน 7-11 นะคะ ณ วินาที เราขอเอาตัวเองรอดก่อนค่ะ
มื้อเช้า เราก็จะจัด ซาลาเปา+นมสด/ นมเปรี้ยว, ไส้กรอก+นมสด/ นมเปรี้ยว, กล้วย บางทีก็ซื้อจากร้านผลไม้+โยเกิร์ต, ขนมปังอบ+นมสด/ นมเปรี้ยว หรือบางครั้งก็ซื้อข้าวมันไก่ โจ๊กมาจากร้านข้างทางบ้าง งบประมาณมื้อเช้าก็ค่อนข้าง จะทรงตัวอยู่ที่ไม่เกิน 35-40 บาท
มื้อเที่ยง ก็จะเป็นส้มตำ+ข้าวเหนียว, บะหมี่, เกาเหลา, ขนมจีน, ข้าวมันไก่, ก๋วยจั๊บ ก็มีงบประมาณที่ 50-60 บาท
มื้อเย็น ก็จะเป็นผลไม้, สลัด, นม, เกาเหลา, ข้าวต้ม 1 บาท กับข้าว 1-2 อย่าง จานละ 20-25 คือเราเองก็อยากจะคุมน้ำหนักอยู่ด้วยน่ะค่ะ งบก็จะอยู่ที่ 20-50 บาท หรือบางทีซื้อปลาดอลลี่จากซีพีมาค่ะ ช่วงลดราคา ถุงนึง 80 บาท มี 2 ชิ้น เราก็อาจจะแบ่งกินได้ถึงมื้อเที่ยงค่ะ
คืออันนี้โดยประมาณนะคะ บางครั้งไม่อยากไปจำกัดชีวิตมากไป อาจจะให้มีความยืดหยุ่นบ้าง และในอาทิตย์นึงอาจจะให้รางวัลตัวเองบ้างซักมื้อ เช่น กินสเต๊ก บ้าง หรือไปกินร้านอาหารหารกันกับเพื่อนบ้าง ตังค์ส่วนนั้นก็จะแบ่งมาจากที่เก็บไว้ค่ะ
อีกทางเลือกนึงคือ เราจะชอบกินกรานูล่า ที่กินอยู่ประจำคือ ของไดม่อน เกรน ค่ะ ถ้วยละ 28 บาท มีหลายรสให้เลือก กาแฟ ดาร์คช้อคโกแลต ชาเขียว กล้วย เราก็เอามาใส่นม น้ำเต้าหู้ โยเกิร์ต ก็ช่วยประหยัดได้ดีทีเดียวค่ะ อิ่มและอยู่ท้องดี แต่ถ้าจะเปลี่ยนบรรยากาศมาต้มไข่ก็ดีนะคะ เช้า 2 ฟอง กินกับนม ซื้อไข่มาต้มเอง ประหยัดมาก หรือเจียวไข่โปะข้าวมาจากบ้าน มากินมื้อเที่ยงที่ทำงานก็ได้ เราพยายามหาทางเลือกใหม่เรื่อยๆค่ะ
2. เครื่องใช้ต่างๆ เราก็จะไม่เลือกใช้ที่เป็นยี่ห้อ เช่น ของใช้ในบ้าน อันนี้ไมไ่ด้โฆษณาให้ใครนะคะ แต่บางครั้งเราจะเลือกใช้ที่โลตัส บิ๊กซี หรือท๊อปผลิตเอง ก็จะถูกกว่าหลายบาทอยู่ หรือปรับนิสัยในการใช้สินค้า เช่น จากที่เคยใช้โฟมล้างหน้าหลอดเป็นร้อย ก็มาใช้สบู่ก้อน เช่น เบนเนท ก้อนละ 48 บาท มาถูหน้าถูตัวแทน สครับขัดผิวบางครั้งเราก็เอากากกาแฟจากที่ทำงานกลับไปขัดผิวค่ะ อีกอย่างเป็นคนชอบสินค้าลดราคามาก คอยจ้องพวกส่วนลดท้ายใบเสร็จต่างๆตลอด อิอิ
3. มาเรื่องความงามบ้าง เราค้นพบเลยว่าของถูกและดีมีในโลกค่ะ เราเคยทำสีผมแพงๆมาก่อน ครั้งละ 1000 บ้าง ครั้งละ 500 บ้าง เคยซื้อยาย้อมผมกล่องละ 300 กว่าบาทบ้าง เพราะคิดว่าของแพงมักจะดี แต่ไม่เลยค่ะ เราลองเปลี่ยนมาใช้ของที่ถูกกว่า เราภูมิใจนำเสนอยาย้อมผมยี่ห้อ บิวตี้เนเจอร์ แฮร์คัลเลอร์ ครีม เลยค่ะ กล่องละ 59 บาท ผมไม่เสียด้วย รับรองค่ะ สีสวยติดทน เป็นประกาย คนทักกันว่าไปทำสีร้านไหนมา ชมตัวอย่างประกอบได้เลยค่ะ
ให้เครดิตภาพตามลายน้ำที่ติดมากับรูปค่ะ เราไม่ได้ใช้โฆษณาให้ร้านนี้แต่อย่างใดนะคะ สินค้านี้สามารถหาได้ตามร้านขายของความงามทั่วไปค่ะ
4. เสื้อผ้า สารภาพตามตรงเราเป็นคนชอบเสื้อผ้ามือสองช่างกิโลมาก เช่น ขีดละ 39 บาท แต่ของแบบนี้ ตาดีได้ตาร้ายเสียนะคะ เราต้องเลือกดีๆ และก่อนจะเอามาใส่ต้องซักอย่างดีก่อน คือเราเป็นคนตัวใหญ่น่ะค่ะ หาเสื้อผ้าลำบาก ร้านมือสองเลยอาจจะมีไซส์ฝรั่งมา อิอิ บางครั้งก็ช้อปปิ้งออนไลน์ค่ะ เสื้อผ้าพลัสไซส์ แต่ให้โควต้าตัวเอง เดือนละ 1 ตัวเท่านั้นค่ะ
5. เราไม่ค่อยหลงเทคโนโลยีด้วยค่ะ โทรศัพท์เอารุ่นที่ไม่เกิน 4000 บาท เอาที่สามารถโทรได้ ฟังเพลงได้ โซเชียลมีเดียได้ก็พอค่ะ
6. น้ำหอม เราใช้ของก๊อปเกรดเอค่ะ แม้จะไม่ถูกต้องเท่าไหร่ แต่เงินในกระเป๋าไม่เพียงพอกับของแท้ค่ะ เรามีร้านประจำอยู่ ขวดนึง 20 ซีซี ก็ 80 บาท หอมติดทนนาน ไม่เหม็นเขียวด้วย กลิ่นเหมือนของจริงเป๊ะ อิอิ เครื่องสำอางค์ เราใช้ของมีสทีนเป็นหลักค่ะ ของเค้าดีหลายอย่างเลยนะคะ เครื่องสำอางแพงๆไม่เคยได้กินเงินเรา
ตอนนี้นึกได้ประมาณนี้ค่ะ ใครมีวิธีการเด็ดๆเจ๋งๆ ก็เข้ามาแชร์กันนะคะ
เราเชื่อคำพูดของพ่อเราตอนนี้แล้วล่ะค่ะ เด็กๆเราใช้เงินไม่ค่อยคิดเท่าไหร่ เพราะไม่ได้หามาเอง แต่ตอนนี้เงินแต่ละบาท ต้องแลกมาด้วยกำลังกายและกำลังสมองมากมาย ดังนั้นเงินทุกบาทจึงมีค่าสำหรับเรามากค่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะคะ
มาแชร์วิธีประหยัดในชีวิตประจำวันกันค่ะ
1. จากที่เราเคยลองอ่านๆวิธีของหลายๆคนมานะคะ เราจะตั้งงบประมาณต่อวันให้ตัวเราเอง ในเรื่องของการกิน ไม่เกิน 120 บาท หรืออาจจะมีเกินไป 10-20 บาทบ้าง โดยจะเอาใส่ถุงไว้เลยในแต่ละเดือน เรามาลองทำดูแล้วใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ จากนั้นเราก็ต้องมาวางแผนต่อว่าเราจะกินอะไรบ้างในแต่ละวัน เราต้องกินให้ครบ 3 มื้อ เพื่อไม่ให้ร่างกายทรุดโทรมค่ะ ดีที่ออฟฟิศเราอยู่ใกล้เซเว่น เราขอไม่ดราม่าเรื่องการอุดหนุน 7-11 นะคะ ณ วินาที เราขอเอาตัวเองรอดก่อนค่ะ
มื้อเช้า เราก็จะจัด ซาลาเปา+นมสด/ นมเปรี้ยว, ไส้กรอก+นมสด/ นมเปรี้ยว, กล้วย บางทีก็ซื้อจากร้านผลไม้+โยเกิร์ต, ขนมปังอบ+นมสด/ นมเปรี้ยว หรือบางครั้งก็ซื้อข้าวมันไก่ โจ๊กมาจากร้านข้างทางบ้าง งบประมาณมื้อเช้าก็ค่อนข้าง จะทรงตัวอยู่ที่ไม่เกิน 35-40 บาท
มื้อเที่ยง ก็จะเป็นส้มตำ+ข้าวเหนียว, บะหมี่, เกาเหลา, ขนมจีน, ข้าวมันไก่, ก๋วยจั๊บ ก็มีงบประมาณที่ 50-60 บาท
มื้อเย็น ก็จะเป็นผลไม้, สลัด, นม, เกาเหลา, ข้าวต้ม 1 บาท กับข้าว 1-2 อย่าง จานละ 20-25 คือเราเองก็อยากจะคุมน้ำหนักอยู่ด้วยน่ะค่ะ งบก็จะอยู่ที่ 20-50 บาท หรือบางทีซื้อปลาดอลลี่จากซีพีมาค่ะ ช่วงลดราคา ถุงนึง 80 บาท มี 2 ชิ้น เราก็อาจจะแบ่งกินได้ถึงมื้อเที่ยงค่ะ
คืออันนี้โดยประมาณนะคะ บางครั้งไม่อยากไปจำกัดชีวิตมากไป อาจจะให้มีความยืดหยุ่นบ้าง และในอาทิตย์นึงอาจจะให้รางวัลตัวเองบ้างซักมื้อ เช่น กินสเต๊ก บ้าง หรือไปกินร้านอาหารหารกันกับเพื่อนบ้าง ตังค์ส่วนนั้นก็จะแบ่งมาจากที่เก็บไว้ค่ะ
อีกทางเลือกนึงคือ เราจะชอบกินกรานูล่า ที่กินอยู่ประจำคือ ของไดม่อน เกรน ค่ะ ถ้วยละ 28 บาท มีหลายรสให้เลือก กาแฟ ดาร์คช้อคโกแลต ชาเขียว กล้วย เราก็เอามาใส่นม น้ำเต้าหู้ โยเกิร์ต ก็ช่วยประหยัดได้ดีทีเดียวค่ะ อิ่มและอยู่ท้องดี แต่ถ้าจะเปลี่ยนบรรยากาศมาต้มไข่ก็ดีนะคะ เช้า 2 ฟอง กินกับนม ซื้อไข่มาต้มเอง ประหยัดมาก หรือเจียวไข่โปะข้าวมาจากบ้าน มากินมื้อเที่ยงที่ทำงานก็ได้ เราพยายามหาทางเลือกใหม่เรื่อยๆค่ะ
2. เครื่องใช้ต่างๆ เราก็จะไม่เลือกใช้ที่เป็นยี่ห้อ เช่น ของใช้ในบ้าน อันนี้ไมไ่ด้โฆษณาให้ใครนะคะ แต่บางครั้งเราจะเลือกใช้ที่โลตัส บิ๊กซี หรือท๊อปผลิตเอง ก็จะถูกกว่าหลายบาทอยู่ หรือปรับนิสัยในการใช้สินค้า เช่น จากที่เคยใช้โฟมล้างหน้าหลอดเป็นร้อย ก็มาใช้สบู่ก้อน เช่น เบนเนท ก้อนละ 48 บาท มาถูหน้าถูตัวแทน สครับขัดผิวบางครั้งเราก็เอากากกาแฟจากที่ทำงานกลับไปขัดผิวค่ะ อีกอย่างเป็นคนชอบสินค้าลดราคามาก คอยจ้องพวกส่วนลดท้ายใบเสร็จต่างๆตลอด อิอิ
3. มาเรื่องความงามบ้าง เราค้นพบเลยว่าของถูกและดีมีในโลกค่ะ เราเคยทำสีผมแพงๆมาก่อน ครั้งละ 1000 บ้าง ครั้งละ 500 บ้าง เคยซื้อยาย้อมผมกล่องละ 300 กว่าบาทบ้าง เพราะคิดว่าของแพงมักจะดี แต่ไม่เลยค่ะ เราลองเปลี่ยนมาใช้ของที่ถูกกว่า เราภูมิใจนำเสนอยาย้อมผมยี่ห้อ บิวตี้เนเจอร์ แฮร์คัลเลอร์ ครีม เลยค่ะ กล่องละ 59 บาท ผมไม่เสียด้วย รับรองค่ะ สีสวยติดทน เป็นประกาย คนทักกันว่าไปทำสีร้านไหนมา ชมตัวอย่างประกอบได้เลยค่ะ
ให้เครดิตภาพตามลายน้ำที่ติดมากับรูปค่ะ เราไม่ได้ใช้โฆษณาให้ร้านนี้แต่อย่างใดนะคะ สินค้านี้สามารถหาได้ตามร้านขายของความงามทั่วไปค่ะ
4. เสื้อผ้า สารภาพตามตรงเราเป็นคนชอบเสื้อผ้ามือสองช่างกิโลมาก เช่น ขีดละ 39 บาท แต่ของแบบนี้ ตาดีได้ตาร้ายเสียนะคะ เราต้องเลือกดีๆ และก่อนจะเอามาใส่ต้องซักอย่างดีก่อน คือเราเป็นคนตัวใหญ่น่ะค่ะ หาเสื้อผ้าลำบาก ร้านมือสองเลยอาจจะมีไซส์ฝรั่งมา อิอิ บางครั้งก็ช้อปปิ้งออนไลน์ค่ะ เสื้อผ้าพลัสไซส์ แต่ให้โควต้าตัวเอง เดือนละ 1 ตัวเท่านั้นค่ะ
5. เราไม่ค่อยหลงเทคโนโลยีด้วยค่ะ โทรศัพท์เอารุ่นที่ไม่เกิน 4000 บาท เอาที่สามารถโทรได้ ฟังเพลงได้ โซเชียลมีเดียได้ก็พอค่ะ
6. น้ำหอม เราใช้ของก๊อปเกรดเอค่ะ แม้จะไม่ถูกต้องเท่าไหร่ แต่เงินในกระเป๋าไม่เพียงพอกับของแท้ค่ะ เรามีร้านประจำอยู่ ขวดนึง 20 ซีซี ก็ 80 บาท หอมติดทนนาน ไม่เหม็นเขียวด้วย กลิ่นเหมือนของจริงเป๊ะ อิอิ เครื่องสำอางค์ เราใช้ของมีสทีนเป็นหลักค่ะ ของเค้าดีหลายอย่างเลยนะคะ เครื่องสำอางแพงๆไม่เคยได้กินเงินเรา
ตอนนี้นึกได้ประมาณนี้ค่ะ ใครมีวิธีการเด็ดๆเจ๋งๆ ก็เข้ามาแชร์กันนะคะ
เราเชื่อคำพูดของพ่อเราตอนนี้แล้วล่ะค่ะ เด็กๆเราใช้เงินไม่ค่อยคิดเท่าไหร่ เพราะไม่ได้หามาเอง แต่ตอนนี้เงินแต่ละบาท ต้องแลกมาด้วยกำลังกายและกำลังสมองมากมาย ดังนั้นเงินทุกบาทจึงมีค่าสำหรับเรามากค่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะคะ